ปชป.งดออกเสียงหนุนนายกฯ 4 คน "ชวน" บอกต้องถามพ่อสอบผ่านหรือไม่

Wed, 26 Mar 2025 13:20:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) ภายหลังการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงมาที่ห้องพยาบาลอาคารรัฐสภา เพื่อพบแพทย์ตรวจตาด้านซ้ายที่มีอาการบวมแดง เมื่อสอบถามอาการ นายชวน เปิดเผยว่า หมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร

สำหรับการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชวน กล่าวว่า ได้ลงมติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนงดออกเสียง พร้อมย้ำจุดยืนที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้ว่าแน่นอนมาตั้งแต่ต้น เมื่อประชุมพรรคก็ได้ขออนุญาตพรรค

นายชวน ยังระบุว่า อภิปรายตลอดทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ตนรับฟัง และขอแสดงความยินดีกับทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยคานอำนาจตรวจสอบกันและกันตามปกติ ส่วนคำชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร เป็นอย่างไรนั้น นายชวน กล่าวว่า ต้องไปถามพ่อเขา ก่อนอมยิ้ม

ส่วนจะให้คะแนนการทำหน้าที่ของประธานของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อย่างไรนั้น นายชวน กล่าวว่า ตนก็ให้กำลังใจสำหรับบุคคลที่ทำหน้าที่ประธานตนก็เข้าใจและเห็นใจ

ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์

ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์

กรณีของนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งถูกชื่นชมว่าทำหน้าที่อย่างโดดเด่นนั้น นายชวนกล่าวว่า เขาทำหน้าที่ของเขาทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ภายใต้เงื่อนไข ตนว่าทุกคนก็ทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ รัฐบาลก็ใช้โอกาสในการชี้แจง บางเรื่องต้องยืนอยู่บนความเป็นจริง เช่น กรณีที่นายกฯ พูดถึงบิดา โดยปกป้องว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่เป็นการหนีคดี นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศไม่มีใครไปแกล้งท่าน เป็นเรื่องการหนีคดีอาญาที่เกิดจากข้อหาทุจริตและศาลตัดสินก็เลยหนีคดีไป ซึ่งสังคมก็ต้องเข้าใจความจริงที่แต่ละฝ่ายให้ข้อมูลด้วย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 เสียงที่งดออกเสียง ประกอบด้วย 1.นายชวน หลีกภัย 2.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน 3.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  4.นายสรรเพชญ บุญญามณี

อ่านข่าว :

ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

"ปูอัด" แจงโหวตหนุนนายกฯ ชื่นชมแก้คอลเซนเตอร์ ยันไม่ใช่ต่อรองคดี

ถอดมติ 319 เสียง โหวตไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ


"ณัฐพงษ์​" ยืนยันศึกซักฟอก "นายกฯ" ไม่เสียของ

Wed, 26 Mar 2025 13:07:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะหัวหน้าผู้นำฝ่ายค้าน​ นำ​ สส.พรรค แถลงภายหลังที่ประชุมสภามีมติไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้ทำหน้าที่ต่อโดยระบุว่า ผลการลงมติที่ออกมาพรรคฝ่ายค้านถือว่าครบถ้วน

ในส่วนของพรรคประชาชน มี 2 คน ที่ทราบสถานะ คือ​ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีการแอดมิดส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) และนายสิริน สงวนสิน สส.กทม.มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งได้ติดตามดูอยู่ด้วยความเป็นห่วง ส่วนที่เหลือก็ต้องติดตามกันดูในพรรคร่วมฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า ภายหลังการลงมติเสร็จแล้ว​ระหว่างถ่ายรูปได้คุยอะไรกับนายกฯบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนที่ตนไปถ่ายรูปตั้งใจไปถามคำถามให้นายกฯชี้แจงในหลาย ๆ อย่าง จากที่เมื่อคืนยังไม่ได้ชี้แจง ตนตั้งใจจะไปถามนายกฯโดยตรง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอะไร นายกฯก็แค่ยิ้ม และถ่ายรูป

เมื่อถามย้ำว่า ตั้งใจจะไปถามเรื่องอะไรกับนายกฯ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เวลาสั้น ๆ ที่เดินไปแสดงสปิริตเมื่อสักครู่นี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ตนจะไปไล่ถามทุกคำถาม

ผมก็ถามสั้น ๆ ประโยคสั้น ๆ ว่า ท่านนายกฯครับ เมื่อวานที่ได้รอนายก ฯ ชี้แจง ผมก็ย้ำนายกฯหลายครั้ง เมื่อคืนให้ท่านชี้แจง ท่านก็กลับเงียบ และไม่ได้ชี้แจงใด ๆ ได้แต่ยิ้มและหันหน้าขึ้นไปถ่ายรูป

ส่วนประเด็นที่จะโรยเกลือต่อที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (​ป.ป.ช.) ​นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กำลังพิจารณาเรื่องข้อกฎหมายซึ่งมีหลายประเด็น

ยุทธการโรยเกลือยังมีช่องทางอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนในกรรมาธิการ หรือไปยื่นตามที่ต่าง ๆ ซึ่งมีตามมาแน่นอนไม่ต้องห่วง โดนอยู่ระหว่างพูดคุยกันภายในพรรคว่าจะจัดการอย่างไรต่อ พร้อมย้ำว่า เริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้ทันที ก่อนมาแถลงข่าวนี้ก็ประชุมกันในพรรคมีการพูดคุยกันหลายประเด็นแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนต่อต้านการที่นายกฯถูกถอดถอนโดยศาลหรือองค์กรอิสระแต่วันนี้จะทำเอง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นจุดยืนของเรามาโดยตลอด​ เราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม รวมถึงกระบวนการที่สืบถอดมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ในการกลั่นแกล้งทางการเมือง ดังนั้น ที่ยังไม่ลงรายละเอียดมากเพราะเรากำลังดูช่องทางที่ถูกต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช้กลไกที่เราไม่เห็นด้วย จึงต้องดูในรายละเอียดก่อน

ผมเชื่อว่ามีหลายช่องทางที่เราสามารถดำเนินการทำได้ เช่น เรื่องภาษีถึงแม้ไม่ต้องร้องเรียนต่อหน่วยงานต่าง ๆ แต่การทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยการนำข้อมูลมาเปิดเผยในสภาฯ ก็สามารถทำให้ครอบครัวของนายกฯจ่ายภาษีได้ ทุกคนก็จะได้ประโยชน์ รวมถึงยังมีอีกหลายช่องทางมากมาย เป็นสิ่งที่พวกเราศึกษากันอยู่

เมื่อถามว่า นายกฯเรียกร้องให้พรรคประชาชนประกาศจุดยืนไปเลยว่า จะไม่จับมือกับพรรคไหนบ้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาชนชัดเจนมาโดยตลอด ในสภาฯชุดนี้ จะไม่มีการไปร่วมรัฐบาลแน่นอน ตนคิดว่าการที่เรามีความชัดเจน เราก็พูดชัดเจนอยู่แล้ว

แต่ในมุมกลับกันตนต้องถามจุดยืนทางเมืองของนายกฯเช่นเดียวกันว่า จุดยืนของท่านเป็นอย่างไร ดูย้อนแย้งหรือตรงข้ามกับสิ่งที่เคยเป็นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดหรือไม่ ฉะนั้น ยังเร็วไปที่จะถามคำถามนี้ เราเห็นมาโดยตลอดแต่ละพรรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาฯชุดปัจจุบัน อาจจะมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป บางทีก็ย้ายไปฝั่งรัฐบาลบ้าง ฝั่งฝ่ายค้านบ้าง ฉะนั้น จุดยืนเราไม่เคยเปลี่ยน

เมื่อถามย้ำว่า ช่วงไหนถึงจะพอดีกับการที่จะประกาศว่า ร่วมกับพรรคไหน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รอมีกระแสใกล้ ๆ ช่วงมีการยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ช่วงนั้นอาจจะมีความชัดเจนมากขึ้น

เมื่อถามว่า หลังจากอภิปรายครั้งนี้จะต้องปกป้องคนในพรรคด้วยหรือไม่ เพราะออกมาแฉเรื่อง IO กองทัพ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่พวกเราไม่อยากเห็น คือ การถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหรือฟ้องปิดปาก

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้คงไม่ได้ยับยั้งการทำหน้าที่ของพวกเรา ส่วนเรื่องปฏิบัติการ IO สิ่งที่น่าเสียดายคือไม่ได้อภิปรายจนจบ เพราะเราอยากสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่า ฝ่ายการเมืองทุกฝ่ายเป็นเป้าโจมตีของกองทัพ

เมื่อถามว่าพอใจภาพรวมการอภิปรายหรือไม่ เพราะฝั่งรัฐบาลก็ระบุว่า เหมือนเป็นการสรุปข่าวให้ฟัง ไม่มีข้อมูลใหม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ หลายคนมีบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ ซึ่งเรานำเสนอข้อมูลใหม่หลายด้าน

ถ้ามองในกรอบรัฐบาลที่มองว่า พรรคฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอะไรมาก ซึ่งอยากถามนายกฯและรัฐบาลเช่นเดียวกัน ว่าหลายปัญหาของประเทศในขณะนี้ ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตหลายปี ในเมื่อคุณเดินเข้าสู่อำนาจแล้วมีเจตจำนงหรือความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าเกมของฝ่ายค้านจบแล้วในสภาฯมีการเตรียมรับมือกับเกมของฝั่งรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็น สส.คือการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง

ส่วนเกมการเมืองเช่นที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า การถ่ายภาพร่วมกันจะเป็นเกมที่ทำให้เราเสียภาพลักษณ์หรือไม่ ตนมองว่าเป็นประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ สิ่งที่ประชาชนมองเห็น คือ การทำหน้าที่อย่างคงเส้นคงวา 

ส่วนยืนยันหรือไม่ว่า การอภิปรายในครั้งนี้ไม่เสียของ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่เสียของอย่างแน่นอน หลายอย่างที่เรานำเสนอ จะมีการดำเนินการต่อแน่นอน ขอให้รัฐบาลตั้งรับไว้ให้ดีข้อมูลที่เรามีบางอย่างนายกฯยังตอบไม่ได้

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนจะถูกลอยแพ โดดเดี่ยวอีกหรือไม่ เพราะมี สส.จากพรรคฝ่ายค้าน ไปโหวตเห็นชอบให้นายกฯดำรงตำแหน่งต่อ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราไม่สามารถไปควบคุมเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ เราไม่ได้กลัวอะไรเราสิ่งที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เราคืออำนาจสูงสุดของประเทศนี้เราเชื่อว่าเป็นของประชาชน ฉะนั้น เกมการเมืองในสภาฯแต่ละพรรคจะว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกเขา

เมื่อถามว่า มีการประเมินอายุรัฐบาลชุดนี้ไว้อย่างไรบ้างนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราประเมินแทนนายกฯ หรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ แต่สิ่งที่ตนพูดได้แทนประชาชนคือ หาก น.ส.แพทองธาร ยังดำรงตำแหน่งนายกฯอยู่ อายุของประชาชนคนไทยจะสั้นลงทุกวัน

ส่วนที่ช่วงเช้านายกฯได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะอยู่ครบวาระ และนำพาประเทศให้ดีขึ้นกว่าเดิมนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่นายกฯ ยังตอบชี้แจงพวกเราไม่ได้ทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่ยังไม่แก้ไขมัวแต่อ้างว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ การทำหน้าที่ปัจจุบันของนายกฯก็ยังไม่ดีพอ ส่วนปัญหาในอนาคตก็ยังยืนยันว่า​ ตราบใดที่​ น.ส.แพทองธาร​ เป็นนายกฯที่ขาดคุณสมบัติที่ดีเพียงพอ ต้นทุนของประเทศที่เสียไปคงไม่มีอะไรมาแลกได้​ ไม่อยากให้นายกฯอยู่ครบวาระ

อ่านข่าว : ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ 

ถอดมติ 319 เสียง โหวตไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯต่อ

สรุปประเด็นเดือด ซักฟอก "นายกฯ" วันที่ 2 ลุ้นโหวตวันนี้

 

 


"ปูอัด" แจงโหวตหนุนนายกฯ ชื่นชมแก้คอลเซนเตอร์ ยันไม่ใช่ต่อรองคดี

Wed, 26 Mar 2025 12:46:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า เปิดใจ ถึงเหตุผลที่โหวตไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจในนามส่วนตัว เพราะด้วยเนื้องานที่ตนทำเกี่ยวกับแก๊งคอลเซนเตอร์อยู่แล้ว ซึ่งต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่มีเครื่องมือที่ให้ตนนำช่วยผู้เสียหายได้ หวังว่ารัฐบาลจะให้ตนใช้เครื่องมือนี้ ไปช่วยผู้เสียหายจากคอลเซนเตอร์ที่ถูกหลอกไปยังปอยเปตกลับมาอีก

อ่านข่าว : ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

ส่วนเรื่องคดีชู้สาว ของตนที่เกิดขึ้น อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่นำเป็นข้อต่อรองหรือไม่ นายไชยามพวาน ยืนยันว่าเรื่องคดีไม่มีใครแทรกแซงได้ ตนต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมและไม่เกี่ยวกับส่วนการเมือง

อย่างไรก็ตามแม้ว่า ตนอยู่จะในฐานะฝ่ายค้านแต่หากรัฐบาลทำดีก็มองว่าต้องช่วยกันบ้าง

ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า

ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า

ส่วนจะมีการย้ายพรรคไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม หรือไม่ นายไชยามพวาน ยืนยันว่า ยังไม่มีการคุยเรื่องนี้ ตนต้องให้เกียรติพรรคที่ตนสังกัดอยู่ใน ยังไม่ได้มีการคุยอนาคตทางการเมือง และ ยืนยันจุดยืนทางการเมืองว่าตนจะยังทำงานด้านคอลเซนเตอร์จนนาทีสุดท้ายที่ออกจากพรรค

นายไชยามพวาน ย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นส่วนของเนื้องานเป็นหลัก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องไปชี้แจงเหตุผลกับหัวหน้าพรรค และที่ผ่านมาก็มีการคุยกันตลอด เชื่อว่าไม่มีอะไรน่ากังวล หัวหน้าพรรคน่าจะเข้าใจ

อ่านข่าว :

"ธรรมนัส" โวดึง 10 สส.ฝ่ายค้านโหวตหนุนนายกฯ ขออย่าเรียกงูเห่า

ถอดมติ 319 เสียง โหวตไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯต่อ

“ณัฐพงษ์” ปิดจ็อบอภิปรายนายกฯ จี้ถาม “การเสียภาษี-ทักษิณป่วยเป็นอะไร”


"เอกราช" รอ "ภูมิใจไทย" ขับพ้นพรรค เล็งย้ายซบ "กล้าธรรม"

Wed, 26 Mar 2025 12:21:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) นายเอกราช ช่างเหลา สส.ของแก่น พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมย้ายออกจากพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้รอเวลาให้ผู้ใหญ่คุยกัน ตกลงกันได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ตนได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐาะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แล้วว่าเพื่อความสบายใจจะดำเนินการให้ออกจากพรรคตามต้องการ เพราะถึงอย่างไรก็อยู่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

ส่วนจะใช้วิธีขับออกจากพรรคหรือไม่นั้น ก็อาจจะใช่ และเหตุผลในการออกจากพรรคก็เพื่อความเหมาะสมของพื้นที่และอาจเป็นเหตุผลส่วนตัว เพื่อความสบายใจในการทำงานทางการเมือง ตนคิดว่าหากออกจากพรรคภูมิใจไทยแล้วจะทำงานได้คล่องตัวกว่า

ความรู้สึกส่วนตัวก็ไม่สามารถพูดได้ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

เมื่อถามว่า การเป็น สส.ของพรรคภูมิใจไทยทำให้ทำงานไม่สะดวกหรือไม่ นายเอกราช ระบุว่า ขอไม่ตอบคำถามนี้ ซึ่งไม่ได้มีการทำงานทับกันภายในพื้นที่ แต่มีความเห็นไม่ตรงกัน จึงถอยออกมา โดยยืนยันว่าไม่ถึงกับแตกหักกับพรรคภูมิใจไทย จากกันด้วยดี ซึ่งระหว่างการพูดคุยกับนายอนุทินก็ไม่ได้มีการเหนี่ยวรั้ง ส่วนเหตุผลในการขับออกเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะพิจารณา

ส่วนกรณีที่นายอนุทินระบุว่า อีก 2 ปีจะมีการเลือกตั้งใหม่นั้น จะรอได้หรือไม่ นายเอกราช ตอบว่า ไม่น่าจะได้ และคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพราะตนมีความมั่นใจที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นและจะสร้างมิติใหม่ให้กับ จ.ขอนแก่น พร้อมขอให้สื่อมวลชนติดตามดูพฤติกรรมและบทบาทใหม่

นายเอกราช กล่าวอีกว่า ตนกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม เป็นเพื่อนกันมากว่า 10 ปี มีความผูกพันกันมานาน เมื่อจะหาพรรคที่ขับเคลื่อนทางการเมืองก็ต้องหาเพื่อนที่เรามีความเชื่อมั่นด้วย ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ก็ถือเป็นบุคคลที่เราเชื่อมั่น

อ่านข่าว

ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

"ธรรมนัส" โวดึง 10 สส.ฝ่ายค้านโหวตหนุนนายกฯ ขออย่าเรียกงูเห่า

“ณัฐพงษ์” ปิดจ็อบอภิปรายนายกฯ จี้ถาม “การเสียภาษี-ทักษิณป่วยเป็นอะไร”


"ธรรมนัส" โวดึง 10 สส.ฝ่ายค้านโหวตหนุนนายกฯ ขออย่าเรียกงูเห่า

Wed, 26 Mar 2025 12:13:31

วันนี้ (26 มี.ค.2568) ร.อ.ธรรมนัส​ พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม​ พร้อมด้วยนางนฤมล​ ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค​ นายเอกราช​ ช่างเหลา​ สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย​ และนางกัญจนา​ จังหวะ​ สส.ชัยภูมิ​ พรรคพลังประชารัฐ​ กล่าวภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

โดย ร.อ.ธรรมนัส​ ยืนยันว่าพรรคกล้าธรรมได้เสียงมาเพิ่ม 10 เสียง แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง​ ขอให้ผู้สื่อข่าวไปหาเอาเอง และไม่อยากให้สื่อเรียกว่างูเห่า เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวของ สส. ซึ่งจากนี้ไป เมื่อลงพื้นที่จะเห็นทั้ง 10 สส.มาร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม

ไม่อยากให้ใช้คำว่า สส.งูเห่า ใช้คำว่า เพื่อนร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง โดยมีจุดยืนชัดเจน ว่าทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ในฐานะเป็นผู้แทนของประชาชน

ส่วนถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรีจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ เพราะได้ สส.เพิ่มมาอีก 10 เสียง ร.อ.ธรรมนัส​ กล่าวว่า​ เราไม่ได้ทำเพื่อตำแหน่งหรือโควตาคณะรัฐมนตรี แต่เพื่อทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้หากมีจำนวน สส.เพิ่มก็ควรจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพิ่มใช่หรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส​ กล่าวว่า ให้หัวหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไปคุยเอง

พร้อมกันนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึง นายเอกราช ที่จะย้ายมาสังกัดพรรคกล้าธรรม ว่าได้พูดคุยกับนายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเข้าใจกันแล้วให้มันชัดเจน​ เราไม่ชอบเป็นอีแอบ​

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านายเอกราช เคยบอกว่าจะย้ายมาทำงานกับพรรคกล้าธรรมในการเลือกตั้งสมัยหน้า ร.อ.ธรรมนัส​ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้พรรคภูมิใจไทยกับพรรคกล้าธรรมต้องทะเลาะกัน​ คุยกันชัดเจนแล้ว

ดังนั้นใครก็ตามที่นั่งข้างผม​ ก็คือเขาให้ใจผม

ส่วนกรณีรัฐบาลมีเสียงมากพออยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องหาเสียงมาเติม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคกล้าธรรม ที่เราจะหาสมาชิกไว้สำหรับเตรียมการเลือกตั้ง ซึ่งการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน เจตนาเราพูดมาตลอดว่าเราจะเป็นสถาบันการเมือง ที่เป็นทางเลือกของประชาชน และตนในฐานะที่ปรึกษา ก็คุยกับหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคมาตลอด ว่าเราจะลงพื้นที่เสาร์-อาทิตย์ไม่มีวันหยุด เพื่อหาผู้สมัคร โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ชุมพรถึงนราธิวาส ซึ่งตามความเป็นจริงขณะนี้เรามี สส.ทุกภาค และเชื่อว่าพรรคกล้าธรรมเป็นพรรคเดียวที่มี สส.ทุกภาค

สำหรับการส่งสัญญาณการปรับคณะรัฐมนตรี หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส​ กล่าวว่า​ ตนไม่เคย ร่วมประชุมพักร่วมรัฐบาลมีแต่หัวหน้ากับเลขาธิการพรรค ดังนั้นสัญญาณต่างๆ นายกรัฐมนตรีจะส่งผ่านหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ซึ่งขณะนี้ทราบว่าไม่มี 

อย่างไรก็ตาม นางนฤมล ยอมรับว่า​ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรค​ไทยก้าวหน้า​ ยกมือหนุนนายกรัฐมนตรี​ และจะมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมเร็วๆ นี้​ และยอมรับว่า​ นายไยามพวาน​ ได้ปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่แล้ว

อ่านข่าว :

ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

“วราวุธ” เผยรัฐบาลแจงศึกซักฟอกชัดเจน ส่วนที่ดินนายกฯ เอกสารถูกต้อง


ถอดมติ 319 เสียง โหวตไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

Wed, 26 Mar 2025 12:03:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังเสร็จสิ้นการลงมติในการอธิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ พบว่า มีผู้ลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี 319 เสียง

จากเดิมฝ่ายรัฐบาลเช็กเสียงได้ 322 เสียง แต่ในการประชุมวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ มี สส.จำนวน 4 คน ที่ขอที่ประชุมพรรคในการงดออกเสียง ได้แก่ นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา 

ขณะที่ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.พรรคชาติไทยพัฒนา และ นายสุพล จุลใส สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ลาป่วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.เพื่อไทย ไม่มาร่วมประชุม ส่งผลให้เหลือเสียง สส.พรรคร่วมรัฐบาล 315 เสียง 

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีพรรคร่วมฝ่ายค้าน ลงมติไว้วางใจนายกฯ จำนวน 6 เสียง ประกอบด้วย น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ และ สส.พรรคไทยสร้างไทย จำนวน 5 เสียง

ยกเว้นเพียงแค่ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย ที่โหวตไม่ไว้วางใจนายกฯ นอกจากนี้ยังมีนายไชยามพวาน มันเพียรจิตต์ สส. พรรคไทยก้าวหน้า ลงมติไว้วางใจนายกฯ ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ หลังภายหลังจากการลงมติเสร็จสิ้นนายกฯได้ลุก และยกมือไหว้ขอบคุณ สส.ในห้องประชุม ท่ามกลางเสียงปรบมือของสส.พรรคเพื่อไทย

จากนั้นนายกฯ ได้เดินพูดคุยกับรัฐมนตรีที่อยู่ใกล้กัน และ สส.พรรคเพื่อไทย กลุ่มใหญ่ ได้เดินมารวมตัวกันไปหานายกฯ บริเวณหน้าบังลังก์ และถ่ายรูปร่วมกัน รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พรรคกล้าธรรม ด้วย

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกวักมือเรียก สส.พรรคภูมิใจไทย มาร่วมถ่ายรูปด้วย ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ยืนอยู่ข้างนายกฯ 

นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เดินมาหานายกฯ บนบัลลังก์ในระหว่างที่ถ่ายรูปร่วมกับ สส.พรรครัฐบาล และร่วมถ่ายรูปกับนายกฯ โดยหันมาทางสื่อมวลชนที่บันทึกภาพอยู่ชั้น 2 ทั้งนี้ สส.พรรคประชาชน ก็ได้มีการถ่ายรูปร่วมกันอยู่หลังห้องประชุมด้วย

อ่านข่าว : ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ 

“ณัฐพงษ์” ปิดจ็อบอภิปรายนายกฯ จี้ถาม “การเสียภาษี-ทักษิณป่วยเป็นอะไร” 

สรุปประเด็นเดือด ซักฟอก "นายกฯ" วันที่ 2 ลุ้นโหวตวันนี้   

 


“วราวุธ” เผยรัฐบาลแจงศึกซักฟอกชัดเจน ส่วนที่ดินนายกฯ เอกสารถูกต้อง

Wed, 26 Mar 2025 11:28:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) ที่อาคารรัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ได้ฟังข้อมูลจากที่ฝ่ายค้านอภิปรายและจากคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบ ได้ฟังแล้วก็ชัดเจนดี โดยเฉพาะในการทำงานของพม.ที่ตนมีโอกาสชี้แจงไปเมื่อคืนวันที่ 24 มี.ค.

ดังนั้นเช้าวันนี้ การลงคะแนนของชาติไทยพัฒนา ก็คงจะยกให้กับนายกรัฐมนตรีครบทุกคน เพียงแต่ว่าตอนนี้ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด ลาป่วยเนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดเกี่ยวกับการติดเชื้อในปอดอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถมาลงคะแนนได้ เนื่องจากหมอยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล แต่สมาชิกที่เหลือของพวกเราทุกคนก็มั่นใจว่าจะไปในทิศทางเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่มีอะไรกังขาในคำอภิปรายของฝ่ายค้าน และคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่มี โดยเฉพาะส่วนตนชี้แจงไปเรื่อง ที่ดินนิคมสร้างตนเอง ที่ดินของนายกฯ ตนยืนยันว่า การออกเอกสารสิทธิให้กับโรงแรม เทมส์ วัลลีย์ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นการออก หนังสือ น.ค. ซึ่งขณะนั้นเป็นหน้าที่ของกรมประชาสงเคราะห์ ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่แล้ว การออกใบจาก น.ค.1 เป็น น.ค.3 ก็เป็นไปอย่างถูกต้อง และเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2528 ได้มีการเปลี่ยนจากใบ น.ค.3 เป็นเอกสาร นส.3 ก ถ้าหากจะมีเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือมีอะไรไม่ถูกต้องอย่างไร จริง ๆ นายกฯ ควรจะเป็นผู้เสียหายมากกว่า เพราะตรวจสอบจากเอกสารแล้วนายกฯ ซื้อมาจากเจ้าของเดิม และเจ้าของเดิมได้เอกสารมาก็เป็นไปตามที่ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นเรื่องของเอกสารสิทธิ คิดว่านายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายค้านจะไปยื่นตรวจสอบในเรื่องเทมส์ วัลลี่ย์ ต่ออีก จะมีคำชี้แจงอย่างไรบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า เอกสารเราไม่ได้เป็นอะไรที่ปิดบัง เป็นเอกสารทางราชการที่ทุกคนมีสิทธิที่จะขอตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดข้อง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ว่า หลังการอภิปรายจะมีการปรับกระบวนทัพในการทำงาน นายวราวุธ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้ แต่ถ้าหากมีอะไรนายกฯคงเชิญแกนนำพรรคร่วมหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะถึงเวลาปรับหรือยังนั้น แล้วแต่วิจารณญาณของนายกฯ ดีกว่า ทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า ภาพรวมผลงานการอภิปรายสองวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็ตอบคำถามได้อย่างชัดเจน เราได้เห็นว่า เจ้ากระทรวงทุกคนทำงานมาตลอด 6 เดือน และได้ลงในเนื้องาน ทำให้คอบคำถามได้อย่างไรข้อกังขา แน่นอนก็จะมีบางคนบอกว่ายังมีข้อสงสัยอีกมาก แต่ว่าต่างคนต่างมุมมอง

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีผ่านฉลุยใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า มั่นใจว่า ทุกพรรคร่วมรัฐบาลจะไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อถามว่า ในพรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันถึง ที่มีข่าวว่ามีงูเห่าจากฝ่ายค้านจะโหวตให้กับฝั่งรัฐบาลจริงหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่มี พรรคชาติไทยพัฒนามีแค่ 10 เสียง คงไม่ได้ไปเลี้ยงงูที่ไหน อันนี้คงตอบแทนพรรคอื่นไม่ได้

เมื่อถามว่า เช้านี้จะมีการพูดคุยกันในพรรคร่วมหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า มี คงพูดคุยกันก่อนลงคะแนนตามปกติ นายกฯได้เชิญทางแกนนำพรรคร่วมหารือ และซักซ้อมความเข้าใจ เดี๋ยวของทางพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะมีการพูดคุยกันตามธรรมเนียมที่ทำตลอดมา

อ่านขาว : “ณัฐพงษ์” ปิดจ็อบอภิปรายนายกฯ จี้ถาม “การเสียภาษี-ทักษิณป่วยเป็นอะไร”

ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

ญี่ปุ่นจ่าย 49 ล้านบาท ชดเชยอดีตนักโทษประหารพ้นผิด


“ณัฐพงษ์” ปิดจ็อบอภิปรายนายกฯ จี้ถาม “การเสียภาษี-ทักษิณป่วยเป็นอะไร”

Wed, 26 Mar 2025 10:26:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่า ไม่ได้กำชับลูกพรรคเป็นพิเศษ เพราะมั่นใจทุกคนโหวตไปในทางเดียวกัน คือ โหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี

ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่น ๆ เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคที่จะต้องไปทำความเข้าใจและกำกับเสียงของพรรคตัวเอง ขณะที่ภาพรวมการอภิปรายทั้ง 2 วันที่ผ่านมา มีทั้งพอใจและไม่พอใจ

ในส่วนที่พอใจ คือ การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านและทุก ๆ คน ส่วนที่ไม่พอใจ คือคำตอบการชี้แจงของฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงท้ายก่อนการปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเห็นได้ว่า ฝ่ายค้านยังมีหลายข้อสงสัยที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่ใช้สิทธิ์ตอบ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะมีฝ่ายค้านไปโหวตไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรีนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนมั่นใจในเสียงของพรรคประชาชน ส่วนฝ่ายค้านอื่น ๆ นั้น เป็นหน้าที่กำกับดูแลของ หัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ซึ่งตนไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านมีการหารือในเรื่องของกรอบญัตติและแนวทางการอภิปรายในกรอบกว้างๆ ไม่ได้มีการลงรายละเอียด

นายณัฐพงษ์ระบุถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาจมีการเอาคืนว่า ต้องรอดูว่าเขาจะเอาคืนในรูปแบบไหน ยืนยันว่าทำหน้าที่อย่างตรงไปตรง

ส่วนความคืบหน้ายุทธการโรยเกลือจากนี้ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า นายกฯ ออกมาชี้แจงว่า จะยอมจ่ายภาษี ซึ่งนักการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่สมควรที่จะใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการหลบเลี่ยงภาษีที่ตัวเองควรต้องจ่ายแต่แรก แต่ที่ผ่านมาไม่ยอมจ่าย ขณะเดียวกันเรื่องนี้อาจเป็นช่องว่างทางกฎหมายตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกล่าว ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

ส่วนเรื่อง โรงแรมที่เขาใหญ่ ต้องมีการติดตามต่อ ในเรื่องของใบอนุญาตในการประกอบกิจการโรงแรมและโฉนดที่ดินอย่างแน่นอน

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีชั้น 14 ว่า การอภิปรายแสดงให้เห็นชัดว่า นายกฯ อยู่ในฐานะพยานรู้เห็นรู้สถานะนายทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่แรก ซึ่งประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย ทั้งประเด็นที่ สส.รังสิมันต์ โรม เอาแบบการประเมินสุขภาพที่ทักษิณได้ 9 คะแนนออกมา เราก็ตั้งข้อสงสัยตั้งแต่ตอนนั้น

ซึ่งนายกฯ เป็นคนเดียวที่สามารถตอบได้ ว่า ตกลงคุณพ่อป่วยเป็นโรคอะไร ที่ทำให้การประเมินต่ำขนาดนั้น และเห็นว่าไม่กี่วันต่อมา นายทักษิณก็สามารถออกมาสู่สาธารณะได้ และแสดงบทบาทได้ เป็นสิ่งที่เราตั้งคำถามมาตลอด และอยากให้นายกฯ ออกมาตอบชัดว่า นายทักษิณเป็นโรคอะไร ที่ทำให้ได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษอื่น ๆ ที่ไปอยู่ชั้น 14 ได้

นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงดีลแลกปีศาจ ว่า ปีศาจในที่นี้ หมายถึงกลุ่มชนชั้นนำในสังคม ที่เอาเปรียบคนในสังคมอยู่ ใช้อำนาจของตนเพื่ออิงแอบกลุ่มทุนและผลประโยชน์พวกพ้องของตัวเอง โดยไม่สนใจผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่

พร้อมย้ำว่า ในการอภิปรายมีเนื้อหาหลายอย่างที่เป็นเนื้อหาใหม่ เช่น ปฏิบัติการ IO ซึ่งรัฐบาลยังจัดอยู่ในกลุ่มภัยความมั่นคงของกองทัพ รวมถึงการเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพที่ยังไม่เกิดในรัฐบาลชุดนี้

อ่านข่าว : ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯต่อ

จับ "พ.อ.หญิง - พ.ญ." เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ญี่ปุ่นจ่าย 49 ล้านบาท ชดเชยอดีตนักโทษประหารพ้นผิด


ผ่านฉลุย 319 เสียง ที่ประชุม สส.ไว้วางใจ "แพทองธาร" นั่งนายกฯ ต่อ

Wed, 26 Mar 2025 09:58:00

วันนี้ (26 มี.ค.2568) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังใช้เวลาอภิปรายผ่านไปแล้ว 2 วัน 2 คืน​ในช่วงวันที่ 24-25 มี.ค.68 รวมเวลากว่า 37 ชม. (วันที่ 24 -25 มี.ค.2568) 

ในวันนี้ ที่ประชุมจะเข้าสู่การมติในญัตติดังกล่าวในเวลา 10.00 น.​ และ โดยในการผ่านญัตติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ต้องอาศัยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภา หรือ 247 เสียง จาก สส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 493 คน 

​ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่าเสียงของฝั่งรัฐบาลจะยังคงเหนียวแน่น และน่าจะเป็นไปตามการตกลงกันตั้งแต่ในวงดินเนอร์​ โดยอยู่ที่ 321 เสียง

ขณะที่ ฝั่งของฝ่ายค้าน​ มีกระแสข่าวว่า เสียงอาจ​จะไม่ครบ​ 172 เสียง​ สอดคล้องกับที่ ร.อ.ธรรมนัส​ พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม​ ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า จะมี สส.มากกว่า 10 เสียง จะโหวตสนับสนุน น.ส.แพทองธาร 

ผลลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตร แพทองธาร ชินวัตร

ผลลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตร แพทองธาร ชินวัตร

นายกฯ ผ่านฉลุย 319 เสียงหนุน

ล่าสุดวันนี้ ในช่วงเวลา 10.00 น. ที่ประชุมได้เริ่มลงมติในญัตติดังกล่าว โดยที่ประชุมมีมติไว้วางใจให้ น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไป ด้วยคะแนนเสียงไว้วางใจ 319 เสียง ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง จากผู้ลงมติ 488 เสียง

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เป็นประธานการประชุม สส.พรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่หลังจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนที่จะมีการลงมติ พร้อมขอบคุณ สส.ในร่วมการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่

โดยพื้นฐานในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีมติให้ความไว้วางใจนายกฯ แต่ก็จะปฏิบัติเหมือนกับทุกครั้ง คือ หากมี สส.คนใดมีความกังวล หรือสงสัยหรืออยากชี้แจงอะไรก่อนการลงมติ ก็ขอให้สอบถามในที่ประชุม

ภายหลังการประชุมพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน เปิดเผยว่า การประชุมนี้ไม่ได้เป็นการขอมติพรรคเนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.ในการโหวต ซึ่งทุกคนก็เห็นตรงกัน ที่จะสนับสนุนไว้วางใจนายกฯ โดยยืนยันว่า เสียงของพรรคภูมิใจไทย มีทั้งหมด 69 เสียง

แม้ว่านายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น จะไม่ได้ร่วมกิจกรรมของพรรคภูมิใจไทยมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังถือว่าเป็น สส.ของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร โดยหลังจากนี้ จะต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งอยู่ดี ๆ จะมีการขับออกจากพรรคไม่ได้โดยต้องมีเหตุผล เช่น ลงคะแนนขัดต่อเสียงส่วนใหญ่ แต่นายเอกราช ไม่ได้มีพฤติกรรมอะไร

ด้าน พรรคประชาธิปัตย์ ประชุม สส.พรรคก่อนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมี นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน สส.เป็นประธานการประชุม

ที่ประชุมมีการพูดคุยถึงเนื้อหาการอภิปราย ตลอด 2 วัน ที่ผ่านมา โดยการลงมติครั้งนี้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะไม่มีการไม่เห็นชอบ โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ สส. แม้ว่า จะอยากให้เป็นมติ ของ สส.พรรค แต่เอกสิทธิ์ย่อมสำคัญกว่า โดยจะโหวตเห็นชอบนายกฯ 21 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง

สำหรับ 4 เสียง ที่จะงดออกเสียง คาดว่าจะมี นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส. สงขลา จะใช้เอกสิทธิ์ในการงดออกเสียง

ถ่ายทอดสดลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568

อ่านข่าว : สรุปประเด็นเดือด ซักฟอก "นายกฯ" วันที่ 2 ลุ้นโหวตวันนี้ 

 20 ปีความขัดแย้ง "ณัฐพงษ์" ซัดนายกฯ ยอมเสียชาติเพื่อ "ทักษิณ" 

 "แพทองธาร" อัด "ดีลปีศาจ" ย้อนพรรคส้มเคยดีล พท.ตั้งรัฐบาล 

 

 


สรุปประเด็นเดือด ซักฟอก "นายกฯ" วันที่ 2 ลุ้นโหวตวันนี้

Wed, 26 Mar 2025 07:13:00

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเมื่อเวลา 22.25 น. หลังใช้เวลาอภิปราย 2 วัน 2 คืน​ (วันที่ 24 -25 มี.ค.2568) เนื้อหาเน้นไปที่การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รวมถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวชั้น 14 เป็นการใช้อภิสิทธิ์เหนือกฎหมายหรือไม่

นายกฯ ชี้แจงประเด็นไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน 

"ปมอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร พักชั้น 14 ในช่วงที่ถูกคุมขัง" เป็นประเด็นที่นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า นายกฯ เป็นประจักษ์พยานรู้เห็นทุกอย่างและจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดจึงไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป เพราะนายกฯ เห็นประโยชน์แก่บิดาตนเองและครอบครัวเหนือผลประโยชน์ส่วนรวม

ขณะที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ หยิบยกการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนของนายกฯ ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้นำประเทศ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของนายกฯในการสื่อสารเพื่อ เพื่อความกระจ่างและป้องกันความสับสน เช่น การแสดงวิชันของนายกฯ ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังขอผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศทั้งในเวที Forbes หรือในเวทีโลก

ฝ่ายค้านจี้นายกฯ ปมเอกสารสิทธิที่ดิน รร.หรูเขาใหญ่ 

ฝ่ายค้าน ยังอภิปรายเพื่อเชื่อมโยงไปยังข้อกล่าวหา นายกฯ ขาดคุณสมบัติเหมาะสม ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ โดยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ตั้งคำถามถึงการตรวจสอบที่ดิน โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ ในพื้นที่เขาใหญ่ ของครอบครัวนายกรัฐมนตรี โดยบอกว่า การมีโฉนดไม่ได้หมายถึงการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และการออกโฉนดโรงแรมแห่งนี้ทำในช่วงเวลาที่คนนามสกุลเดียวกัน อยู่ในตำแหน่ง

ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์

ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปราย เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ โดยกล่าวถึงการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีว่า ถึงแม้ว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล แต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา เป็นเพียงผักชีโรยหน้า ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่าได้เอาจริงเอาจัง

ในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรี ยังมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป เพราะขาดภาวะผู้นำ เกิดการเกี่ยงงานที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมหาศาล โดยนายกรัฐมนตรียังลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ตัดสินใจทั้งที่ความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชนรายวัน จนให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามากดดันถึงจะได้มีการลงมือ 

จบอภิปรายไม่ไว้วางใจ "นายกฯ" ลุ้นโหวตวันนี้​  

นายกรัฐมนตรี​ ได้ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งสุดท้าย​ พร้อมระบุว่า​ การอภิปราย 2 วัน​ ได้ยินชื่อตัวเองมากที่สุดในชีวิต​ ที่ผู้นำฝ่ายค้าน​ ได้ย้ำเรื่องของภาวะผู้นำ และเรื่องของการถูกครอบงำอยู่บ่อยครั้ง คนที่ย้ำเรื่องเดิมๆ คงเป็นคนที่ขาดสิ่งนั้น​ และที่จริงไม่ใช่แค่ตนเองที่ถูกกล่าวหาเรื่องการถูกครอบงำ แต่ฝ่ายค้านเองก็ถูกกล่าวหา​ ต่างกันแค่ตนเองถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยคุณพ่อ แต่ท่านถูกครอบงำโดยบุคคลที่ไม่ใช่พ่อ

ส่วนเส้นทางทางการเมืองก็มีความคล้ายคลึงกัน กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็เจอชะตากรรมและการถูกกระทำไม่ต่างกัน​ ดังนั้นคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด​ และไม่ควรด้อยค่าคนอื่น​ ส่วนข้อกล่าวหาดีลแลกประเทศ​ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า​ ทุกที่บนโลกใบนี้​ก็มีการดีลกันทั้งนั้น​ และที่ผ่านมา​เราก็มีดีลกันแต่ไม่สำเร็จ

ดังนั้น​เพื่อความชัดเจน​เพื่อสร้างแนวการเมืองแบบใหม่ ควรจะประกาศให้ชัดไปเลยว่าสมัยหน้าท่านจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร​ พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ

ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นกล่าวปิดญัตติ​ด้วยน้ำเสียงดุดัน​ ว่า​ นายกฯ ระบุพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน​ อยู่ในหัวอกเดียวกัน​ โดนนิติสงคราม​ โดนยุบพรรค​ ไม่ต่างกัน​ แต่คำถามอยู่ที่ว่า นายกฯ จะจัดการปัญหานี้อย่างไร​ จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร ​แต่การกระทำของนายกฯไม่เหมือนกับที่พูดไว้​ เจตจำนงทางการเมืองของนายกฯอยู่ไหน​ เหตุผลที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืออะไร​

ระหว่างที่นายณัฐพงษ์​ เรืองปัญญา​วุฒิ​ กล่าวปิดญัตติ​ได้ พูดย้ำหลายครั้งว่าเดี๋ยวจะให้นายก​รัฐมนตรี​ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งจนทำให้​ สส.จากพรรคเพื่อไทย​ และพรรคร่วมรัฐบาล ต่างลุกขึ้นประท้วง​ เพราะนายกฯไม่สามารถลุกขึ้นตอบได้แล้ว​ หลังจากที่ผู้นำฝ่ายค้านปิดญัตติ โดยมีการโต้แย้งประธานในที่ประชุม​ หลังจากการถกเถียงนานกว่า 10 นาที สุดท้าย​ประธานในที่ประชุม​ ได้ตัดบทให้นายณัฐพงษ์​ กล่าวปิดญัตติ​ ​ ได้จนครบเวลา​ในเวลา 22.25 น. ไม่เกินเที่ยงคืน​

สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้​ คือเรื่องของการโหวตที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ (26 มี.ค.) เวลา​ 10.00 น.​ และ​จากกระแส สส. "งูเห่า" ทั้ง​ 2 ฝ่ายก็เริ่มเช็คเสียง​ โดยพรรคร่วมรัฐบาล​ มีการตกลงกันตั้งแต่ในวงดินเนอร์​ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามตกลงคือ 321 เสียง​ ไม่มีแตกแถว​

ขณะที่ฝ่ายค้าน​มีกระแสปูดออกมาว่า​จะไม่ครบ​ 172 เสียง​ สอดคล้องกับที่ ร.อ.ธรรมนัส​ พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม​ ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่าจะมี สส.มากกว่า 10 เสียงจะโหวตสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ส่วนจะเป็นพรรคไหนให้ติดตามในวันนี้

ถ่ายทอดสดลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร

อ่านข่าว : 20 ปีความขัดแย้ง "ณัฐพงษ์" ซัดนายกฯ ยอมเสียชาติเพื่อ "ทักษิณ"

ทหารกะเหรี่ยง-เมียนมา ปะทะห่างชายแดนไทย 3 กม.

"แพทองธาร" อัด "ดีลปีศาจ" ย้อนพรรคส้มเคยดีล พท.ตั้งรัฐบาล


ทหารกะเหรี่ยง-เมียนมา ปะทะห่างชายแดนไทย 3 กม.

Wed, 26 Mar 2025 06:45:17

วานนี้ (26 มี.ค.2568) กองทัพกะเหรี่ยงอิสระแห่งชาติ (KNLA) ส่งทหารพร้อมอาวุธครบมือปิดล้อมฐานที่มั่นทหารเมียนมา กองพันทหารราบที่ 31 ฐานครึเด จ.ผาอัน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามบ้านแม่สลิดหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากชายแดนไทย ประมาณ 3 กม.


ฝ่ายกะเหรี่ยงได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน โจมตีทิ้งระเบิด ,และโจมตีด้วยปืนกล พร้อมใช้เครื่องยิงจรวดยิงใส่ที่ตั้งของทหารเมียนมา ส่วนทหารเมียนมาส่งเครื่องบินรบหลายลำ บินทิ้งระเบิดโจมตีกลับเพื่อป้องกันฐานที่มั่นแตก

พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ระบุว่า ได้เร่งส่งกำลังทหารประชิดชายแดนเพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ทันที พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวน ดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนและป้องกันการลุกล้ำอธิปไตย

สำหรับค่ายแห่งนี้ เดิมเป็นค่ายใหญ่ของทหารกะเหรี่ยง ซึ่งทหารเมียนมา ร่วมกับ ทหารกะเหรี่ยง DKBA หรือกะเหรี่ยงพุทธ โจมตีและยึดไปกว่า 20 ปี ทำให้มีผู้ลี้ภัยเข้ามาเขตไทยจำนวนมาก

แต่ปัจจุบัน ทหารเมียนมากำลังถูกกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ต่อสู้กลับอย่างหนัก โดยมีหลายค่ายที่ทหารเมียนมาต้องล่าถอยออกไป ส่วนจุดนี้ เป็นอีกจุดที่ต้องติดตามต่อว่าจะสามารถรักษาที่มั่นเอาไว้ได้หรือไม่

อ่านข่าว : ทหารเมียนมาโจมตีฐานกองกำลังกะเหรี่ยง 2 จุดในเมียวดี 

ทหารกะเหรี่ยง KNU โจมตี-ปิดล้อมค่ายทหารเมียนมา  

“ทหารกะเหรี่ยง” ระบุช่วยไทยเร่งแก้แก๊งคอลเซนเตอร์ วอนทบทวนตัดไฟฟ้า-น้ำมัน 

 

 

 

 


20 ปีความขัดแย้ง "ณัฐพงษ์" ซัดนายกฯ ยอมเสียชาติเพื่อ "ทักษิณ"

Wed, 26 Mar 2025 01:29:46

วันนี้ (26 มี.ค.2568) การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสิ้นสุดลง หลังจากการถกเถียงดุเดือดนาน 2 วันเต็ม โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นสรุปญัตติด้วยการโจมตี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่างเผ็ดร้อน

โดยหยิบประเด็น "ดีลแลกประเทศ" ขึ้นมาเป็นแกนหลักในการกล่าวหา ระบุว่า ความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 20 ปีที่ผ่านมาได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ประเทศไทยต้องสูญเสียทุกอย่างถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพื่อขับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกจากประเทศ และครั้งที่ 2 ในปัจจุบันเพื่อนำทักษิณกลับมา ซึ่งนายณัฐพงษ์ชี้ว่าเป็น "ข้อเท็จจริง" ไม่ใช่เพียงการกล่าวหา

นายณัฐพงษ์ตั้งคำถามถึงเจตจำนงทางการเมืองของนายกฯ อย่างหนักหน่วง โดยระบุว่า แม้นายกฯ จะเคยประกาศว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่การกระทำในทางปฏิบัติกลับสวนทางกับคำพูด และยังกล่าวหาว่า นายกฯ จงใจดำเนิน "ธุรกรรมอำพราง" เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี อิงแอบกับกลุ่มทุน และเอาใจอำนาจเก่า

พร้อมทั้งวิจารณ์ว่า นายกฯ พยายามวางตัวเป็น "เหยื่อทางการเมือง" โดยเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวตั้งแต่การรัฐประหาร 2549 และความขัดแย้งที่ตามมา

ท่านพยายามทำให้ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ทุกคนในประเทศนี้ต่างเป็นเหยื่อจากความขัดแย้ง 20 ปี ไม่ใช่ท่านคนเดียวในฐานะลูกสาวของทักษิณ

นายณัฐพงษ์ยังยกตัวอย่างถึงความรู้สึกของลูกสาวคนเสื้อแดงที่สูญเสียครอบครัวจากการต่อสู้เพื่อทักษิณในอดีต เพื่อเปรียบเทียบกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวคนเสื้อแดงที่เสียไป ลูกสาวของเขารู้สึกอย่างไร ? หลายคนโกรธ เศร้า และหมดหวังกับการเมืองแบบนี้ ถ้าเรายังวนเวียนกับเรื่อง 20 ปีที่แล้ว ความขัดแย้งก็จะไม่จบ เขากล่าว

20 ปีที่แล้ว ไทยเสียทุกอย่างเพื่อให้ทักษิณออกไป วันนี้กำลังเสียทุกอย่างเพื่อให้ทักษิณกลับมา นี่คือดีลแลกประเทศที่พูดถึง

นายณัฐพงษ์ ยังวิจารณ์ว่า นายกฯ พยายามโยนความผิดให้ฝ่ายค้านว่าสร้างวาทกรรมใส่ร้าย และไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ นี่คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อกล่าวหาท่าน ท่านต้องชี้แจง แต่ท่านกลับโยนข้อกล่าวหามาที่เรา ทั้งที่เราทำหน้าที่ มันสมเหตุสมผลหรือ ? นายณัฐพงษ์ยังกล่าว พร้อมตั้งคำถามถึงภาวะผู้นำของ นายกฯ ที่มักกดคนอื่นเพื่อปกป้องตัวเอง และยังยกประเด็นปัญหาเก่าที่ นายกฯ ไม่เคยแก้ไข เช่น สัมปทานทางด่วน ค่าไฟฟ้าแพง และเหมืองทองอัครา ท่านบอกว่าเป็นเรื่องเก่า แต่ถ้ามันผิด ทำไมท่านที่มีอำนาจแล้วไม่แก้ ? 

ประเด็น "ดีล" ถูกขยายความอย่างละเอียด โดยนายณัฐพงษ์ถามว่าดีลที่ นายกฯ อ้างว่าเป็นเรื่องปกติในการเมืองนั้นโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ ท่านต้องอธิบายว่าเหตุใดต้องโกหกประชาชนจากคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ลองเล่าเหตุผลจริง ๆ ให้เราเข้าใจโลกการเมืองของท่านหน่อย แต่ชี้ว่า นายกฯ ไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจน เพราะพูดไม่ได้ พูดไปไม่มีใครเข้าใจ เพราะดีลนี้ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ แต่เพื่อผลประโยชน์ของคนไม่กี่กลุ่ม

ในประเด็นภาษี นายณัฐพงษ์หยิบยกคำถามของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2568 ที่ถามถึงการจ่ายภาษี โดยตั้งข้อสงสัยว่า หากไม่มีคำถามนี้ นายกฯ มีแผนจะจ่ายภาษีเมื่อใด หรือตั้งใจเลี่ยงไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีกำหนดชำระและดอกเบี้ย

ถ้าทุกคนในประเทศถือหุ้นแบบนายกฯ และใช้วิธีเดียวกันหลีกเลี่ยงภาษีมรดก ประเทศไทยจะเก็บภาษีได้กี่บาท ? นี่คือธุรกรรมอำพรางเพื่อหนีภาษีชัด ๆ พร้อมตั้งคำถามถึงสามัญสำนึกของวิญญูชนว่าพฤติกรรมนี้ถูกต้องหรือไม่

สำหรับกรณีปลาหมอคางดำ นายกฯ ตอบว่ารัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ไขและตั้งงบ 98 ล้านบาท แต่ฝ่ายค้านโดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ชี้ว่าไม่ได้ถามเรื่องงบ แต่ถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมายให้บริษัทที่ก่อปัญหารับผิดชอบเมื่อใด ทำไมต้องใช้ภาษีประชาชนแก้ปัญหาที่บริษัทสร้าง ?

ส่วนปัญหาฝุ่น PM 2.5 นายกฯ ใช้ตัวเลขจุดความร้อนที่ลดลงมาตอบ แต่ฝ่ายค้านแย้งว่าพื้นที่เผาไหม้เพิ่มขึ้นตามข้อมูลที่เปิดเผย นี่คือการเลือกตัวเลขสวย ๆ มาหลอกประชาชน ถ้าตัวชี้วัดไม่ถูกต้อง การแก้ปัญหาก็ไม่เกิด

และในเรื่องค่าไฟแพง นายกฯ ระบุว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยซื้อไฟฟ้าเพิ่ม แต่ฝ่ายค้านตั้งคำถามว่าจะสืบสานแผนผิด ๆ ต่อไปหรือไม่ และหยิบภาพนายทักษิณตีกอล์ฟกับกลุ่มทุนพลังงานมาถามถึงความสัมพันธ์ ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า ? ทำไมถามไม่ได้ ? เขากล่าว พร้อมเรียกร้องให้ นายกฯ ลุกขึ้นตอบว่าจะปรับปรุงหรือไม่

ระหว่างการสรุป สส.พรรคร่วมรัฐบาล เช่น นางสาวจิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ จากพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่านายณัฐพงษ์ตั้งคำถามใหม่ทั้งที่การอภิปรายจบแล้ว และรัฐบาลไม่มีโอกาสตอบ

ขณะที่ สส.ฝ่ายค้านโต้แย้ง และ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยกับฝ่ายค้าน

กระทั่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ วินิจฉัยว่าเป็นการสรุปข้อกล่าวหาเดิม แต่ขอให้งดตั้งคำถามใหม่

นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า นายกฯ สามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตอบได้ แต่ปรากฏว่า นายกฯ ไม่อยู่ในห้องประชุมขณะนั้น ทำให้เกิดเสียงโห่จากสมาชิก ซึ่งประธานต้องห้ามปราม

เขายังกล่าวถึงที่ดิน Thames Valley ว่าโฉนดอาจไม่ถูกต้อง และการประกอบธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ 2557-2562 อาจขัดกฎหมาย รวมถึงกรณีทักษิณรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาล ทักษิณป่วยอะไรแน่ ? อยู่ในพยานรู้เห็นของท่านตลอด ประชาชนอยากรู้ พร้อมถามถึง พ.ร.ก.ร่วมรับผิดชอบของสถาบันการเงินในกรณีคอลเซนเตอร์ว่าจะออกเมื่อใด

ท้ายสุด นายณัฐพงษ์เรียกร้อง 3 ข้อจากรัฐบาล คือ 1.หยุดเอาใจกลุ่มทุนและอำนาจเก่า 2.เลิกบิดเบือนกฎหมาย เปลี่ยนดำเป็นขาว และ 3.หยุดหลอกสังคม

ผมกล่าวหาท่านว่า นายกฯ จงใจทำธุรกรรมอำพรางหนีภาษี อิงกลุ่มทุน ละเว้นหน้าที่ ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีความตั้งใจแก้ปัญหา เลือกตัวเลขสวยๆ มาหลอกประชาชน ด้วยเหตุนี้ ผมไม่ไว้วางใจท่านอีกต่อไป

เขากล่าวปิดท้าย

การประชุมปิดลงเวลา 22.25 น. โดย นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า ตามข้อบังคับ การอภิปรายและลงมติต้องแยกวัน จึงนัดลงมติในวันที่ 26 มี.ค.2568 เวลา 10.00 น. เพื่อตัดสินชะตานายกรัฐมนตรี

อ่านข่าวอื่น :

"แพทองธาร" อัด "ดีลปีศาจ" ย้อนพรรคส้มเคยดีล พท.ตั้งรัฐบาล


"แพทองธาร" อัด "ดีลปีศาจ" ย้อนพรรคส้มเคยดีล พท.ตั้งรัฐบาล

Tue, 25 Mar 2025 23:26:00

วันนี้ (25 มี.ค.2568) เวลาประมาณ 21.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกชี้แจงเป็นครั้งที่ 2 ระบุว่า ตลอดเวลา 2 วันของการอภิปราย เป็น 2 วันที่ตนได้ยินชื่อตัวเองมากที่สุดในชีวิต และคิดว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติและคิดว่าจะสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้

ผู้นำฝ่ายค้านระบุถึงประเด็นภาวะผู้นำ และการถูกครอบงำว่า ผู้ที่ย้ำเรื่องเดิมๆ อยู่หลายครั้ง ไม่แน่ใจว่า เป็นสิ่งที่ตัวเองขาดหรือไม่ ไม่ใช่แค่ตนเองที่ถูกกล่าวหาเรื่องการถูกครอบงำ แต่ท่านเองก็ถูกกล่าวหาว่าครอบงำเช่นกัน ต่างกันที่ตนถูกกล่าวหาว่าถูกครอบงำโดยพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร) แต่ของท่านถูกครอบงำโดยคนที่ไม่ใช่พ่อ

ส่วนตัวเคารพและให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้าน มองว่า อายุใกล้กันก็ควรมีความเข้าใจ อีกทั้งเส้นทางทางการเมืองก็มีความคล้ายกัน ซึ่งเราเจอชะตากรรมและการถูกระทำของพรรคการเมือง จนทำให้มาถึงวันนี้

ถ้าพรรคของตนไม่ถูกกระทำทางการเมือง เราอาจยังมีนายกฯ ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคของท่านก็อาจมีหัวหน้าพรรคที่ชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ได้

แต่ชะตากรรมทางการเมืองมาเป็นแบบนี้ ทั้งตนและผู้นำฝ่ายค้านคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด การด้อยค่าคนอื่นแบบนี้เป็นสิ่งไม่ควรทำ การที่ตนเป็นลูกของนายทักษิณ ถูกวิจารณ์และถูกปรามาส มาตั้งแต่ยังเป็นนิสิต จนถึงทุกวันนี้ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่จะนำคำแนะนำของนายทักษิณมาพิจารณา เพราะถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ

ขณะเดียวกันมีนักการเมืองหลายคน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกยุบพรรค แต่ก็ยังเดินหน้าทำงานการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย การเดินสายหาเสียงพบประชาชน ยังสามารถทำได้ แต่เหตุใดจึงเป็นนายทักษิณเพียงคนเดียวที่ทำแล้วเป็นประเด็น

นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเรื่องของการส่งชาวอุยกูร์ 40 คน กลับประเทศจีน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายในเรื่องของผู้ลี้ภัย เมื่อมีการลักลอบเข้าเมืองก็ถูกดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน

ซึ่งการกักขังชาวอุยกูร์เป็นเวลา 10 ปี ประเทศจีนได้ทวงถามและแสดงเจตจำนงขอรับตัว ส่วนประเทศที่ 3 ไม่มีการขออย่างเป็นทางการ รัฐบาลจึงได้ติดต่อกับทางการจีน เพื่อขอให้ยืนยันเรื่องความปลอดภัย และมีการทำหนังสือออกมา ถือเป็นพันธะสัญญาต่อสังคมโลก ไทยจึงได้ส่งกลับชาวอุยกูร์และมีการติดตามความเป็นอยู่ 

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายและประเทศไทย ส่วนที่มีบางประเทศออกมาประณามหรือไม่ยอมรับนั้น ประเทศไทยเคารพทุกความคิดเห็นและสิ่งที่ทำได้คืออธิบายให้ทุกประเทศเข้าใจ

การที่ผู้อภิปรายกล่าวหาว่า รัฐบาลทำผิดในเรื่องนี้ อยากทราบว่าได้มองครบทุกมิติในโลกแล้วหรือไม่ และการเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ก็ไม่แน่ใจว่าท่านใช้สองมาตรฐานหรือไม่ โดยเฉพาะกับรัฐบาลนี้ เพราะเท่าที่จำได้ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายเรื่องผู้ลี้ภัย ซึ่งอาจใช้เวทีนี้ออกนโยบายหรือประกาศไปเลยว่าจะทำตามที่ผู้ลี้ภัยต้องการ หรือมีแนวทางอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับฟัง

น.ส.แพทองธาร ยังระบุถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ขณะนั้นยังเป็นฝ่ายค้าน โดยได้ลงนามสัตยาบันร่วมกันเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ

เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ได้แถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภา โดยมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 แต่ข้อกฎหมายที่ซับซ้อนทำให้การแก้ไขดำเนินการไปได้ยาก และมีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลและวุฒิสภา ทั้งเรื่องของกฎหมายการทำประชามติ และจำนวนครั้งในการทำประชามติ ซึ่งเราพยายามเดินไปข้างหน้า

ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาล ลงมติเห็นชอบให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะช้าไปบ้าง แต่ถือเป็นโอกาสแห่งความสำเร็จ

ท่านเรียกร้องให้ดิฉันแสดงภาวะผู้นำ ความจริงไม่ต้องเรียกร้องเพราะดิฉันทำอยู่ตลอดเวลา โดยได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในทุกนโยบาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสวงจุดร่วมและสงวนจุดต่าง

นอกจากนี้ยังมีผู้อภิปราย เรื่องการต่อสู้ของประชาชน ยืนยันว่า รัฐบาลนี้เคารพสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออกของทุกฝ่าย ไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยบอบช้ำและเจ็บปวด

โดยพรรคเต็มไปด้วยนักการเมือง ที่ต่อสู้เคียงข้างประชาชน และเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ โดยมีคนเสื้อแดงและมีลูกหลานของคนเสื้อแดงอยู่ในพรรค แม้จะไม่ได้พกหมวกหรือพกผ้าพันคอมา แต่ก็แสดงเรื่องนี้อย่างจริงจังและอยู่ในใจของพวกเราเสมอ

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงดีลแลกประเทศ ว่า หากคำว่า "ดีล" หมายถึงการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน การเมืองทุกที่บนโลกใบนี้ต้องมีดีล

ก่อนหน้านี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ก็เคยดีลกับพรรคของท่าน และพรรคของท่านก็มาดีลกับพรรคของเรา แล้วเราก็ยกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคของท่าน ด้วยความเชื่อว่า พวกท่านสามารถรวมเสียงจากสมาชิกวุฒิสภาสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นการดีล เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับ 2 คน หรือระดับทุกคนในพรรค จึงทำให้เราดีลด้วย

ปี 2562 พรรคเพื่อไทยดีลกับพรรคของท่าน ซึ่งมาดีลกับเราให้ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่าน ขณะนั้นพรรคของท่านมีเสียง สส.เป็นอันดับ 3 และการเลือกตั้งปี 2566 ท่านเป็นพรรคอันดับ 1 มาดีลกับพรรคเรา ซึ่งก็ตอบรับและยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่านอีกครั้ง

แม้ครั้งแรกไม่ผ่าน เราก็ยกมือให้กับท่านเป็นครั้งที่ 2 ตามที่ดีลกันไว้ โดยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคท่านมาโดยตลอด แต่เท่าที่จำได้ท่านไม่เคยยกมือให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเรา และเมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็เดินหน้าตั้งรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบรัฐสภา

น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายสู่ประชาชน ส่วนการกล่าวหาว่านโยบายไม่ตรงปก แต่เงิน 10,000 ถึงมือประชาชน ถามประชาชนแล้วหรือยังว่ามีความสุขกับสิ่งนั้นหรือไม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้ว หากไม่กระตุ้นจะกระเตื้องแบบนี้หรือไม่ หากไม่เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็ยังคงจะติดลบอยู่และเมื่อไหร่ประเทศไทยจะเคลื่อนไปข้างหน้า

รัฐบาลแบกเรื่องนี้ไว้และทำความเข้าใจกับประชาชน โดยได้ดำเนินนโยบายต่างๆ และเดินสายไปต่างประเทศเพื่อนำเงินเข้าประเทศ แล้วทำให้การลงทุนของประเทศไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี ทั้งที่เราเป็นรัฐบาลยังไม่ถึง 1 ปี

ไม่มีใครที่อยากถูกกล่าวหา วันนี้เกิดความชัดเจนและสร้างการเมืองแบบใหม่ ท่านก็ประกาศให้ชัดเจนเลยว่าสมัยหน้าจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้สบายใจ

อ่านข่าว

"ศิริกัญญา" ชี้ "แพทองธาร" มือไม่ถึงบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น

"ภูมิธรรม" ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายทำ IO ชี้ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเก่า


"ภูมิธรรม" ยันรัฐบาลไม่มีนโยบายทำ IO ชี้ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องเก่า

Tue, 25 Mar 2025 21:44:00

วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจง ประเด็นปฏิรูปกองทัพและการเกณฑ์ทหาร และเรื่องเรือดำน้ำรวมไปถึงเรื่องไอโอ ระบุว่า เรื่องการปฏิรูปกองทัพ เป็นไปตามสถานการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ได้พูดคุยกันระหว่างผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งหมด แล้วตกลงกันว่ากองทัพต้องปรับปรุงให้ทันกับโลกสมัยใหม่

โดยได้ออกสมุดปกขาว 1 ฉบับกำหนดทิศทางกองทัพ ปี พ.ศ.2569-2580 ตั้งแต่ยุทธศาสตร์กองทัพเพื่อเดินไปในทิศทางเดียวกัน แนวทางการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ตามลำดับความสำคัญ ปรับตัวให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงนำมาสู่การปรับยุทธศาสตร์ ปรับการจัดกำลังพล รวมทั้งการเกณฑ์ทหาร โดยต้องรองรับการปฏิบัติงานบนหลักความเป็นจริง ซึ่งระบบการเกณฑ์ทหารยังมีความจำเป็น ไม่สามารถยกเลิกได้ทันที ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา

ทั้งนี้ได้หารือกับทางกระทรวงกลาโหม ในเรื่องของการจัดการกำลังพล รวมถึงเรื่อง การเออรีรีไทร์นายพล ส่วนเรื่องเรือดำน้ำเป็นเรื่องที่ตกค้างมาจากรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่เคยปฏิเสธการแก้ปัญหา และทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยอรมนี ในเรื่องปัญหาเรือดำน้ำ เพื่อขอซื้อเครื่องยนต์จากทางเยอรมนี แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

และพยายามพูดคุยกับตัวแทนเยอรมัน รวมทั้งทำหนังสือถึงปากีสถาน ที่จะซื้อเรือดำน้ำจีน และติดตั้งเครื่องยนต์จีน เพื่อขอทราบประสิทธิภาพในการใช้งาน ดังนั้นต้องรอคำตอบ ไม่มีอะไรง่ายที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าตัดสินใจ แต่ยืนยันว่าจะตัดสินใจ โดยมีเหตุผลรองรับ

ส่วนกรณีเรื่องไอโอ ขอยืนยันว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้มีนโยบายตามที่ฝ่ายค้านกล่าวอ้าง และขอน้อมรับจะไปสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอภิปรายเป็นเรื่องเก่า และเป็นเรื่องไม่จริง ดังนั้นเมื่อรับฟังแล้วก็จะขอไปหาข้อมูลตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะขอนำไปศึกษาปรับปรุงตรวจสอบ แต่เรื่องใดที่เป็นการแสดง ก็จะปล่อยผ่านไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

ทั้งนี้ขอให้มีใจที่กว้างขวาง เพราะเท่าที่ฟังมาฝ่ายค้านนำเรื่องในอดีตและหลายเรื่องเกิดขึ้นก่อนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่ากองทัพเป็นสถานที่ที่เข้าได้ เพราะหลายคนก็เข้ามาแล้ว เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กระทรวงกลาโหม เปิดต้อนรับตลอด

อ่านข่าว :

"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น

"พิชัย" รับเศรษฐกิจไม่ดี แต่มั่นใจดัน GDP ถึงเป้า 3%

ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน


"พิพัฒน์" ยืนยัน สปส.ไม่ล้มละลาย ค่าแรง 400 มาแน่วันแรงงาน

Tue, 25 Mar 2025 21:35:02

วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ตอบโต้ฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจถึงกรณีบริหารกองทุนประกันสังคม โดยยืนยันว่าไม่มี "มวยล้มต้มคนดู" หรือการทุจริตใด ๆ ตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งเรื่องซื้อตึกที่เป็นข่าวมากว่า 1 เดือน

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะเห็นผลชัดเจนเร็ว ๆ นี้ นายพิพัฒน์เน้นย้ำเป้าหมายสำคัญคือ ป้องกันกองทุนประกันสังคมล้มละลายใน 30 ปี หรือราวปี 2597 ตามที่สถาบันประเมินไว้ หากไม่ปรับวิธีลงทุน

ผลตอบแทนในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 และปี 2567 พุ่งเป็นร้อยละ 5.34 สอดคล้องกับเป้าร้อยละ 5 ที่ตั้งไว้ โดยร้อยละ 60 ของกองทุน ลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ส่วนร้อยละ 40 จะหาการลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้สมดุลเพื่อดึงผลตอบแทนเฉลี่ยให้ถึงเป้า คาดว่าหากรักษาระดับร้อยละ 5 ได้ต่อเนื่อง 30 ปี กองทุนจะยืดอายุไปได้ถึง 55 ปี และภายใน 12 ปีข้างหน้าอาจโตถึง 6 ล้านล้านบาท เล็งเพิ่มสิทธิประโยชน์ เช่น ตรวจสุขภาพเชิงรุกและเงินเกษียณที่สูงขึ้นให้ผู้ประกันตน

ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เผยว่าได้ส่งเอกสารชี้แจงการใช้เงินกองทุนไปยังคณะกรรมการสอบแล้ว ก่อนประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มี.ค.นี้

ค่าแรง 400 บาทมาแน่ แต่ไม่ทุ่มสุดตัว

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท หลังถูกฝ่ายค้านโจมตีว่าไม่มีความคืบหน้า โดยยืนยันว่ากระทรวงแรงงานไม่นิ่งนอนใจ ปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เตรียมเรียกประชุมก่อนสงกรานต์นี้ เพื่อหาข้อสรุปให้ทันประกาศในวันที่ 1 พ.ค.2568 ซึ่งเป็นวันแรงงานแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม รมว.แรงงานยังมีความกังวล หากขึ้นค่าแรงพร้อมกันทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จะกระทบผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SMEs ที่มีกว่า 500,000 ราย และลูกจ้างราว 5.8 ล้านคน โดยวิเคราะห์ว่าอาจมีลูกจ้างถึงร้อยละ 30 หรือราว 1,900,000 คนต้องตกงาน หากไม่มีการเตรียมการที่ดี

ย้ำว่าต้องหารือกับ SMEs ทุกจังหวัดอย่างรอบคอบ และอาจเลือกปรับขึ้นบางสาขาอาชีพที่ผู้ประกอบการรับไหว เพื่อให้สอดคล้องกับเป้า GDP โตร้อยละ 3 ตามนโยบายนายกฯ หากวิเคราะห์แล้ว GDP ไม่ถึงเป้า ก็จะไม่ฝืนปรับทุกสาขา เพื่อป้องกันความเสียหายที่กระทรวงอาจรับผิดชอบไม่ไหว

จับ-ปรับ-ผลักดัน แรงงานต่างด้าวลักลอบทำงาน

นายพิพัฒน์ยังตอบกรณีที่ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.พรรคประชาชน อภิปรายว่าแรงงานจีนลักลอบทำงานในไทย โดยระบุว่ามีชาวจีนได้รับ Work Permit ราว 50,000 คน ผ่าน BOI อีก 20,000 คน และอาจมีนอกระบบอีก 30,000 คน

หลังฝ่ายค้านแฉ กระทรวงได้สั่งชุดเฉพาะกิจจากกรมจัดหางานและกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานลงพื้นที่ตรวจสอบทันที หากพบว่าเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต จะดำเนินการจับ-ปรับ-ผลักดันกลับประเทศทันที เขายังเน้นว่าแรงงานต่างด้าวห้ามทำ 40 อาชีพสงวนของคนไทย เช่น ช่างตัดผมหรือค้าขายปลีก แม้มีใบอนุญาตถูกต้องก็ตาม

ล่าสุดที่ จ.ชลบุรี จับแรงงานต่างด้าวฝ่ากฎหมายได้ 52 คน นายพิพัฒน์ย้ำว่ากระทรวงทำงานเชิงรุก ไม่นิ่งนอนใจ และจะปกป้องอาชีพของคนไทยอย่างเข้มงวด

อ่านข่าวอื่น :

"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น

"สรรพากร" แจงนายกฯ ยังไม่จ่ายหนี้ตั๋ว PN ไม่เกิดภาระภาษี


"ชยพล" อัดนายกฯ ปล่อยขบวนการไอโอ แทรกแซงการเมือง ประท้วงวุ่น

Tue, 25 Mar 2025 20:54:00

วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ให้บริหารราชการแผ่นดินอีกต่อไป เพราะนายกฯ คนนี้ ถือเอาผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัวอยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม มีพฤติกรรมโกหกหลอกลวง เป็นนั่งร้านให้กลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิบัติต่อระบอบประชาธิปไตยเพื่อให้ตนเองและบิดาได้กลับมามีอำนาจ เหมือนอภิสิทธิ์ชน

"นายกรัฐมนตรี ทรยศต่อประชาชนแล้วหันไปสยบยอมต่อฝ่ายอำนาจนิยม ยอมละทิ้งการปฏิรูปกองทัพ ยอมปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงการเมือง ปล่อยให้ทหารบางกลุ่มใช้กลไกของรัฐไปคุกคามประชาชน ปลุกปั่นสร้างความแตกแยกเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย จนยากจะเยียวยา"

นายชยพล กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญที่กองทัพใช้เพื่อแทรกแซงการเมือง คือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือที่เรียกว่า IO ความขัดแย้งในสังคมเป็นเรื่องปกติ แต่มีหลายครั้งก็เกิดขึ้นจากการปลุกปั่น ขบวนการเหล่านี้มีเป้าหมายก็เพื่อการสร้างกระแสสังคมผิด ๆ สร้างความหวาดกลัวสร้างความเกลียดชังนำไปสู่สถานการณ์ที่ผู้อยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์ แต่ที่แย่กว่านั้นคือกระบวนการ IO ของกองทัพไทยใช้ภาษีของประชาชนและกลไกของรัฐมายุยง ปลุกปั่น ประชาชนให้เกิดความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของบางกลุ่มให้มีข้ออ้างมาแทรกแซงการเมืองไปเรื่อย ๆ ขบวนการ IO กลับเติบโตและเลวร้ายกว่าเดิม

นายชยพล เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566 มีการจัดโครงสร้างปฏิบัติการ IO ขึ้นมาใหม่ ให้รวมศูนย์ไปอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมโดยมีไซเบอร์ทีมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ คอยรับผิดชอบปฏิบัติการ IO จากที่ตนได้ติดตามไซเบอร์ทีมนี้ประชุมกันทุกวันพุธหรือพฤหัสบดี 

ซึ่งระหว่างการอภิปราย นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ใช้สิทธิ์ประท้วงว่า ต้องไล่ดูเอกสารที่นำเสนอ หากเป็นเอกสารจริง ถือเป็นเรื่องใหญ่และหากเป็นเอกสารเท็จ เรื่องก็จะยิ่งใหญ่ไปกว่าเพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐ 

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ประธานในที่ประชุม กล่าวว่าตนได้เตือนสมาชิกไปแล้ว ว่าแต่เราเอกสารลับของกองทัพออกมาแล้ว นำชื่อนายทหารมาตัดแปะ จึงเป็นห่วงว่า หากมีการดำเนินคดีหรือแจ้งความขึ้นมา เป็นความรับผิดชอบของท่าน

นายชยพล รับทราบและได้อภิปรายต่อ และได้ขึ้นสไลด์โชว์เอกสาร ทำให้นายพิเชษฐ์ เตือนอีกครั้ง พร้อมขอเอกสารหลังอภิปรายเสร็จ 

ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วง ประธานให้ควบคุมการประชุมให้เป็นกลาง เพราะกรณีนี้เป็นปฏิบัติการที่ไม่สมควร 

นายชยพล จึงอภิปรายต่อและมีการกล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอกจำนวนมากทำให้นายพิเชษฐ์ ท้วงอีกครั้ง ว่าการเอ่ยถึงชื่อบุคคลภายนอกที่ไม่อยู่ในห้องประชุมได้รับความยินยอมหรือไม่ เป็นเรื่องเสียหายเยอะ พร้อมถามว่าจะหยุดอภิปรายดีหรือไม่ แล้วท่านจะรับเรื่องนี้ไม่ไหว

นายประยุทธ์ ศิริพานิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง ถึงการขึ้นภาพในสไลด์ และการอภิปรายให้อยู่ในประเด็น

นายพิเชษฐ์ จึงสั่งให้หยุดอภิปราย พร้อมบอกว่าจะรับผิดชอบเอง ทำให้สมาชิกฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นประท้วงประธาน ให้เวลาสมาชิกอภิปรายต่ออีก 10 นาทีแต่ห้ามขึ้นภาพสไลด์

หลังจากนั้นนายชยพลเปิดหลักฐานประเด็นหัวข้อที่มีการทำปฏิบัติการ IO ซึ่งได้แก่การส่องคดีทักษิณอ้างป่วยเรื้อรังเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ชกมวยอยู่เมืองนอก กลับไทยแล้วป่วย ขึ้นชื่อเป็นบุคคลสาธารณะทำไมตรวจสอบไม่ได้ 

นายชลพล ยัง อภิปรายสรุปทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนได้เรียนรู้จากครอบครัวและโรงเรียนเตรียมทหาร คือ การเป็นทหารที่ดี มีเกียรติมีศักดิ์ศรีและการทำเพื่อประชาชนนั้นเป็นอย่างไร ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกองทัพที่เข้มแข็งและมีศักยภาพเพียงพอจะเผชิญกับภัยความมั่นคงยุคใหม่ และทหารน้ำดีส่วนใหญ่ในกองทัพก็อยากเห็นกองทัพไทยที่ทันสมัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ พวกเขาอึดอัดที่เห็นนายพลบางกลุ่มหาผลประโยชน์จากกองทัพนำกองทัพไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองจนทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพตกต่ำลง พวกเขาไม่สบายใจที่มีบางกลุ่มมักแอบอ้างเรื่องสถาบันฯ เพื่อให้ตัวเองได้ดิบได้ดี ได้อำนาจ ได้งบประมาณ โดยไม่ต้องรับผิดชอบว่าพฤติกรรมการแอบอ้างของตนเองนั้น จะส่งผลกระทบต่อสถาบันฯ ในระยะยาวอย่างไร  

เรื่องเหล่านี้มันเกี่ยวข้องกับคนเป็นนายกฯ ด้วย เพราะถ้าเรามีนายกฯ ที่มีสำนึกประชาธิปไตย เห็นความสำคัญของการปฏิรูปกองทัพ เราจะมีกองทัพที่ดีต่อชาติ ประชาชน และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ น.ส.แพทองธาร กลับเป็นนายกฯ ที่ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน ละทิ้งการปฏิรูปกองทัพ เมื่อไรที่บางกลุ่มสามารถสร้างสถานการณ์จนสุกงอม พวกเขาก็พร้อมที่จะก่อรัฐประหารอีกครั้ง ตนจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ให้บริหารบ้านเมืองได้อีกต่อไป

ปชน.เดือดปมถูกห้ามอภิปรายไอโอ 

นายชยพล พร้อมด้วยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ห้ามไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นการปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

โดยนายชยพล กล่าวว่า ยืนยันเอกสารที่นำเสนอเป็นของจริง ได้รับจากคนที่ทำงานในโครงสร้างนี้จริงๆ ทั้งตำรวจและทหาร ซึ่งเป็นขบวนการไล่โจมตีประชาชน แต่น่าเสียดายที่ตนถูกห้ามอภิปรายเต็มเวลา ทั้งนี้ เราจะดำเนินการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ในช่องทางของพรรคต่อไป

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ขอพูดแรงๆ ว่ามีการปิดปากนายชยพลไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย เรื่องดังกล่าวพูดถึงปฏิบัติการของกองทัพที่พยายามคุกคามประชาชน ซึ่งอยู่ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับถูกนายพิเชษฐ์ห้ามไม่ให้พูด และเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจนายกฯ ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นอีกบทพิสูจน์ตามที่บอกว่าไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่น ขอให้ประชาชนตัดสินดู ตนเรียกเหตุการณ์วันนี้ว่าอัปยศในสภาผู้แทนราษฎร ปิดกั้นกลไกการตรวจสอบ สิ่งที่อันตรายมากคือ การที่ สส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วง บอกว่านายกฯ กับรมว.กลาโหมไม่รู้เรื่องแน่นอน ตนว่าน่ากลัวมาก เพราะเรามีนายกฯ กับ รมว.กลาโหมที่ไม่รู้ว่ามีกองทัพคุกคามประชาชน และหากนายกฯ กับ รมว.กลาโหมบอกว่าไม่ทราบ แล้วจะจัดการอย่างไร

อ่านข่าว :

"สรรพากร" แจงนายกฯ ยังไม่จ่ายหนี้ตั๋ว PN ไม่เกิดภาระภาษี

ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน

"ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง


"สรรพากร" แจงนายกฯ ยังไม่จ่ายหนี้ตั๋ว PN ไม่เกิดภาระภาษี

Tue, 25 Mar 2025 20:02:00

กรณี สส.ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจปมการเลี่ยงภาษีรับให้จากการโอนหุ้นบริษัทระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเครือญาติ นำไปสู่เสียงเรียกร้องให้กรมสรรพากรชี้แจงข้อกฎหมายและมาตรฐานการวางแผนภาษี

วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ถูกเรียกเข้าสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่เปิดเผยภารกิจ ก่อนมอบหมายให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ส่งข้อความทางไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าว ชี้แจงว่า การชำระหุ้นด้วยสัญญาใช้เงิน หรือ Promissory Note (P/N) โดยไม่ระบุกำหนดวันชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ย สามารถทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

อ่านข่าว : "วิโรจน์" จี้สรรพากรแจงปม "แพทองธาร" ออกตั๋ว PN

กรณีธุรกรรมของนายกรัฐมนตรี เป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์และวางแผนจะเรียกชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนในปี 2569 ดังนั้นเครือญาติของนายกฯ ในฐานะผู้ขายหุ้น จะรับรู้รายได้และต้องยื่นแบบแสดงเงินได้เสียภาษีในปี 2570 หากได้กำไรจากการขายหุ้น หรือ Capital Gains

เช่นเดียวกับนายกฯ ต้องยื่นแบบแสดงเงินได้และชำระภาษีตามขั้นตอนปกติ พร้อมย้ำว่าภาระภาษีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการจ่ายเงินสดเกิดขึ้น ทำให้ขณะนี้ตั๋ว P/N ที่ยังไม่เรียกให้ชำระหนี้ จึงไม่เกิดภาระภาษีตามที่ฝ่ายค้านกล่าวอ้าง

ขณะที่ ผศ.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ไอแท็กซ์ อินคอร์ปอเรชัน จำกัด ระบุว่า การชำระหุ้นด้วยตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ P/N แบบไม่ระบุกำหนดชำระหนี้และดอกเบี้ยของนายกฯ ไม่ถือเป็นการหลบเลี่ยงภาษี

แต่เป็นเทคนิคในการวางแผนภาษีแบบเข้มข้น โดยอาศัยช่องว่างกฎหมายประวิงเวลาชำระภาษีให้นานที่สุดเพื่อประโยชน์ ซึ่งถือเป็นคนละส่วนกับความผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเห็นว่ากรมสรรพากรควรหยิบยกประเด็นนี้ไปปรับปรุงกฎหมาย เพื่อไม่ให้ลุกลามกลายเป็นช่องทางธุรกรรมผิดกฎหมายอื่น

ย้ำออกตั๋ว P/N เมื่อมีการจ่ายเงิน ต้องชำระภาษี

อธิบดีกรมสรรพากร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถ้าในข้อเท็จจริงเป็นการทำธุรกรรมโดยออกตั๋ว P/N จะเปรียบเสมือนสัญญาเงินกู้ระหว่าง 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ออกตั๋ว (ลูกหนี้) และผู้รับเงิน (เจ้าหนี้) ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุว่าสามารถออกได้ 2 แบบ คือ ออกแบบกำหนดระยะเวลาที่จะชำระเงินชัดเจน หรือออกแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการชำระเงิน ซึ่งการออกแบบที่ไม่ได้ระบุเวลาในการชำระเงินนั้นจะต้องจ่ายเงินทันที เมื่อถูกเรียกหรือถูกทวงถาม

ส่วนเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ประมวลกฎหมายแพ่งฯ ระบุว่า จะกำหนดหรือไม่กำหนดก็ได้ หากมีการกำหนดจะต้องระบุไว้ที่หน้าตั๋ว P/N อย่างชัดเจน

กรณีการซื้อขายหุ้นนอกตลาดฯ ผู้ขายมีหน้าที่เสียภาษี ซึ่งกรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะใช้เกณฑ์เงินสด ถ้าผู้ซื้อได้มีการออกตั๋ว P/N เพื่อเป็นสัญญาว่าจะชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน การเสียภาษีจะเกิดขึ้นเมื่อมีการชำระตั๋ว P/N ด้วยเงินสด

ซึ่งตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุว่า ในปี 2569 จะมีการชำระเงินกัน ผู้ขายหุ้นก็จะต้องชำระภาษี โดยถือเป็นเงินได้ของปี 2569 ซึ่งจะต้องยื่นแบบฯ ในปี 2570 ในประเภทเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน (Capital Gains) ผู้ขายหุ้นให้แก่นายกฯ มีเงินได้ประเภทนี้ ก็ยื่นแบบฯ และชำระภาษีตามขั้นตอนปกติ

ธุรกรรมลักษณะนี้มีภาระภาษี โดยขึ้นอยู่กับว่าต้องชำระภาษีเมื่อไร การออกตั๋ว P/N เมื่อมีการจ่ายเงิน ก็ต้องมีการชำระภาษี

อ่านข่าว

บทเรียนนายกฯ ปมจ่ายภาษี “พีเอ็น”

"แพทองธาร" โต้ปมตั๋วสัญญา PN ยืนยันไม่ได้ทำนอกกฎหมาย

ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน


"พิชัย" รับเศรษฐกิจไม่ดี แต่มั่นใจดัน GDP ถึงเป้า 3%

Tue, 25 Mar 2025 18:22:20

วันนี้ (25 มี.ค.2568) นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง​ ชี้แจงกรณี น.ส.ศิริกัญญา​ ตันสกุล​ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายประเด็นเศรษฐกิจ ว่า เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดีมายาวนาน อย่างไรก็ตามการตั้งตัวเลขจีดีพีไว้ 3% เพราะคาดหวังและเชื่อว่าจะเติบโต แม้จะช้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมาโต 3.1% ทำให้ต้องผลักดันเพื่อไปให้ถึง

ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าวไทย มีการส่งออกมากกว่าจำนวนบริโภคภายในประเทศ การส่งออกข้าวบางพันธุ์เสมอกับต้นทุน ไม่มีกำไร ขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 11 ล้านตันและส่งออก 6 ล้านตัน โดยสิ่งที่ต้องทำคือลดการผลิตให้น้อยลง ใช้พื้นที่เพาะปลูกทำอย่างอื่น เช่น 14 ล้านไร่เพื่อปลูก อีก 12 ล้านไร่ต้องลดพื้นที่ปลูกข้าว ดีที่สุดคือสิ่งที่นำเข้าต้องผลิตเอง โดยดูต้นทุนการนำเข้า เช่น ข้าวโพด หากทำให้ดีจะได้ไร่ละ 15,000-16,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการ 3-5 ปีที่ต้องดูแล

อ่านข่าว : "ศิริกัญญา" ชี้ "แพทองธาร" มือไม่ถึงบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

รมว.คลัง​ ยังกล่าวอัตราค่าไฟฟ้า โดยยอมรับว่าค่าไฟฟ้าของประเทศไทยสูงอยู่ที่ 4.10 บาท​ ซึ่งราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 3.50 บาท โดยสิ่งที่จะทำให้ค่าไฟลดลงได้จริงคือการปรับโครงสร้างของการผลิตไฟจากไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ LPG เป็นสิ่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า เช่น โซลาเซลล์ ที่ปัจจุบันมีต้นทุนต่ำลงเรื่อยๆ คาดว่าจะใช้ต้นทุนไฟฟ้าไม่เกิน 2 บาทต่อหน่วย

นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง​

นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง​

ส่วนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำเป็นจะต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว แต่การใช้ศัพท์คำว่า Stablecoin จะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับ ธปท.ได้ แต่ที่ต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่องและเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะเป็น Token ไม่ใช่เงินใหม่ ใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้ ทั้งนี้ ธปท.ยังไม่เห็นด้วย

ส่วนเรื่องการแก้หนี้ ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้ข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สำหรับหนี้ที่มี 13.6 ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบ เพราะไม่มีปัญญา ในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียรวมอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสีย ไม่เลือกกลุ่มลูกหนี้ที่มีกำลังเจรจากับเจ้าหนี้ได้ โดยจะเลือกแต่ลูกหนี้ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากินและตามตัวลูกหนี้ไม่ได้

          “หนี้ที่มีปัญหาคือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2 แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้น NCB เอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือการให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อย พบว่า เปิดได้ 3 วัน มีกว่า 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้ กำกับดีๆ จะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้” นายพิชัย กล่าว

อ่านข่าว

"วิโรจน์" จี้สรรพากรแจงปม "แพทองธาร" ออกตั๋ว PN

ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน

“พิชัย” แจงแก้ปัญหาอยู่ไม่ได้เพิกเฉยสินค้าเกษตรตกต่ำ ย้ำเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น


ปัดมีดีล "แพทองธาร" ยืนยันไม่เกี่ยวข้องปม "ทักษิณ" กลับบ้าน

Tue, 25 Mar 2025 16:51:00

วันนี้ (25 มี.ค.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 2 โดยชี้แจงในหลายประเด็น โดยระบุ ว่า ในการอภิปรายครั้งนี้หลายท่าน อภิปรายเรื่องของคนอื่น รัฐบาลชุดอื่นจึงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี รวมถึงกรณีที่ดินเขาใหญ่ กรมที่ดินได้ตอบไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่ การครอบครองที่ดิน การประกอบกิจกรรมและกิจการในครอบครัวเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ

อ่านข่าว : "ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง

ขณะที่ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ รัฐบาลดำเนินการไปค่อนข้างมากกว่าที่อภิปราย  โดยดำเนินการต่อจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ รวมถึงได้ประสานและได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา และจีน เป็นอย่างดี 

ทางจีนชมว่าทำงานได้รวดเร็วและเด็ดขาดมาก โดยจีนสนับสนุนการข่าวและข้อมูล จึงทำให้ปัญหาคอลเซนเตอร์ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาจากความร่วมมือของหลายประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านซึ่งให้ความร่วมมือโดยเฉพาะ การซีลชายแดน ที่ต้องขอความร่วมมือและได้ผลเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดตั้งศูนย์ AOC รับแจ้งเหตุและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์โดยปราบบัญชีม้าไปแล้วกว่า 1.98 ล้านบัญชี กวาดล้างซิมม้าว่า 2.4 ล้านเลขหมาย รวมถึงตรวจสอบผู้ใช้โมบายด์แบงก์กิ้งด้วย

ตั้งแต่มีนโยบายตัดน้ำตัดไปและเน็ต สติอาชญากรรมออนไลน์ลดลงร้อยละ 20 และปัญหาจากแก๊งคอลเซนเตอร์ลดลง 60 ความเสียหายลดลงร้อยละ 50 ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่น่าพอใจ แต่จะทำให้เข้มข้นมากขึ้น เร่งร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์

ขณะที่นโบายดิจิทัลวอลเลต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญมรสุมจากหลายองค์กรแต่ก็ยินดีรับฟัง โดยโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พยายามประคับประคอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และแม้ 2 รอบแรกแม้จะไม่ตกปก แต่ยืนยันว่าตกเป้า ซึ่งทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

นอกจากนี้รอบ 3 จะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตแบบเต็มรูปแบบ เริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่มีพลังในการบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยี โดยเป็นเป้าหมายในระยะยาวของนโยบายนี้ คือ ยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ภายใน 1 วาระของรัฐบาล โดยจะให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรง เป้าก็โดน

นายกฯ ยังชี้แจง กรณีชั้น 14 โดยระบุว่า ทราบว่า ฝ่ายค้านที่อภิปราย มีความเห็นที่ต่างกันเพราะท่านเคยมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.ภูเก็ต แต่เชื่อว่าท่านจะไม่ใช้อารมณ์มาอภิปรายตัวตนเองในวันนี้

อ่านข่าว : "โรม" ชี้ "แพทองธาร" ตัวการปมชั้น 14 สมคบอำนาจเก่า พา "ทักษิณ" กลับบ้าน

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีการอภิปรายเกี่ยวกับการกลับมาประเทศไทยของบิดาโดยระบุว่า ตั้งแต่พ่อกลับมา และออกมาจากชั้น 14 นั้นตนเองยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่อยากให้สับสน รวมถึงไม่มีอำนาจในการสั่งข้าราชการ ตอนนั้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และไม่มีอำนาจใด ๆ เลย

รวมถึงเรื่องของความถูกต้อง ไม่ว่าใครจะถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหน ใครที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบก็จะต้องทำแบบนั้นต่อ การจะอภิปรายก็ต้องเห็นค่าคนที่รักษากฎหมาย ของราชการด้วย อภิปรายแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่าไปด้วยในตัว

หากจะให้หาผู้ที่ต้องเผชิญความไม่ยุติธรรม ดร.ทักษิณ คือ หนึ่งในคนท็อป ๆ ที่ได้รับความไม่ยุติธรรม ถูกยึดอำนาจทางการเมือง ถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นหลายครั้ง เป็นสิ่งที่เจ็บปวดในครอบครัวถูกพลัดพรากอยู่ไกลคนละประเทศเสมอ แต่ความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวรักกันมากขึ้น

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังชี้แจงถึงการอภิปรายกรณี "ดีลกับปีศาจ" ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้เพื่อให้นายทักษิณกลับประเทศ โดยตอบว่า ไม่จริงเลย การกลับประเทศ เป็นการตัดสินใจของท่านเอง (นายทักษิณ) ส่วนตัวไม่อยากให้ท่านกลับมาติดคุกหรือถูกจำกัดที่ทาง แต่ท่านบอกว่าอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย ท่านมีความรักและห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมาก ขณะที่กรณีอาการเจ็บป่วยนั้น น.ส.แพทองธารระบุว่า นายทักษิณมีอาการป่วย เนื่องจากอายุมาก 

รวมถึงในเวลานั้น หากพรรคก้าวไกล สามารถจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ก็จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนายทักษิณก็จะกลับมาอยู่ดี ขณะที่การแทรกแซงกระบวนการต่าง ๆตามที่อภิปรายนั้น ในฐานะของนายกฯไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงอำนาจข้าราชการในหน่วยงานไหน ๆ เลย ขออย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบราชการไทย และยุคนี้สามารถตรวจสอบได้

ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการเรียกร้องให้ลาออก ซึ่งเป็นสิทธิของทุกท่านที่ทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือ ขอให้ลาขอให้ลาออกจากความเป็นลูกสาว และความเป็นแม่ สิ่งนี้ลาออกไม่ได้ ขอทำงานเพื่อทุกคน อย่างสุดความสามารถ ในฐานะของลูกสาว ดิฉันคือลูกสาว ดร.ทักษิณ ชินวัตร ดิฉันพูดคำนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ตั้งแต่ที่ดิฉันสามารถพูดได้ 

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังขอดูและพิสูจน์ความสามารถของดิฉัน ในฐานะนายกฯ และหากจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ขอให้อภิปรายเกี่ยวกับการทำงานก็จะเป็นประโยชน์ 

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน โพสต์ X โดยระบุว่า ผมยืนยันว่า ผมไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพหรือภูเก็ตผม ตอนที่พ่อของท่านนายกรัฐมนตรีถูกรัฐประหารผมอายุเพียง 14 ปี และหลังจากนั้นผมก็ได้มาเรียนต่อที่ทวีธาภิเษกที่กรุงเทพ ดังนั้น

ผมไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรเลยและผมก็ไม่มีความเห็นด้วยกับกลุ่มอุดมการณ์ความคิดของทางกลุ่มพันธมิตร ถ้าจะมีความคิดไหนที่ใกล้เคียงที่สุด ก็คือ การเรียกร้องประชาธิปไตยในขณะนั้น คนจำนวนมากที่เรียกร้องประชาธิปไตย เขานิยามตัวเองว่าคนเสื้อแดง แต่ใช่ครับ ผมไม่เคยนิยามตัวเองว่าคนเสื้อแดงเพราะผมเองก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อของท่านทำหลายเรื่อง ดังนั้น ตัวผมคือตัวผม

และหลังจากนั้นที่มีการรัฐประหารครั้งที่ 2 ที่ยึดอำนาจจากอาของท่าน ตัวผมคือคนแรกแรกที่ออกมาต่อต้านออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น การกล่าวหาว่า ผมเคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรผมยืนยันว่า ผมไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรอย่างแน่นอน

 

 

 

อ่านข่าว : "ศิริกัญญา" ชี้ "แพทองธาร" มือไม่ถึงบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

"ไอซ์" ซัดนายกฯ ผักชีโรยหน้าแก้คอลเซนเตอร์ มีดีลกับปีศาจเอื้อพวกพ้อง 

“พิชัย”แจง แก้ปัญหาอยู่ไม่ได้เพิกเฉยสินค้าเกษตรตกต่ำ ย้ำเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น  

 

 

 

 


แจ้งเกิด "ครูนุช" องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับ VS "ภราดร" มือคุมซักฟอก

Tue, 25 Mar 2025 16:44:00

เฟี้ยวจัด...ปลัดบอก แจ้งเกิด "ดาวสภา" อย่างเป็นทางการ สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2568 ได้สำเร็จ คนแรก คือ "ครูนุช" นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีษะเกษ เขต 9 พรรคเพื่อไทย ในฐานะองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับ หลังปะทะคารมกับ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ขอให้ร้อง "กีกี้" ขณะที่อีกฝ่ายก็โต้ "ไม่รู้สี่รู้แปด" ทำเอาสภาปั่นป่วนไประยะหนึ่ง

ครูนุช หรือ "นุชนาถ" เป็นสส.ศรีษะเกษ สมัยแรก แม้จะเป็นหน้าใหม่สำหรับเวทีการเมืองระดับประเทศ แต่ในพื้นที่อีสานใต้ลุ่มน้ำแม่มูล ถือว่าเป็นว่าเป็น "คนดัง" เนื่องจากก่อนจะเข้าสู่แวดวงการเมือง นอกจากจะเป็นผู้บริหารโรงเรียนเกศเกล้าวิทยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล สถาบันการศึกษาเอกชน ในอ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษแล้ว

เมื่อปี 2561 ยังเป็นผู้ก่อตั้งทีมฟุตบอลดัง "สโมสรฟุตบอลราศีไศล ยูไนเต็ด" หรือที่แฟนลูกหนังในแถบอีสานรู้จักกันในนาม "ราชาวานร" โดยมีการจดทะ เบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด สโมสรฟุตบอลราษีไศล ยูไนเต็ด นักฟุตบอลฝีเท้าดีส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับชั้นปวช. และปวส.ของวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล

การทำการเมืองผ่านทีมฟุตบอลของ "ครุนุช" นุชนาถ เพื่อซื้อใจชาวศรีษะเกษถือว่า ได้ผลไม่น้อย หลังจาก อดีตสส.พรรคเพื่อไทย "ปวีณ แซ่จึง" ที่อยู่กับ "ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2548 มาสู่พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยมาอย่างยาวนาน จนถึงปี 2562 ได้ลงสมัคร สส.เพื่อไทยระบบบัญชีรายชื่อ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ "ตระกูลแซ่จึง" จึงแปรพักตร์ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เมื่อปี 2565

ต่อมาปี 2566 "ปวีณ" ลงสมัครสส.ท้าชนกับ "ครูนุช" นุชนาถ ในพื้นที่เขต 9 และในที่สุดประธานที่ปรึกษาสโมสรราษีไศล ยูไนเต็ด "ราชาวานร" คว้าชัยไปครอง สามารถล้มแชมป์เก่า 9 สมัย อย่าง "ปวีณ" ได้ และได้แจ้งเกิดกับบทบาทสส.หน้าใหม่ "องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับ"

เจิดจรัสในเวทีการเมือง ไม่แพ้การทำทีมฟุตบอล "ราชาวานร" ที่ขณะนี้ ได้คว้าแชมป์ไทยลีก 3 โซนภาคอีสานเข้าสู่ไทยลีกฤดูกาล 2024/25 เข้าสู่รอบแชมเปี้ยนลีกแล้ว

ขณะที่ "แบด" ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภา สส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย นักการเมืองบ้านใหญ่เมืองอ่างทอง ตระกูล "ปริศนานันทกูล" ถือลูกไม้ใต้ต้นที่มีคุณภาพของ "สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" อดีตสส.พรรคชาติไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้เคยเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรปี 2544 และปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง จนได้รับฉายา "คนดีศรีสภา"

"แบด" ภราดร เป็นสส.GEN ใหม่คนหนึ่ง ที่ถูกกล่าวขานในเรื่องความจริงจังในเรื่องการทำงาน ความแม่นในกฎข้อบังคับในการทำหน้าที่ "รองประธานสภาผู้แทน ราษฎรคนที่ 2 " เมื่อช่วงกลางดึกของศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ "นายกฯ" วันแรก ก็ได้โชว์ความเด็ดขาด หลังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเมาหมัด ผลักกันประท้วงไม่หยุด ทำให้ "ภราดร" ต้องตั้งคำถาม

ด้วยประโยคที่ว่า "ทราบไหมครับว่า การประท้วงของพวกท่าน พี่น้องประชาชน ไม่ต้องการ เขาอยากจะเห็นการถามการอภิปรายในญัตติ อยากเห็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีตอบ"

และ "วันนี้ รัฐบาล-รัฐมนตรี ใช้เวลาแล้ว 1.21 ชั่วโมง ฝ่ายค้านใช้เวลา 9.11 ชม.ท่านทราบไหมครับว่า เราเสียเวลาประท้วงไปเท่าไหร่ ฝ่ายรัฐบาล 30 นาที ฝ่ายค้านเกือบ 40 นาที ...ท่านทราบไหมครับว่า ผมเหลือเวลา 3 นาที"

ก่อนจะใช้สิทธิลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์ ด้วยมาดนิ่งๆ เชือดนิ่ม ๆ จนสามารถกลับมาควบคุมการอภิปรายได้ในที่สุด

ภราดร เป็นลูกชายคนโตของตระกูลปริศนานันทกุล มีน้องอีก 3 คน คือ กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง เขต 1, ภคิน ปริศนานันทกุล อดีต สส.อ่างทอง และ ธนยา ปริศนานันทกุล

ในโลกโซเชียล "หนุ่มแบด" ภราดร สส.อ่างทอง ถือเป็นดาว TIK TOK คนหนึ่ง มีแฟนคลับติดตามจำนวนไม่น้อย ทุกคลิปที่ลงมักเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เสมอ โดยเฉพาะความเป็นกันเองกับชาวบ้าน โดยเรียกตัวเองว่า "ผู้แทนตลาดล่าง" ด้วยน้ำเสียงเหน่อ ๆ มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับคนอ่างทองแท้ ๆ

เป็นสส.ที่ไม่เคยว่างเว้นการเข้าร่วมงานและการประชุมในท้องถิ่น ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเข้าวัดพบปะคนเฒ่า คนแก่ และมักจะถูกแซวกลับตามด้วยเสียงหัวเราะเสมอ ยังไม่รวม "มาดนักชิม" ทุกอย่างที่ขวางหน้า ด้วยความเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะเมนูโปรดอย่าง "กะเตี๋ยว" และผัดไทย ซึ่งเป็นร้านขายเล็ก ๆ ของชาวบ้านในพื้นที่ จนทำให้บรรดาแฟนคลับต้องเข้ามาคอมเม้นท์ ขอพิกัด เพื่อตามรอยไปชิม

และการเข้าร่วมในกิจกรรมกับเยาวชน ทีมสโมสรฟุตบอลอ่างทอง เอฟซี ที่บริหารและก่อตั้งและดูแลโดย “สมศักดิ์” ผู้เป็นบิดา

 อ่านข่าว:

ถอดความหมายประธานสภา "ลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์" ปราม สส.

"โรม" ชี้ "แพทองธาร" ตัวการปมชั้น 14 สมคบอำนาจเก่า พา "ทักษิณ" กลับบ้าน