"ทักษิณ-ประยุทธ์" วาง "ดีเอ็นเอ" คุมการเมือง-กองทัพ

Sun, 8 Sep 2024 19:46:47

ปิดฉากความขัดแย้งในอดีตเกือบ 2 ทศวรรษ สลายขั้วอำนาจทางการเมือง ผ่านการจัดตั้ง "รัฐบาลแพทองธาร" 35 รัฐมนตรี 41 ตำแหน่ง จาก 10 ขั้วพรรคการเมือง และ 1 กลุ่มการเมือง 323 เสียง เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือให้ครบเทอมในอีก 3 ปีข้างหน้า

แต่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ "การเมือง-กองทัพ" ในยุคที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 จึงจำเป็นต้องจัดวางกลไก-ยุทธศาสตร์การเมือง และความมั่นคง เพื่อป้องกันเหตุการณ์สะดุด ซ้ำรอยยึดอำนาจ รัฐประหารคนในตระกูล "ชินวัตร"

นายภูมิธรรม เวชยชัย คือหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ที่ถูกจัดวางไว้ หวังเดินเกมคุมงานด้านความมั่นคง ผ่านเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แต่เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ "การเมือง-กองทัพ" จึงเปิดดีลขั้วอำนาจเก่า ให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งเก้าอี้ รมช.กลาโหม

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ วิเคราะห์ว่า มีบิ๊กดีลข้างหลัง ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีเครือข่ายเส้นสายทางการเมืองและกองทัพ ส่วนตัวเป็นห่วงหากฝ่ายการเมือง นำกองทัพมาเป็นฐานการเมือง ด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามรุ่น หรือนำกลุ่มคนที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ มาทำงานในกองทัพ สุดท้ายอาจทำให้กองทัพขาดเสถียรภาพ อ่อนแอลง และหากกองทัพไม่ยินยอม การเมืองอาจใช้ไม้ตายตัดลดลงงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์


ขณะที่ รศ.โอฬาร ถิ่นบางเตียว รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ม.บูรพา มองการจัดสรรตำแหน่งดังกล่าวว่าเป็นการต่อรองและถ่วงดุลอำนาจกัน โดย พล.อ.ณัฐพล เป็นดีเอ็นเอของ พล.อ.ประยุทธ์ หากให้นายภูมิธรรมเข้าไปคุมกองทัพเพียงคนเดียว อาจเกิดความไม่สบายใจ

รศ.โอฬาร สะท้อนภาพว่า นายภูมิธรรม เป็นตัวแทนของนายทักษิณ ด้วยอ้างอิงเปิดทางให้จัดระเบียบกองทัพ หลังถูกปิดประตูจากกองทัพมาเกือบ 2 ทศวรรษ เพื่อป้องกันกระบวนการกองทัพส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางอำนาจการเมืองของรัฐบาล

วิเคราะห์โดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์ ไทยพีบีเอส


13 ข้อเสนอนโยบาย "รัฐบาลแพทองธาร" ครป.จี้นิรโทษกรรม

Sun, 8 Sep 2024 19:14:00

วันนี้ (8 ก.ย.2567) น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงข่าวข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี น.ส.แพทอง ธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประกอบเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในการแก้ไขปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและสังคมไทย ที่มีกำหนดที่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.2567

โดย ครป. มีความเห็นว่า รัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสานต่อและจัดทำนโยบายให้เกิดขึ้นเป็นจริง ตามพันธสัญญาที่เคยให้ไว้กับรัฐสภา และแต่ละพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลได้ให้ไว้กับประชาชนในช่วงของการเลือกตั้งที่ผ่านมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องไม่ละเลยข้อเรียกร้องที่มาจากภาคประชาสังคม โดย ครป. มีข้อเสนอ ดังนี้

1. เร่งรัดให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม อย่างอิสระเสรี โดยที่มติคณะรัฐมนตรีให้มีการออกเสียงประชามติ ด้วยคำถามที่จะขอประชามติเป็นคำถามที่ชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนสับสนซ่อนเงื่อน อาทิว่า “เห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทนฉบับปัจจุบันหรือไม่” ทั้งนี้ ให้มีการออกเสียงประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นที่กำลังจะมีขึ้น คือ ก่อนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568

2. ให้มีการปฏิรูปโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ ให้แยกเป็นอิสระจากกันชัดเจน มีความสมดุลกันอย่างเหมาะสม ขอบเขตอำนาจหน้าที่ขององค์กรควบคุม ตรวจสอบ และถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐ ทั้งจากฝ่ายตุลาการและองค์กรอิสระ มีความโปร่งใส และยึดโยงกับเจตจำนงของประชาชน

3. ให้มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสภาองค์กรชุมชนมีอำนาจการตัดสินใจในเรื่องของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเรื่องการวางแผน จัดทำโครงการ การตั้งคำของบประมาณโดยตรง และพิจารณาโอนงาน งบประมาณ และบุคลากรจากราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปสู่ราชการส่วนท้องถิ่นให้มากขึ้น

ยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาคที่ไม่จำเป็น จัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด โอนภารภิจ การงาน บุคลากร และงบประมาณส่วนภูมิภาคให้ท้องถิ่น เช่น งานตำรวจ งานสาธารณสุข งานการศึกษา งานเกษตรกรรม งานสาธารณูปโภคพื้นฐาน งานจัดการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น

4. ให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา จำเลย หรือนักโทษคดีการเมือง นักโทษที่ถูกกล่าวหาจากคำสั่งของคสช. ตลอดจนนักโทษทางความคิด ความเชื่อ หรือผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดีเพราะเหตุผลทางการเมือง โดยอาจตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคดีซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วม โดยในสถานการณ์เฉพาะหน้ารัฐบาลให้มีนโยบายปล่อยตัวชั่วคราวหรือให้มีการประกันตัวสำหรับคดีการเมืองโดยทันที

5. เร่งการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ นับตั้งแต่ ตำรวจ อัยการ รวมตลอดถึงกระบวนการพิจารณาคดีความในชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็นระบบในศาลอาญา ศาลแพ่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลทหารและระบบการจัดการดูแลผู้ต้องขังในราชทัณฑ์

6. เร่งรัดให้ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขปัญหาการผูกขาดทางการค้า และสร้างการแข่งขันทางการค้าที่เสรีเป็นธรรมอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกหาสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ มีคุณภาพ และในราคาที่เหมาะสม ตลอดจนแก้ไขปัญหาค่าแรงทั้งแรงงานในระบบ นอกระบบ แรงงานข้ามชาติ ให้ได้รับค่าแรงที่เท่าเทียม ได้รับสวัสดิการที่ดี รวมทั้งจัดการแก้ปัญหาสาธารณูปโภค น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูง โดยยุติการผลักภาระด้านต้นทุนแก่ประชาชนผู้บริโภค

7. เร่งทบทวนสัญญาและสัมปทานโครงการต่าง ๆ ที่เป็นการผูกขาด เอื้อประโยชน์ และไม่เป็นธรรม อันทำให้รัฐและประชาชนเสียประโยชน์แล้ว ขอให้รัฐบาลได้ยุติสัญญาหรือสัมปทานนั้น ๆ ทันที ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะแข่งขันในตลาด

8. ให้มีการปฏิรูปที่ดินเพื่อลดการถือครองที่ดินอย่างผูกขาดและเกินความจำเป็นไม่ว่าจะโดยรัฐหรือทุน โดยการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและที่ดินอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได ตลอดจนเร่งแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยเร่งปรับปรุงแผนที่ One Map ให้เสร็จโดยชัดเจนโดยมีส่วนร่วมจากประชาชนชุมชนเพื่อลดข้อพิพาทต่าง ๆ ตลอดจนจัดตั้งกลไกให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาไร้ที่ทำกินของประชาชน

9. ส่งเสริมการผลิตเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนและการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงการจัดระบบโครงสร้างการจัดการภาวะอุทกภัยและภัยแล้ง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และการพัฒนาพลังงานสะอาดที่มีราคาถูกและยั่งยืน

10. เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาโลกร้อน รัฐบาลควรเร่งดำเนินการจัดให้มีมาตรการที่ชัดเจนในการจัดการกับภาวะเงื่อนไขที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโลกร้อนและพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ผลิตที่กระบวนการผลิตส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ร่วมรับผิดชอบ และร่วมแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นวิกฤตการณ์ของโลกอยู่ในขณะนี้

11.มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ในตนเอง ได้อย่างอิสระ เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับสังคม เท่าทันกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศในสากลโลก ด้วยการวางสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับเด็กตั้งแต่ในครรภ์มารดา

มีระบบการศึกษาที่เปิดกว้างให้อิสระกับนักเรียนนักศึกษา ให้มีความสามารถในการคิดเอง ทำเอง พัฒนาตนเอง จากความรู้ในระบบสารสนเทศที่มีอยู่อย่างกว้างขวาง โดยการลงทุนอย่างจริงจังในระบบการศึกษา การพัฒนาครูผู้สอน การกระจายทรัพยากรทางการศึกษา และกระจายอำนาจการจัดการศึกษาในทุกระดับ ทุกมิติ อย่างมีคุณภาพ ตลอดจนสนับสนุนการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับภูมิสังคมวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่

12. ส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและเคารพในวัฒนธรรม วีถีชีวิตที่มีความแตกต่างหลากหลายและยุติการสร้างความเกลียดชังต่อผู้มีความแตกต่างทางอัตลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อ อุดมการณ์ เพศสภาวะ และเพศวิถี

13. ร่วมมือกับอาเซียน ในการพัฒนา สิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค ยุติบทบาทที่เป็นการสนับสนุนช่วยเหลือรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำสงครามเข่นฆ่าประชาชน โดยร่วมมือกับอาเซียนผลักดันให้ปฏิบัติตามฉันทมติอาเซียน 5 ข้อ

ปชช.เจ้าของอำนาจอธิปไตย

น.ส.ลัดดาวัลย์ ยืนยัน ไม่ได้คาดหวังต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลนำไปสู่การปฏิบัติจริงสักเท่าไหร่ และวันนี้ไม่ได้มาเรียกร้องให้รัฐบาลเขียนนโยบายลงในแผ่นกระดาษ เพื่อไปอ่านให้ล่องลอยไปในอากาศในรัฐสภา แต่วันนี้จะมาบอกให้รัฐบาลได้รู้ว่า นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลทราบดีอยู่แล้วว่าต้องทำและไม่เคยได้กระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่ประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะทำให้มันเกิดขึ้น ดังที่ได้มีหลายกลุ่ม หลายขบวนประชาชนหลายหมู่เหล่า ได้ออกมายืนยัน ถึงแนวทางและนโยบาย ในการแก้ไขพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้ประเทศไทยได้อยู่รอดปลอดภัยเป็นปกติสุขในท่ามกลางวิกฤตการณ์ของโลกที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

เป็นการตอกย้ำถึงความจำเป็นของการที่จะต้องทำให้นโยบายต่างๆ เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้ในประเทศนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง และมันจะเกิดขึ้นได้ ด้วยประชาชนที่พร้อมใจกันทำให้มันเกิดขึ้น หากเราจะให้ประเทศนี้อยู่รอดอย่างยั่งยืนบนโลกใบนี้

"แลนด์บริดจ์" ความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่

นายสมบูรณ์ คำแหง รองประธาน ครป. และ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนระดับชาติ (กป.อพช.) กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ เดินหน้าเมกะโปรเจคโดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์ ที่สานต่อรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แต่สิ่งที่ต้องการให้ทบทวน คือการเดินหน้าแลนด์บริดจ์เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย

จากการศึกษารายละเอียดโครงการนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศไทย เป็นโครงการที่จุดประสงค์ต้องการเชื่อมโยงการค้าขาย ถ้าสร้างเสร็จไม่มั่นใจว่าผู้ประกอบการ นักเดินเรือ มาใช้บริการ อาจจะทำให้สูญเสียทรัพยาการที่ดินกว่า 1 แสนไร่ และ อาจนำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงในการลงทุน และที่ยิ่งไปกว่านั้นโครงการนี้รัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษ

ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ทำหน้าที่ยกประโยชน์หรือยกฐานทรัพยากรของประเทศชาติให้กับกลุ่มทุนที่มาลงทุน 99 ปี

รัฐบาลใช้เวลาเกินควรจัดตั้งรัฐบาล 

นางสุนทรี หัตถี เซ่งกิ่ง รองประธาน ครป. และ กรรมการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ กล่าวถึงนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ระบุว่าประเทศไทยกำลังเจอปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย หนี้สินครัวเรือนสูง รวมถึง ทักษะแรงงานต่ำ SMEs ขาดสภาพคล่อง และ กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ได้พูดถึงสาเหตุของเกิดปัญหาเหล่านี้ ซึ่งสาเหตุมากจากการใช้เวลามากเกินไปในการจัดตั้งรัฐบาล การตกลงกันของพรรคการเมือง การช่วงชิงอำนาจกันเกือบ 2 ปี ที่ปัญหาวนเวียน

และสาเหตุการจัดการอำนาจที่ไม่ลงตัว ทำให้เกิดปัญหาต่างประเทศไม่เชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย

รัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทย และเป็นชุดที่สอง แต่นโยบายไม่ผูกพันกับนโยบายพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งตอนหาเสียง นโยบายค่าจัางขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ที่ไม่ถูกบรรจุลงในนโยบายรัฐบาลแพทองธาร

ทั้งนี้รัฐบาลมีเวลาเพียง 3 ปีในการบริหารประเทศ อยากเห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาปากท้อง สวัสดิการของประชาชน

จี้รัฐบาลให้ความสำคัญด้านมนุษยธรรม

นายวรภัทร วีรพัฒนคุปต์ กรรมการ ครป. และ คณะทำงานนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ระบุว่าอยากให้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญด้านมนุษยธรรมต่อแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งขับเคลื่อนในงานที่คนไทยไม่อยากทำ อยากให้ผ่อนผันแรงงานเหล่านั้นอยู่ในราชอาณาจักร การอนุญาตทำงาน โดยไม่ต้องใช้หนังสือรับรองบุคคล จนกว่าสถานการณ์ในประเทศเข้าสู่ภาวะปกติ

รวมถึงการตั้งคณะกรรมการศึกษาให้ประเทศไทยเข้าให้สัตยาบันอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ให้แล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้

นอกจากนี้ให้รัฐบาลส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ โดยการเร่งทำกฎหมายระบุเพศของตัวเองได้ รองรับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งจะทำให้กฎหมายสมรสเท่าเทียมสมบูรณ์แบบ

เลขา ครป. วิพากษ์ ครม.ชุดใหม่ยังมีมลทิน

นายเมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และ ผอ.สถาบันสังคมประชาธิปไตย กล่าวถึงข้อห่วงใยในรัฐบาล ว่า ครม.แพทองธาร 1 ต้องการปรับปรุงเรื่องจริยธรรม จึงได้นำปรับรัฐมนตรีเก่าที่มีข้อครหาออกไปหลายคน แต่ทั้งนี้ยังคงมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ยังมีมลทินในอดีตให้เข้ามาคุมกระทรวงคมนาคมเหมือนเดิมนั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็น ครม.หน้าตาใหม่ไร้มลทิน

โดยอ้างว่าเพราะเคยเป็นเจ้ากระทรวงเดิมที่เคยเกิดคดีทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีถูกกล่าวหาว่า ทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ฉาว และคดีซื้อแอร์บัสการบินไทย

ส่วนโยบายของรัฐบาลหลายข้อตรงกับวิสัยทัศน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกรัฐมนตรีนั้น ซึ่งถือว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่มองไกล แต่หลายเรื่องเป็นโอกาสทางธุรกิจไม่ใช่โอกาสของประเทศ จะทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์เต็มที่

ซึ่งมีความเห็นต่อวิสัยทัศน์เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืนนั้น ต้องลดรายจ่ายประชาชนเพื่อลดหนี้สินครัวเรือน โดยลดภาษีบ้านและรถยนต์ ลดอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย ลดค่าไฟฟ้าและน้ำมัน โดยการปรับโครงสร้าง และแก้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม

รัฐบาลต้องทำเศรษฐกิจให้เติบโตแต่ไม่ปรับโครงสร้างไม่ได้ เพราะโครงสร้างกระจายรายได้ไทยเหลื่อมล้ำติดอันดับโลก นโยบายเงินหมุนเวียนจากล่างขึ้นบนหรือดิจิทัลอลเล็ต จะทำให้กระเป๋าตังเจ้าสัวก้าวกระโดด ควรยกเลิกนโยบายประชานิยมแบบเติมเม็ดเงินหมุนเวียนที่กระจายรายได้เข้าสู่กลุ่มทุนใหญ่ แต่คนไทยยังเต็มไปด้วยหนี้สิน

สำหรับกรณีนโยบายการนำพลังงานใต้ดินขึ้นมาใช้ ทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ในฐานะหุ้นส่วนเหมือนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างตัวอย่างนอรเวย์ Fund และทำประโยชน์ให้ประเทศมหาศาลจากรายได้จากพลังงานของประเทศ ประเทศไทยมีแหล่งทรัพยากรมหาศาล รวมถึงในพื้นที่พิพาทไทยกัมพูชา ถ้านำมาหาผลประโยชน์ให้กับประเทศและจัดตั้งเป็นกองทุนแบบนอรเวย์ จะดีกว่าระบบสัมปทานแบบเก่า ทรัพยากรไทยมีจำนวนมากมายที่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ปัญหาอยู่ที่การกระจายทรัพยากร และการแก้ปัญหาการผูกขาดทรัพยากร

ทั้งนี้ขอคัดค้านนโยบายกาสิโนถูกกฎหมายในไทย หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครบวงจร ซึ่งถ้ามีควรไว้สำหรับต่างชาติ นักท่องเที่ยวเท่านั้นและมีการจัดเก็บภาษี เพราะถ้าอนุญาตให้คนไทยเล่นได้ทั้งหมดก็จะนำเข้าสู่ปัญหาหนี้สิน

อ่านข่าว :

เปิด 10 นโยบายเร่งด่วน "รัฐบาลแพทองธาร" ดิจิทัลวอลเล็ต-ลดราคาพลังงาน

นายกฯ พร้อมทำงานเพื่อประเทศ เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

วิป 3 ฝ่ายจ่อถกเวลาอภิปรายนโยบาย "วิสุทธิ์" ขอลดเวลาฝ่ายค้าน

 


วิป 3 ฝ่ายจ่อถกเวลาอภิปรายนโยบาย "วิสุทธิ์" ขอลดเวลาฝ่ายค้าน

Sun, 8 Sep 2024 11:45:00

วันนี้ (8 ก.ย.2567) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ก.ย.จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาล วิปฝ่ายค้านและวิปวุฒิสภา ในเวลา 10.00 น. เพื่อหารือกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้

ประธานวิปรัฐบาล คาดหวังว่าจะหารือเวลาอภิปรายลดลง จากเดิมที่เคยได้ 31 ชั่วโมงในการอภิปราย 2 วัน ด้วยเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่นานไป เพราะส่วนใหญ่เป็นนโยบายเดิมที่สานต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แม้จะมีเรื่องใหม่บ้างก็ตาม โดยจะเจรจาปรับลดเวลาอภิปรายเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเข้าปฎิบัติหน้าที่โดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายค้านและวุฒิสภา

ที่เคยเจรจากับฝ่ายค้านไปบ้างแล้วอาจจะปรับลงมา จากที่เคยได้ 14 ชั่วโมงอาจจะปรับเป็น 10 ชั่วโมงหรือ 12 ชั่วโมง เพื่อเร่งรัดการแถลงนโยบาย ให้เสร็จสิ้นและรัฐมนตรีจะได้มีเวลาไปดูแลปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า การประชุมทั้ง 2 วันจะเริ่มเวลา 09.00 น. ซึ่งหลังจากที่ตกลงเวลาได้ในวันที่ 9 ก.ย.ก็จะแบ่งเวลาให้ 3 ฝ่ายอย่างเหมาะสม โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านตั้งเป้าการอภิปรายครั้งนี้ว่าจะดุเดือดและเข้มข้นนั้น ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า ไม่มีดุเดือด เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายแถลงนโยบาย ไม่ใช่การอภิปรายงบประมาณ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะอภิปรายนโยบายควบการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน

ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะทวงสัญญาช่วงเลือกตั้งและตรวจการบ้าน 1 ปี นายวิสุทธิ์ ระบุว่า 1 ปีถ้าทำได้หมดก็เป็นเรื่องประหลาด เพราะตอนเข้ามางบปี 2567 ขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง และทุกคนก็ทราบว่าเป็นงบประมาณที่รัฐบาลเก่าตั้งไว้ ส่วนงบประมาณปี 2568 กำลังผ่านเข้าไปยังวุฒิสภา ถ้า 1 ปีทำครบสัญญาทุกอย่างก็แปลกประหลาด ซึ่งยังมีเวลาเหลืออีก 3 ปี

พร้อมยืนยันว่า ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ไม่น่ากังวล และมองว่าเป็นธรรมดาของฝ่ายค้านที่จะมีหน้าที่อภิปรายติเตียน ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจง พร้อมระบุว่าเอกสารเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงคาดว่าจะถึงสมาชิกในวันที่ 9-10 ก.ย.นี้ แต่ขณะนี้มีไฟล์เอกสารเผยแพร่ออกมาแล้ว คาดว่าสมาชิกรัฐสภาจะได้รับทราบและศึกษาในเบื้องต้นแล้ว

อ่านข่าว

เปิด 10 นโยบายเร่งด่วน "รัฐบาลแพทองธาร" ดิจิทัลวอลเล็ต-ลดราคาพลังงาน

นายกฯ พร้อมทำงานเพื่อประเทศ เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

“สนธิญา” ร้องสอบจริยธรรมนายกฯ ตั้ง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” เป็น รมต.


เปิด 10 นโยบายเร่งด่วน "รัฐบาลแพทองธาร" ดิจิทัลวอลเล็ต-ลดราคาพลังงาน

Sun, 8 Sep 2024 08:58:00

วันนี้ (8 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 12-13 ก.ย.นี้ ตามที่ประธานรัฐสภาได้บรรจุระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ

คำแถลงนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ได้แก่

นโยบายแรก ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
นโยบายที่ 2 ส่งเสริม SME
นโยบายที่ 3 ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค
นโยบายที่ 4 สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี
นโยบายที่ 5 กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นโยบายที่ 6 ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัย
นโยบายที่ 7 ส่งเสริมการท่องเที่ยว
นโยบายที่ 8 แก้ไขปัญหายาเสพติด
นโยบายที่ 9 เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม
นโยบายที่ 10 ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม

ขณะเดียวกันยังมีการดำเนินการพลิกฟื้นความเชื่อมั่นหลังประเทศไทยเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความขัดแย้งแบ่งขั้วอุดมการณ์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีนิติธรรมและความโปร่งใส ดังนี้

1. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
2. ยึดมั่นในหลักนิติธรรมและความโปร่งใส
3. ปฏิรูประบบราชการและกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
4. ยกระดับบริการภาครัฐตอบสนองความต้องการของประชาชน

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ ไปสู่ยุทธศาสตร์ที่จะเสริมสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย รักษาจุดยืนของการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ เดินหน้าสานต่อนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกและการสร้าง Soft power พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

อ่านข่าว

นายกฯ พร้อมทำงานเพื่อประเทศ เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ชื่นมื่น! "ครม.​แพทองธาร​ 1" ถ่ายรูปหมู่​​ ก่อนประชุมนัดพิเศษ

“ลุงป้อม”-“ผู้กอง” สร้างดาวคนละดวง


นายกฯ พร้อมทำงานเพื่อประเทศ เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

Sat, 7 Sep 2024 13:47:00

วันนี้ (7 ก.ย.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีแถลงข่าว ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่ดิฉันและคณะรัฐมนตรี เนื่องในวโรกาส เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีพระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "ขอให้พรด้วยความยินดี ให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน" นับเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิตของดิฉันและคณะรัฐมนตรี พร้อมน้อมนำพระราชดำรัส มาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน

อ่านข่าว : ชื่นมื่น! "ครม.​แพทองธาร​ 1" ถ่ายรูปหมู่​​ ก่อนประชุมนัดพิเศษ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศอย่างเต็มที่ คณะรัฐมนตรีทุกคน จะทำงานแข่งกับเวลา ทุกชั่วโมง ทุกวินาที ไม่ให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเราคือผู้แทนของประชาชน ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากทั่วพื้นที่ของคนทั้งประเทศ มาจากพรรคการเมืองที่มีความแตกต่างหลากหลาย ต่างภูมิภาค ต่างช่วงวัย

เร่งเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกวันนี้ปัญหาของประเทศเป็นปัญหาเรื้อรังและท้าทาย รัฐบาลจะนำปัญหาต่าง ๆ มาแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนโยบายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว นโยบายเร่งด่วน เช่น การปรับโครงการหนี้ การช่วยเหลือ SME กระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ส่วนนโยบายระยะกลาง ระยะยาว จะเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม เสริมสร้างด้านการสร้างสรรค์ และการเสริมสร้างซอฟต์พาวเวอร์ โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค และการพัฒนาคน โดย ขอให้ติดตามรายละเอียดการ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 12 – 13 ก.ย.2567 นี้ คณะรัฐมนตรีจะดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำมาโดยตลอด และการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบด้วย

นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการดูแลสินค้าเกษตรว่า เป็นสิ่งสำคัญ และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งคณะรัฐมนตรีเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุก ๆ ปี ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก คณะรัฐมนตรีแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ทุกกระทรวงดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันพร้อมที่จะทำให้ประเทศกลับมามีอนาคต และในวันนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่จะเดินหน้า ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น ก็เป็นความโชคร้ายของนายเศรษฐา ซึ่งพวกเราเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่พวกเราก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ และส่งต่อนโยบายของรัฐบาลไปสู่ประชาชน

ยืนยันอยู่ครบวาระ สานต่อนโยบายรัฐบาลสู่ประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีถึงการเริ่มการทำงานของ ครม.ชุดใหม่ที่มีเวลา 3 ปีจะมีการประเมินการทำงานสำหรับตัวนายกรัฐมนตรี และ ครม. โดยให้เวลาเท่าใดว่า การจะวัดและประเมินต่าง ๆ คิดว่าเราต้องดูกันตลอด เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าเราจะทำงานแข่งกับเวลา แต่ส่วนนโยบายและกระทรวงต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายนั้นคือนโยบายอะไร

ส่วนตัวในใจคิดไว้ว่าจะสรุปการทำงานใน 3 เดือนแรกให้กับประชาชนฟัง ซึ่งในที่ประชุม ครม. ได้ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นแยกว่าจะมีการนัดรัฐมนตรีมาคุยกันทุกอาทิตย์ แต่ก็สลับกระทรวงกันไปและให้เวลาเรียบร้อยแล้วว่าจะสะดวกช่วงไหนเผื่อรัฐมนตรีจะอยากปรึกษาเรื่องการทำงานให้เป็นไปอย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้ทุกคนพอมอบหมายอะไรไปแล้วเราไม่สามารถติดตามได้ว่าถึงไหน ซึ่งทุกคนมีความตั้งใจจะทำทุกนโยบายอยู่แล้วก็คิดว่าจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดผลงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นนโยบายที่เคยปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาลมาแล้วก็ค่อนข้างที่จะคล้ายเดิมและนโยบาย ครั้งนี้ก็มีการปรึกษากับพรรคร่วมเช่นกันจะเป็นนโยบายที่ต่อเนื่องกับรัฐบาลนายเศรษฐา และเป็นความเห็นของคณะรัฐมนตรีทุกคนสามารถที่จะมีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะคำปรับแก้ต่าง ๆ จะทำให้รัฐบาลดำเนินนโยบายได้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ นโยบายที่ได้รวบรวมในแถลงอยู่ในเล่มนี้ก็เป็นนโยบายที่ใช้ตั้งแต่หาเสียงและได้ตกลงกับพรรคร่วม จนมาถึงวันนี้ขอพูดได้เลยว่าค่อนข้างที่จะเหมือนเดิมมีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและมั่นใจว่าจะสามารถทำนโยบายให้สำเร็จและรัฐบาลอยากทำงานให้ครบ 3 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการทำงาน 

ส่วนกรณี กลุ่มบุคคลจ้องที่จะฟ้องร้องอีกหลายคดีที่จะตามมานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีคดี พอมีคดีก็จะพยายามรับมือให้ได้ดีที่สุด และจริง ๆ แล้วไม่อยากมีคดี เพราะลูกยังเล็กอยู่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทำทันทีนั้นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้นทันทีเพราะเป็นข้อแรกที่จะต้องเน้นย้ำและผลักดันต่อไป

อ่านข่าว :

ในหลวง พระราชทานกำลังใจ ครม.ใหม่ "ภูมิธรรม" เผยเป็นสิริมงคล

นายกฯ เข้าทำเนียบครั้งแรก นำ รมต.ถวายสัตย์ - ครม.ใหม่คึก


ชื่นมื่น! "ครม.​แพทองธาร​ 1" ถ่ายรูปหมู่​​ ก่อนประชุมนัดพิเศษ

Sat, 7 Sep 2024 10:02:00

วันนี้ (7 ก.ย.2567) น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลในเวลา 09.00 น​ ก่อนที่จะเดินจากตึก​สันติ​ไมตรี​ทำเนียบรัฐบาล​ พร้อมกับคณะรัฐมนตรีมายังด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อถ่ายรูปหมู่ ครม. แพรทองธาร​ 1

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินนำคณะรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยมายังตึกบัญชาการ​ 1 เพื่อนำประชุมคณะรัฐมนตรีมาเปลี่ยนชุดผ้าไทยสีเหลือง​ ก่อนที่จะประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษหารือแนวนโยบายร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา​ ในวันที่​ 12-13 ก.ย.นี้​ 

ขณะที่นายปิฎก​ สุขสวัสดิ์​ สามีนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาให้กำลังใจที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆว่า มาให้กำลังใจภริยา

ด้านนายเฉลิมชัย​ ศรีอ่อน​ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ เปิดเผยว่า​ พรรคจะเสนอนโยบายที่แถลงไปแล้ว 4 ข้อก่อนที่จะเข้าร่วมรัฐบาล​ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องการดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร แต่ไม่ได้บอกว่าจะต้องเป็น นโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตร ขอแค่ดูแลเกษตรกร

ส่วนนายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์​ เปิดเผยว่า​ กลุ่มผู้สูงอายุและคนพิการยังสามารถพัฒนาศักยภาพไปได้อีก​ เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาประเทศ​ ซึ่งตนมั่นใจว่าจะถูกบรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐบาล

ขณะที่รัฐมนตรีที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มของ น.ส.นฤมล​ ภิญโญสินวัฒน์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ , นายอิทธิ​ ศิริลัทยากร​ , นายอัครา​ พรหมเผ่า​ รมช.เกษตรและสหกรณ์​ โดยนางนฤมลเปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้นๆ​ ว่า​ จะขอทำงานอย่างเต็มที่ และขอให้มีการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อน แล้ว จะมีการแถลงเรื่องงานในกระทรวงอีกครั้ง

อ่านข่าว :

นายกฯ เข้าทำเนียบครั้งแรก นำ รมต.ถวายสัตย์ - ครม.ใหม่คึก

ในหลวง พระราชทานกำลังใจ ครม.ใหม่ "ภูมิธรรม" เผยเป็นสิริมงคล


ในหลวง พระราชทานกำลังใจ ครม.ใหม่ "ภูมิธรรม" เผยเป็นสิริมงคล

Fri, 6 Sep 2024 20:16:09

วันนี้ (6 ก.ย.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยได้เข้าไปตึกสันติไมตรี หลังนอก พร้อมถ่ายรูปเซลฟี่กับรัฐมนตรีอย่างอารมณ์ดีจากนั้นออกจากตึกสันติไมตรีเพื่อเดินทางกลับ 

ทั้งนี้นายกฯ ยังได้ทักทายสื่อมวลชนที่มารอว่า “ทำไมยังไม่กลับกันอีก ทานข้าวกันหรือยัง ไปทานข้าวกัน พรุ่งนี้ยังมีอีก” ก่อนขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล

"ภูมิธรรม" ซาบซึ้งในหลวงพระราชทานกำลังใจ ครม.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้พร เป็นสิริมงคล เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก ให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ ตนซาบซึ้งในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ตรัส

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเข้ากระทรวงกลาโหมเมื่อไหร่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากไม่ก่อนวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาก็หลังจากนั้น 

อ่านข่าว : นายกฯ เข้าทำเนียบครั้งแรก นำ รมต.ถวายสัตย์ - ครม.ใหม่คึก

"อนุทิน" ยังไม่แบ่งงาน รมช. 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางออกมาจากตึกสันติไมตรี พร้อม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้มีการแบ่งงานให้ น.ส.ซาบีดา หรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า “ตอนนี้ให้กินยาแก้ โควิด-19 ก่อน”

ขณะที่ น.ส.ซาบีดา ได้ตอบกลับมาทันทีว่า “ตอนนี้หายแล้วค่ะตรวจไม่ขึ้นแล้ว ที่เจอเป็นเพียงแค่ซากเชื้อ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการแบ่งงานรัฐมนตรีใหม่ว่า ขอรอแถลงนโยบายรัฐบาลให้เรียบร้อยก่อน ในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ เมื่อแถลงนโยบายเสร็จรัฐมนตรีก็จะได้ทำงานเต็มรูปแบบ การแบ่งงานก็จะเริ่มขึ้นทันทีหลังจากนั้น

ส่วนที่มีรัฐมนตรีช่วยผู้หญิงมาอยู่ในกระทรวงถึงสองคนนั้นจะทำให้การทำงานสดใสขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า น่าจะมีความซอฟต์ๆ เหมือนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของนายกรัฐมนตรี

“กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่มีความเกี่ยวข้อง กับวิถีชีวิตของประชาชน เราได้สุภาพสตรีมากำกับดูแลในฐานะรัฐมนตรีช่วยถึงสองท่าน คงจะใช้การขับเคลื่อนที่เต็มไปด้วยพลัง ที่มีความซอฟต์ละมุน” 

"สมศักดิ์" รมต.สมัย 17 เตรียมดันโรค NCDs นโยบายธงใหญ่ของรัฐบาล

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายที่จะขับเคลื่อนหลังจากนี้ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า NCDs หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ​ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วนเป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มโรคเหล่านี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากมายมหาศาล เราจึงต้องทำเรื่องนี้ และจะผลักดันให้เป็นธงใหญ่ของ สธ. โดยแนวทางดำเนินการนั้นเราจะให้ความรู้กับคนทั่วประเทศ เพื่อป้องกันโรคเหล่านี้ อาทิ การกิน การประพฤติตัว การออกกำลังกาย โดยจะใช้ อสม.เป็นแกนหลักในการดำเนินการ

ส่วนการเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ ถือเป็นสมัยที่ 17 แล้วส่วนการแบ่งงานรัฐมนตรีช่วยว่าการ​นั้น นายสมศักดิ์​ กล่าวว่า​ เดี๋ยวค่อยคุยกัน

"พิชัย" เผยนั่งเก้าอี้พาณิชย์เตรียมภารกิจเร่งด่วนแก้ราคาสินค้าแพง 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังจากเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ว่าในการทำงานของกระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดการทำงานในหลายเรื่องที่เป็นปัญหากระทบกับประชาชน เรื่องแรกคือการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงโดยต้องไปดูในเรื่องของต้นทุนสินค้าว่า สินค้านั้นมีต้นทุนสินค้าที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมต้องเรียกผู้ประกอบการมาคุยกันว่าจะลดราคาสินค้าลงอย่างไรเพื่อให้ประชาชนไม่เดือดร้อน

เรื่องต่อมาคือเรื่องของสินค้าจีน ซึ่งทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากก็ต้องดูว่าเรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยตอนนี้มีหลายมาตรการที่ออกมาแล้ว ก็ต้องมาดูว่ามาตรการที่ออกมาแล้วสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องออกมาตรการเพิ่มและจะออกมาตรการอย่างไร

นอกจากนั้นในเรื่องต่างประเทศต้องเร่งเรื่องของการเจรจาความตกลงเขตเสรีการค้ากับต่างประเทศ (FTA) ซึ่งถ้าประเทศไทยมีข้อตกลง FTA มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้เรามีการลงทุนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ในการลงทุนของต่างประเทศที่เป็นโอกาสของไทยก็ต้องมีการเร่งรัดให้มีการค้าและการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หรือ “PCB” (Print Circuit Board) ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการลงทุนอย่างมากและจะเป็นการเติบโตที่เป็นนิวเอสเคิร์ฟใหม่ของประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมามีการลงทุนกว่า 1.5 แสนล้านบาท และหากมีการส่งเสริมที่ดีจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นล้านล้านบาทได้เลยเนื่องจากมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องเป็นคลัสเตอร์ที่จะมีการลงทุนเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนใหม่ๆนี้จะช่วยเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออกของประเทศไทยได้ในอนาคต

“สินค้าเหล่านี้จะช่วยเพิ่มการส่งออกที่เป็นสินค้าใหม่ๆที่มีมูลค่าสูง การจ้างงานก็จะดีขึ้นและค่าแรงของคนไทยก็จะดีขึ้น เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้จ้างงานได้กว่า 40,000 บาทต่อเดือน หรือถ้าเป็นวิศวกรในสาขานี้ก็สามารถที่จะมีเงินเดือนเป็นแสนๆบาทได้เลย” นายพิชัย กล่าว

"สรวงศ์" พร้อมออก "มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว" ปลายปี

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รับพร้อมมอบนโยบาย ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ปลายปี 2567 รับช่วงไฮซีซัน ส่วนกีฬา ขอโฟกัสการเตรียมความพร้อมไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2025

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า คาดว่าในวันที่ 9 ก.ย.จะเดินทางเข้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ และน่าจะหารือกับผู้บริหารของกระทรวง จากนั้นจึงมีการมอบนโยบายการทำงานอย่างเป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้มองว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2567 โดยจะขอหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่า จะต้องมีเรื่องอะไรที่ต้องผลักดันอีกบ้าง โดยขอเวลาพิจารณาข้อมูลเก่าก่อนว่า มีมาตรการอะไรที่ทำแล้วจะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้น

“นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาช่วงเวลานี้ก็ใกล้เข้าสู่ช่วง High Season หรือฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว ก็ต้องเร่งทำเพื่อรองรับช่วงนี้ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับการกระตุ้นไทยเที่ยวไทยด้วย”

อย่างไรก็ตามงานเร่งด่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะต้องเน้นดูเรื่องการเปิดตลาดการท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายของรัฐบาลเดิมที่ได้มีการเปิดตลาดเอาไว้เบื้องต้นแล้วหลายประเทศ พร้อมกันนี้ยังต้องเพิ่มศักยภาพของการท่องเที่ยวในประเทศ หรือกระตุ้นไทยเที่ยวไทยมากขึ้นกว่าเดิม เพราะหากทำได้จะช่วยกระจายรายได้ไปยังชุมชน และประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่

ส่วนการกำกับดูแลงานด้านกีฬาของรัฐบาลนั้น ในระยะสั้นจะให้ความสำคัญกับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปี 2568 โดยรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการเข้าไปขับเคลื่อนการเตรียมตัวรองรับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของไทย

อ่านข่าว :

นโยบายเพื่อไทย จาก "เศรษฐา" ถึง "แพทองธาร"

"ทรงศักดิ์-ซาบีดา" ติดโควิด "อนุทิน" แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ

 


นายกฯ เข้าทำเนียบครั้งแรก นำ รมต.ถวายสัตย์ - ครม.ใหม่คึก

Fri, 6 Sep 2024 16:26:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีเริ่มทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยก่อนเวลานัดหมาย น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีทั้งคณะจะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ อย่างพร้อมเพรียงในวันนี้ เวลา 18.15 น.

และในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ย.) เวลา 09.15 น. จะมีการถ่ายภาพหมู่ บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะประชุม ครม.นัดพิเศษในเวลา 10.00 น. โดยภายหลังการประชุม ครม. จะมีการแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรี

โดยเมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางมาถึงเป็นคนแรก

จากนั้น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่ารู้สึก ดีใจเป็นธรรมดาที่ได้กลับเข้ามาทำเงียบอีกครั้ง , ก่อนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางมาถึงตามลำดับ

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงในเวลา 14.40 น. โดยได้ทักทายสื่อมวลชนและหยุดให้ถ่ายภาพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ผายมือมาทางสื่อมวลชน พร้อมบอกว่า “สื่อมากันเยอะ ทำให้ตื่นเต้น” และยื่นมือมาให้ผู้สื่อข่าวจับ พร้อมถามว่า มือเย็นมั้ย ก่อนจะถูกแซวว่า “ไม่ตื่นเต้นเลย แต่มือเย็นมาก”

โดย น.ส.แพทองธาร บอกว่า “แอร์ในรถเย็น” พร้อมชี้มือไปที่พระอาทิตย์ บอกว่า “อากาศหนาว” และก่อนจะเดินขึ้นไปยังตึกสันติไมตรี

จากนั้นรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้ทยอยเดินทางมา อย่างพร้อมเพรียง ส่วนนายทรงศักดิ์ ทองศรี และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้เดินทางมาร่วมคณะ โดยทั้งสองคนได้สวมหน้ากากอนามัย หลังตรวจพบเชื้อโควิด-19 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่แยกให้เข้าด้านหลังตึกสันติไมตรีหลังนอก

ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี ได้จัดเตรียมรถตู้ไว้ทั้งหมด 9 คัน สำหรับนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมดเดินทางไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยรถตู้คันแรก เป็น Volkswagen ทะเบียน ฮอ7743 กทม. ซึ่งจะเป็นรถที่นายกรัฐมนตรีนั่ง โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ร่วมนั่งไปด้วย

"ชูศักดิ์" รับผลพวงจริยธรรมทำเกิด ครม.สืบสันดาน มองเรื่องธรรมดา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอธิบายคำว่าสืบสันดานทางกฎหมายว่า นั้นมีจริง เขาเรียกว่าเป็นบุพการีผู้สืบสันดาน เป็นคำในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายต่างๆ ซึ่งตนเข้าใจว่าการที่นำมาเปรียบเทียบกันคงจะเปรียบในทางการเมือง แต่ในทางกฎหมาย หมายความว่าหากบุพการีไม่อยู่ และไม่สามารถทำหน้าที่ได้ก็ให้ผู้สืบสันดานทำหน้าที่แทน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องในทางกฎหมาย เบื้องต้นมองว่าเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะเรามีพรรคการเมือง ซึ่งแต่ละพรรคก็ได้โควตาที่แตกต่างกันไป ระบบก็เป็นเช่นนี้

ขออย่าไปซีเรียสอะไรเลย กับเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามว่าการนำมาเปรียบเทียบเช่นนี้แรงไปหรือไม่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เป็นศัพท์ธรรมดา แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงศัพท์ทางการเมืองที่ใช้กัน เหมือนกับในช่วงปีใหม่ที่ทางผู้สื่อข่าวจะมีการตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรี ก็ให้มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เมื่อสภาพการเมืองไทยเป็นเช่นนี้ มีพรรคการเมือง มีคณะรัฐมนตรี เราจะไปขอให้พรรคเพื่อไทย ตั้งโควตารัฐมนตรีทั้งหมดก็คงไม่มีใครเล่นด้วย ก็จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

เมื่อถามว่าเป็นผลพวงมาจากคำว่าจริยธรรมของการวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จึงใช้วิธีการสืบสันดานเพื่อแก้ไขปัญหาใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า จะมองอย่างนั้นก็ได้ เพราะเมื่อวาน (5 ก.ย.) ตนก็บอกไปแล้ว ว่าบางถ้อยคำอาจมีปัญหา อาจจะต้องปรับต้องแก้ ซึ่งก็แล้วแต่มุมมอง ตนจึงอยากให้ทุกคนมองเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเมือง อย่าไปเครียดอะไรมาก

เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการแก้เกม ของขั้วอำนาจเดิมใช่หรือไม่นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่อย่าไปมองอย่างนั้น ให้มองเป็นเรื่องปกติธรรมดาจะสบายใจกว่า

อ่านข่าว : นายกฯ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ เย็นวันนี้

"ธีรรัตน์" ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ยันดู กทม.ไม่ได้ทวงพื้นที่คืนให้เพื่อไทย

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วย การกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ว่า ได้รับการแต่งตั้งและได้รับความไว้วางใจ ตนก็ภูมิใจและดีใจมากๆ ถือเป็นสิ่งที่เราทำงานมาโดยตลอด และได้ก้าวเข้าไปสู่ในจุดที่มีโอกาสในการทำงานมากขึ้น ก็จะทำให้ดีที่สุด ในฝ่ายของบริหาร ซึ่งคิดว่าวันนี้ ประเทศของเรา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแลจัดการ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนได้มาร่วมกัน ระดมกำลังระดมความคิดเห็น ทำให้ประเทศพัฒนาขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญและตนยินดีมากๆ

เมื่อถามถึงการแบ่งงานในสัดส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่จะมาดูแลกรุงเทพมหานครจะเป็น การทวงคืนพื้นที่กรุงเทพมหานครให้กับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ น.ส.ธีรัตน์ กล่าวว่า คงไม่ได้คิดว่าจะมาทวงคืนอะไร แต่การมาทำหน้าที่ตรงนี้ จะทำให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้เป็นเมืองหลวงของทุกคนจริงๆ ให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นภารกิจที่เราจะตั้งใจทำงานมากกว่า

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่จะต้องไปทำงานในกระทรวงที่เป็นกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาล น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนมีความตั้งใจเดียวกัน เพื่อให้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน มีความมุ่งมั่นตั้งใจให้ประชาชนยอมรับ ในผลงานของเราก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจากการพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้แนะนำหลายอย่าง นายอนุทินก็บอกว่า ถ้าได้เข้ามาทำก็ถือว่าดีเลยจะได้เข้าไปช่วยกัน

อ่านข่าว :

จับกระแสการเมือง : วันที่ 6 ก.ย.2567 "แพทองธาร" หืดจับ ว่ายฝ่ากระแสคลื่นสึนามิ 11 คำร้อง "ลุงป้อม" รีเทิร์น หัวหน้า พปชร.

"ทรงศักดิ์-ซาบีดา" ติดโควิด "อนุทิน" แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ


เก็บหลักฐานชิ้นส่วนซากเครื่องบินเพิ่ม หาสาเหตุตกที่บางปะกง

Fri, 6 Sep 2024 15:04:43

จากเหตุการณ์ เครื่องบินเล็ก รุ่นคาราวาน C208 เที่ยวบิน TFT209 สุวรรณภูมิ-เกาะไม้ซี้ จ.ตราด ตกกลางป่าบริเวณหมู่ 6  ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้สูญหายไปพร้อมกับซากเครื่องบิน 9 คน นั้น 

อ่านข่าว : เปิดไทม์ไลน์เครื่องบินตกบางปะกง จนท.เร่งค้นหาชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่ม

วันนี้ (6 ก.ย.2567) คณะกรรมการสอบสวนกรณีเกี่ยวกับอุบัติเหตุของอากาศยาน (AAIC) พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางปะกง ลงพื้นที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานจากซากเครื่องบินเพิ่ม เพื่อนำไปประกอบการวิเคราะห์หาสาเหตุเครื่องบินตก ก่อนจะมีการวางแผนการเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนซากเครื่องบินทั้งหมดออกจากพื้นที่ ที่เป็นที่ดินของเอกชน โดยสายการบินได้ประสานกับเจ้าของที่ดินเพื่อเยียวยาด้านผลกระทบ

เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้หน่วยงานเร่งเคลื่อนย้ายซากเครื่องบินออกจากจุดเกิดเหตุทั้งหมดโดยเร็ว เพราะที่ดินผืนนี้กว่า 20 ไร่ เตรียมเก็บไว้เพื่อขายต่อในอนาคต

ส่วนผลการตรวจเปรียบเทียบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ จากการชันสูตรหาสารพันธุกรรม (DNA) กับทางญาติของผู้สูญหายทั้ง 9 คน ล่าสุดสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้ยืนยันผลตรวจตรงกับผู้เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งญาติได้ดำเนินการแจ้งขอออกใบมรณบัตร ที่สำนักทะเบียน อำเภอบางปะกง และนำชิ้นส่วนผู้เสียชีวิต ไปประกอบพิธีทางศาสนา

อ่านข่าว : "มารีญา" กับแนวคิดสีเขียว One Health เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

"ชัยวุฒิ” รับ "ไพบูลย์" เหมาะนั่งเลขาฯ "พปชร." แทน "ธรรมนัส"

สรุปเหรียญพาราลิมปิก 2024 วันที่ 6 ก.ย. จีนรั้งอันดับ 1 ไทยอันดับ 18


จับกระแสการเมือง : วันที่ 6 ก.ย.2567 "แพทองธาร" หืดจับ ว่ายฝ่ากระแสคลื่นสึนามิ 11 คำร้อง "ลุงป้อม" รีเทิร์น หัวหน้า พปชร.

Fri, 6 Sep 2024 14:59:00

ประเดิม เริ่มทำงาน "รัฐบาลแพทองธาร" อย่างเป็นทางการ วันที่ 14 ก.ย.2567 หลังผ่านพิธีถวายสัตย์ฯ ประชุม ครม.นัดพิเศษ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 12-13 ก.ย. เดินหน้าต่อ หลังก่อนหน้านี้ ได้มีการแบ่งงานให้กับ 6 รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว โดย "บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ทำหน้าที่กำกับดูแล ทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรีและพรรคฯ อย่างเดียว แต่เป็นไฟเขียวผ่านตลอดจาก "ทักษิณ ชินวัตร" เจ้าของพรรคตัวจริง อีกด้วย

ส่วน "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม นอกจากกำกับดูแล งานกระทรวงคมนาคมแล้ว ยังข้ามห้วยมากำกับหมวดงานด้าน สังคม วัฒนธรรมและสาธารณสุข อีก 3 กระทรวง คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นรองนายกฯ ที่ได้คุมงานกระทรวงที่มีความสำคัญไม่น้อย แม้จะดูลักลั่นกับงานหลักด้านคมนาคมก็ตาม

ขณะที่ "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะกำกับดูแลงานในส่วนของกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับภารกิจเพิ่มเติม 3 กระทรวง แต่ผิดฝาผิดตัวงาน เมื่อได้เข้ามากำกับกระทรวงพญานาค เพิ่มเติม

ด้าน "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับดูแลงานด้านสังคม กระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองนายกฯ อีกคนหนึ่งเข้ามารับภารกิจในงานที่ตรงข้ามสายที่เคยรับผิดชอบ โดยเฉพาะ ทส. และ พม. ที่ไกลเกินประชาชนจะได้รับประโยชน์

รองนายกฯ ค่ายภูมิใจไทย "อนุทิน ชาญวีรกูล" ไม่ได้ถูกล้วงลูก ทำหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย และกระทรวง ในสังกัดตามโควตา 4 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ

เช่นเดียวกับรองนายกฯ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เป็น รมว.พลังงาน กำกับดูแล กระทรวงอุตสาหกรรม ,สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, และกระทรวงยุติธรรม แต่ยกเว้น "กรมสอบสวนคดีพิเศษ" ที่พรรคเพื่อไทยจะดูแลเอง โดยอาจอยู่ในส่วนสำนักนายกรัฐมนตรี

ถือเป็นสึนามิการเมืองลูกใหญ่ที่ "รัฐบาลแพทองธาร" จะต้องเจอ เมื่อฝ่ายค้านนอกสภา ชิงความได้เปรียบยื่นคำร้องให้ตรวจสอบทั้งเรื่องจริยธรรมและผลประโยชน์ โดยเฉพาะหลังจากมี บุคคลปริศนา ยื่นคำร้องกับคณะกรรมการเลือกตั้งคนเดียว 6 คำร้อง ทั้งขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย เหตุทักษิณครอบงำพรรคเสนอชื่อ "พิชิต ชื่นบาน", ให้มีคำสั่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยพ้นจากตำแหน่ง เหตุทักษิณ ครอบงำพรรค,ให้ถอดถอน แพรทองธาร ชินวัตร เหตุปล่อยให้มีการเสนอชื่อ "พิชิต ชื่นบาน" เป็น รมต. ,ให้ยุบพรรคร่วม ปมเข้าประชุมตั้งรัฐบาลใหม่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า, ให้ถอดถอนนายกฯ ปมถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ และให้สอบปมทุจริตเข้าเรียนจุฬาฯ แล้ว

ยังมีขาประจำอย่าง "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีก 3 คำร้อง คือ ตรวจสอบแพทองธาร เป็นพนักงานของรัฐฝ่าฝืนมาตรา 128 หรือไม่ (เป็นประธานซอฟต์พาวเวอร์), รับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเขาใหญ่, และการลาออกจากกรรมการ 20 บริษัทฯ

ล่าสุด (6 ก.ย.2567) "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เตรียมฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ต่อ กกต.ในประเด็น การควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรคเพื่อไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างยกร่างคำร้อง กำลังรวบรวมหลักฐานใกล้สมบูรณ์แล้ว คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเข้ายื่นคำร้องได้

แม้งานนี้ "นายกฯแพทองธาร" จะไม่ได้ถูกฟ้องโดยตรง แต่หมอวรงค์ บอกว่า ได้ยินนายกฯ ของประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สื่อหลายประเด็น และขอเอาประเด็นสำคัญมาพูด

“…สงสารนายกฯ บ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว และก็ตั้งใจทำงานเต็มที่…”

หมอวรงค์ ระบุว่า เรื่องฟ้องร้อง ถ้าไม่ทำอะไรผิด จะไปกลัวอะไร กฏหมายมีไว้ควบคุมคนให้ปฏิบัติตาม แต่ถ้าคุณปล่อยให้พ่อ ตั้งใจทำผิดกฏหมาย คนที่เขาเรียกร้องความถูกต้อง การเคารพกฏหมาย ก็ต้องฟ้องร้องเป็นเรื่องธรรมดา

ควันไฟกองเท่ายังไม่มอด ก็จุดฟืนกองใหม่ "สนธิญา สวัสดี" อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบความซื่อสัตย์สุจริต และ การฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ของ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , "ดชอิศม์ ขาวทอง" รมช.สาธารณสุข และ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี กรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ทั้ง 2 คน เป็นรัฐมนตรี

โดยระบุว่า ได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐตรี มาเป็นบรรทัดฐานเพื่อให้อัยการสูงสุดประกอบการพิจารณา

ไเหตุที่ยื่นขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพรทองธาร เนื่องจากเป็นผู้เซ็นแต่งตั้งบุคคลทั้ง 2 คน เป็นรัฐมนตรี จึงต้องยื่นเอกสารขอให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับจริยธรรมการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นจริยธรรมร้ายแรง และอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญที่มีการวินิจฉัยล่าสุด เพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องไปยังศาลธรรมนูญภายใน 30 วัน"

ปิดท้ายด้วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลังจากจากหัวหน้าพรรคฯ ได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ได้รับเลือกให้กลับมาเป็น หัวหน้าพรรคตามเดิม หลังมติที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เลือกกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ จำนวน 23 คน โดยมี "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เป็นเลขาธิการพรรค ส่วนรองหัวหน้า มี 8 คน ตามลำดับ คือ สันติ พร้อมพัฒน์, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, ตรีนุช เทียนทอง, อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

หลังเสร็จสิ้นการเลือกกรรมการบริหารพรรค ลุงป้อม "พล.อ.ประวิตร" ระบุว่า ต่อไปนี้พลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียว จะไม่มีการกลั่นแกล้งกันอีกแล้ว วิธีการบริหารจะปรับใหม่โดย ให้รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้คุมพื้นที่ เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน

ขณะที่ "ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" บอก พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิมเพียงแต่เน้น ให้ชัดเจนถึงอุดมการณ์และแนวทางการทำงานต่อไป ที่จะสู้ในอนาคต คนที่อยู่สู้กับพรรค ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานการเมืองต่ออยู่แล้ว มีอุดมการณ์ร่วมกัน ส่วนคนที่ไม่อยู่ก็ออกไปแล้ว

"...ที่เกิดปัญหารอบนี้ ไม่ได้เกิดจากภายในพรรคเพียงอย่างเดียว แต่มีบุคคลภายนอกพรรคเข้ามาครอบงำ เข้ามาสั่งการ สร้างเงื่อนไข ทำให้เกิดปัญหา ให้เกิดความแตกแยกในพรรค ... แบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายไม่ใช่กระบวนการ ทางการเมืองแบบตรงไปตรงมา และทำให้เกิดปัญหากับพรรคพลังประชารัฐ แต่ผ่านไปแล้วก็ไม่พูดถึง เราต้องทำงานต่อไป"

 อ่านข่าว

“สนธิญา” ร้องสอบจริยธรรมนายกฯ ตั้ง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” เป็น รมต.

แฟนเก่าจุดไฟเผาร่างจนเสียชีวิต อาลัยนักวิ่งโอลิมปิกทีมชาติยูกันดา


“สนธิญา” ร้องสอบจริยธรรมนายกฯ ตั้ง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” เป็น รมต.

Fri, 6 Sep 2024 14:32:09

วันนี้ (6 ก.ย.2567) นายสนธิญา สวัสดี ยื่นหนังสือที่สำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบความซื่อสัตย์สุจริตและการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากกรณีที่นายกฯ แต่งตั้งให้ทั้ง 2 คนเป็นรัฐมนตรี

นายสนธิญา เปิดเผยว่า ได้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐตรี มาเป็นบรรทัดฐาน เพื่อให้อัยการสูงสุดประกอบการพิจารณา

นายสนธิญา มองว่าพฤติกรรมของนายเฉลิมชัยและนายเดชอิศม์ ขาดคุณธรรมและความสุจริต จากกรณีที่เคยหาเสียงและพูดว่า “คำไหนคำนั้น” อีกทั้งเคยพูดกับประขาชนว่าถ้าไม่ได้ สส.เกิน 52 คนจะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันกลับดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถือว่าทำผิดสัญญาประชาคม รวมถึงกรณีเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ต่างประเทศ ซึ่งขณะนั้นนายทักษิณ ยังเป็นผู้ต้องหาทางคดี

ส่วนสาเหตุที่ยื่นขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรีที่เซ็นแต่งตั้งบุคคลทั้ง 2 คนเป็นรัฐมนตรี จึงเป็นที่มาของการร้องยื่นเอกสารขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับจริยธรรมการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นจริยธรรมร้ายแรงและอาจขัดกับรัฐธรรมนูญที่มีการวินิจฉัยล่าสุด เพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องไปยังศาลธรรมนูญภายใน 30 วัน

อ่านข่าว

นายกฯ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ เย็นวันนี้

"ชัยวุฒิ” รับ "ไพบูลย์" เหมาะนั่งเลขาฯ "พปชร." แทน "ธรรมนัส"

นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน


นายกฯ นำ ครม.ใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ เย็นวันนี้

Fri, 6 Sep 2024 13:34:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในเวลา 18.15 น. และตามกำหนดการในวันที่ 7 ก.ย. นายกฯ จะนั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อขอความเห็นชอบร่างนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาฯ

มีรายงานว่า คำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งต้องนำนโยบายแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลมาผสมผสานกัน จากนั้นจะนำไปหารือในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่านโยบายใดสามารถนำไปใช้ได้ รวมถึงนโยบายกัญชาทางการแพทย์ของพรรคภูมิใจไทย

ขณะที่บรรยากาศทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางเข้ามาในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาด ตัดหญ้า ตกแต่งต้นไม้บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า

ส่วนภายในของตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกฯ หลังจากมีการนำชุดโต๊ะทำงานเดิมสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเตรียมไว้ ล่าสุดมีการนำชุดโต๊ะทำงานกลับไปเก็บไว้ที่บ้านพิษณุโลกเช่นเดิมแล้ว โดยใช้โต๊ะทำงานชุดใหม่ที่เตรียมมาเอง

อ่านข่าว

พปชร.เคาะ 24 กก.บห. "บิ้กป้อม" คัมแบคนั่งหัวหน้า "ไพบูลย์" เลขาธิการ

"ทรงศักดิ์-ซาบีดา" ติดโควิด "อนุทิน" แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ

สภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท


พปชร.เคาะ 24 กก.บห. "บิ๊กป้อม" คัมแบคนั่งหัวหน้า "ไพบูลย์" เลขาธิการ

Fri, 6 Sep 2024 13:05:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) หลังประชุมสามัญพรรคพลังประชารัฐเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าพรรคพลังประชารัฐต่อไปนี้เป็นหนึ่งเดียวจะไม่มีการแตกแยกกันอีกแล้ว และหลังจากนี้จะเปลี่ยนวิธีการบริหารพรรคใหม่ โดยจะให้รองหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดูพื้นที่ และให้ เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน และพรรคพลังประชารัฐจะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งทำยกมือพนมขึ้นเหนือศีรษะกล่าวว่า

“พรรคพลังประชารัฐจะยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ จะปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ จะทำเศรษฐกิจที่ทันสมัย ทำให้ประชาชนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีชีวิตสดใสขึ้นเราจะช่วยกันทำเพื่อพรรคของเราจะได้เข้มแข็งต่อไป ประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุขต่อไป” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เปิดเผยผลการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 24 คน คือ

ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย

  1. นายสันติ พร้อมพัฒน์
  2. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
  3. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง
  4. นายอุตตม สาวนายน
  5. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
  6. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์
  7. นายชัยมงคล ไชยรบ
  8. นายอภิชัย เตชะอุบล 

ส่วนกรรมการบริหารพรรค 12 ประกอบด้วย

  1. นายอนันต์ ผลอำนวย
  2. นายทวี สุระบาล สส.ตรัง
  3. นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช
  4. นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย
  5. น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ
  6. นายคอซีย์ มามุ ส.ส.ปัตตานี
  7. นายอัครวัฒน์ อัศวเหม
  8. นายยงยุทธ สุวรรณบุตร
  9. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย
  10. ชาญกฤช เดชวิทักษ์
  11. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี
  12. นายวัน อยู่บำรุง

"บิ๊กป้อม" เสียงแข็งบอกสื่อเรื่อง "ธรรมนัส" โยนให้ถามเจ้าตัวเอง

พล.อ.ประวิตร เปิดเผยถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา อดีตเลขาธิการพรรค จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้ โดยระบุว่า "เรื่องของธรรมนัสก็ไปถามธรรมนัสสิ"

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินเข้ามายังจุดที่ได้เตรียมให้สัมภาษณ์ พร้อมกล่าวย้ำอุดมการณ์พรรคว่า เรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันดับแรก ก่อนยกมือไหว้ขึ้นท่วมหัว

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบกรณี ของ ร.อ.ธรรมนัส อีกครั้ง แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนเดินขึ้นรถเดินทางกลับ พร้อมโบกมือให้กับสมาชิกพรรค

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมกรณีที่สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร กรณีใช้มือตบบริเวณศีรษะผู้สื่อข่าว เหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นั้น โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และจะได้เสนอเรื่องร้องเรียนต่อที่ประชุมคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ 2563 ข้อ  23 ที่จะมีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับการส่งเสริมและควบคุมให้เป็นไปตามจริยธรรมตามข้อ 25 

อ่านข่าว : 

"พล.อ.ประวิตร" ลาออกหัวหน้า พปชร. เปิดทางเลือก กก.บห.ชุดใหม่

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส.

"ยุทธพล อังกินันทน์" ลาออกทุกตำแหน่ง "พรรคชาติไทยพัฒนา"


"ทรงศักดิ์-ซาบีดา" ติดโควิด "อนุทิน" แจงนายกฯ ยังไม่แบ่งงานรองนายกฯ

Fri, 6 Sep 2024 12:26:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ยอมรับว่ารัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 คน​ คือนายทรงศักดิ์ ทองศรี​ และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ซึ่งจากผล RT-PCR 2 ครั้ง​ ยืนยันว่าติดโควิด-19 โดยกระบวนการหลังจากนี้แม้ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณและต้องเข้าไปถวายสัตย์ปฏิญาณอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง​ ซึ่งจะเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัย แต่ตนก็จะทำงานแทนไปพรางๆ ก่อนเพราะรับผิดชอบทั้งกระทรวงอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐมนตรีว่าการจะต้องเป็นผู้กำกับดูแลอยู่ดี

ขณะที่การแบ่งงานให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ขอดูความเหมาะสมก่อน พร้อมระบุว่า​ ไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างเยอะจากสมัยของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ ซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทย โดยให้กำกับดูแล กรมพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่คุมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งขึ้นมา ตั้งแต่สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร​ เป็นนายกรัฐมนตรี

รวมไปถึงมอบหมายให้กำกับดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถือว่าในทางการเมือง​ พรรคเพื่อไทยกับกรุงเทพมหานคร​ มีความคุ้นเคย และ น.ส.ธีรรัต​น์​ เป็น สส.กรุงเทพมหานคร จึงควรได้ดูกรุงเทพมหานคร แต่ทั้งหมดต้องออกเป็นคำสั่งแบ่งงาน หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อน

ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้มีการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นว่ามีการแบ่งงาน

เมื่อถามต่อว่ามีข่าวว่าจะได้ดูกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยดูแล นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอนผมก็ต้องคุมกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลอยู่กระทรวงการอุดมศึกษา​ วิทยาศาสตร์​ วิจัยและนวัตกรรม​ หรือ​ อว. ศึกษาธิการ และแรงงาน แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียกมาแบ่งงานแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของพรรคภูมิใจไทย มีการวางตำแหน่งไว้แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องสับไพ่ใหม่ เพราะว่าเป็นคนละรัฐบาล ตนก็ต้องปรับความคิดตัวเองเหมือนกัน อันนี้ไม่ใช่การต่อเนื่องเรานั่งอยู่ในกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลเศรษฐา แต่ตอนนี้เป็น มท. 1 ภาค 2 แล้ว จึงต้องดูโครงสร้างวางตำแหน่งแห่งหนทั้งหลาย ตำแหน่งข้าราชการการเมือง ก็ต้องดูให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน หากว่าไปแล้ววาระรัฐบาลนี้เหลือไม่ถึง 3 ปี ก็จะครบเทอม ก็ต้องวางคนหน้าที่การงานให้เหมาะสม

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ก็คิดๆ อยู่ ส่วนจะเป็นคนเดิมหรือไม่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล ก็ทำงานได้ดี

ส่วนตำแหน่งรองประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทยจะเป็นคนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขออย่ายึดติดกับของเดิม เอาอย่างนี้ดีกว่า นี่รัฐบาล น.ส.แพรทองธาร แล้ว ต่อให้เป็นคนเดิมก็ต้องตั้งใหม่ มันไม่มีทางเหมือนเดิม 100% หรอก

อ่านข่าว : 

สภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

นโยบายเพื่อไทย จาก "เศรษฐา" ถึง "แพทองธาร"

นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน


"พล.อ.ประวิตร" ลาออกหัวหน้า พปชร. เปิดทางเลือก กก.บห.ชุดใหม่

Fri, 6 Sep 2024 11:02:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี ครั้งที่ 2 /2567 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคร่วม 800 คน เพื่อพิจารณาแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม และแต่งตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเพิ่มเติม หลังจากที่มีการลาออกกันไปหลายคน เช่น ตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่เดิม เป็นของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

เมื่อเวลา 08.13 น.พล.อ.ประวิตรได้เดินทางถึงพรรคพลังประชารัฐ สวมใส่เสื้อคลุมพรรคสีขาว ไม่ได้มีการพูดคุยใด ๆ และเดินขึ้นห้องรับรองไปทันที

จากนั้นบรรดากรรมการบริหารพรรคในสัดส่วนของ พล.อ.ประวิตร ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุม เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ , นายไพบูลย์ นิติตะวัน , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ , น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนสมาชิก นายสุธรรม จริตงาม ,นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ , นายอภิชัย เตชะอุบล ,นายยงยุทธ สุวรรณบุตร , น.ส.กาญจนา จังหวะ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม

ในประชุมวันนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเวลา 10.30 น. พล.อ.ประวิตร ได้เปิดเผยว่า กระบวนการวันนี้ตนเองจะลาออกจากหัวหน้าพรรคก่อน เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือก กรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด โดยจะมีจำนวนเท่าเดิม 20 คน และเมื่อเข้าสู่การประชุม นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้กล่าวถึงอุดมการณ์หลักของพรรคพลังประชารัฐก็คือปกป้องสถาบันฯ ทันสมัย เศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส โดยหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง

สำหรับบรรยากาศภายในพรรคก่อนเริ่มการประชุมได้เปิดวีดีโอพรีเซนเทชั่น เพลงมาสร้างสรรค์ร่วมทำให้เป็นหนึ่งเดียว เนื้อหาเพลงสื่อความหมายจากวันนี้ “พรรคพลังประชารัฐ” พร้อมจับมือทุกคนก้าวเดินไปยังจุดหมาย และร่วมกันทำเพื่อประเทศไทยของเรา ขับร้องโดย จอห์น รัตนเวโรจน์ หรือ จอห์น นูโว (NUVO)ซึ่งเป็นการประมวลภาพรวมการทำงานและลงพื้นพบประชาชนของ พล.อ.ประวิตร และสส.ของพรรค

ขณะที่สมาชิกที่มาร่วมประชุมได้มีการชูป้ายพร้อมตะโกนให้กำลังใจว่า "ลุงป้อมสู้ๆ" ซึ่งตลอดทางเดินเข้าสู่ห้องประชุม พร้อมมอบพวงมาลัยดอกดาวเรืองคล้องคอ พล.อ.ประวิตรด้วย

อ่านข่าว : "ชัยวุฒิ” รับ "ไพบูลย์" เหมาะนั่งเลขาฯ "พปชร." แทน "ธรรมนัส"  

"ธรรมนัส" หัวใจเพื่อไทย ยกก๊วนพปชร.นั่งโซนเก้าอี้รัฐบาล 

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส. 

 


"ชัยวุฒิ” รับ "ไพบูลย์" เหมาะนั่งเลขาฯ "พปชร." แทน "ธรรมนัส"

Fri, 6 Sep 2024 10:06:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพรรคพลังประชารัฐ ว่า การเลือกกรรมการบริหารพรรควันนี้ เป็นการเลือกแทนตำแหน่งที่มีคนลาออกไป และเลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม เพื่อมาช่วยกันทำงาน ซึ่งยังไม่ทราบว่า มีจำนวนกี่คน ส่วนตนและกรรมการบริหารพรรคคนเก่า ที่ยังไม่ลาออกจะอยู่เหมือนเดิม

ส่วนผู้ที่ลาออกจากตำแหน่งไป จะทำงานร่วมกันอย่างไม่มีปัญหาใช่หรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงคนกลุ่มนี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะเป็นการขับออกหรือจะอยู่กันแบบนี้ เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ การทำงานจะมีปัญหาหรือไม่ยังบอกไม่ได้

ส่วนกระแสข่าวที่ข่าวที่ว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค จะเป็นเลขาธิการพรรค แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น นายชัยวุฒิกล่าวว่า คงต้องรอดูการประชุม แต่ส่วนตัวมองว่า ผู้ที่เป็นเลขาธิการพรรค จะต้องเป็นผู้ที่สามารถทำงานกับหัวหน้าพรรคได้

รวมถึงสามารถขับเคลื่อนงานของพรรคได้ในหลายหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การประสานงานกับ สส. ซึ่งคิดว่านายไพบูลย์ มีความเหมาะสม แต่จะได้รับการยอมรับจากทุกคนในพรรคหรือไม่ ตนคงไม่สามารถตอบแทนได้

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกับกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ที่มีการลาออกจากกรรมการบริหารพรรค และย้ายตำแหน่งนั่งในที่ประชุมสภาฯ และส่วนตัวตอบไม่ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งประชาชนดูออกและสามารถตัดสินใจเองได้ ส่วนอะไรที่มันถูกต้องมันก็เหมาะสม แต่อะไรที่ไม่ถูกต้องดูแล้วขัดอารมณ์ก็ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ทำอะไรอย่างลูกผู้ชายตนว่าเหมาะสม แต่ทำอะไรที่ไม่เป็นลูกผู้ชายก็ไม่เหมาะสม

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐหากไม่มีกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ก็จะสามารถเดินต่อได้ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า “ก็เดินอยู่เนี่ย” เมื่อถามว่า พฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ลูกผู้ชายใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิว่า อะไรที่มันเป็นลูกผู้ชายมันก็ชัดเจน ส่วนอะไรที่ไม่ไม่ใช่ลูกผู้ชายทำอะไรแบบไม่ตรงไปตรงมา คนก็ไม่ยอมรับแค่นั้น ซึ่งตนหมายถึงสังคมที่จะไม่ยอมรับ ส่วนตนเองพูดในเชิงหลักการ

อ่านข่าว : "ธรรมนัส" หัวใจเพื่อไทย ยกก๊วนพปชร.นั่งโซนเก้าอี้รัฐบาล  

"ธรรมนัส" หัวใจเพื่อไทย ยกก๊วนพปชร.นั่งโซนเก้าอี้รัฐบาล

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส. 

 

 


สภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

Thu, 5 Sep 2024 22:12:00

วันนี้ (5 ก.ย.67) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3,752,700 ล้านบาท

ที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย. ก่อนลงมติเมื่อเวลา 21.48 น. โดยผลลงคะแนนเห็นด้วย 309 ต่อ 155 เสียง, งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 1 จากจำนวนผู้ลงมติ 469 คน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ในฐานะผู้แทนรัฐบาล กล่าวขอบคุณสภาฯ ที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาต่าง ๆ ทั้งนี้จะนำข้อคิดเห็น คำแนะนำและข้อเสนอแนะของสมาชิกไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงหน่วยงานรับงบประมาณ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน

นอกจากนี้ นายสุริยะ ยังกล่าวขอบคุณกรรมการวิสามัญทุกคนที่ให้ความสำคัญเสียสละเวลาและร่วมมือในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฉบับนี้อย่างเต็มที่ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยข้อสังเกตของคณะกรรมการวิสามัญเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ รัฐบาลจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพตามหลักความคุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ พร้อมขอให้มั่นใจว่างบประมาณที่อนุมัติจะนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ตามแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลติดตามการใช้จ่ายงบให้มีความโปร่งใสและบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายที่กำหนดไว้

หลังจากสภาฯ ให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะส่งร่างไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณา ซึ่งวุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน นับแต่วันรับร่าง โดยมีรายงานว่า ประธานวุฒิสภาจะบรรจุระเบียบวาระการประชุมในวันที่ 9-10 ก.ย.นี้

อ่านข่าว

จ่อแก้มาตรฐานทางจริยธรรม “ของแสลง” นักการเมือง

นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน

"ชูศักดิ์" คาดรับผิดชอบงานกฎหมาย เล็งแก้รัฐธรรมนูญ


นโยบายเพื่อไทย จาก "เศรษฐา" ถึง "แพทองธาร"

Thu, 5 Sep 2024 20:36:41

วันเสาร์ที่ 7 ก.ย.นี้ ครม.นัดพิเศษ เตรียมลงมติเห็นชอบนโยบายรัฐบาล ซึ่งต้องเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ก่อนนำไปแถลงต่อรัฐสภา เพื่อรับไม้ต่อจาก "ครม.เศรษฐา" คาดการณ์ว่านโยบายรัฐบาลเพื่อไทย 2 ยังคงโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ไว้ และน่าจะเพิ่มเติมเรื่องการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร และกัญชาเพื่อการแพทย์

นโยบายรัฐบาลเพื่อไทย 2 ที่จะแถลงต่อรัฐสภา 12 ก.ย.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ ยังคงเน้นสานต่อนโยบายเดิมของรัฐบาลเพื่อไทย 1 แต่ต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้ชัดเจนขึ้น

มาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับพลังงาน-ไฟฟ้า-น้ำมัน,การผลักดันการท่องเที่ยว,รถไฟฟ้าตลอดสาย 20 บาท, ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 รวมถึง 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว และยังคงมี ซอฟต์พาวเวอร์ มวยไทย-อาหารพื้นเมือง ตลอดจน แก้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5

การบริหารจัดการน้ำ เป็นวาระแห่งชาติ, การแก้ปัญหาหนี้สิน ทั้งหนี้บัตรเครดิต-พักหนี้เกษตรกรและหนี้นอกระบบ, การแจกโฉนดที่ดินทำกิน ผ่าน One Map, การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ทั้งเรื่องการพูดคุยสันติสุข รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด เครือข่ายของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดและการลักลอบผ่านแนวชายแดน, เปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ รวมถึงการผลักดันกฎหมายและการแก้รัฐธรรมนูญ

ส่วนนโยบาย เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย, การลงทุนเพื่อบริหารจัดการน้ำ การถมทะเลบางขุนเทียนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ รวมถึงเมกะโปรเจกต์ โครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะเชื่อมต่อทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ยังไม่ชัดเจน จะถูกบรรจุในนโยบายรัฐบาลเพื่อไทย 2 หรือไม่

เช่นเดียวกับ นโยบาย กัญชาเพื่อการแพทย์ นโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย ด้วยหลักการที่แตกต่างกับพรรคเพื่อไทย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันถึงการหารือและทำความเข้าใจกันแล้ว เหลือเพียงแค่การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ยังตั้งใจว่า ไม่ว่าอะไรที่เป็นการลงทุนที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไว้อยู่แล้วนั้น ก็พร้อมจะสานต่อ-ทำต่อ อย่างแน่นอน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุนกับต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีนโยบายของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ที่เสนอเข้ามา เช่น เสนอจัดระเบียบสังคม ประชาชนปลอดภัย , กระจายอำนาจการเงินการคลังสู่ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น , ขยายพื้นที่ พัฒนาระบบประปาและน้ำดื่มสะอาด , สนับสนุนให้ประชาชนมีระบบโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน

ตามกำหนดการ ครม.แพทองธาร 1 นัดประชุม ครม.นัดพิเศษ เสาร์ที่ 7 ก.ย.นี้ เพื่อลงมติเห็นชอบนโยบายรัฐบาล ซึ่งต้องเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ก่อนนำไปแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ เพื่อรับไม้ต่อจาก ครม.เศรษฐา ได้ตามกฎหมายกำหนด

อ่านข่าว :

นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส.

"ซาบีดา" ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หลังถูกปรามาสนั่ง รมช.แทนพ่อ


นายกฯ ชี้ใช้คำแรงไป "ครม.สืบสันดาน" ย้ำตั้งใจทำงาน

Thu, 5 Sep 2024 19:03:00

วันนี้ (5 ก.ย.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงภาพรวมหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ดี และดีมาก ๆ เลย เพราะคิดว่า ทุกคนมีความพร้อมที่จะเข้ามาประสานงานต่อ ซึ่งเป็นพลังที่มารวมกัน และทำงานให้ประชาชน เพื่อให้ประเทศได้ไปต่อ ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนมีทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ ทุกคนมีความพร้อม

ส่วนจะมีการตั้งเงื่อนไขเวลาเพื่อวัดผล KPI การทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่มี

ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่ใช้บุคคลสืบต่อกันแบบครอบครัว ซึ่งอาจมีการใช้คำที่แรงว่า ครม.สืบสันดาน ทำให้ น.ส.แพทองธาร ร้อง “โห” ก่อนบอกว่า “แรงจริงด้วย ใช้คำแรงจัง” พร้อมระบุว่า จริงๆ แล้วมีอยู่หลายรูปแบบ และมีหลายคนที่ไม่ใช่ครอบครัว และมีหลายคู่ที่เป็นครอบครัว ถ้าอยากให้มองในเรื่องของความตั้งใจที่ถ่ายทอดกันมาผ่านคนใกล้ชิดคนรู้จัก เพราะว่า หลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน อาศัยความภาคภูมิใจของคนข้าง ๆ เพราะฉะนั้นความเป็นครอบครัวไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า ที่ทำให้เห็นว่า เคยมีบุคคลหนึ่งทำงานเพื่อประเทศชาติแบบนี้ ทำให้อีกคนหนึ่งในครอบครัวมีแรงผลักดันให้ทำเช่นนี้

ในขณะที่คำว่าครอบครัวก็ส่งผลให้มีคนไปร้องเรื่องครอบงำ น.ส.แพทองธาร ได้ขอให้นักร้องสงสารนายกรัฐมนตรีบ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะ เพราะตนเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ มีความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ความสำคัญอะไรมาก ซึ่งคนฟ้องก็อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย

ส่วนข้อวิจารณ์ต่างๆ จะทำให้เกิดความบั่นทอนจิตใจในการทำงานหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า ไม่ เพราะทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ หากวิจารณ์ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช้อารมณ์ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยอมรับว่า สิ่งนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้จึงอยากขอให้กำลังใจกันบ้าง

ครม.สืบสันดาน เป็นวาทกรรมการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุถึงภาพรวม ครม.แพทองธารว่า ส่วนใหญ่คณะรัฐมนตรีชุดนี้ตำแหน่งหลักๆ ยังคงเป็น ครม.ชุดเดิม ดังนั้นภาพรวมคงเป็นการต่อยอดนโยบาย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

แต่ในช่วงระหว่างการทำงานตามระยะเวลาที่เหลือของสภาชุดนี้ ยังสามารถผลักดัน นโยบายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติได้อยู่แล้วด้วยความร่วมมือกันของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค

ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็น ครม.สืบสันดานนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เป็นหนึ่งในวาทกรรมทางการเมือง และหากมองเป็นศัพท์ทางกฎหมาย ถือว่า เป็นคำที่มีการระบุในกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งวาทกรรมเหล่านี้ควรจะหมดไปได้แล้ว

พร้อมย้ำว่า คนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีได้จะต้องมีการตรวจสอบประวัติ ดูถึงเรื่องคุณวุฒิ-วัยวุฒิและวุฒิการศึกษา กรณีพรรคภูมิใจไทย ที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ถอนตัวไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีชุดนี้ ก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องส่งลูกสาวมาเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น

แต่ในฐานะที่นายชาดา เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อน จึงให้สิทธิ์ในการนำเสนอ และเมื่อนำมาเสนอมาแล้ว ก็ได้ดู ประวัติ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ทั้งการศึกษา การทำงาน ส่วนตัวและการเมือง มั่นใจว่ามีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ที่จะทำงานด้านนี้ได้

สำหรับการแบ่งงานในกระทรวงมหาดไทยโดยหลักไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก ซึ่ง น.ส.ซาบาดี ขณะนี้อายุ 39 ปี แต่สมัยเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกไม่อยากคุยว่าอายุ 36 ปี เท่านั้น

อ่านข่าว :

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส.

"ชูศักดิ์" คาดรับผิดชอบงานกฎหมาย เล็งแก้รัฐธรรมนูญ

ครม.ชุดใหม่มี “สุภาพสตรี” มากสุด "วราวุธ" มั่นใจคนรุ่นใหม่ทำงานเป็นทีม

"ซาบีดา" ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หลังถูกปรามาสนั่ง รมช.แทนพ่อ


ยุทธพล อังกินันทน์ ขอเว้นวรรค พักใจ (การเมือง) ชั่วคราว

Thu, 5 Sep 2024 18:47:09

"ป็อบ" ยุทธพล อังกินันทน์ ถือเป็นรายที่ 3 ของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ตบเท้าลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ภายใต้การนำของ "ท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคฯ หลังก่อนหน้านี้ "ศ.ดร.สันติ กีระนันท์" รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และ "รัฐชทรัพย์ นิชิด้า" กรรมการยุทธศาสตร์ และประชาสัมพันธ์ อดีตที่ปรึกษาของ "ประภัตร โพธสุธน" เลขาธิการพรรค ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกชาติไทยพัฒนาและตำแหน่งต่าง ๆ ในพรรคทั้งหมด โดยมีการยื่นใบลาออกต่อ นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลเพียงสั้น ๆ ว่า ต้องการไปทำงานในธุรกิจส่วนตัว

แม้ชาติไทยพัฒนาจะเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก แต่ได้ร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาถึงยุครัฐบาลเพื่อไทย "เศรษฐา ทวีสิน" และ "แพทองธาร ชินวัตร" โดยยังเป็นพรรคที่ได้โควตาดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยระยะทางที่ผ่านมา "ยุทธพล" มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ "ท็อป" วราวุธ มาโดยตลอด

ยุทธพล เล่าว่า เข้าสู่สนามการเมืองเพราะการชักชวนของ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย โดยขณะนั้น เป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี และได้ลาออกมาเมื่อปี 2552 จนถึงวันนี้รวมเวลา 15 ปี เคยเป็นเลขานุการฯ ของนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา โดยทำงานการเมืองอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา มาโดยตลอด อย่างที่เขียนในเฟซบุ๊ก ส่วนตัวว่า มี "ความสุข" "เต็มใจ" และ "เต็มที่" และได้รับประสบการณ์ที่มีค่ามากมายสำหรับชีวิตของ "เด็กท้องถิ่น" คนหนึ่ง ที่ได้รับความไว้วางใจจากนายบรรหาร นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 และนายชุมพล ที่มีให้

ยุทธพล เคยเป็น สส.เพชรบุรี 1 สมัยเมื่อปี 2554 ครั้งนั้นได้รับหน้าที่เป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล และเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ในการเลือกปี 2557 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดเพชรบุรี และได้คะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนั้น แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต่อมาในปี 2562 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขตอีกครั้ง แต่ไม่ได้รับเลือกเข้ามา

"ช่วงที่หัวหน้าพรรค เป็น รมว.ทส. ผมก็เป็นที่ปรึกษา ทำงานเคียงคู่มาตลอด สาเหตุที่ผมลาออกไม่ใช่พราะกลัวว่าพรรคฯ จะถูกยุบจากเหตุการณ์ไปบ้านจันทร์ส่องหล้า เหมือน 2 คนที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ แต่เหตุที่ออกเพราะพรุ่งนี้ รัฐมนตรีใหม่ จะเข้าทำงานแล้ว ผม-ชุดทำงานเดิม ก็หมดวาระ เลยถือโอกาสลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคชาติไทยพัฒนา"

ยุทธพล บอกว่า ขณะนี้ในพรรคฯ มีคนใหม่และคนเก่งเข้ามาทำงานเยอะ ก็ต้องเปิดโอกาสให้คนใหม่ได้แสดงฝีมือ อย่างไรก็ตาม หลังจากลาออกในช่วงเช้าที่ผ่านมาก็มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ สส. จากหลายพรรคการเมืองโทรมาพูดคุยและให้กำลังใจ มีบางพรรคได้ชวนไปอยู่ด้วย แต่ยังไม่ได้พูดคุย ช่วงนี้อยากหยุดเว้นวรรคและพักใจ ไปชั่วคราวจากการเมืองไปก่อน ค่อยคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร แต่ส่วนตัวยังไม่เลิกเล่นการเมืองแน่นอน

ส่วนโอกาสกลับไปเล่นการเมืองท้องถิ่นนั้น ยุทธพล บอกว่า ขณะนี้มี 2 สนามที่น่าสนใจ คือ นายก อบจ.และนายกเทศมนตรี ในปี 2568 แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ตอนนี้กลับมาบ้านเพชรบุรี เลี้ยงหลานและทำธุรกิจส่วนตัวไปก่อน หลังพักหายเหนื่อยแล้ว ค่อยว่ากันอีกครั้ง

"ช่วงก่อนจะลาออก ได้ติดต่อไปที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เพื่อขอคำปรึกษาและจะได้ถือโอกาสกราบลา แต่ได้รับแจ้งว่า หากมีอะไรให้คุยผ่านทางแชตไลน์ได้ ก็เลยได้แจ้งความประสงค์ไป อยู่พรรคชาติไทยพัฒนามา 15 ปี ก็รู้สึกผูกพันกับพรรคฯ และทุกคนในพรรคฯ ที่ผ่านมามีปัญหาอะไร ผมก็พร้อมชนและรับหน้าให้ได้ แต่เมื่อลาออกก็คงไม่ได้กลับไปอีกแล้ว แต่ถ้าในวันข้างหน้าพรรคฯ ไม่เหลือใคร และอยากให้ผมกลับไปช่วย ก็พร้อม"

ส่วนการหาพรรคสังกัดใหม่นั้น ยุทธพล บอกว่า ยังไม่ได้คิด แม้จะมีหลายพรรคมาจีบ ทันทีที่ทราบว่า ลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา แล้ว แต่อย่างที่บอกว่า อยากเว้นวรรค เพื่อพักใจในช่วงนี้ไปก่อน

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :

"ยุทธพล อังกินันทน์" ลาออกทุกตำแหน่ง "พรรคชาติไทยพัฒนา"

"ธรรมนัส" เร่งดูข้อกฎหมายหาช่องพ้น พปชร. ให้คงสถานะ สส.

จำคุก "สมหญิง" อดีต สส.เพื่อไทย 3 ปี 4 เดือน ทุจริตสนามฟุตซอล