วันที่ 18 ม.ค.2568 จากเหตุการณ์ที่มี ชาย 4 คน นำช้างเร่ร่อนมาหาเงินภายในบริเวณ สักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ สนามนเรศวรมหาราช หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู และช้างได้ตกใจเสียงพลุเปิดงานประกวดสาวงามลุ่มภู ทำให้ช้างที่เดินหาเงินอยู่ภายในงานได้วิ่งชนผู้คนที่เดินเที่ยวงานอยู่จนล้มลงได้รับบาดเจ็บ 5 คน ซึ่ง ช้างได้ตกใจวิ่งหนีออกจากบริเวณงานไป โดยควาญช้างได้วิ่งตามไป ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลหนองบัวลำภู อาการบาดเจ็บไม่มาก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ทั้ง 5 คน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ ได้ติดตามควาญช้างและช้างได้ที่ บ้านนาแค ต.ลำภู อ.เมืองหนองบัวลำภู ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2-3 กิโลเมตร นำตัวมาส่งให้กับ พ.ต.ต.คำแปลง ไชยรินทร์ ร้อยเวร สภ.หนองบัวลำภู ทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน นายเดชสุวรรณ ศรีหอม รักษาการหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์สารสนเทศการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหนองบัวลำภู และเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ ได้เดินทางมาแจ้งความผู้ที่นำช้างเคลื่อนย้ายมาโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายเดชสุวรรณ กล่าวว่า สำหรับอัตราโทษของการเคลื่อนย้ายสัตว์ไม่มีอนุญาต มีความผิด โดยอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่เจ้าของช้างบอกว่า เจ้าของช้างคือ นายรัตนชัย และเป็นเจ้าของรถที่นำช้างขึ้นรถมาเอง นำช้างมาถึงเมื่อเช้านี้ ช้างตัวดังกล่าวเป็นช้างเพศผู้ อายุ 10 ปี ชื่อ พลายขุนทอง ซึ่งก็ไม่เคยพบลักษณะเหตุการณ์อย่างนี้ ตอนเกิดเหตุได้พยายามควบคุมช้างแต่ควบคุมไม่ได้ จึงได้วิ่งตามช้างไป จนเข้าไปในป่า
นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ระบุว่าหลังจากนี้ได้กำชับให้ผู้จัดงานประจำปีในพื้นที่ต้องเพิ่มความเข้มงวดไม่ให้มีการนำช้างเร่ร่อนเข้ามาในพื้นที่เพื่อป้องกันอันตรายและอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้แจ้งควาญช้างก่อนเริ่มงานไม่ให้มีการนำช้างเข้ามาแต่ยังพบว่ามีการลักลอบนำช้างเข้ามาภายในงานก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น
อ่านข่าว :
ชายขี่จักรยานยนต์ชนช้างป่าน้ำตกคลองแก้ว เสียชีวิตเวลาต่อมา
ออกหมายจับผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด-ยิงซ้ำครู ตชด. 2 พ่อลูก
วันนี้ (18 ม.ค.2568) ความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดและยิงซ้ำ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครูสอนวิชาเกษตร ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
อ่านข่าว : อาลัย "พ่อ-ลูก" ครู ตชด.เสียชีวิตเหตุลอบวางระเบิด จ.นราธิวาส
ล่าสุด หน่วยงานความมั่นคงขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุ 2 คนคือ นายอับดุลเลาะ บูละ และนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ หลังเจ้าหน้าที่เก็บดีเอ็นเอจากจุดเกิดเหตุไปตรวจสอบพิสูจน์ทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ พบดีเอ็นเอตรงกับผู้ถูกออกหมายจับทั้ง 2 คน
จากการตรวจสอบประวัตินายอับดุลเลาะ บูละ พบถูกออกหมายจับคดีความมั่นคงมากถึง 14 หมาย ส่วนนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ มีหมายจับ 1 หมายคือ คดีลอบวางระเบิด ตชด.ที่ อ.ศรีสาคร เมื่อเดือ ม.ค.2567
ส่วนการติดตามผู้ก่อเหตุ ฝ่ายความมั่นคงส่งกำลังขึ้นไปบนเทือกเขาเมาะแต เขตรอยต่อ อ.จะแนะ และ อ.ศรีสาคร เพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้เมื่อก่อเหตุแล้วอาจซ่อนตัวอยู่บนเทือกเขา
อ่านข่าว
ราชกิจจาฯ ประกาศ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน "อ.ยะหา จ.ยะลา"
ไฟไหม้โกดังสินค้า-โรงเลื่อยย่านบางโพ ลุกลามเสียหาย 4 บริษัท
ชายขี่จักรยานยนต์ชนช้างป่าน้ำตกคลองแก้ว เสียชีวิตเวลาต่อมา
วันนี้ (18 ม.ค.2568) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2568 เห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา โดยใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติตามกฎหมายแทนเพื่อให้สามารถนำมาตรการตามกฎหมายดังกล่าวมาใช้ในการบริหารจัดการรักษาความสงบและความปลอดภัยให้เป็นไปโดยต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ.2551 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2568 ดังต่อไปนี้
ให้เขตพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือหน่วยงานภายในที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมอบหมายให้เป็นศูนย์อำนวยการเป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และจัดทำแผนการดำเนินการในการบูรณาการ การกำกับ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2568
ประกาศ ณ วันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2568
แพทองธาร ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
ความคืบหน้า กรณีกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี และโรงไฟฟ้าไทยอุดรธานี ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายความปลอดภัย และจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานเปิดรับอ้อยไฟไหม้ปริมาณมากเกินกำหนด เป็นการฝ่าฝืนมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
ล่าสุด วันนี้ (17 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณลานรับซื้อโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ยังมีรถบรรทุกอ้อยจำนวนมากจอดเต็มบริเวณในพื้นที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อรอให้โรงงานเปิดรับซื้ออ้อยเผาที่ตกค้าง เปิดรับซื้ออ้อยเผาหลังโรงงานถูกสั่งปิดเมื่อ 2 วันก่อน
ชาวไร่อ้อย ระบุว่า มารอนำอ้อยเผาเข้าโรงงานนานกว่า 2 วัน แต่โรงงานยังไม่สามารถรับซื้อได้ ขณะนี้กังวลว่า อ้อยจะได้รับความเสียหายเนื่องจากตกค้างนานเกินไป สุ่มเสี่ยงที่อ้อยจะเป็นเชื้อราหรืออ้อยเน่า และความหวานจะต่ำกว่า 10 CCS ซึ่งจะทำให้อ้อยที่ขนมาทั้งหมดจะต้องนำไปทิ้งและโรงงานจะไม่รับซื้อ
ตอนนี้ อยากให้โรงงานเร่งเปิดหีบอ้อยอีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่เดินทางมารอขายอ้อยหลายวัน และในแต่ละวันก็มีค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างน้อยคนละ 100 - 150 บ.ที่สำคัญยังเสี่ยงที่อ้อยเผาจะเน่าเสีย ขายไม่ได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงงานอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าชี้แจงและเจรจากรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อขอรับซื้ออ้อยไฟไหม้ที่ตกค้าง 1,200 คัน เข้าโรงงานจากวันละ 25 % เป็นวันละ 40 % เมื่ออ้อยไฟไหม้ตกค้างหมดแล้ว อ้อยที่เข้าโรงงานจะเป็นอ้อยสดทั้งหมด
อ่านข่าว : เสี่ยงระเบิด! ก.อุตฯ สั่งปิด รง.น้ำตาล-โรงไฟฟ้าไทยอุดรฯ
เปิดสาเหตุยอดอ้อยเผาพุ่ง ส่งสัญญาณก่อนเปิดหีบอ้อย
เบื้องหลังลงดาบ "ปิดโรงงานหีบอ้อย" รับซื้ออ้อยเผาเกินลิมิต
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2568 คลิปจากเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" เผยให้เห็นขณะที่บุคลากรการแพทย์กำลังคีบพยาธิออกจากปากของหญิงสูงอายุคนหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า "เหมาะสำหรับคนชอบกินดิบควรดูไว้ พวกซอยจุ๊ ซกเล็ก ลาบดิบ ถ้าเป็นตืดวัวจะยาว 5-10 เมตร ถ้าตืดหมู 2-4 เมตร" โดยจากคลิปจะเห็นว่าต้องใช้เวลามากกว่า 30 วินาทีถึงจะดึงพยาธิออกมาได้ทั้งตัว หลังจากกคลิปเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์โพสต์กันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดมีการสอบถามประเด็นนี้กับ ผศ.ดร.ณัธคพัชฬ รัตนพิทูลย์ ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา โดยประเมินว่า พยาธิที่เห็นมีความเป็นไปได้มากสุดคือพยาธิตืดวัว หรือตืดหมู ซึ่งพยาธิตืดวัวจะมาจากการกินเนื้อวัวดิบ ส่วนพยาธิตืดหมูจะมาจากการกินเนื้อหมูดิบ แต่ในบ้านเราจะเจอพยาธิตืดวัวได้บ่อยกว่า
โดยผู้ที่กินเนื้อวัวดิบหรือเนื้อหมูดิบที่อยู่ในระยะติดต่อจะมีสิ่งที่เรียกว่า "เม็ดสาคู" ซึ่งมีลักษณะเป็นถุงขาว ๆ คล้ายเม็ดสาคู แทรกอยู่ในเนื้อ ส่วนกรณีที่ต้องดึงพยาธิออกมาทางปากแบบในคลิป มีความเป็นไปได้ก็คือ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ แล้วอาเจียนออกมา หรืออาจมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จากการอุดตันของลำไส้
ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยโรคปรสิต ยังได้ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบการกินเนื้อดิบ หมั่นให้แพทย์ส่งตรวจอุจจาระให้อย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี และไม่แนะนำให้ไปซื้อยากินเอง แต่ถ้าจะซื้อยากินเองโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ก็ขอให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะว่ายาแต่ละชนิดที่ใช้รักษาพยาธิมีความแตกต่างกันและมีผลข้างเคียง ปัจจุบัน ยังไม่มียาที่ใช้รักษาพยาธิได้ทุกชนิด
พยาธิตัวตืดหมูและพยาธิตืดวัวเป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของคน เราติดเชื้อพยาธิเหล่านี้ได้จากการรับประทานเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ ซึ่งมีตัวอ่อนของพยาธิซ่อนอยู่ เมื่อกินเข้าไป ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ของคน ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร และในบางรายอาจมีอาการรุนแรงกว่านั้น เช่น อาการขาดสารอาหาร อ่อนเพลีย หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
พยาธิตัวตืดหมูและพยาธิตืดวัวมีความแตกต่างกันเล็กน้อย พยาธิตืดหมูมีความยาวประมาณ 2-4 เมตร และมีอันตรายมากกว่าพยาธิตืดวัว เนื่องจากตัวอ่อนของพยาธิตืดหมูสามารถเข้าไปฝังตัวในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น สมอง ตา หัวใจ และกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคตา และโรคกล้ามเนื้ออักเสบ ในขณะที่พยาธิตืดวัวจะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็กเท่านั้น และมักไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรง
เพื่อป้องกันการติดเชื้อพยาธิตัวตืด ควรรับประทานเนื้อสัตว์ให้สุกอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเนื้อหมูและเนื้อวัว ควรปรุงให้สุกด้วยความร้อนอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์สับ หรือเนื้อสัตว์บด
อ่านข่าวอื่น :
17 ม.ค.เปิดจองสิทธิ์ "บ้านเพื่อคนไทย" เช็ก 4 ทำเลทอง
"คอร์ติซอล" ตัวการอ้วน เมื่อความเครียดทำ "พุงพุ่ง" แบบไม่รู้ตัว
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เคยออกมาเปิดเผยรายชื่อโรงงานน้ำตาล 6 แห่งที่รับซื้ออ้อยถูกเผาในปริมาณ สูง คือ 1. โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี รับซื้ออ้อยถูกเผา 58.8%, 2.โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี รับซื้ออ้อยถูกเผา 41.68%, 3.โรงงานมิตรกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ รับซื้ออ้อยถูกเผา 35.66%
4.โรงงานน้ำตาลเอราวัณ จ.หนองบัวลำภู รับซื้ออ้อยถูกเผา 27.05%, 5.โรงงานไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม จ.สกลนคร รับซื้ออ้อยถูกเผา 26.99% และ 6.โรงงานรวมเกษตรกรอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น รับซื้ออ้อยถูกเผา 20.06%
ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานน้ำตาลของบริษัท น้ำตาลไทยอุดรธานี จำกัด และโรงไฟฟ้าของบริษัท ไทยอุดรธานี เพาเวอร์ จำกัด ใน จ.อุดรธานี หลังตรวจสอบพบว่ามีการรับอ้อยเผาเข้าหีบสะสมสูงสุดจากโรงงานน้ำตาลทั้งหมด 58 โรงงาน คิดเป็น 43.11% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด หรือกว่า 410,000 ตัน ทำให้รถอ้อยตกค้างกว่า 2,000 คัน หลังมาจอดรอขายอ้อยโดยไม่รู้ว่าจะได้ขายเมื่อไหร่และอ้อยเสี่ยงเน่าเสีย คาดว่ามูลค่ามากกว่า 54 ล้านบาท
ขณะที่ จ.อุดรธานี เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนการรับอ้อยเผาเข้าหีบสูงสุดของประเทศ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่สำหรับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างบอกว่า ปีนี้มีอ้อยเผาในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะหากย้อนไปปลายเดือน ต.ค.2567 เริ่มมีกระแสข่าวที่ส่งสัญญาญว่าปีการผลิต 2567/2568 เกษตรกรอาจเผาอ้อยเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพราะราคาอ้อยตกต่ำลง
อ่านข่าว : เบื้องหลังลงดาบ "ปิดโรงงานหีบอ้อย" รับซื้ออ้อยเผาเกินลิมิต
วันที่ 31 ต.ค.2567 ไทยพีบีเอส ได้รับข้อมูลจากชาวไร่อ้อยใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ระบุว่า ปีนี้ต้นทุนการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นจากราคาปุ๋ย อีกทั้งในพื้นที่ยังประสบปัญหาภัยแล้งและค่าจ้างแรงงานตัดอ้อยก็ปรับขึ้น
สวนทางกับราคาอ้อยที่ต่ำลง มีการประมาณการราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต 2567/2568 มีราคาเพียง 1,100 บาทต่อตันเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นของปีที่ผ่านมา (2566/67) ที่มีราคาอยู่ที่ 1,420 บาท ซึ่งลดลงกว่า 300 บาท ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปี 2567/2568 อยู่ที่ประมาณตันละ 1,400 บาท จึงมีแนวโน้มที่เกษตรกรจะตัดอ้อยเผาเพื่อลดต้นทุน
ขณะที่ผู้รับจ้างตัดอ้อยใน อ.เชียงคาน จ.เลย กล่าวว่า การตัดอ้อยสดจะตัดยากและช้ากว่าตัดอ้อยไฟไหม้ เพราะต้องเสียเวลาสางใบ เมื่อเทียบราคาตัดอ้อยสดอยู่ที่ตันละ 240 บาท แต่หากเป็นอ้อยไฟไหม้ ค่าจ้างตกตันละ 130 บาท หลายพื้นที่จึงลักลอบเผาอ้อย เนื่องจากเกษตรกรต้องการลดค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิต แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้เกษตรกรตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท แต่บางคนไม่ได้มีโควตากับโรงงานน้ำตาลโดยตรง เมื่อไม่ได้รับเงินสนับสนุน บางส่วนจึงเผาอ้อยและขายให้กับนายทุนที่เปิดลานรับซื้อ
ข้อมูลจาก สอน. พบว่า ประเทศไทยจะมีผลผลิตอ้อยในปีการผลิต 2566/2567 อยู่ที่ 82 ล้านตัน มีอ้อยไฟไหม้เกือบร้อยละ 30 และคาดการณ์ว่าปีการผลิต 2567/2568 จะเพิ่มเป็น 92 ล้านตัน ทำให้บางฝ่ายกังวลสถานการณ์อ้อยไฟไหม้ปีนี้ที่อาจเพิ่มขึ้นตามปริมาณอ้อย
ประกอบกับข้อมูลจากนายสิทธิบูรณ์ รัชตะสุวิโรจน์ ประธานสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรจะเผาอ้อยหรือไม่เผา นอกจากราคาแล้ว เงินช่วยเหลือค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาทก็เป็นปัจจัยสำคัญ
ในช่วงเดือน ธ.ค.2567 ชาวไร่อ้อยใน จ.เลย เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท ปีการผลิต 2566/2567 ตามที่รัฐบาลเคยเห็นชอบในมาตรการจูงใจให้ชาวไร่ตัดอ้อยสดแทนการเผา เพื่อลดฝุ่นมลพิษ PM2.5 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งหากไม่มีการจ่ายเงินช่วยเหลือส่วนนี้อาจทำให้เกษตรกรหันไปเผาอ้อยเพื่อลดต้นทุน
นี่คือการทวงสัญญาจากรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรมในขณะนั้น เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 คน
ทั้งนี้ โครงการฯ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อยและส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวไร่อ้อย แต่สุดท้ายก็ไม่มีการพิจารณาและจ่ายเงินจริง
อ่านข่าว : "แพทองธาร" ขันน็อตรายกระทรวงแก้ฝุ่น PM2.5 รายงานตรง
นายบรรจง สุขกุล ชาวไร่อ้อยรายใหญ่ จ.เลย กล่าวว่า หลังทราบข่าว ครม.เห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดในปี 2566 เขาตัดสินใจกู้เงินซื้อเครื่องจักรสางใบอ้อยและรถตัดอ้อย เพื่อจะไม่ต้องตัดอ้อยเผา เพราะหากมีเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท เขาจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท สุดท้ายปีนี้ยังไม่ได้เงินและเขาต้องแบกรับหนี้สิน
มีข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก "โรงงานน้ำตาลแห่งประเทศไทย" อ้างได้รับข้อมูลว่า บางพื้นที่มีการบิดเบือนตัวเลขอ้อยสดและอ้อยเผาที่โรงงานน้ำตาลรับซื้อ และขอให้ สอน.สุ่มตรวจสอบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติ
ด้านเสียงสะท้อนจากเกษตรกรชาวไร่อ้อย มองว่า การที่โรงงานน้ำตาลจะรับซื้อเฉพาะอ้อยสดถือเป็นการบีบชาวไร่อ้อยมากเกินไป เพราะราคาที่ตกต่ำก็ทำให้แทบไม่ได้กำไร ขณะที่การช่วยเหลือยังคงอยู่ที่ชาวไร่อ้อยรายใหญ่ที่มีโควตาขายอ้อยให้โรงงานน้ำตาลและมีอำนาจต่อรอง สามารถทำกำไรจากการขายอ้อยได้มากกว่า ดังนั้นนโยบายที่จะแก้ปัญหาอ้อยเผาจะต้องคำนึงถึงการอยู่รอดเกษตรกรรายย่อยด้วย
อ่านข่าว
เสี่ยงระเบิด! ก.อุตฯ สั่งปิด รง.น้ำตาล-โรงไฟฟ้าไทยอุดรฯ
ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 พื้นที่ กทม. แนวโน้มเพิ่มขึ้นสลับลดลง
กกต.ออกประกาศ "การถอนชื่อ-เพิ่มชื่อ" ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.
ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเรือใบล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ขณะไปดำน้ำบริเวณเกาะราชา จ.ภูเก็ต โดยทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งได้แล้วอย่างปลอดภัย
ล่าสุด วันนี้ (14 ม.ค.2568) นายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้ประสานเรือต่าง ๆ ที่อยู่ข้างเคียงและศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเข้าให้การช่วยเหลือ และได้ออกประกาศชาวเรือให้ระมัดระวังการเดินเรือ หรือหลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือ โดยเฉพาะบริเวณที่เรือจม เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้เจ้าของเรือกู้เรือภายใน 15 วัน และเนื่องจากบริเวณที่มีเรืออับปางนั้นน้ำลึกประมาณ 40 ม.ซึ่งลักษณะของเรือใบล่มในแนวตั้ง หากรวมความสูงและเสาเรือรวมไม่ต่ำกว่า 30 ม. และเรืออาจลอยขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นอันตรายกับเรือที่สัญจรไป-มา
สำหรับเรือเอมี่เรย์ 888 มีใบอนุญาตใช้เรือถูกต้องและหมดอายุในวันที่ 24 เม.ย.นี้ เป็นเรือคาตามารัน 2 ท้อง ใช้เครื่องยนต์ดีเซล มีขนาด 45 แรงม้าต่อเครื่อง และขนาดของถังน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ใหญ่นัก สอบถามทางเจ้าของเรือได้มีการปิดวาล์วแล้ว ปริมาณน้ำมันประมาณ 100 ลิตร ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อ่านข่าว : เรือใบล่ม เกาะราชา จ.ภูเก็ต ช่วย 38 ชีวิตปลอดภัย
จนท.ระดมกำลังค้นหา นทท.เกาหลีใต้ สูญหาย เหตุเรือล่ม เกาะพะงัน
ยังไม่พบร่าง นทท.ต่างชาติ 1 คนเรือล่มเขื่อนเชี่ยวหลาน
วันนี้ (14 ม.ค.2568) เวลา 09.50 น. เกิดเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์กระบะ ขณะวิ่งอยู่บนถนนเส้นศรีสาคร-จะแนะ บ้านไอร์กือเนาะ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 คน คือ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 56 ปี เป็นครูใหญ่ รร.ตชด.บ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 ต.ศรีบรรพต จ.นราธิวาส และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35 ปี ลูกชายของ พ.ต.ท.สุวิทย์
เบื้องต้น สภ.ศรีสาคร ได้แจ้งไปยังหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ให้ทำเส้นทางปลอดภัย เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ เข้าชันสูตรพลิกศพ จากการตรวจสอบโดยโดรนจากฝ่ายทหาร ทราบว่าตำรวจทั้ง 2 นาย เดินทางด้วยรถยนต์กระบะส่วนตัว ออกจากโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ มุุ่งหน้า อ.ศรีสาคร เพื่อที่จะไปซื้อของ
ทั้งนี้ รร.ตชด.บ้านตืองอ มีครู ตชด.ทั้งหมด 13 คน นักเรียน 120 คน
อ่านข่าว : ด่วน! ระเบิดกลางเมืองปัตตานี อส.เจ็บหลายนาย
คาด จยย.บอมบ์ปัตตานี สร้างสถานการณ์ทำร้ายเจ้าหน้าที่
เรือใบล่ม เกาะราชา จ.ภูเก็ต ช่วย 38 ชีวิตปลอดภัย
วันนี้ (13 ม.ค.2568) เจ้าหน้าที่ รับแจ้งเหตุมีเรือใบ ชื่อเรือ เอมิเรย์ 888 พร้อมคนบนเรือจำนวน 38 คน ประกอบด้วย นักท่องเที่ยวชาวจีน 33 คน , มัคคุเทศก์ 2 คน , ลูกเรือ 3 คน นำนักท่องเที่ยวทั้งหมด ออกเดินทางจากท่าเรือฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต มุ่งหน้าเพื่อไปท่องเที่ยวบนเกาะราชา แบบ (One day trip) ระหว่างทางได้เกิดเหตุน้ำเข้าเรือ ทำให้เรือค่อย ๆ จมทางทิศเหนือของเกาะราชา ห่างจากฝั่ง 1.6 ไมล์ทะเล
ต่อมา ศูนย์ช่วยเหลือฯได้ประสานเจ้าหน้าที่และเรือตรวจการณ์ รวมถึงเรือเร็วท่องเที่ยวจากหลายบริษัทที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารบนเรือทั้งหมดได้ทันท่วงที ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารบนเรือทั้งหมดปลอดภัยดี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เรือเข้าน้ำและทำให้เรือล่มในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจสอบอีกครั้งล่าสุดทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการประสานไปยังกงสุลจีนเพื่อแจ้งให้รับทราบว่าพลเมืองทั้งหมดปลอดภัยดี
อ่านข่าว : จนท.ระดมกำลังค้นหา นทท.เกาหลีใต้ สูญหาย เหตุเรือล่ม เกาะพะงัน
พบร่าง 2 นักเรียนชาย ม.3 เรือล่มขณะพายเล่นในคลองหน้าวัด
ยังไม่พบร่างนทท.ต่างชาติ 1 คนเรือล่มเขื่อนเชี่ยวหลาน
ความคืบหน้าคดี "เตี้ย มช." สุนัข ที่อาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ที่ตาย โดยคดีนี้ ส.ต.ท.ปริญญา สังกัด ตชด.ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ รับสารภาพว่า ตั้งใจพา "เตี้ย มช." ออกไปนั่งรถเล่น แต่เกิดอุบัติเหตุรถทับจนทำให้ "เตี้ย มช." ตาย
จนต่อมา ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่จำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์ โดยขอประกันตัวออกไปในวงเงิน 150,000 บ. และศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 29 ต.ค.67 และ ศาลฯเลื่อนการพิจารณาและได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (13 ม.ค.68)
ล่าสุด วันนี้ (13 ม.ค.2568) ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 พิพากษาจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยจำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 1 ใน 3 คงจำคุก 12 เดือน ขณะที่ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ลดโทษเหลือ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน
นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 ยังพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายต่อ ม.เชียงใหม่ ในฐานะเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ดูแล สุนัข "เตี้ย มช." เป็นจำนวนเงิน 100,000 บ. หลังทราบคำพิพากษาทำให้ กลุ่มคนรักสุนัขเตี้ย มช.และ มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาผู้ต้องหา ในความผิดข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โทษจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
ประธานและหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ระบุว่า คดีของ สุนัข "เตี้ย มช." เป็นกรณีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองสัตว์ เนื่องจากการทารุณกรรมสัตว์ยังคงเป็นปัญหาที่พบเห็นได้อยู่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
คดีนี้ได้มีการส่งหลักฐานข้อเท็จจริงให้ศาลฯที่แสดงให้เห็นว่า สุนัข "เตี้ย มช." เป็นสุนัขที่มีเจ้าของ อาศัยอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยโดยมีการให้อาหาร ฉีดวัคซีน ทำหมัน ตรวจสุขภาพประจำปีและฝังไมโครชิบ จึงมีการเพิ่มข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนด้วย
สำหรับ สุนัข "เตี้ย มช." เป็นสุนัขเพศ ผู้อายุ 8 ปี อาศัยอยู่ใน มช.เป็นที่รู้จักจากประเพณีรับน้องขึ้นดอยของ ม.เชียงใหม่ ในทุก ๆ ปี โดย "เตี้ย มช." จะร่วมกิจกรรมวิ่งขึ้นดอยกับนักศึกษาด้วย
อ่านข่าว : ศาลฯเลื่อนนัดพิจารณาคดี "เตี้ย มช." ไปเป็นวันที่ 13 ม.ค.68
เศร้า! "เตี้ย มช." สุนัขแสนรู้วิ่งขึ้นดอยตายแล้ว
ศาลเชียงใหม่สั่งจำคุก ส.ต.ท. 6 เดือนไม่รอลงอาญาคดี "เตี้ย มช."
วันนี้ (13 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์ระเบิดภายในซอยปัตตานีรามา ระหว่าง สภ.เมืองปัตตานี กับอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี (TK Park) ถนนปัตตานีภิรมย์ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการทำร้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างสถานการณ์
ผู้ก่อเหตุบรรจุระเบิดไว้ภายในรถจักรยานยนต์และนำไปจอดไว้ในซอยใกล้กับ สภ.เมืองปัตตานี ก่อนจุดชนวนขณะเจ้าหน้าที่เตรียมปล่อยแถวรักษาความปลอดภัยตามปกติในช่วงเช้า เป็นเหตุให้อาสาสมัครรักษาดินแดนได้รับบาดเจ็บ 6 นาย
อ่านข่าว : ด่วน! ระเบิดกลางเมืองปัตตานี อส.เจ็บหลายนาย
การสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายคือ ตำรวจ อส.และฝ่ายปกครอง จำนวน 30 นาย เตรียมตัวเพื่อปล่อยแถวสายตรวจ บริเวณด้านหน้า สภ.เมืองปัตตานี ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติทุกวัน ขณะที่รอการเข้าแถว เจ้าหน้าที่บางส่วนได้รออยู่บริเวณในซอยที่เป็นจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งอาวุธ เครื่องแบบ รวมถึงอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่
เบื้องต้นเชื่อว่า ก่อนเจ้าหน้าที่จะรวมตัวกัน ผู้ก่อเหตุได้ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในรถจักรยานยนต์ แล้วนำรถไปจอดในซอยซึ่งอยู่ระหว่าง สภ.เมืองปัตตานี กับ TK Park จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขึ้นรถจักรยานยนต์อีกคันหลบหนีเพื่อซุ่มดูเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง และเจ้าหน้าที่บางส่วนได้มาอยู่บริเวณรถจักรยานยนต์บอมบ์ ผู้ก่อเหตุจึงกดฉนวนระเบิดดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ระแวกใกล้เคียงต่างตกใจและรีบออกจากบ้านทันที
อ่านข่าว
Eason Chan ยกเลิกคอนเสิร์ต - ทัวร์จีนยกเลิกปมไทยไม่ปลอดภัย
กสทช.เรียกผู้นำเข้าโทรศัพท์ติดตั้งแอปฯ กู้เงิน ให้ข้อมูล 13 ม.ค.
วันนี้ (13 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดในซอยปัตตานีรามา เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
มีรายงานว่า อส.สังกัดกองร้อย อส.เมืองปัตตานีที่ 2 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 6 นาย นำตัวส่งโรงพยาบาล
1. อส.บุญเลิศ แสงสุวรรณ
2. อส.ภานุวัตร ใหม่รักษา
3. อส.บันเทิง นวลมิ่ง
4. อส.มะตอเปด แวกูโน
5. อส.มะตอเฮ สาและ
6. อส.เจ๊ะโซ๊ะ มามะ
ขณะที่โลกออนไลน์ได้แชร์เหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว โดยผู้ใช้งานคนหนึ่งระบุว่า "ปัตตานีบ้านฉันเช้ามาก็ดังเลย ระเบิดมาแต่เช้า" ส่วนเฟซบุ๊ก ที่นี่...ปัตตานี || (ถามตอบ พูดคุย แจ้งข่าว) โพสต์ว่าเสียงอะไร "ดังมาก สะเทือนเหมือนระเบิด ไม่ทราบว่าเสียงมาจากไหน"
ส่วนเพจเฟซบุ๊ก กู้ชีพ - กู้ภัยแม่ทับทิมยะลา - ตุ๋ยบ้วยเต็งเหนี่ยง โพสต์ว่า "ด่วน ! เกิดเหตุระเบิดซอยหลัง TK เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายคน"
นอกจากนี้จากการตรวจสอบจุดที่เกิดระเบิด พบว่าเป็นซอยที่อยู่ระหว่างอุทยานการเรียนรู้ปัตตานี (TK Park) กับ สภ.เมืองปัตตานี ตรงข้ามกับ ปภ.ปัตตานี
อ่านข่าว
กสทช.เรียกผู้นำเข้าโทรศัพท์ติดตั้งแอปฯ กู้เงิน ให้ข้อมูล 13 ม.ค.
ฝุ่นเกินเกณฑ์ "สีส้ม" 30 พื้นที่ กทม. "เขตคลองสามวา" วัดได้สูงสุด
ยืนกราน "ยุน ซอก-ยอล" ไม่เข้าร่วมการพิจารณาคดีถอดถอนนัดแรก
วันนี้ (13 ม.ค.2568) บ้านพักที่แยกเป็นหลัง ๆ ที่เปิดบริการเป็นที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ ภายในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุบ้านลลิสาเนอร์ซิงโฮม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานประกอบการบ้านพักคนชราเอกชนจำนวนหลายสิบแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เปิดดูแลผู้สูงอายุ โดยคิดค่าใช้จ่ายตามโปรแกรมหรืออาการป่วยของผู้สูงอายุ
อาทิ โปรแกมดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต และอัลไซเมอร์ โดยคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ หลังละ 60,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้บริการว่าจะอยู่หลังละ 1 คน หรือ 2 คน ซึ่งหากอยู่ 2 คน ก็จะเสียค่าบริการคนละ 30,000 บาท/เดือน
บุญศิริ มหากันธา ผู้สูงอายุชาวเชียงใหม่ อดีตข้าราชการครู บอกว่าการตัดสินใจมาอยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งนี้ ใช้เงินบำนาญเดือนละ 20,000 บาท และเงินจากญาติและบุตรหลานช่วยกันสมทบ จ่ายค่าบริการเดือนละกว่า 30,000 บาท เพื่อแลกกับการได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากที่บ้านไม่มีคนดูแล
อธิพร พูลสวัสดิ์ ผู้บริหารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ บ้านลลิสาเนอร์ซิ่งโฮม บอกว่า ผู้สูงอายุที่เข้ามาอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมดเกิดจากปัญหาขาดคนดูแล สถานประกอบการแห่งนี้ จึงเน้นให้ผู้เข้ารับบริการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ได้รับอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพจากอาการป่วย โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ขณะที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพา เซโกะแคร์ ในพื้นที่ ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานบริการดูแลผู้สูงอายุในเชียงใหม่ ที่ได้รับความสนใจจากญาติและบุตรหลานที่ไม่มีเวลาดูแล นำผู้สูงอายุเข้าใช้บริการเนื่องจากไม่อยากให้อยู่เพียงลำพัง และต้องการให้มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด จึงต้องยอมแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูง โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพาแห่งนี้ คิดค่าบริการตามโปรแกมหรือตามอาการป่วยของผู้สูงอายุ โดยเริ่มต้นที่ 21,900 บาท/คน/เดือน
ราคาที่พักต่อเดือนในหลักหมื่นบาท เป็นข้อจำกัดสำคัญของผู้สูงอายุที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ ไม่มีเงินบำนาญ ไม่มีเงินออม หรือไม่มีลูกหลานดูเเล คนกลุ่มนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพึ่งพาสถานที่ดูเเลที่เป็นสวัสดิการของรัฐซึ่งปัจจุบันมีไม่เพียงพอ
ขณะที่ประชากรไทย 66 ล้านคน กว่าร้อยละ 20 เป็นผู้สูงอายุกว่า 13 ล้านคน ที่รัฐต้องมีสวัสดิการดูเเล ซึ่งด้านที่อยู่อาศัย ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำรวจพบว่าที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่เปิดบริการรวม 916 โครงการ
แบ่งเป็นเนอร์สซิงโฮม (Nursing Home) จำนวน 832 โครงการ และ Residence จำนวน 84 โครงการ โดยส่วนใหญ่โครงการดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีจำนวนรวมกันถึง 516 โครงการ รองรับได้จำนวน 31,851 หน่วย/เตียง
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ นักวิชาการอิสระด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและเมือง เเละ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า จำนวนเเละราคาจึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของรัฐบาลที่จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณใหม่เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน ได้มีสวัสดิภาพชีวิตที่ดีในบั้นปลายชีวิต
ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง น่าจะเป็นโอกาสในการลงทุนของผู้ประกอบการเอกชน แต่ปัจจัยเรื่องค่าเช่า อัตราค่าเช่าพักที่ค่อนข้างสูง ยังเป็นข้อจำกัดให้ผู้สูงอายุจำนวนมากไม่มีโอกาสได้รับการดูแล การลงทุนโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุที่มาจากภาครัฐ น่าจะแก้ปัญหาจุดนี้ได้ดีกว่า และยังสามารถเพิ่มจำนวนหน่วยการพักอาศัยได้มากกว่า หากรัฐบาลจริงจังกับการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยอย่างแท้จริง
อ่านข่าวอื่น :
ยืนกราน "ยุน ซอก-ยอล" ไม่เข้าร่วมการพิจารณาคดีถอดถอนนัดแรก
หนาวจัด ดื่มสุราทุกวัน คาดสาเหตุทำชายเสียชีวิตในบ้าน
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2568 ตำรวจสภ.พิมาย จังหวัดนครราชสีมา เข้าตรวจสอบสภาพศพชายคนหนึ่ง ที่บ้านกอก ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
ทราบชื่อคือนายประเวทย์ ตะบองทอง อายุ 53 ปี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนยาว กางเกงขายาว มือทั้ง 2 ข้าง กำแน่นอยู่ที่หน้าอก ตรวจดูตามร่างกายไม่พบร่องรอยจากการถูกทำร้าย สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 10 ชั่วโมง หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลพิมาย เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุจากการเสียชีวิตที่แท้จริง
จากการสอบถามนางสังวาล ระเบียบธรรม อายุ 78 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยว่า สามีไม่มีโรคประจำตัว แต่ชอบดื่มสุราเป็นประจำ ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 11 ม.ค. เห็นสามีเดินออกจากบ้านเพื่อไปปัสสาวะอยู่ในสวน แต่ไม่กลับเข้ามา จนรุ่งเช้าก็พบว่าสามีนอนเสียชีวิตอยู่ในสวนหลังบ้าน ครอบครัวคิดว่าอากาศที่หนาวเย็นก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหรือไม่ เพราะกลางคืนมีลมแรง
ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ ตำรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพชาย วัย 54 ปี ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นอนเสียชีวิตในบ้านปริศนา
นางอนงค์ ศรีอินทร์อ่อน อายุ 57 ปี พี่สาว มาเจอเมื่อช่วงเช้าวานนี้ แต่จากการสังเกตผู้ตายนอนตัวแข็ง ไม่ห่มผ้า ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวถึง 12 องศาเซลเซียส ครอบครัวคาดว่าอาจจะมาจากสภาพอากาศที่หนาวจัด และไม่ได้ห่มผ้าอาจทำให้เสียชีวิต
ด้าน พ.ต.ท.อภิชา เตียงประโคน สารวัตรสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่าจากการสอบสวน ผู้ตายไม่มีเรื่องบาดหมางกับใคร ตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย แต่จากประวัติดื่มสุราเป็นประจำทุกวัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตได้ส่งศพ ให้แพทย์วินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ความเชื่อที่ว่าการดื่มสุราจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงอากาศหนาวนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แม้จะเป็นความเชื่อที่พบเห็นได้บ่อยในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สูงหรือชนบทที่อากาศหนาวเย็น แต่ความจริงแล้วการดื่มสุราในสภาพอากาศหนาวกลับส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจะช่วยให้คลายหนาว
เมื่อดื่มสุรา ร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นในช่วงแรก เนื่องจากหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น แต่ความรู้สึกอบอุ่นนี้เป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราวเท่านั้น เพราะในขณะเดียวกัน หลอดเลือดที่ขยายตัวก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกมามากขึ้นด้วย ส่งผลให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หากอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังไปกดประสาทส่วนกลาง ทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้ดีขึ้น ผู้ที่ดื่มสุราในปริมาณมากในสภาพอากาศหนาวเย็น อาจหลับไปโดยไม่รู้ตัวและเสียชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่
ความเชื่อผิด ๆ นี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่ทำงานกลางแจ้งในสภาพอากาศหนาวเย็น
ข้อมูลจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระบุอย่างชัดเจนว่าการดื่มสุราเพื่อคลายหนาวเป็นข้อมูลที่ผิด และอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ ดังนั้น ในช่วงฤดูหนาว ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น ดื่มน้ำอุ่น และออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นแทนการดื่มสุรา
อ่านข่าวอื่น :
ดับแล้วไฟป่าเขาเสียดอ้า เสียหายกว่า 1,700 ไร่ เฝ้าระวังปะทุซ้ำ
สภาพอากาศวันนี้ อากาศหนาวเย็นทั่วประเทศ "เลย" ต่ำสุด 6 องศาฯ
วันนี้ (10 ม.ค.2568) นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. มอบหมายให้ พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต
ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สมศักดิ์ เนียมเล็ก ผกก.5 บก.ปปป. และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักงาน ป.ป.ช. ติดตามจับกุม นาย ว. (นามสมมุติ) นายอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 1/68 ลงวันที่ 8 ม.ค.2568 ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น
เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
และ นาง อ. (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 2/68 ลงวันที่ 8 มกราคม 2568 ในความผิดฐาน “สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจ ให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
สืบเนื่องจากประมาณเดือน พ.ค.2567 ผู้เสียหายได้ทำสัญญาก่อสร้างโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่พักข้าราชการ ราคาจ้างเหมา 500,000 บ. มีนายอำเภอเหนือคลอง เป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ลงนามเป็นผู้ว่าจ้างโครงการ
ต่อมาช่วงต้นเดือน มิ.ย.2567 นายอำเภอเหนือคลอง ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มาพูดคุยเกี่ยวกับงานที่กำลังก่อสร้างตามสัญญาจ้างและบอกว่า “เสร็จงานแล้ว ให้นาย 50,000 นะ” กระทั่งเมื่อการก่อสร้างโครงการตามสัญญาเสร็จสิ้น มีการตรวจรับงานถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ผู้กล่าวหาได้รับเงินค่าจ้างครบถ้วนแล้ว
ต่อมาช่วงประมาณปลายเดือน พ.ย.2567 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.โคกยาง ได้โทรศัพท์บอกกับผู้เสียหายว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ฝากมาบอกให้นำเงินไปให้ ถ้าไม่ยอมก็ให้ผู้เสียหายไปเอาหนังสือลาออกจากการเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ผู้เสียหายจึงโทรศัพท์ไปสอบถามนาง อ. (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน ทำหน้าที่หน้าห้องปลัดอาวุโส อ.เหนือคลอง เกี่ยวกับเรื่องเงินดังกล่าว แต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ผู้เสียหายจึงไปหาผู้ต้องหาที่ 1 ตามกำหนดนัดแต่ไม่พบ
ระหว่างนั้นก็มีบุคคลโทรศัพท์มาหาผู้เสียหายแจ้งว่า ผู้ต้องหาที่ 1 ให้นำเงินไปให้จำนวนหลายครั้ง ผู้กล่าวหาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นและขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกระบี่
จากนั้นได้ร่วมกันวางแผนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ 1 ด้วยการให้ผู้เสียหายนำเงินบางส่วน จำนวน 10,000 บ.ไปมอบให้กับผู้ต้องหาที่ 1 แต่ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยอมให้ผู้เสียหายเข้าพบและแจ้งกับหน้าห้องไว้ว่าให้ผู้เสียหายฝากเงินไว้กับผู้ต้องหาที่ 2
เมื่อผู้เสียหายเห็นว่า ไม่สามารถเข้าพบผู้ต้องหาที่ 1 เพื่อมอบเงินให้ตามแผนที่วางเอาไว้ จึงเข้าไปนั่งพูดคุยเรื่องที่นำเงินมามอบให้กับผู้ต้องหาที่ 1 ต่อหน้าปลัดอาวุโส และผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมกับนำเงิน ที่จัดเตรียมออกมาวางไว้กลางโต๊ะรับแขกภายในห้องปลัดอาวุโส
ก่อนที่ผู้ต้องหาที่ 2 จะหยิบเอาเงินบนโต๊ะไป และในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้นผู้เสียหายได้โทรศัพท์ถึงผู้ต้องหาที่ 2 สอบถามเรื่องเงินที่มอบให้ได้รับการยืนยันว่า ส่งมอบเงินให้กับผู้ต้องหาที่ 1 แล้ว ผู้เสียหายจึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ตามกฎหมาย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย แล้ว
ในวันนี้ขณะที่ผู้เสียหายนำเงินจำนวนดังกล่าว เข้าไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาภายในห้องทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. จึงนำหมายจับเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีต่อไป สำหรับการสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
อ่านข่าว : บุกจับ จนท.รังวัดที่ดินชลบุรี เรียกรับเงิน 5 หมื่นแลกออกโฉนด
จับนายก อบต.สำนักทอง คาห้องทำงานเรียกรับเงินสร้างถนน 1 แสน
ป.ป.ช.ยืนยันอดีต จนท.เป็นข่าวเรียกรับเงิน ไม่เกี่ยวข้องภารกิจสำนักงาน
วันนี้ (9 ม.ค.2568) เพลิงไหม้ ที่โรงพยาบาลสัตว์ ใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ติดกัน 2 คูหา เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกไหม้
เบื้องต้น สามารถช่วยสุนัข 8 ตัว และแมวอีก 7 ตัว ที่รอดูอาการในโรงพยาบาลออกมาได้อย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจึงเร่งประสานไปยังสถานพยาบาลสัตว์แห่งอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อนำสัตว์ที่รอดชีวิตทั้งหมดไปฝากไว้ นอกจากนี้ ยังพบแมว 2 ตัวสำลักควันและตายในที่เกิดเหตุด้วย ส่วนผู้ที่อยู่ในอาคาร 6 คน เจ้าหน้าที่ได้นำกระเช้าขึ้นไปรับตัวออกจากระเบียงด้านหน้าอาคารได้ทั้งหมด
นางอนุสรา เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ กล่าวว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ยินเสียงร้องจากด้านนอก จึงรีบลงมาตรวจสอบและพบกลุ่มควันหนาแน่นอยู่ในภายห้องโถงด้านหน้า จึงรีบหนีขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 3 ของอาคาร เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังต้องรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
อ่านข่าว :
ท่องเที่ยวกระบี่สะเทือน "ลิงแสม" บุกชุมชนรื้อข้าวของเสียหาย
เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกชายแดน จ.ตาก
สอบสาเหตุไฟไหม้โรงงานชุบโลหะนิคมฯ บางปู คาดเสียหาย 5 ล้าน
กรณีที่เกิดขึ้นกับ "ซิงซิง" นักแสดงชาวจีน เป็นหนึ่งในชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่ถูกหลอกเข้าสู่ธุรกิจผิดกฎหมายผ่านชายแดน จ.ตาก จนทำให้ไทยถูกตั้งคำถามว่า กลายเป็นทางผ่านของอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งที่ผ่านมาพบตัวเลขชาวต่างชาติถูกหลอกไปร่วมธุรกิจของกลุ่มจีนเทาจำนวนมาก
หน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มมาตรการคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก ตรงข้ามเมืองชเวโก๊กโก่ และ เมือง KK-Park ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจกลุ่มจีนสีเทา โดยเจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจสอบบุคคลเข้า-ออก พร้อมกับประชาสัมพันธ์กลุ่มคนไทยและชาวเมียนมา ให้ช่วยสอดส่อง ป้องกัน และสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนไปยังฝั่งเมียนมา
พ.ต.อ.เอกบวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก ระบุว่า เน้นการตรวจสอบบุคคลบริเวณที่มีการข้ามไป-มา เป็นจำนวนมาก ในจุด สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 และสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด
ข้อมูลจากมูลนิธิช่วยเหลือทางสังคมเพื่อเด็กและสตรี พบว่า คนถูกหลอกเข้าไปทำงานในธุรกิจทุนจีนสีเทาฝั่งเมียนมา ตรงข้าม จ.ตาก มีจำนวนมากโดยเฉพาะชาวจีนที่พิสูจน์ตัวตนแล้วไม่ต่ำกว่า 3,900 คน ในจำนวนนี้ยังไม่รวมเชื้อชาติอื่น ที่มีอีกนับหมื่นคนจึงอยากให้รัฐบาลไทยเร่งสืบสวน สอบสวนหาต้นตอ ขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ เพราะไทยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในขบวนการนี้ด้วย แม้จะไม่กระทำผิดโดยตรง แต่ก็อาจส่งผลทำให้ไทยถูกลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ลง
สำหรับพื้นที่ที่กลุ่มทุนจีนเข้าไปลงทุน ถือเป็นพื้นที่ยกเว้น ที่ทางการเมียนมา ยกให้กลุ่ม BGF หรือ กองกำลังพิทักษ์ชายแดน ที่มี พ.อ.หม่อง ชิด ตู เป็นผู้นำ ซึ่งการดำเนินการค้าชายแดนเป็นไปอย่างอิสระ ไม่ขึ้นกับรัฐบาลเมียนมา กลุ่มนี้จึงอาศัยช่องว่างหรือช่องทางธรรมชาตินำทั้งคนและสินค้าข้ามไปมา โดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ ไม่เสียภาษี และกลายเป็นศูนย์รวมของกลุ่มคนที่หนีกฎหมาย มาอยู่รวมกันทำธุรกิจผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ที่ผ่านมามีทั้งคนถูกหลอก และสมัครใจ เดินทางเข้าไปร่วมธุรกิจ เช่น บ่อนพนัน คอลเซนเตอร์ และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น
ขณะที่ ศ.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งทำวิจัยและเขียนหนังสือเรื่องทุนนิยมกาสิโนในฝั่งประเทศเมียนมา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวชายขอบ ถึงกรณีการหลอกไปฝั่งเมียนมาว่า "เมืองเมียวดี" เป็นศูนย์กลางตลาดค้ามนุษย์ เคยมีการหลบหนีของผู้เสียหายชาวจีน และประเทศอื่นออกมาหลายครั้ง แต่ไม่เป็นข่าวคึกโครมเหมือนกรณีนี้ ซึ่งนักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า การค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี น่าจะมีกลุ่มกองกำลังที่ดูแลพื้นที่รู้เห็นเป็นใจ
ส่วนการหลอกลวงชาวต่างชาติ ผ่านเข้าไทย เพื่อข้ามไปยังเมืองเมียวดี ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง และมองว่าไทยควรเป็นส่วนสำคัญ ในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และคอลเซนเตอร์ ไม่ใช่ใส่เกียร์ว่างเหมือนที่ผ่านมา
อ่านข่าว : "ซิงซิง" เหยื่อแคสงานค้ามนุษย์ สู่ปมโซเชียล"เมืองไทยน่ากลัว"
“ซิงซิง” จิตใจดีขึ้น ตร.ยันเหยื่อค้ามนุษย์คาด 1-2 วันกลับจีน
นักเคลื่อนไหวต่างชาติ ใครบ้าง "สูญหาย" ในไทย
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 ฝูงลิงแสม ที่ลงมาจากบนเขา ออกมาจากป่าโกงกาง หลายสิบตัว ออกมาใช้ชีวิตบริเวณริมหาด ร้านอาหาร บริเวณชายหาดชุมชนบ้านท่ากรวด หมู่ 2 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่
ชาวบ้านบอกว่าตอนนี้กำลังเป็นปัญหา เพราะฝูงลิงแสมจำนวนมาก เข้ามาก่อกวนในพื้นที่ โดยรื้อค้นสิ่งของเพื่อหาอาหาร รื้อกระเบื้องหลังคาบ้านจนพังเสียหาย ชาวบ้านต้องนำอิฐวางทับหลังคา หรือสั่งทำลูกกรงปิดทับช่องว่างต่าง ๆ เพื่อป้องกันลิง
ถังขยะในชุมชนต้องทำกรงป้องกันรื้อค้นหาอาหาร ส่วนผักผลไม้ ที่ปลูกไว้ ถูกลิงกินหมด สร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก วอนหน่วยงานช่วยแก้ปัญหา หรือควบคุมประชากรลิง หวั่นได้รับผลกระทบทั้งชาวบ้าน และนักท่องเที่ยว
นายสุวัฒน์ สุขศิริ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เปิดเผยว่าปัญหาหลัก ๆ เนื่องจากลิงที่จับไปปล่อย ท้องและออกลูกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ อ.เมืองกระบี่ อ.เกาะลันตา และ อ.เหนือคลอง เบื้องต้นได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เสนอให้จับทำหมันทุก ๆ 5 ปีต่อเนื่อง สำรวจแหล่งที่ปล่อยเพื่อลดจำนวนประชากรลิง ซึ่งตอนนี้มีประกาศให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาร่วมเกี่ยวข้องในการกำหนดงบประมาณดักจับทำหมัน และสร้างคอกแล้ว
ขณะเดียวกันยังได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่ไปท่องเที่ยวบนเกาะของ 4 อำเภอ จ.กระบี่ งดให้อาหารลิงที่พบบนเกาะ เพราะจะเป็นการสร้างความคุ้นชินให้กับลิง และก่อกวนนักท่องเที่ยว
อ่านข่าวอื่น :
สหรัฐฯ เข้มความปลอดภัยสูงสุด รัฐพิธีศพอดีต ปธน.คาร์เตอร์
แผ่นดินไหว "ทิเบต" ยอดตายเพิ่มเป็น 126 คน บ้านพัง 3,600 หลัง
เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2568 พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.รณรงค์ สุรทศ ผกก.สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา โดยขาดจากต้นสังกัด และให้ พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผกก.สภ.บัวใหญ่
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง มีผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศผู้สูงอายุใน อ.บัวใหญ่ 5 คน ตั้งแต่กลางปี 2567 ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อควบคุมกำกับดูแลและเร่งรัดคดี
ล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดหญิงสูงอายุที่ อ.ปากช่อง ได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลว่าเคยก่อเหตุในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่
ขณะนี้มีหญิงสูงอายุที่เป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 9 คน แยกเป็น สภ.บัวใหญ่ 5 คน, สภ.โนนแดง 2 คน, สภ.แก้งสนามนาง 1 คน และ สภ.บ้านเหลื่อม 1 คน ซึ่งเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.2566 โดยผู้ก่อเหตุใช้รถจักรยานยนต์ในการก่อเหตุแบบเดียวกัน
เบื้องต้นจากการตรวจสอบดีเอ็นเอพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุกับหญิงสูงอายุ 4 คน ส่วนหญิงสูงอายุ 5 คน ขณะนี้ยังรอผลตรวจ
อ่านข่าว
จับแล้ว ผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดหญิงสูงวัย 2 คน จ.นครราชสีมา
ม.สยาม ชี้คนในเอี่ยวอบรมอาสาตร.จีนโดยพลการ-ปัดได้ประโยชน์
ตม.เผยพบข้อมูล XingXing เดินทางเข้าไทยที่ "สุวรรณภูมิ" - ไม่ชัดเจนเวลาออก
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2567 เกิดเหตุไฟไหม้ภายในบริษัทสยามโปรเพลท ซึ่งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในบริษัทซึ่งเป็นโกดังชั้นเดียว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยจากพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 15 คัน เข้าสกัดไฟที่ลุกไหม้
ภายในโรงงานดังกล่าวมีสารเคมีหลายชนิดที่ติดไฟอย่างง่าย จึงทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องกระจายกำลังเข้าผจญเพลิงในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปติดโรงงานข้างเคียง และเนื่องจากเป็นโรงงานที่ชุบและเคลือบโลหะ ซึ่งมีสารเคมีชนิดโซดาไฟและกรดไฮโดรคอลลิคที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าดับไฟ
พนักงานฝ่ายบัญชีของบริษัท เล่าว่า ได้ยินเสียงคล้ายมีอะไรตกกระทบพื้น จึงเดินไปดูพบไฟและลุกลามอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบออกจากที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสายการผลิต แต่ไม่มีการทำงาน เบื้องต้นตัวโกดังเสียหายประมาณร้อยละ 25 คาดมูลค่าความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัด พร้อมเร่งฉีดน้ำและโฟมเพื่อดับไฟให้สนิท โดยยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการสอบสวน
อ่านข่าว
เอาผิดแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ บช.ก. อบรมอาสาตำรวจคนจีน
แมนฯ ยูไนเต็ด บุกตีเสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก
อ่วม! พายุหิมะพัดถล่มสหรัฐฯ-ยุโรป อุณหภูมิเย็นยะเยือก