เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2566 สำนักข่าว CNN รายงานเหตุสะพาน Sultanganj พังลงเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในปี 2560 โดยที่ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.2565 ก่อนที่จะถล่มอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุใดสะพานจึงพังทลายตั้งแต่ครั้งแรกจนกระทั่งปีนี้
ชาวอินเดียจำนวนมากที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ยืนมองสะพานถล่มขณะเกิดเหตุ โดยที่ยังไม่มีการยืนยันจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ขณะที่ในวันจันทร์ที่ 5 มิ.ย. Nitish Kumar รัฐมนตรีของรัฐพิหารกล่าวว่า เขาได้สั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ส่วน McElhanney บริษัทออกแบบและวิศวกรรมของแคนาดาที่เป็นผู้ก่อสร้างสะพานแห่งนี้ แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบริษัทแถลงการณ์ว่า "พร้อมให้ความร่วมมือกับการสอบสวน"
สะพาน Sultanganj ก่อนพังถล่ม
จากข้อมูลของ McElhanney ระบุว่าสะพานแห่งนี้มีช่องจราจร 4 เลนสำหรับรถยนต์และทางเท้า สามารถช่วยลดความแออัดบนสะพาน ทำให้สะพานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น "ทางเชื่อมแม่น้ำคงคาที่สำคัญ"
ไม่ใช่สะพาน Sultanganj เพียงแห่งเดียวที่พังทลายในอินเดียในปีที่แล้ว เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วสะพานแขวนก็ถล่มในเมือง Morbi รัฐคุชราต คร่าชีวิตผู้คนไป 135 คนไปเช่นเดียวกัน
ที่มา : CNN
อ่านข่าวอื่นๆ :
เปิดภาพกรง "พลายศักดิ์สุรินทร์" คืบ 50 % เล็งฝึกเดินเข้าออกให้คุ้นชิน
บริษัทขายรถ EV รับซื้อรถคืนจากสาวเชียงใหม่ หลังยังจดทะเบียนไม่ได้
วันนี้ (7 มิ.ย.2566) ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นสภาพก่อนและหลังจากการเกิดความเสียหายขึ้นที่ เขื่อนโนวา คาคอฟกา ทางตอนใต้ของยูเครน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย หลังจากน้ำหลายล้านลิตรไหลบ่าออกมาจากเขื่อน ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอดีตสหภาพโซเวียต และเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำด้วย
สภาพเขื่อนโนวา คาคอฟกา ก่อน-หลัง
ประชาชนในภูมิภาคเคอร์ซอนของยูเครน ได้รับผลกระทบจากเหตุเขื่อนแตก หลายคนต้องเร่งอพยพออกจากที่พักอาศัย ขณะที่ทางการเร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลืออพยพ จากเดิมที่ได้รับผลกระทบจากการอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีภาวะสงครามอยู่ก่อนแล้ว หน่วยงานรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของยูเครน เปิดเผยว่า จนถึงช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ได้อพยพประชาชนแล้วไม่ต่ำกว่า 1,300 คน โดยมีบ้านเรือนหลายร้อยหลังที่ถูกน้ำท่วม
ขณะที่การประเมินโดยเจ้าหน้าที่ทางการยูเครน ชี้ว่าประชาชนประมาณ 40,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ประกอบด้วยผู้ที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร ซึ่งเป็นพื้นที่ในการดูแลของยูเครน 17,000 คน กับอีกกว่า 25,000 คน ทางตะวันออกของแม่น้ำ ที่รัสเซียเข้ายึดครอง
ขณะที่สื่อรัสเซียเปิดเผยภาพภารกิจของหน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉินของรัสเซีย ที่ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปยังภูมิภาคเคอร์ซอนของยูเครนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ปธน.ยูเครน ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวงในเชิงสิ่งแวดล้อม และอัยการยูเครนกำลังเร่งยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อให้เปิดการสอบสวน
อนุสัญญาเจนีวาห้ามการมุ่งเป้าโจมตีเขื่อน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะทำอันตรายต่อพลเรือน ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อผู้คน ธรรมชาติ และชีวิต รวมถึงกล่าวหารัสเซียว่าก่อการร้าย พร้อมเรียกร้องให้ UN เรียกประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
เขื่อนโนวา คาคอฟกา ตั้งอยู่ที่เมืองชื่อเดียวกัน ในภูมิภาคเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน ปัจจุบันเขื่อนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพรัสเซีย ที่นี่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอดีตสหภาพโซเวียต เริ่มการก่อสร้างในยุคของ โจเซฟ สตาลิน และสร้างเสร็จในยุคนิกิตา ครุสชอฟ กักเก็บน้ำได้ 18 ลบ.กม. ใกล้เคียงกับปริมาณน้ำที่ทะเลสาบ Great Salt ในรัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ ปัจจุบันจ่ายน้ำเลี้ยงทั้งตอนใต้ของแม่น้ำ รวมถึงไครเมีย และยังผันน้ำเพื่อใช้ในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียร่วมด้วย
ตัวเขื่อนพาดผ่านแม่น้ำดนีโปร เป็นสะพานเชื่อม 2 ฝั่งแม่น้ำเข้าไว้ด้วยกัน จนกลายเป็นพื้นที่แนวหน้าของการสู้รบ เสมือนแบ่งเขตยึดครองระหว่างฝ่ายรัสเซียกับยูเครน โดยทางตะวันตกของแม่น้ำ ยูเครนยังครองอยู่
จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรทำให้เขื่อนแตก แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งประเมินจากภาพความเสียหาย และคาดว่า เป็นไปได้ว่าเกิดจากการระเบิดที่ตัวเขื่อน มากกว่าจะถูกโจมตีจากระยะไกล เนื่องจากความเสียหายรุนแรงจนไม่น่าจะมีอาวุธชนิดไหนทำให้เกิดผลขนาดนี้ได้ น่าจะเป็นการติดตั้งระเบิดปริมาณมากๆ ไว้กับที่เขื่อนและจุดระเบิดมากกว่า
น้ำทะลักเข้าสู่เขตที่อยู่อาศัย
ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหลายคน เห็นคล้ายกันว่ายูเครนไม่น่าอยู่เบื้องหลังเหตุนี้ เพราะเขื่อนแตกที่ทำให้น้ำทะลักไปตามแม่น้ำดนีโปรตอนล่างครั้งนี้ จะกระทบกับการโจมตีโต้กลับของยูเครนอย่างแน่นอน พูดง่ายๆ คือทำให้ข้ามแม่น้ำยากขึ้น และยังทำให้รัฐบาลยูเครนต้องแบ่งสรรพกำลังหรือความสนใจไปดูแลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการโจมตีโต้กลับได้มากเท่าเดิม
สำหรับต้นตอที่แท้จริงของเหตุ ทั้งรัสเซียและยูเครนกล่าวโทษกันไปมา ทางฝั่งยูเครนระบุว่า รัสเซียจงใจระเบิดเขื่อน ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าร่วมด้วย ส่วนฝ่ายรัสเซียระบุว่า ยูเครนโจมตีครั้งนี้เพื่อพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากการโจมตีโต้กลับรัสเซียที่ไม่ประสบผลสำเร็จ และต้องการตัดการส่งน้ำไปยังไครเมีย
นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานจากเจ้าหน้าที่ซึ่งทางการรัสเซียแต่งตั้งเข้าไปดูแลในพื้นที่ยึดครอง ที่คาดเดาว่าเขื่อนอาจจะถล่มลงมาเอง แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาแสดงหลักฐาน หรือมีข้อสันนิษฐานใดที่มีหลักฐานรองรับในขณะนี้
ขณะที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีข้อสรุปว่าฝ่ายใดอยู่เบื้องหลังเหตุที่เกิดขึ้นกันแน่ และไม่แสดงความเห็นว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลอย่างไรต่อปฏิบัติการโจมตีโต้กลับของยูเครน ด้านผู้ช่วยผู้แทนถาวรสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ข้อสันนิษฐานที่ว่ายูเครนระเบิดเขื่อนของตัวเองดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก
ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำจากเยอรมนี ระบุว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ เขื่อนโนวา คาคอฟกา และปริมาณน้ำมหาศาลที่ทะลักออกจากเขื่อนขณะนี้ ทำให้ไม่มีทางที่จะซ่อมแซมความเสียหายได้เลย
อ่านข่าวเพิ่ม :
ทั่วโลกต้องการ "บุคลากรสาธารณสุข" อีก 10 ล้านคนในทศวรรษนี้
เยียวยาผลงานศิลปะ นศ.ในหอศิลป์เสียหายระหว่างจัด "บางกอกไพรด์"
นายเทดรอส อัดดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า แม้ปีที่แล้ว กำลังคนด้านสุขภาพทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณ 65 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29 จากปี 2559 แต่ถ้ามองอนาคตในอีก 7 ปีข้างหน้า คือปี 2030 คาดว่าจะยังขาดแคลนอยู่ถึง 10 ล้านคน
ซึ่งนี่เป็นช่วงหนึ่ง ของการประชุม "การปกป้องและการลงทุนในบุคลากรด้านสุขภาพ" ที่จัดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผอ.องค์การอนามัยโลก ยังเรียกร้องให้ทั่วโลกต้องปกป้องและลงทุนกับการสร้างบุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างเร่งด่วน พร้อมเรียกร้องว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ต้องได้รับค่าจ้างและสภาพการทำงานที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและความต้องการของระบบสุขภาพนับจากนี้
อ่านข่าว : กางตัวเลขผลิตหมอ เท่าไหร่ไม่พอ "หมอลาออก-ลาศึกษา"
ประเด็นนี้ อาจจะยังไม่ต้องพูดถึงประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งตัวเลขสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรยังนับว่าไกลเกินกว่า สัดส่วนที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้ เพราะแม้แต่ประเทศที่มีสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรถึง 2.6 คน ต่อ 1,000 ประชากร อย่างสหรัฐอเมริกา ก็ดูเหมือนกำลังจะต้องเผชิญกับความท้าทายเช่นกัน
โดยเมื่อกลางเดือนที่แล้ว สำนักข่าว CNN ได้เผยแพร่ข่าวเรื่อง ความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนบุคลากรด้านการดูแลสุขภาพ หลังมีการประเมินของสมาคมวิทยาลัยการแพทย์อเมริกันว่าภายในปี 2034 หรืออีก 11 ปีข้างหน้า สหรัฐจะขาดแพทย์มากถึง 124,000 คน และจะทำให้สหรัฐฯ ไม่พร้อมที่จะรับมือหากเกิดโรคระบาดอย่างรุนแรงที่คล้ายกับกรณีของโควิด-19 อีกต่อไป
โดยสมาคมผู้ว่าการรัฐแห่งชาติ ทำจดหมายถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันข้อกฎหมาย ทั้งในมิติเรื่องจัดหางานสำหรับบุคลากรการแพทย์, ผ่อนคลายข้อกำหนดด้านใบอนุญาต, ขยายโปรแกรมการฝึกอบรม รวมทั้งการเพิ่มค่าจ้าง ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อสร้างความพร้อมของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะสำหรับชุมชนที่อยู่ในชนบท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หมอไม่พร้อม "แบก " งานหนัก- เงินน้อย- ถูกฟ้อง
"หมออินเทิร์น" ผู้ขับเคลื่อนวงการสาธารณสุขไทย?
สธ. ยันหมอลาออก 655 คน รับงานโหลดทุบสถิติ 64 ชม.ต่อสัปดาห์มากถึง 9 รพ.
วันนี้ (6 มิ.ย.2566) การตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งจากไทยไปยังบ้านพื้นที่ลงทุน ในประเทศเมียนมา ที่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสถานการณ์ตามแนวชายแดน แม้ว่า กองกำลังบางกลุ่ม จะขู่ตอบโต้ ด้วยการปิดพรมแดน โดยกลุ่มทุนจีนได้เตรียมไฟฟ้าสำรองเอาไว้ใช้งาน
เมืองชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง พื้นที่ลงทุนขนาดใหญ่ของทุนจีนในประเทศเมียนมา ตรงข้าม ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก
ไฟดับไปราวๆ 30 วินาที หลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของประเทศไทย หรือ กฟภ. ยุติจ่ายกระแสไฟฟ้า หลังการสิ้นสุด สัมปทานการซื้อขายไฟฟ้า 2 เมกะวัตต์ ระหว่าง กฟภ. กับ บริษัท SMTY จำกัด ไม่ได้รับสัมปทานต่อจากรัฐบาลกลาง
อ่านข่าว : "นายกรัฐมนตรี" ยันปมตัดไฟฟ้าส่งเมียนมา ไม่กระทบคนไทย
แต่ปรากฏว่า ไฟไม่ดับมืดทั้งเมือง สังเกตได้จาก อาคารขนาดใหญ่ ตึกสูง สำนักงาน แหล่งบันเทิง ยังคงมีไฟฟ้าใช้งาน จากไฟฟ้าสำรองที่นายทุนชาวจีนจัดเตรียมไว้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
มีรายงานว่า มีพื้นที่เพียงร้อยละ 40 ของเมืองที่ไม่มีไฟฟ้าใช้และมืดดับไป บางจุดของเมืองยังสว่าง แต่การก่อสร้างที่เคยเดินหน้าตลอด 24 ชม. หยุดชะงักลง พร้อมๆ กับสถานบันเทิง และร้านอาหารบางแห่ง ที่ไม่มีไฟฟ้าสำรอง
แต่รอบๆ เมือง มืดสนิท โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อาศัยของ แรงงาน พนักงาน และลูกจ้างทั่วไป ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ด้านใน
ผู้สื่อข่าวสังเกตอีกจุดหนึ่งที่ เมือง KK หรือ AA ที่มีนายหวัน ค๊อกคอย อดีตหัวหน้ากลุ่ม 14K เป็นผู้ลงทุนหลัก จุดนี้แตกต่างจากชเวโก๊กโก่ เพราะ ไม่มีปัญหากระแสไฟฟ้าตก ดับ หรือ กระชาก ทั้งๆ ที่ กฟภ. ยุติจ่ายไฟ ที่เป็นจุดซื้อขายบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน 2.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการซื้อขายผ่านกระบวนการ บริษัทเอกชนรายเดียวกัน
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ กลุ่มกะเหรี่ยงกองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทหารเมียนมา ระบุว่า จะตอบโต้ด้วยการปิดด่านพรมแดนบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย และแห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด รวมทั้งท่าขนส่งสินค้าต่างๆ หากทางไทยงดจ่ายกระแสไฟฟ้า แต่ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปยังคงเป็นไปตามปกติ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรถไฟชนกันครั้งร้ายแรงในรัฐโอดิชา ประเทศอินเดีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 270 คน
การสืบสวนหาสาเหตุ เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในระบบส่งสัญญานการสับเปลี่ยนราง โดยช่วงค่ำวันที่ 2 มิ.ย. ขณะที่รถไฟสายด่วน โคโรแมนเดล เอ็กซ์เพรส กำลังมุ่งหน้าไปทางใต้ ปลายทางเชนไน ตรงข้ามรถไฟสายด่วน ฮาวราห์ ซูปเปอร์ฟาสต์ มุ่งหน้าไปทางเหนือ มีผู้โดยสารรวมมากกว่า 2,000 คน ขณะที่รถขนส่งสินค้าจอดอยู่ที่ทางรถไฟ Loop line
แต่ความผิดพลาดจากสัญญานสับราง ทำให้รถไฟโคโรแมนเดล เอ็กซ์เพรส พุ่งชนรถไฟขนส่งสินค้าที่จอดอยู่บน Loop line ตกราง และชนกับ ฮาวราห์ ซูปเปอร์ฟาสต์ ที่มุ่งหน้าทิศตรงกันข้าม นำไปสู่เหตุโศกนาฏกรรมรถไฟชนกันที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี
ขณะที่รัฐมนตรีการรถไฟอินเดีย ระบุว่า สามารถระบุสาเหตุและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดจนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุด ด้านนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศจะดำเนินการลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดครั้งนี้ ในระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย
การออกมาประกาศลงโทษผู้เกี่ยวข้องของโมดี ถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามผลักปัญหาให้เป็นเรื่องความผิดพลาดส่วนบุคคล มากกว่าปัญหาจากระบบและการใช้งบประมาณของรัฐบาล และมีเสียงเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล
รายงานของกรมบัญชีกลางและการตรวจเงินแผ่นดินของอินเดีย เมื่อปี 2022 ต่อปัญหารถไฟตกรางของอินเดีย ระหว่างปี 2017-2021 พบว่าอุบัติเหตุรถไฟตกรางของอินเดีย คิดเป็นกว่า 70% ของอุบัติเหตุทางรถไฟทั้งหมด โดยมีสาเหตุจากอุปกรณ์ส่งสัญญานรุ่นเก่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้รับการดูแลที่ดี รางรถไฟเก่าเสียหาย และความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่
ขณะที่รายงาน ระบุว่า งบประมาณสำหรับการดูแลเรื่องความปลอดภัยและการบำรุงรักษา ซึ่งควรเป็นเรื่องสำคัญที่สุดกลับถูกลดลงเรื่อยๆ
โครงข่ายรถไฟอินเดีย ถือเป็นหนึ่งในโครงข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นมากว่า 160 ปี ตั้งแต่อินเดียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ปัจจุบันมีขบวนรถไฟวิ่งราว 11,000 ขบวน และผู้โดยสารเดินทางราว 13 ล้านคนต่อวัน แต่ก็นับเป็นระบบขนส่งทางรางที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
อุบัติเหตุรถไฟในอินเดียที่รุนแรงที่สุดคือในปี 1981 เมื่อขบวนรถไฟที่อัดแน่นไปด้วนผู้คน ตกรางลงไปในแม่น้ำในช่วงที่มีพายุไซโคลน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 800 คน เฉพาะระหว่างปี 2017-2021 มีการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถไฟไม่ต่ำกว่า 100,0000 คน โดยตั้งแต่อดีต มีรัฐมนตรีการรถไฟอินเดียเพียง 2 คนเท่านั้นที่ออกมาประกาศลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบหลังเกิดเหตุรถไฟชนกัน
ทางการอินเดียเปิดเส้นทางให้รถไฟกลับมาสัญจรได้อีกครั้ง หลังเกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรง แต่รถไฟที่แล่นผ่านจุดที่เกิดเหตุต้องใช้ความเร็วต่ำ เนื่องจาก 2 ข้างทางยังมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก
รัฐมนตรีว่าการรถไฟของอินเดีย ระบุว่า หลังจากเปิดเส้นทาง มีรถไฟแล่นผ่านจุดนี้ไปแล้ว 50-60 ขบวน ถือเป็นการทำงานที่รวดเร็วและใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเส้นทางรถไฟกลับมาใช้การได้อีกครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุ 51 ชั่วโมง
อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 270 คน ซึ่งศพจำนวนมากยังไม่มีญาติมาติดต่อขอรับ ทำให้ขณะนี้สถานที่เก็บศพในโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ต้องนำศพกระจายไปเก็บตามที่ต่างๆ เช่น ในโรงเรียนและอาคารอื่นๆ ของเอกชน ส่งผลให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต้องใช้เวลานานพอสมควรในการติดตามหาร่างของบุคคลอันเป็นที่รัก ในขณะที่ทางการใช้วิธีถ่ายภาพของผู้เสียชีวิตเพื่อเปิดให้ญาติตรวจสอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้เสียชีวิตจากเหตุรถไฟชนกันในอินเดียสูงกว่า 280 คน
"อินเดีย" ยอดตายรถไฟชนกัน 3 ขบวน เพิ่มเป็นมากกว่า 230 คน
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2566 นักเคลื่อนไหวเรียกร้องเสรีภาพในฮ่องกงหลายคน ถูกตำรวจควบคุมตัวในระหว่างงานรำลึกครบรอบ 34 ปี เหตุนองเลือดที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ปี 1989 แม้ทางการฮ่องกงจะอนุญาตให้มีการจัดงานรำลึก แต่ก็มีการออกข้อห้ามที่เข้มงวด เช่น ห้ามผู้ชุมนุมทำกิจกรรมใด ๆ หรือใช้อุปกรณ์ ป้ายข้อความหรือสิ่งใด ๆ ที่ถือเป็นการกระตุ้นและยั่วยุให้มีการทำผิดกฎหมายที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ความเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม โดยมีการตรวจค้นกระเป๋าของผู้เข้าร่วมงานอย่างละเอียด หากพบสิ่งที่สื่อถึงการประท้วงต่อต้านทางการจีนและฮ่องกงจะถูกจับกุม
ปีนี้การจัดงานย้ายมาอยู่บนถนนในคอสเวย์เบย์ แทนที่จะเป็น วิคตอเรีย พาร์ค ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้จัดกิจกรรมมายาวนาน ทั้งนี้ทางการฮ่องกงระดมกำลังตำรวจทั้งจากหน่วยปราบจลาจลและหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย รวมประมาณ 6,000 นาย ควบคุมสถานการณ์รอบ ๆ สถานที่จัดงาน
ปีนี้ถือเป็นการจัดงานรำลึกครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ประกอบกับการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ทางการฮ่องกงงดจัดกิจกรรมนานถึง 3 ปี เฉพาะเมื่อวานนี้เพียงวันเดียว ตำรวจจับกุมผู้เข้าร่วมงานไปมากกว่า 20 คน
และหนึ่งวันก่อนหน้านั้นจับกุมนักเคลื่อนไหวรวมทั้งหมด 8 คน ในข้อหาก่อความไม่สงบและทำผิดกฎหมาย ด้วยการตะโกน และใช้อุปกรณ์ในการประท้วงที่มีถ้อยคำยั่วยุให้เกิดความไม่สงบ
ส่วนที่กรุงไทเปของไต้หวัน มีการจัดงานรำลึกหน้าอนุสรณ์สถานเจียง ไคเชก โดยมีการจุดเทียนเป็นตัวเลข 8964 หมายถึง ปี เดือน วัน ที่เกิดเหตุนองเลือดที่จตุรัสเทียนอันเหมิน คือวันที่ 4 เดือน 6 คือ เดือน มิ.ย.ปี 1989 นอกจากนี้ยังมีการแสดงประติมากรรมที่สะท้อนถึงกดขี่และลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ส่วนที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ชุมชนชาวฮ่องกงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึก โดยมีการจุดเทียนเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุนองเลือดที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ในปี 1989 พร้อมเรียกร้องเสรีภาพให้กับประชาชนทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง
เช่นเดียวกับที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยมีคนสวมชุดหมีพูห์ยืนอยู่ในห่วงยางที่ทำเป็นรูปรถถัง เพื่อล้อเลียน สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน
ในขณะที่หลายเมืองทั่วโลกร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึกแต่บรรยากาศของจตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งของจีนยังคงเงียบสงบ ไม่มีการจัดกิจกรรมใด ๆ ในขณะที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นประชาชนที่เข้าออกพื้นที่รอบ ๆ จตุรัสเทียนอันเหมิน
วันนี้ (4 ม.ย.2566) ประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางมายังสถานที่เก็บศพชั่วคราวในเมืองบาลาซอร์ รัฐโอดิชา ทางภาคตะวันออกของประเทศเพื่อค้นหาร่างของสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟชนกันจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 288 คน และได้รับบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 900 คน
อ่านข่าว : "อินเดีย" ยอดตายรถไฟชนกัน 3 ขบวน เพิ่มเป็นมากกว่า 230 คน
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการรถไฟอินเดีย เปิดเผยว่า ร่างของผู้โดยสารทั้งหมดผ่านการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสร็จสิ้นภารกิจค้นหาผู้ติดอยู่ในขบวนรถไฟและลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (3 มิ.ย.)
ขณะที่นเรนดรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและเยี่ยมผู้ประสบภัยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังให้คำมั่นว่ารัฐบาลอินเดียจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้ผลกระทบจากอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,000,000 รูปี หรือ ประมาณ 422,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะได้รับเงิน 200,000 รูปี หรือประมาณ 80,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจะได้รับเงิน 50,000 รูปี หรือประมาณ 20,000 บาท
เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศในรอบมากกว่า 20 ปี หลังจากรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งตกราง ทำให้มีตู้โดยสารหลายตู้กีดขวางรางรถไฟข้างเคียง ก่อนที่รถไฟอีกขบวนหนึ่งที่วิ่งสวนมาจะพุ่งชนเข้าอย่างรุนแรง และยังกระทบไปถึงรถไฟขนส่งสินค้าอีกขบวนที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ด้วย
วันนี้ (3 มิ.ย.2566) ญี่ปุ่นเผชิญพายุฝน ซึ่งเป็นอิทธิพลจากพายุโซนร้อนมาวาร์เข้าพัดถล่มในพื้นที่ ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำทางตอนใต้ของ จ.เกียวโต เอ่อท้น ขณะที่ จ.โอกินาวะ มีลมกระโชกแรงจนทำให้ต้นไม้บางส่วนหักโค่น
ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน จากการจมน้ำไปพร้อมกับรถยนต์ และมีผู้สูญหายอีก 2 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการญี่ปุ่นเตือนประชาชนร่วม 1,300,000 คนให้เตรียมอพยพหากได้รับผลกระทบ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ประกาศเตือนให้ประชาชนทั่วภาคตะวันออก เฝ้าระวังเหตุดินถล่ม ระดับน้ำเพิ่มสูงและน้ำท่วม โดยคาดว่าบางพื้นที่อาจมีฝนมากถึง 120 มิลลิเมตร ล่าสุดในพื้นที่ใกล้กับกรุงโตเกียว มีคำเตือนเฝ้าระวังความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมร่วมด้วย หลังจากบ้านเรือนประมาณ 4,000 หลังประสบปัญหาไฟฟ้าดับก่อนหน้านี้
ขณะที่รถไฟความเร็วสูงชินคันเซน ระงับการให้บริการระหว่างกรุงโตเกียวกับเมืองนาโงยะ ซึ่งคาดว่าอาจกลับมาเปิดใช้งานได้ตามปกติเร็วๆ นี้
อ่านข่าวอื่นๆ
"อินเดีย" ยอดตายรถไฟชนกัน 3 ขบวน เพิ่มเป็นมากกว่า 230 คน
วันนี้ (3 มิ.ย.2566) ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถไฟชนกัน 3 ขบวนในรัฐโอดิชา ทางตะวันออกของอินเดีย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 233 คนและบาดเจ็บอีกมากกว่า 900 คน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยอินเดียช่วยกันปีนขึ้นตู้รถไฟที่เสียหลักตกราง เพื่อพยายามช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายใน ซึ่งทางการส่งรถฉุกเฉินมากกว่า 200 คันเข้าช่วยลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทรถรับจ้างในพื้นที่ด้วย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้กับเมืองบาลาซอร์ ภายในรัฐโอดิชา หลังจากรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งตกราง เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีตู้โดยสารหลายตู้กีดขวางรางรถไฟอีกรางหนึ่ง ก่อนที่รถไฟขบวนด่วนพิเศษอีกหนึ่งขบวนซึ่งวิ่งมาบนรางดังกล่าวจากทิศทางตรงกันข้าม จะพุ่งชนเข้าอย่างรุนแรง นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังมีรถไฟขนส่งสินค้าอีกขบวนจอดอยู่ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าได้รับผลกระทบจากเหตุที่เกิดขึ้นเช่นกัน
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดที่โดยสารอยู่บนรถไฟ 2 ขบวนที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้น และถือเป็นอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษของอินเดีย
ทางการท้องถิ่นได้ประกาศไว้อาลัยทั่วทั้งรัฐ เพื่อรำลึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ขณะที่กระทรวงการรถไฟ การสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดีย ประกาศมอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต 422,000 บาท
สำหรับอินเดียมีโครงข่ายระบบขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมักเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง แม้รัฐบาลหลายชุดจะพยายามปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้
ในอดีต อินเดียเคยเกิดโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดเมื่อปี 1981 หลังพายุไซโคลนพัดรถไฟโดยสารตกลงไปในแม่น้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800 คน ส่วนในปี 2021 เกิดอุบัติเหตุทางรถไฟร่วม 18,000 ครั้งทั่วประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 16,431 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รถไฟอินเดียชนกัน ตายทะลุ 120 เจ็บอีกกว่า 850 คน
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566 เกิดเหตุรถไฟชนกันในรัฐโอริสสา ทางตะวันออกของอินเดีย ซึ่งมีรถไฟเข้ามาเกี่ยวข้องถึง 3 ขบวน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 120 คน ขณะเดียวกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 850 คน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งตกราง โดยมีตู้โดยสารหลายตู้เสียหลักไปอยู่บนรางรถไฟอีกรางหนึ่งข้างๆ ก่อนที่รถไฟอีกขบวนซึ่งวิ่งมาบนรางดังกล่าวจะพุ่งเข้าชน ขณะที่เจ้าหน้าที่อินเดีย ระบุว่า ในที่เกิดเหตุมีรถไฟขนส่งสินค้าอีกขบวนหนึ่งจอดอยู่ด้วย
ทางการท้องถิ่นระดมกำลังเจ้าหน้าที่และรถฉุกเฉินมากกว่า 200 คัน เข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อเร่งช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้อาจเพิ่มสูงขึ้นอีก
อ่านข่าวอื่นๆ
"ไมค์ เพนซ์" เตรียมชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐฯ สมัยหน้า
"เกาหลีเหนือ" ปล่อยดาวเทียมสอดแนมล้มเหลว-ตกในทะเล
กฎใหม่ "Air New Zealand" ให้ผู้โดยสารชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นบิน
วันนี้ (2 มิ.ย.2566) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บันทึกเสียงดังกล่าว มาจากการพูดคุยกันที่สโมสรกอล์ฟของทรัมป์ในนิว เจอร์ซีย์ เมื่อเดือน ก.ค. 2564 หรือประมาณ 6 เดือนหลังเขาพ้นตำแหน่ง ทรัมป์กล่าวถึงสถานะของเอกสารบันทึกข้อความทางการทหารฉบับหนึ่ง ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความมั่นคงแห่งชาติกำกับอยู่ เนื่องจากเอกสารนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการโจมตีอิหร่านอยู่ด้วย
เอกสารนั้นยังคงเป็นเอกสารลับและควรจะถูกปลดสถานะชั้นความลับออกเสียก่อนที่จะนำออกมาจากทำเนียบขาว
โดยสำนักข่าว CNN รายงานว่า ทรัมป์กล่าวว่าอยากเปิดเผยข้อมูลในเอกสารฉบับนั้น แต่ทราบดีว่าตนเองไม่สามารถสั่งการปลดสถานะชั้นความลับของเอกสารได้ เพราะพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว ซึ่งบันทึกเสียงดังกล่าวยังไม่ถูกเปิดเผยเป็นสาธารณะแต่อย่างใด
อดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ไปตีกอล์ฟ
นอกเหนือจากคดีความที่ต้องเผชิญแล้ว ล่าสุด "ทรัมป์" อาจจะกำลังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งในการชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สื่อท้องถิ่นในสหรัฐฯ รายงานว่า "ไมค์ เพนซ์" อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยทรัมป์ เตรียมประกาศลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2567 นี้ด้วย
โดยมีกระแสข่าวว่า เพนซ์ วัย 63 ปี จะเปิดตัวในฐานะผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ที่รัฐไอโอวา หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา วัย 44 ปี เพิ่งจะเปิดตัวลงชิงชัยในสนามนี้เช่นกัน
อดีต ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ อดีตรอง ปธน.ไมค์ เพนซ์
เพนซ์ ที่ทำงานเคียงคู่ ทรัมป์ มา 4 ปีเต็ม ระหว่างดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี มาแตกคอกับ ทรัมป์ หลังเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค.2564 เนื่องจากเขาไม่คล้อยตามไปกับความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ไบเดนชนะทรัมป์ไปในการเลือกตั้งปี 2563 โดยเพนซ์เคยกล่าวว่า
ตนไม่มีสิทธิคว่ำผลการเลือกตั้ง ทรัมป์ผิด และผิดที่กล่าวปราศรัยปลุกปั่นจนเพนซ์กับครอบครัวและคนอีกจำนวนมากเสี่ยงอันตรายจากเหตุจลาจลวันนั้น
ขณะที่ข้อมูลจาก RealClearPolitics ซึ่งรวบรวมผลสำรวจต่างๆ มาจัดทำเป็นค่าเฉลี่ย ชี้ว่า ขณะนี้ทรัมป์ขึ้นนำอยู่ในการชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ โดยมีคะแนนนิยมร้อยละ 53 ขณะที่เพนซ์ได้คะแนนนิยมจากชาวรีพับลิกันไปเพียงไม่ถึงร้อยละ 4 เท่านั้น
ในขณะที่ รีพับลิกัน ดูจะมีตัวเลือกหลายคน แต่ทางฝั่ง เดโมแครต ยังมองไม่เห็นใครนอกจาก "โจ ไบเดน" ผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง ที่ทำให้ประเด็นเรื่องอายุของผู้นำที่อาวุโสที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คนนี้ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสียหลักหกล้มบนเวที จนทำให้เจ้าหน้าที่อารักขาและเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างเร่งเข้ามาพยุงให้ผู้นำสหรัฐฯ ลุกขึ้น โดย ไบเดน ยังสามารถเดินกลับไปยังที่นั่งได้ด้วยตัวเองหลังจากนั้นโดยไม่ต้องมีคนช่วยประคอง
ปธน.โจ ไบเดน สะดุดถุงทรายสีดำล้ม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลัง ไบเดน เสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์และมอบประกาศนียบัตรในพิธีจบการศึกษา ที่สถาบันทหารอากาศในรัฐโคโลราโด ซึ่งทางทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนไม่เป็นอะไร
ในงานนี้ผู้นำสหรัฐฯ ยืนติดต่อกันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งและจับมือกับนักเรียนทหารที่จบการศึกษา 921 คน และแม้ว่า ไบเดน จะสามารถวิ่งเหยาะๆ กลับไปยังรถประจำตำแหน่งได้ปกติหลังเสร็จพิธี แต่ภาพของการสะดุดล้ม บวกกับภาพอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ก็ตอกย้ำความกังวลของชาวอเมริกันเกี่ยวกับผู้นำวัย 80 ปี ที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศคนนี้
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันส่วนใหญ่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องอายุของ ไบเดน เพราะหากได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย ในวันที่รับตำแหน่งไบเดนจะอายุมากถึง 82 ปี
อ่านข่าวอื่นๆ :
สภาพอากาศวันนี้ "ลำปาง" ร้อนสุด 40 องศาฯ ใต้ยังเจอมรสุมฝนตก 70%
เด้ง 5 เสือโรงพักกะทู้ เซ่นสถานบันเทิงเปิดยันสว่าง-ให้เด็กใช้บริการ
"ชัยธวัช" คาดสรุปเก้าอี้ประธานสภาฯ กลาง มิ.ย.นี้
กองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) เปิดเผยว่า ผู้แทน 6 ประเทศ ได้แก่ จีน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ไทยและเวียดนาม ได้เข้าร่วมการประชุมวางแผนซ้อมรบที่นครกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง เมื่อวันที่ 22-26 พ.ค.ที่ผ่านมา
ที่ประชุมได้บรรลุฉันทามติร่วมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่ประเด็นหลัก วันและเวลา สถานที่ ไปจนถึงรูปแบบของการซ้อมรบร่วมช่วงปลายปีนี้ แม้ว่าการให้ข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ระบุเวลาชัดเจน แต่ Radio Free Asia รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า การซ้อมรบจะจัดเดือน พ.ย.นี้ โดยการซ้อมรบ Aman Youyi ในปีนี้มีประเทศเข้าร่วมมากขึ้น โดยเวียดนาม ลาวและกัมพูชาได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมการซ้อมรบเป็นครั้งแรก
ขณะที่ Global Times สื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้ความมั่นคงในภูมิภาค ขณะที่สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ล้วนแสดงพฤติกรรมไม่เป็นมิตรจากการซ้อมรบ เพื่อคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่นๆ
Collin Koh นักวิชาการจากสถาบันต่างประเทศ S. Rajaratnam ในสิงคโปร์ ระบุว่า จีนต้องการมีส่วนร่วมทางการทหารให้เทียบเท่ากับการมีส่วมร่วมทางการทหารของสหรัฐฯ มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีสถานภาพเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในสนามการทูตด้านการทหารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากระดับการมีส่วนร่วมยังห่างชั้นจากสหรัฐฯ อยู่มาก แม้ว่าจะเริ่มเดินเกมรุกมากขึ้นผ่านการซ้อมรบกับสมาชิกอาเซียน ระยะหลังสะท้อนให้เห็นจากการซ้อมรบร่วม Friendship Shield 2023 ระหว่างจีนกับลาวและการซ้อมรบร่วม Golden Dragon 2023 ระหว่างจีนกับกัมพูชาที่ จ.กำปงชนัง แต่กำลังพลที่เข้าร่วมยังอยู่ในหลักร้อยปลายๆ เท่านั้น
ขณะที่การซ้อมรบร่วม Balikatan 2023 ระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีทหารเข้าร่วมการฝึกไม่ต่ำกว่า 17,600 นาย ถือเป็นการซ้อมรบร่วมประจำปีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 38 ปีของทั้ง 2 ประเทศ หรือเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา การซ้อมรบร่วม Cobra Gold 2023 ที่นำโดยสหรัฐฯ และจัดในไทย มีทหารจากไทย สหรัฐฯ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เข้าร่วมกว่า 7,000 นาย นอกจากนี้ยังมีประเทศผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมอีกไม่ต่ำกว่า 20 ประเทศ
Koh ระบุว่า ท่าทีของอาเซียนในการร่วมฝึกซ้อมทางทหารกับจีน ไม่ได้แสดงให้เห็นความเต็มใจให้จีนเข้ามามีส่วนร่วมในมิติด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยสะท้อนความปรารถนาของอาเซียนในการชูนโยบายความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Autonomy) โดยการซ้อมรบ Aman Youyi มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์สำหรับประเทศในภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าวัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมการฝึกอาจแตกต่างไปจากจีนก็ตาม
แปล-เรียบเรียง : พงศธัช สุขพงษ์
อ่านข่าวอื่นๆ
กฎใหม่ "Air New Zealand" ให้ผู้โดยสารชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นบิน
รับวันงดสูบบุหรี่โลก "สวีเดน" มุ่งหน้าสู่สถานะประเทศปลอดบุหรี่
วันนี้ (1 มิ.ย.2566) คณะทำงานขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา เปิดเผยว่า ผลการศึกษาเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานว่าปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถอธิบายได้ต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก และการศึกษาเรื่องนี้จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ข้อมูลที่มีคุณภาพ รวมถึงการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยคาดว่าจะมีการเผยแพร่ผลการศึกษาเต็มรูปแบบในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้
อ่านข่าว : "นาซา" ตั้งคณะเจ้าหน้าที่ศึกษา "ยูเอฟโอ"
คณะทำงานชุดนี้ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาจำนวน 16 คน ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว เพื่อศึกษาเรื่องปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่สามารถอธิบายได้ ที่เกิดขึ้นทั้งในอากาศ อวกาศ หรือ ใต้ทะเล หลังจากมีคนจำนวนมากพบเห็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้ หรือที่เรียกว่า ยูเอฟโอ ซึ่งมีข้อมูลบันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1940
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าระหว่างปี 2004-2021 มีเจ้าหน้าที่รัฐพบเห็นยูเอฟโอ 144 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระหว่างการฝึกซ้อมทางทหาร หลายคนเชื่อว่าอาจจะเป็นเทคโนโลยีของรัสเซียหรือจีน หรืออาจจะเป็นการทดสอบในโครงการลับของรัฐบาลสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ LP 791-18d มีขนาดเท่าโลก เต็มไปด้วยภูเขาไฟปะทุ
นักล่าแสงเหนือจับภาพ "แสงสีฟ้าประหลาดรูปก้นหอย" เคลื่อนผ่านท้องฟ้ารัฐอะแลสกา
เจาะลึกประวัตินักบินอวกาศ 4 คน ที่จะเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ ในรอบ 52 ปี
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นอกจากต้องชั่งน้ำหนักสัมภาระแล้ว ผู้โดยสารของสายการบิน แอร์ นิวซีแลนด์ สายการบินประจำชาตินิวซีแลนด์ จะต้องขึ้นชั่งน้ำหนักก่อนเดินทางด้วย แต่ขั้นตอนนี้จะทำอย่างระมัดระวังเพราะตัวเลขน้ำหนักของผู้โดยสารเป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับหลายคน โดยตัวเลขจะไม่แสดงบนหน้าจอเครื่องชั่งให้ใครเห็น แต่เจ้าหน้าที่จะเก็บข้อมูลไว้ โดยเก็บเป็นความลับ เฉพาะข้อมูลน้ำหนักตัว โดยไม่ระบุชื่อผู้โดยสาร และแม้แต่เจ้าหน้าที่สายการบินก็จะไม่ได้ทราบรายละเอียดส่วนนี้
ท่ามกลางคำถามและความไม่สบายใจของผู้โดยสารบางส่วน ผู้จัดการฝ่ายควบคุมระวางบรรทุกของทางสายการบิน อธิบายว่า ข้อมูลน้ำหนักของทุกสิ่งและทุกคนที่ต้องขึ้นบินไปกับเที่ยวบินแต่ละเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปกติแต่ละสายการบินจะอ้างอิงข้อมูลน้ำหนักเฉลี่ย ตัวเลขดังกล่าวมีที่มาจากการสำรวจในลักษณะนี้นี่เอง ตามข้อกำหนดของหน่วยงานด้านการบินพลเรือนของนิวซีแลนด์ ซึ่งสายการบินสามารถเลือกได้ว่าจะจัดทำสำรวจด้วยการให้ผู้โดยสารชั่งน้ำหนัก หรือจะยึดตามข้อมูลค่าเฉลี่ยของทางหน่วยงาน
ปัจจุบัน น้ำหนักเฉลี่ยที่กำหนดไว้เพื่อการคำนวณ สำหรับผู้โดยสารทุกคนที่อายุ 13 ปีขึ้นไป คือ 86 กก. นับรวมกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องบินด้วย
ตัวเลขนี้มีการเปลี่ยนแปลงล่าสุดเมื่อปี 2547 จากเดิมกำหนดไว้ที่ 77 กก./คน โดยสถิติทางด้านสาธารณสุขพบว่าชาวนิวซีแลนด์กำลังมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้น
การสำรวจระดับประเทศครั้งล่าสุด พบว่า ประชากรผู้ใหญ่มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน อยู่ที่ร้อยละ 34 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 31 ขณะที่ในเด็ก อัตราความอ้วนอยู่ที่ร้อยละ 13 เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่พบร้อยละ 10
การสำรวจด้วยการชั่งน้ำหนักนี้เริ่มขึ้นสำหรับผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบิน แอร์ นิวซีแลนด์ เมื่อ 2-3 ปีก่อน และการสำรวจครั้งนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 2 ก.ค.นี้
อ่านข่าวเพิ่ม :
"ไซทิซิน" ยาเม็ดเลิกบุหรี่รายแรกในไทย เตรียมผลิตใช้ปี 67
"ลี เซียนลุง" นายกฯสิงคโปร์ป่วย "โควิดรีบาวน์"ติดเชื้อซ้ำรอบ 14 วัน
วันนี้ (1 มิ.ย.2566) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของของสิงคโปร์ วัย 71 ปี ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 เป็นบวกอีกครั้ง
ลี เซียนลุง ทวีตผลตรวจ ATK ที่พบว่าแสดงผลบวก พร้อมข้อความว่า รู้สึกสบายดี แต่กลัวว่าตัวเองจะกลับเป็นโควิด-19 อีกครั้ง
แพทย์ระบุว่า เป็นอาการโควิดรีบาวน์ (Covid-19 Rebound) ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำภายในระยะเวลาเพียง 14 วัน ซึ่งเกิดขึ้นใน 5-10% แพทย์แนะนำให้ฉันแยกตัวเองจนกว่าฉันจะทดสอบเป็นลบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา นายลี มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ไม่กี่วันหลังจากเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และเคนยา
ขณะที่สิงคโปร์ รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาโดยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากวันละ 1,400 ต่อวันของเดือนมี.ค.เป็นวันละ 4,000 คน ในจำนวนนี้ผู้ติดเชื้อประมาณ 30% เป็นผู้ติดเชื้อซ้ำ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ ซึ่งมีอัตราส่วนผู้ป่วยติดเชื้อซ้ำอยู่ที่ราว 20%-25%
I feel fine but I am afraid I have turned Covid-19 positive again. My doctors say it is a COVID rebound, which happens in 5-10% of cases. The doctors have advised me to self-isolate until I test ART negative. – LHL https://t.co/2KIi8a8jKd pic.twitter.com/pTeERvpWvz
— leehsienloong (@leehsienloong) June 1, 2023
สำหรับอาการโควิดรีบาวน์ (Covid-19 Rebound) ที่เป็นการติดเชื้อซ้ำภายในระยะเวลาเพียง 14 วัน หลังจากที่ได้รับยาต้านไวรัสครบตามที่แพทย์สั่งแล้ว โดยผู้ป่วยโควิด-19 และกักตัวครบ 10–14 วัน เมื่อครบกำหนดเชื้อโควิดควรจะตายหรือกลายเป็นซากเชื้อ แต่ผลการตรวจกลับยืนยันว่าผู้ป่วยรายนั้นยังคงติดเชื้อโควิดอยู่
โควิด รีบาวด์ อาจเกิดจากการกินยาต้านไวรัส แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อในร่างกายให้หมดไป เมื่อหยุดยาเชื้อก็กลับแบ่งตัวขึ้นใหม่ โดยในไทยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี 2565 เคยมีรายงานพบกลุ่มผู้สูงอายุ จากเคสในไทยเพียง 3 เคส ผู้ติดเชื้อรีบาวน์เป็นผู้สูงอายุทั้งหมด คาดว่าเชื้อเกิดการดื้อยา แต่อาการหลังจากรักษาโควิด 14 วัน แล้วกลับมาติดเชื้อซ้ำยังไม่ร้ายแรง สามารถรักษาตามวิธีปกติได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เทียบอาการ! ไข้เลือดออก-ไข้หวัดใหญ่-โควิด อะไรเหมือน-ต่าง?
ไทยพบ "โควิด รีบาวด์" 3 คน หลังกินโมลนูพิราเวียร์ ครบคอร์ส
เดิมทีสวีเดนมีอัตราการสูบบุหรี่ที่ต่ำที่สุดในยุโรปอยู่แล้ว แล้วตอนนี้กำลังขยับเข้าใกล้สถานะการเป็นประเทศปลอดบุหรี่ขึ้นไปอีก ตามเกณฑ์มาตรฐานการมีประชากรที่สูบบุหรี่ไม่ถึงร้อยละ 5 ของประชากรทั้งหมด
อ่าน : 31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 ข้อมูลจาก Eurostat หน่วยงานด้านสถิติในยุโรป เปิดเผยว่า ในปี 2562 ชาวสวีเดนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปมีเพียงร้อยละ 6.4 เท่านั้น ที่เป็นผู้สูบบุหรี่ทุกวัน ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในสหภาพยุโรปและต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ยใน EU ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 18.5
สวีเดนมีประชากร 10.5 ล้านคน และมีข้อบังคับการห้ามสูบบุหรี่ตามที่สาธารณะที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งการห้ามสูบบุหรี่ที่ป้ายรถประจำทาง ชานชาลารถไฟ นอกทางเข้าโรงพยาบาลหรืออาคารสาธารณะใดๆ และเหมือนกับชาติอื่นๆ ในยุโรปที่ห้ามสูบในร้านอาหารหรือสถานบันเทิง และตั้งแต่ปี 2562 สวีเดนยังห้ามสูบบุหรี่ตามที่นั่งนอกอาคารด้วย
ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่า การรณรงค์ลดสูบบุหรี่ที่ทางการสวีเดนเดินหน้าผลักดันต่อเนื่องมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนี้ ประกอบกับกฎหมายที่เข้มงวด มาตรการต่างๆ และการรณรงค์ ส่งผลให้สังคมมองภาพคนสูบบุหรี่ในแง่ลบ เกิดการกดดัน อคติต่างๆ จนทำให้ผู้สูบบุหรี่ถูกบีบให้ต้องหลบไปสูบตามที่ที่กำหนดหรือได้รับอนุญาตจริงๆ เท่านั้น
อ่าน : หมอชวนลด ละ เลิก “สูบบุหรี่” สาเหตุก่อโรคถุงลมโป่งพอง-มะเร็งปอด
ขณะที่บางส่วนมองว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ในสวีเดนมีไม่มาก เป็นเพราะที่นี่มีความนิยม Snus (สนูซ) ผลิตภัณฑ์นิโคตินบรรจุซอง ทำจากยาสูบ น้ำเกลือ และมีการปรุงแต่งกลิ่นรสต่างๆ และบริโภคผ่านการอมไว้ใต้ริมฝีปากแทนการสูบที่ต้องผ่านกระบวนการเผาไหม้เหมือนกับบุหรี่ ซึ่งบางคนมองว่า Snus เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสวีดิช
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากสวีเดน ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบกับช่องปาก ทั้งเหงือกและฟันได้เช่นกัน เนื่องจากจะอยู่ติดกับเหงือกเป็นเวลานาน แต่ในมุมหนึ่งมองว่าถือเป็นการลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพลงจากการสูบบุหรี่แม้จะไม่ได้ปลอดภัยเสียทีเดียว เสมือนเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
อ่าน : "บุหรี่ไฟฟ้า" มีสารพิษ เสพติด อันตราย
การศึกษาเมื่อปี 2551 ระบุว่า ความเสี่ยงการเกิดมะเร็งช่องปากจากการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดไร้ควันต่ำกว่าการสูบบุหรี่หรือยาสูบชนิดอื่นๆ แต่ยังสูงกว่าการไม่ใช้ยาสูบโดยสิ้นเชิง และนอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่เชื่อมโยง Snus กับความเสี่ยงโรคหัวใจที่เพิ่มขึ้น เบาหวาน รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือการสร้างสังคมซึ่งปลอดนิโคติน ปลอดยาสูบไม่ว่าในรูปแบบใด ซึ่งจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด แต่ในขณะนี้ในเมื่อยังมีความต้องการใช้ จึงยังมองว่าการเปิดให้ผู้บริโภคมีทางเลือก ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
วันนี้ (31 พ.ค.2566) สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) รายงานเมื่อเวลาประมาณ 09.40 น.ตามเวลาในประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.2 นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์
ขณะที่ GeoNet ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบเกี่ยวกับภัยพิบัติของนิวซีแลนด์ ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นที่ระดับความลึก 33 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่มีคำเตือนสึนามิ รวมถึงยังไม่มีรายงานความเสียหาย
อ่านข่าวอื่นๆ
"เกาหลีเหนือ" ปล่อยดาวเทียมสอดแนมล้มเหลว-ตกในทะเล
"ยูเครน" ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องส่งโดรนโจมตีพลเรือน "รัสเซีย"
วันนี้ (31 พ.ค.2566) คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ตรวจพบการยิงจรวดในเกาหลีเหนือ ซึ่งสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานว่า จรวดของเกาหลีเหนือหายไปจากจอเรดาร์ ก่อนจะถึงจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งคาดว่าอาจตกลงในทะเลหรือระเบิดกลางอากาศ
หลังจากตรวจพบการยิงจรวดในเกาหลีเหนือ ทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างแจ้งเตือนภัยประชาชน โดยในเวลา 06.32 น.ตามเวลาท้องถิ่น ทั่วกรุงโซลของเกาหลีใต้ มีเสียงไซเรนดังขึ้น พร้อมทั้งมีการแจ้งเตือนผ่านเสียงตามสายและโทรศัพท์มือถือให้ประชาชนเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ แต่ในเวลาต่อมามีการชี้แจงว่าการแจ้งเตือนดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาด
ส่วนภูมิภาคโอกินาวะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีการเปิดสัญญาณไซเรนเตือนภัยเช่นกัน โดยทางการขอให้ประชาชนที่อยู่กลางแจ้งเข้าไปหลบในอาคาร แต่ในเวลาต่อมาคำเตือนดังกล่าวถูกยกเลิก เนื่องจากจรวดของเกาหลีเหนือไม่ได้ยิงผ่านเขตแดนของญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือประกาศล่วงหน้าว่ามีแผนจะปล่อยดาวเทียมสอดแนมทางการทหารดวงแรกของประเทศ ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-11 มิ.ย.นี้ และอาจทำให้มีชิ้นส่วนตกลงในทะเลเหลืองและมหาสมุทรแปซิฟิก
ขณะที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา วิจารณ์การกระทำของเกาหลีเหนือ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การใช้เทคโนโลยีปล่อยจรวดที่เหมือนและสามารถใช้ร่วมกับขีปนาวุธ รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีปได้ ถือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
อ่านข่าวอื่นๆ
"ยูเครน" ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องส่งโดรนโจมตีพลเรือน "รัสเซีย"
รัสเซียส่งโดรนถล่ม "กรุงเคียฟ" ครั้งใหญ่ช่วงวันครบรอบก่อตั้ง 1,541 ปี
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2566 ผู้นำรัสเซียระบุว่ารัสเซียยิงสกัดโดรนจากฝ่ายยูเครนเอาไว้ได้ทั้งหมด และยูเครนพุ่งเป้าโจมตีย่านที่อยู่อาศัยของพลเรือน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีโดรนหลายลำถูกส่งเข้าไปโจมตีในเมืองหลวงของรัสเซีย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกภาพขณะมีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ก่อนที่กลุ่มควันดำจะลอยขึ้นจากอาคารแห่งหนึ่งในภูมิภาคมอสโกของรัสเซีย หลังมีโดรนถูกส่งมาโจมตีในพื้นที่เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (30 พ.ค.2566) ตามเวลาท้องถิ่น
สถานีโทรทัศน์ ROSSIYA-24 ของทางการรัสเซีย รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่ายูเครนเป็นฝ่ายส่งโดรน 8 ลำ เข้ามาโจมตีกรุงมอสโก แต่ถูกยิงสกัดเอาไว้ได้หมด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โดรนบินเข้ามาโจมตีถึงกรุงมอสโกนับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุขึ้น
ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญรัสเซียลงพื้นที่อย่างน้อย 3 จุด ในกรุงมอสโก ตรวจสอบความเสียหายและเก็บหลักฐาน ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของโดรนที่ถูกส่งมาโจมตีเมื่อช่วงเช้ามืดตามเวลาท้องถิ่น หลังจากโดรนที่ถูกยิงทำลายร่วงหล่นใส่ทั้งอาคารในกรุงมอสโกและพื้นที่โดยรอบ
ขณะที่นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก ระบุว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน และอาคารหลายหลังได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านวลาดิเมียร์ ปูติน ปธน.รัสเซีย ระบุว่า ยูเครนเปิดปฏิบัติการส่งโดรนโจมตีกรุงมอสโกครั้งใหญ่ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียโจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่ด้านข่าวกรองของทหารยูเครน นอกจากนี้ ยูเครนยังต้องการข่มขู่รัสเซียและพลเรือน ด้วยการพุ่งเป้าโจมตีอาคารที่พักอาศัยของประชาชน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการก่อการร้ายอย่างชัดเจน และยังเป็นการยั่วยุให้รัสเซียลงมือตอบโต้กลับด้วยการโจมตีในลักษณะเดียวกัน
ขณะที่ เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า ชาติตะวันตกกำลังเร่งส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครน ก่อนที่ยูเครนจะเปิดปฏิบัติการโต้กลับครั้งใหญ่ พร้อมทั้งระบุด้วยว่า อาวุธของชาติตะวันตกจะไม่เปลี่ยนแปลงผลของสงครามในครั้งนี้ และหากรัสเซียตรวจพบเส้นทางลำเลียง จะเดินหน้าโจมตีทันที
ส่วนชาวรัสเซียในกรุงมอสโก ต่างคิดเห็นแตกต่างกันออกไป บางคนระบุว่า รัฐบาลยูเครนล้ำเส้นมากเกินไปและเป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกเขาพุ่งเป้าโจมตีในเมือง ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของประชาชน และไม่มีสิ่งก่อสร้างทางทหาร ขณะที่บางคนระบุว่า การโจมตีครั้งนี้สมเหตุสมผลและเป็นอะไรที่คาดเดาได้ว่าจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว
ยูเครนอ้างโดรนรัสเซียบินในกรุงเคียฟ
ทางด้านยูเครนยังคงปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น โดยที่ปรึกษา ปธน.ยูเครน ระบุว่า ยูเครนไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตีที่เกิดขึ้นในกรุงมอสโก เพราะสำหรับยูเครน เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นไม่น่าสนใจเท่ากับการยกระดับความแข็งแกร่งของระบบป้องกันภัยทางอากาศในกรุงเคียฟ
ขณะที่เมื่อวานนี้ ฝ่ายยูเครนระบุเช่นกันว่า สามารถยิงสกัดโดรนได้ 29 ลำ จากทั้งหมด 31 ลำ ที่รัสเซียส่งเข้ามาโจมตีกรุงเคียฟและพื้นที่โดยรอบเมื่อช่วงเช้ามืด ซึ่งถือเป็นการโจมตีทางอากาศระลอกที่ 3 ในรอบ 24 ชั่วโมง และเป็นครั้งที่ 17 ของเดือน พ.ค.
เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้อาคารพักอาศัยและทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย โดยทางการท้องถิ่นยูเครนระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บอีกประมาณ 13 คนหลัง
ขณะที่นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุระหว่างลงพื้นที่ว่า กรุงเคียฟถูกโจมตี 4 ครั้งในรอบ 2 วัน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น มีอาคารที่อยู่อาศัยถูกทำลายไปแล้วร่วม 800 แห่ง และชาวเมืองเสียชีวิตไปมากกว่า 160 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กมากกว่า 5 คน ซึ่งนี่ถือเป็นการก่อการร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อ่านข่าวอื่นๆ :
โซเชียลแชร์ "บางแสน" หนูชุก-วิ่งกัดนักท่องเที่ยว
#BeatPlasticPollution ยูเอ็นปักธงวันสิ่งแวดล้อมโลก “รักษ์โลก ลดพลาสติก”
วันที่ 28 พ.ค.2566 ตามเวลาท้องถิ่น รัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟของยูเครนด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้น ท่ามกลางเสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศที่ดังก้องในกรุงเคียฟ และเสียงระเบิดที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ
การโจมตีครั้งใหญ่นี้ทำให้อาคารหลายแห่ง รวมถึงโรงงานยาสูบ ได้รับความเสียหายและเกิดไฟลุกไหม้ โดยเกิดขึ้นในวันครบรอบ 1,541 ปี การสถาปนากรุงเคียฟอย่างเป็นทางการ ซึ่งชาวเมืองมักจะเฉลิมฉลองด้วยงานคอนเสิร์ต เปิดร้านขายของริมถนน ไปจนถึงนิทรรศการต่างๆ ซึ่งในปีนี้มีการวางแผนจัดงานด้วย
สื่อท้องถิ่น ระบุว่า มีอาคารที่พักอาศัยอย่างน้อย 26 แห่ง รวมถึงโรงเรียนและสถานพยาบาลในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ได้รับความเสียหายจากเหตุโจมตีครั้งนี้เช่นกัน
ด้านวิตาลี คลิทช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุว่า ครั้งนี้เป็นการโจมตีครั้งที่ 14 ของเดือนแล้ว แต่ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด โดยมีโดรนจำนวนมากมาจากหลายทิศทางพร้อมๆ กัน ซึ่งเศษซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 คน บาดเจ็บอีกหลายคน
ภาพโดรนลำหนึ่งระเบิด หลังถูกยิงตกระหว่างการโจมตีกรุงเคียฟ
ขณะที่กองทัพอากาศยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอื่นๆ ในภูมิภาคตอนกลางของยูเครน โดยเฉพาะในกรุงเคียฟ แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดโดรน kamikaze ได้ 58 ลำ จากทั้งหมด 59 ลำ แต่ยังไม่แน่ชัดว่ารัสเซียใช้โดรนโจมตีทั้งหมดเท่าใด
กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ออกมาประณามการโจมตีของรัสเซียว่า เป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน และรัสเซียจะต้องได้รับโทษ
ด้านโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวชื่นชมกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศที่สามารถสกัดโดรนรัสเซียได้จำนวนมาก และทำให้ไม่เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้
ส่วนนักวิเคราะห์ มองว่า รัสเซียพยายามทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่ยูเครนจะเปิดปฏิบัติการโต้กลับรัสเซีย ซึ่งเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของยูเครน ระบุว่า ยูเครนพร้อมที่จะเปิดปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว
อ่านข่าวอื่นๆ
"เรเซป ไทยิป เออร์ดวน" ผู้นำตุรกีชนะเลือกตั้ง ครองอำนาจต่อ 5 ปี
"รัสเซีย-ยูเครน" แลกตัวนักโทษ ที่ถูกจับระหว่างการสู้รบ
"ผู้นำเบลารุส" กล่าวเป็นนัยมีอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีแล้ว