วันที่ (25 มี.ค.2566) เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์มีบุคคลเมาสุราขับรถเก๋งชนคนในงานบวช ภายในวัด ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งรถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องยนต์แล้วพุ่งเข้าชนใส่แขกที่มางานบวชกำลังนั่งโต๊ะทานอาหารอยู่
โดยที่ทุกคนไม่ระวัง ขณะที่คนในงานพยายามใช้ทั้งเก้าอี้ ทั้งหิน เพื่อหยุดรถ แต่คนขับ ก็ยังถอยรถไปชนมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ด้านหลังเสียหายไปอีกหลายคัน ก่อนที่ชาวบ้านจะช่วยกันจับตัวคนขับรถเก๋งคันไว้ได้ ก่อนจะแจ้งตำรวจภูธรโคกสำโรงมาคุมตัวไปโรงพัก
หลังเกิดเหตุพบว่า โต๊ะจีนเสียหาย 11 โต๊ะ หลอดไฟฟ้าประดับในงานอีกจำนวนหนึ่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 5 คน ชาวบ้านที่รู้จักบอกว่า ผู้ก่อเหตุเวลามีอาการเมามักชอบหาเรื่องชาวบ้านประจำ เป็นคนใจร้อน หลังเกิดเหตุเจ้าภาพเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบว่าสูงถึง 168 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสอบปากคำ หลังอาการดีขึ้น ก่อนจะตั้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (25 มี.ค.2566) ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 2 (81/2566) มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26-29 มี.ค.2566
ในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค.2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และด้านตะวันออกของภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
โดยจะมีผลกระทบดังนี้
วันที่ 26 มี.ค.2566
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
วันที่ 27 มี.ค.2566
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด
ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคตะวันออก: สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
วันที่ 28 มี.ค.2566
ภาคเหนือ: น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ
ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง: ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล
ภาคตะวันออก: นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
วันที่ 29 มี.ค.2566
ภาคเหนือ: พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ
ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง: นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก: นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชม.
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
อ่านข่าวเพิ่ม :
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว "กรุงเทพฯ" อันดับ 5 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม
กลุ่มสตรีตำบลปากดง เย็บจีวรพระสร้างรายได้
อาคารส่งเสริมอาชีพเทศบาลตำบลปากดง หมู่ 8 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร กลุ่มสตรีกำลังขะมักเขม้นตัดเย็บจีวร ส่งให้ทันตามยอดสั่งซื้อ จากโรงงานมาอีกทอดหนึ่ง โดยกลุ่มสตรีจะได้รับค่าตอบแทนในการเย็บผ้าจีวรผืนใหญ่ 30 บาท แต่ถ้าเป็นจีวรผืนเล็กลงมา จะได้ค่าตอบแทนลดลงมาตามขนาด
นายกิมฮง ภัทรไกร รองนายกเทศมนตรีตำบลปากดง เปิดเผยว่า กลุ่มสตรีในเขตเทศบาลปากดง มีความสามารถเกี่ยวกับการเย็บผ้า แต่ยังขาดความเข้าใจในการตัดเย็บ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำเป็นสินค้าต่างๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเทศบาลตำบลปากดง จึงจัดทำส่งเสริมอาชีพการตัดเย็บให้กับชาวบ้านในพื้นที่ให้กับสมาชิกที่สนใจ
โดยสนับสนุนสถานที่ตั้งเป็นกลุ่มตัดเย็บ และเครื่องจักร ส่วนด้านการพัฒนาฝีมือ ได้เข้าไปอบรมเรียนรู้การตัดเย็บผ้าเหลืองเป็นจีวรกับโรงงานโดยตรง เมื่อกลุ่มสตรีสามารถเย็บได้แล้ว มารวมตัวกันตัดเย็บรับค่าตอบแทนเป็นผืน ส่วนผ้าเหลือง วัสดุต่างๆ ห้างร้านจะเป็นผู้ส่งมาให้กับทางกลุ่ม
ทำให้กลุ่มสตรีมีรายได้เสริม มีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้น ซึ่งแต่ละเดือนกลุ่มสตรีจะมีรายได้ตั้งแต่ 5,000 บาท ขึ้นไป หากมีความขยันมากขึ้น หรือมีความสามารถเย็บจีวรได้เร็ว จะมีรายได้มากขึ้น เช่นกัน
นอกจากนี้ทางกลุ่ม ยังสอนให้กับเด็กรุ่นต่อไป ที่มีความประสงค์อยากเรียนรู้อาชีพการเย็บจีวรอีกด้วย ส่วนจีวรพระภิกษุที่อยู่วัด หากขาดหรือชำรุด จะนำมาเย็บปะ ทางกลุ่มสตรียินดีบริการให้ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับจีวรที่เย็บส่งให้กับโรงงาน จะมีสีแต่ต่างกันไปขึ้นอยู่กับนิกายของพระ
ทั้งนี้ กลุ่มสตรีส่วนใหญ่จะมีอาชีพทางการเกษตร จะมีรายได้ทางเดียว รวมถึงเป็นผู้สูงอายุ มีรายได้จากลูกหลานที่ส่งมาให้ และสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งการที่ได้ส่งเสริมอาชีพจนมาสู่อาชีพ ถือว่าเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และยังได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกัน และกันอีกด้วย
วันนี้ (24 มี.ค.2566) จากกรณี หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบสถานประกอบการล้างถังบรรจุสารเคมี จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่ ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ตรวจพบถังบรรจุสารเคมีชนิดพลาสติกขนาดตั้งแต่ 20 ลิตร - 1,000 ลิตร และถังโลหะขนาด 200 ลิตร ทั้งที่ล้างแล้วและยังไม่ได้ล้างรวมจำนวนมากกว่า 2,000 ใบ
ซึ่งมีลักษณะเป็นภาชนะบรรจุสารเคมีที่ใช้แล้วจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยสถานประกอบการทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (สปก.) และไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ไม่มีใบอนุญาตค้าของเก่า และไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ล่าสุดวันนี้จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวพบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำเทปสีเหลืองที่เขียนว่าห้ามเข้าปิดกั้นพื้นที่บริเวณที่ล้างถังสารเคมีที่ยังไม่ได้ทำการล้างอยู่ประมาณ 20 ใบ ซึ่งมีทั้งถังขนาด 1,000 ลิตร และถังขนาด 120 ลิตรวางเรียงรายซ้อนกันอยู่ โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสั่งให้ผู้ประกอบการได้ยุติกิจการล้างถังสารเคมีเอาไว้ก่อนเพื่อรอผลการตรวจสอบตัวอย่างดินและตัวอย่างน้ำที่ได้นำกลับไปตรวจสอบในห้องแล็บ
ส่วนถังสารเคมีที่ล้างแล้ว ถูกนำไปวางจำหน่ายหน้าร้านอีกกว่า 100 ใบ ขายตามขนาด ราคามีตั้งแต่หลักร้อย ไปถึงหลักพัน
ด้านนายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นด้วยเครื่องด้วยเครื่องมือ X-Ray fluorescence พบโลหะหนักหลายชนิด ได้แก่ ตะกั่ว แคดเมียม โครเมียม นิกเกิล และพลวง เป็นต้น ซึ่งเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งจะเป็นสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำทิ้งและสารเคมีที่ตกค้างส่งตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันผลการตรวจสอบ และใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการทางกฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งถ้าหากตรวจพบสารโลหะจากตัวอย่างที่เก็บมาจริงก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับเจ้าของกิจการเกี่ยวกับไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่มีสารอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับถังบรรจุสารเคมี ที่อยู่ในสถานประกอบการทั้ง 2 แห่ง ส่วนใหญ่จะเป็นถังที่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง นำมาขายต่อให้รายย่อย
วันนี้ (24 มี.ค.2566) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี เร่งให้การรักษาเด็กนักเรียน โรงเรียนใน หมู่ที่ 10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งอยู่ห่างโรงงานหลอมเหล็ก ที่พบสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ใน ต.หาดนางแก้ว เพียง 3 กิโลเมตร
หลังได้รับแจ้งจากคณะครูว่า เด็กมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนจำนวนมาก ขณะที่บางคนไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้ เนื่องจากมีไข้สูง
จากการสอบถาม พบว่า เด็กมีอาการไข้เจ็บคอมาแล้วหลายวัน บางคน เริ่มมีอาการตาแดง ทางแพทย์ได้ทำการรักษา พร้อมจ่ายยาเบื้องต้นไปก่อน
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 บอกว่า มีอาการไอ เจ็บคอ ปวดหัว มา 3-4 วันแล้ว แต่ที่เริ่มหนักมาก คือ เมื่อวานและวันนี้
นายสงคราม ศรีสวัสดิ์ ประธานกลุ่มพื้นที่สุขภาพอำเภอกบินทร์บุรี เปิดเผยว่า อาการของเด็กส่วนใหญ่ มีอาการระบบทางเดินหายใจ มีไข้สูงมากเป็นบางคน ไอ มีน้ำมูก เบื้องต้นเด็กที่ได้รับรายงานมีกว่า 30 กว่าคน อยู่ในทุก ๆ ชั้นของโรงเรียน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งเป็นต้นสังกัด จึงรีบสั่งเจ้าหน้าที่เร่งมาประเมินอาการ ถ้าใครมีอาการหนักให้รีบแจ้งแพทย์โรงพยาบาลกบินทร์บุรีทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามอาการอย่างใกล้ชิดว่ามีอาการต่อเนื่องอย่างไรบ้าง
ประกอบกับมีสถานการณ์ซีเซียม-137 จึงต้องดูแลประชาชนในเขตที่ตั้งของโรงงานอย่างใกล้ชิด พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน ที่มีอาการให้ไปรับบริการได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้ทันที
วานนี้ (23 มี.ค.2566) นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมการปลูกข้าวปีละไม่เกิน 2 รอบ ได้แก่ การปลูกข้าวนาปี (1 พ.ค. – 31 ต.ค.) และการปลูกข้าวนาปรัง (1 พ.ย. – 30 เม.ย.) และหากมีการปลูกข้าวอีกจะเป็นนาปรังรอบที่ 2 (1 มี.ค. – 30 เม.ย.) ซึ่งจะเป็นการปลูกข้าวเป็นรอบที่ 3 ของปี
จากสถานการณ์การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 15 มี.ค.2566 ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 พบว่า มีการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 จำนวน 12.23 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 90 ของแผนการปลูกข้าว โดยแบ่งเป็นในเขตชลประทาน 9.61 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.62 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.97 ล้านไร่ และเกษตรกรจะทยอยเก็บเกี่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา
ดังนั้น หากเกษตรกรเพาะปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 ต่อเนื่องทันที จะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของข้าวที่อยู่ระหว่างการเพาะปลูกและกระทบต่อปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยา
ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอความร่วมมือเกษตรกร 13 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี นครสวรรค์ พิจิตร ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี งดทำนาปรังรอบ 2 เพื่อรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและระบบชลประทาน ลดความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำ เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุนเพียงพอ
ทั้งจะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์จากภาวะน้ำเค็มรุกท้ายลุ่มเจ้าพระยา ประกอบกับข้อมูลจากการแถลง "การเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2566" เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2566 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าประเทศไทยตอนบนจะมีฝนใกล้เคียงค่าปกติ ภาคใต้ปริมาณฝนจะมากกว่าค่าปกติเล็กน้อย อาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงในปลายเดือน มิ.ย. และต้นเดือน ก.ค.2566
รวมถึง ข้อมูลจากกรมชลประทาน เรื่องการขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดการทำนาต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เพียงพอใช้ตลอดฤดูกาล
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การพักนาไม่ปลูกข้าวอย่างต่อเนื่องนั้น มีประโยชน์และผลดีหลายด้าน ได้แก่ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนเนื่องจากต้นข้าวยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาพรวมของประเทศ เป็นการพักดินเพื่อลดปัญหาการสะสมของโรคและแมลงศัตรูข้าว
เกษตรกรสามารถปลูกพืชปุ๋ยสดแทนเพื่อปรับปรุงดินให้ดีขึ้น เช่น ปอเทือง ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม โสนอัฟริกัน ถั่วเขียว หรือพืชตระกูลถั่วต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านการใช้ปุ๋ยในฤดูกาลผลิตถัดไปได้
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีแหล่งน้ำของตนเองหรือแหล่งน้ำอื่น ๆ ที่ประเมินแล้วว่าเพียงพอต่อการปลูกพืชใช้น้ำน้อย เกษตรกรสามารถเลือกปลูกพืชที่มีตลาดรองรับในพื้นที่ ประกอบด้วย กลุ่มพืชไร่ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองฝักสด และถั่วลิสง กลุ่มพืชสมุนไพร เช่น อัญชัน ตะไคร้ กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ เช่น ดาวเรืองตัดดอก และอโกลนีมา และ กลุ่มพืชผัก เช่น ตระกูลกะหล่ำ ตระกูลแตง ตระกูลถั่ว ตระกูลมะเขือ ผักกินใบ พืชหัว กระเจี๊ยบเขียว ข้าวโพดฝักสด และเห็ด สำหรับเกษตรกรที่ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
วันที่ 23 มี.ค.2566 เจ้าของอู่ซ่อมรถในเขตเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ต้องยกรถลูกค้าขึ้นที่สูงหลังเกิดน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องนานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้มวลน้ำจำนวนมากเอ่อล้นท่อระบายน้ำ จนท่วมพื้นที่ถนนและบ้านเรือนประชาชน บริเวณถนนคงคา และถนนนาคราชบำรุง
นายวรพจน์ พูลภักดี เจ้าของอู่ภักดีเซอร์วิส กล่าวว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้รับความเสียหายบางส่วน ส่วนภายในอู่รถได้รับความเสียหายไม่มาก ช่างในอู่ต้องช่วยขยับรถของลูกค้าขึ้นที่สูงและเก็บอุปกรณ์ช่างเหนือน้ำ พร้อมช่วยกันขุดร่องระบายน้ำและเก็บขยะที่ไหลมากับน้ำไม่ให้น้ำขังอย่างเร่งด่วน ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือในเบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง สถานการณ์น้ำถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ และเร่งทำความสะอาดเพื่อเปิดบริการในวันนี้ (24 มี.ค.)
ด้านนายธงชัย เทพรอด ปลัดเทศบาลเมืองเบตง รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า ในช่วงนี้ 1-2 วันนี้ อำเภอเบตงมีฝนตกลงมาในช่วงเย็นอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลเมืองเบตงได้มีการประชุมจัดทำแผนจัดเตรียมบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยง เช่น ที่ราบเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหล และพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วม
ส่วนที่ถนนคงคาและถนนนคราช มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักปริมาณน้ำระบายออกไม่ทัน ทำให้การเดินทางและสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากและขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม พร้อมเก็บข้าวของเครื่องใช้ไว้ที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
นายวินัย อินทร์พิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองหนองปรือ นายอำเภอบางละมุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี ลงพื้นที่ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยเขาตาโล 7/1 เพื่อช่วยเหลือเด็กชายเอ นามสมมุติ อายุ 14 ปี ที่ติดการเสพกัญชาอย่างหนัก จนถึงขั้นดุด่ายาย เอาน้ำสาดหน้าใส่ยาย
หลังก่อนหน้านี้ ชาวบ้านแจ้งสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ว่า พบเห็น 2 ยายหลาน ที่อาศัยอยู่ในห้องแถวดังกล่าว ทุก ๆ วัน หลานชายมีพฤติกรรม ขอเงินไปซื้อกัญชาเพื่อเสพ อีกทั้งยังแสดงอาการโมโหร้าย จนยายต้องเดินหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
ข้อมูลจากนางดา ผู้เป็นยาย ยืนยันว่า หลานชาย ติดกัญชาหนักมาก ต้องเสพกัญชาทุกวัน โดยจะขอเงินวันละ 1-2 ร้อยบาท หากวันไหน ไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิด จุกท้อง พูดไม่ชัด พูดจาโวยวาย ทำลายข้าวของ หนักสุด คือ "เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้ายาย"
หลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นทุกครั้งที่หลานมีอาการอยากเสพกัญชา หรือ หงุดหงิด ยายจะเดินหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้านทันที เพราะกลัวหลานจะทำร้าย จึงอยากให้หลานได้เข้ารับการรักษา
เรื่องกัญชากับเยาวชนมีข้อมูลที่น่าสนใจ เป็นข้อมูลผลสำรวจเกี่ยวกับกัญชา จากศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 24.9 ใช้กัญชาเพื่อการนันทนาการ และ1 ใน 5 ของผู้ที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มีการใช้กัญชาแบบนันทนาการ โดยตัวเลขที่น่าตกใจ คือ เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ใช้กัญชาแบบสูบ สูงขึ้น 10 เท่า ภายในระยะเวลา 3 ปี
ส่วนในด้านผลกระทบจากการใช้พบว่าร้อยละ 10 ของผู้ที่ตอบว่าเคยใช้กัญชา มีอาการทางกาย เช่น วิงเวียน ใจสั่น เหงื่อแตก และร้อยละ 1.5 มีอาการทางจิต เช่น หูแว่ว ภาพหลอน
ความคืบหน้าคดี เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และมูลนิธิต่างประเทศ บุกจับสถานบริการแห่งหนึ่ง ซอยซีดราก้อน ถนนบางลา ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต และ จับผู้ดูแลสถานบริการ 2 คนดำเนินคดี หลังนำเยาวชนหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี 6 คน ขายบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อหลายวันก่อน
ล่าสุด พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า คดีนี้ จากการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มทำให้ตำรวจทราบว่า ยังมีผู้เกี่ยวข้องและผู้สนับสนุนให้มีการค้าประเวณีเพิ่ม 3 คน มีชาวไทย 2 คน และชาวต่างชาติ 1 คน
ขณะนี้ ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับแล้วและชาวต่างชาติ ที่ศาลอนุมัติหมายจับ มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของสถานบริการดังกล่าว แต่หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
ส่วนการดำเนินคดี กลุ่มผู้ที่ใช้บริการเยาวชน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวน เมื่อได้หลักฐานชัดเจนจะขอศาลอนุมัติหมายจับเช่นกัน
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ยังบอกว่า คดีค้าบริการทางเพศเยาวชน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญคดีนี้มาก และกำชับให้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกคน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด้ง 5 เสือโรงพักป่าตอง เซ่นปกครองจับบาร์ค้าประเวณีเด็ก
บุกจับบาร์เถื่อน จ.ภูเก็ต ค้าประเวณีเด็ก อายุต่ำสุด 15 ปี
วันนี้ (20 มี.ค.2566) ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดเหตุผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าใส่บ้านพักของโต๊ะอิหม่าม ประจำมัสยิดดาวะตุลอิสลาม ในพื้นที่ ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล รวมทั้งหมด 15 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บไว้เป็นวัตถุพยาน เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ โดยขณะเกิดเหตุ โต๊ะอิหม่าม ออกไปเผยแผ่ศาสนาที่ต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่ในบ้านพัก มีเพียงภรรยาและลูก ๆ อาศัยอยู่ในบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
โต๊ะอิหม่าม เปิดเผยว่า ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใคร แต่คาดว่า การก่อเหตุน่าจะมาจากการเป็นคนกลางเจรจากับปัญหาทางสังคมในพื้นที่ เพราะเป็นผู้นำศาสนา จึงมีคนเคารพนับถือ เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนก็ไปเป็นคนกลางแก้ปัญหา ล่าสุด มีปัญหาเรื่องการแบ่งมรดกและเรื่องวัยรุ่นขโมยผลปาล์มน้ำมัน ซึ่งน่าจะเป็นชนวนเหตุในครั้งนี้
เบื้องต้น ตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบมีรถเก๋งขับนำมา ซึ่งคาดว่าเพื่อชี้เป้า จากนั้นก็มีรถจักรยานยนต์ขับตามมา ก็น่าจะเป็นกลุ่มมือปืน ก่อนจะมีการยิงกระหน่ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เกิดเหตุลอบวางระเบิดบ้านหลังหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี และชุดเก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณรั้วข้างบ้านหลังดังกล่าวพบว่า ถูกแรงระเบิดเป็นช่องขนาด 12 นิ้ว หลังคากระเบื้อง กระจกช่องแสง ฝ้าเพดาน
รวมทรัพย์สินที่รับความเสียหาย ใกล้กันพบเศษท่อน้ำ PVC สีเขียวตกกระจายแรงระเบิดยังทำให้บ้านฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพบุคคลที่คาดว่า จะเป็นผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด ในภาพจะเห็นวัตถุคล้ายระเบิดลักษณะเป็นแท่งอยู่ในถุงพลาสติกถูกนำไปวางข้างบ้าน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินหลบหนีไป ผ่านไป 5 นาที จึงเกิดระเบิดขึ้น
สอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เล่าว่าบ้านหลังที่ถูกวางระเบิดเป็นของข้าราชการครูบำนาญ อาศัยอยู่ในบ้านกับครอบครัว ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่บ้าน เนื่องจากไปทำธุระต่างจังหวัด จึงไม่มีผู้บาดเจ็บ
สาเหตุเบื้องต้นชาวบ้านให้ข้อมูลว่า มีเจ้าหนี้เจ้ามือหวยใต้ดินเดินทางมาทวงเงินเป็นประจำทุกวัน บางครั้งเมื่อไม่ได้เงินกลุ่มชายฉกรรจ์ ก็จะยิงปืนขึ้นฟ้าที่หน้าบ้านข่มขู่จนคนในพื้นที่รู้ดี แต่ไม่มีใครกล้าไปยุ่งเกี่ยว
ขณะที่ ร.ต.อ.เทวัญ ภูมิฐาน หัวหน้าชุดเก็บกู้ระเบิดภูธรจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นระเบิดไปป์บอมที่ทำจากท่อ PVC มีการติดตั้งตัวหน่วงเวลา แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าจุดชนวนด้วยวิธีการใด
กรณีเหตุการณ์บุกเข้าจับหญิงคนหนึ่งภายในร้านค้าที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังมีข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุต้องการเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 2-3 ล้านบาท แต่หญิงสาวในภาพไม่ใช่เจ้าของร้าน จึงถูกปล่อยตัว
แหล่งข่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เมียนมาได้เร่งติดตามผู้ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุจับชายเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดได้หลายกรณี เช่น ปล้นทรัพย์จากคนรวย, ทวงหนี้การพนันที่ติดค้าง โดยผู้ก่อเหตุอาจเป็นคนจีนที่รวมตัวกันเป็นขบวนการ หรือประกอบธุรกิจสีเทาในพื้นที่ เพราะสื่อสารกันด้วยภาษาจีน
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา ประธานหอการค้าแม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า เหตุการณ์คนจีนก่อเหตุอาชญากรรมใน จ.ท่าขี้เหล็ก เกิดขึ้นจริง ปัจจุบันมีกลุ่มทุนจีนจำนวนมากมาดำเนินการธุรกิจต่างๆ ในท่าขี้เหล็ก ทั้งโรงแรมและสถานบริการ
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการกระทำเพื่อจุดประสงค์ใด ทางการท้องถิ่นเมียนมากำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการค้าหรือการลงทุนบริเวณชายแดน ซึ่งประชาชนทั้ง 2 ประเทศยังดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และแม้จะเกิดขึ้นนอกประะเทศ แต่หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อประเทศไทย
อ่านข่าวอื่นๆ
ดีเอสไอสั่งฟ้อง “ปราปต์ปฎล” ข้อหาร่วมกันฟอกเงินคดี Forex-3D
ระดมค้นโรงไฟฟ้าหา "ซีเซียม-137" เพิ่มเงินชี้เบาะแสเป็น 1 แสนบาท
ตร.ค้นหาหลักฐานรอบบ้าน "สารวัตรกานต์" พบหัวกระสุนเพิ่ม
วันนี้ (18 มี.ค.2566) ตำรวจกองคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมชายชาวจีนวัย 52 ปี บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับกุมของทางการจีน ในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
ตำรวจระบุว่า หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของตำรวจจีน ประสานสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ว่า ชายชาวจีนคนดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาในคดีลักลอบนำเข้าเม็ดพลาสติก หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรมูลค่ารวม 20 ล้านหยวน หรือประมาณ 100 ล้านบาท จึงสั่งชุดปฏิบัติการให้สืบสวนติดตาม กระทั่งทราบว่าหลบหนีเข้าไทยนานกว่า 10 ปี โดยอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมย่าน อ.บางพลี จึงนำหมายศาลเข้าจับกุม
หลังตรวจสอบลายนิ้วมือ พบว่าชาวจีนคนดังกล่าวออกจากไทยไปตั้งแต่ปี 2556 แต่ไม่มีข้อมูลการเดินทางเข้าอย่างถูกต้อง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนส่งตัวให้ทางการจีนตามขั้นตอนต่อไป
อ่านข่าวอื่นๆ
ตร.ค้นหาหลักฐานรอบบ้าน "สารวัตรกานต์" พบหัวกระสุนเพิ่ม
สปีดโบ๊ตล่มทะเลเกาะหมา นักท่องเที่ยว-ลูกเรือ 7 คนปลอดภัย
วันนี้ (18 มี.ค.2566) เกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ตล่มบริเวณเกาะหมา หลังออกเดินทางจากเกาะลันตามุ่งหน้าไป จ.ภูเก็ต
นางรักชนก แพน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติฯ ได้รับการประสานจากผู้ประกอบกิจการเรือ โดยเรือที่ประสบเหตุชื่อเรือ “อันดามัน แอดเวนเจอร์” ของบริษัทอันดามัน แอดเวนเจอร์
ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ภายในเรือมีนักท่องเที่ยว 3 คน และเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 4 คน รวมทั้งหมด 7 คน ส่วนสาเหตุคาดว่าเรือมีรอยรั่ว ทำให้มีน้ำเข้าไปในเรือและทำให้จม
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและเรือประมงหัวโทง ได้เข้าช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวขึ้นเรือและนำส่งโรงพยาบาลเกาะพีพี
อ่านข่าวอื่นๆ
พิทักษ์ป่าห้วยขาแข้งเสียชีวิต ขณะลาดตระเวนป้องกันคุมไฟป่า
“พาต้า” แจ้งครอบครองกอริลล่า “บัวน้อย” สัตว์บัญชีไซเตสแล้ว
ระดมค้นโรงไฟฟ้าหา "ซีเซียม-137" เพิ่มเงินชี้เบาะแสเป็น 1 แสนบาท
เมื่อวานนี้ สื่อสังคมออนไลน์ เพจเฟซบุ๊ก คลินิกกฎหมายอุ้มผาง โครงการสี่หมอชายแดน จ.ตาก ได้ โพสต์ภาพเด็กๆ ที่บริเวณหน้าป้าย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนุโพ สังกัดเทศบาลตำบลแม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก พร้อมกับเขียนข้อความว่า
ชะตากรรมเด็กน้อย 23 คน โรงเรียนปฏิเสธไม่ให้เข้าเรียน อ้างว่าหากรับเด็กไม่มีสัญชาติไทยอาจเป็นการทำผิดกฎหมาย แถมเป็นภาระครู
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2566 คลินิกกฎหมายอุ้มผาง โรงพยาบาลอุ้มผาง ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนจำนวน 23 ราย ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดในประเทศไทยจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพ ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าเรียนต่อชั้นอนุบาล 1-2 ที่ โรงเรียนบ้านนุโพ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก
เมื่อคลินิกกฎหมายได้ตรวจสอบ พบว่า มีการออกประกาศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 เรื่อง มาตรการเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2
ซึ่งสั่งห้ามมิให้โรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 รับบุคคลดังต่อไปนี้เข้าเป็นนักเรียน กล่าวคือ 1.ผู้หนีภัยจากการสู้รบที่พักอาศัยและมีชื่ออยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว หรือศูนย์อพยพ 2.คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมาย 3.บุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศเดินทางไปกลับบริเวณชายแดน
การปฏิเสธไม่รับเด็กเข้าเรียนของโรงเรียน ซึ่งอ้างตามประกาศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 นั้น เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกฎหมายภายในที่เกี่ยวข้องอย่างชัดแจ้ง
การกระทำดังกล่าวยังขัดต่อเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่ประสงค์เปิดโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ หลักฐานทางทะเบียน และสถานะทางกฎหมาย มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535
อีกทั้งยังจะเป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคี อาทิ ปฏิญญาโลกว่าด้วยการศึกษาเพื่อปวงชน พ.ศ.2533 อนุสัญญาสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
จากเด็ก 23 คนในวันนี้ จะเพิ่มเป็นเด็กในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ทั้ง 5 อำเภอชายแดน จ.ตาก เด็กใน อ.แม่สอด ซึ่งในสถานศึกษาบางแห่ง มีเด็กต่างชาติศึกษาอยู่มากกว่าร้อยละ 50 รวมถึงเด็กในพื้นที่ อ.พบพระ แม่ระมาด และท่าสองยาง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมาด้วยเช่นกัน
จ.ตากเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อน และมีความสำคัญมากในหลายมิติ แต่กลายเป็นว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่คุ้มครองสิทธิทางการศึกษาของประชาชน เช่นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาฯ กลับมีมุมมองความมั่นคงแบบเก่า ยิ่งกว่าหน่วยความมั่นคงของไทย ซึ่งเข้าใจมานานแล้วว่าชาตินิยมหรือสัญชาตินิยมไม่สามารถพัฒนาพื้นที่ชายแดน และพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ได้
ประเทศไทยได้รับการชื่นชมในทางระหว่างประเทศในเรื่องการให้การศึกษาแก่ทุกคนอย่างไม่เลือกปฏิบัติเสมอมา ประกาศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ฉบับนี้ แสดงถึงความถดถอยในการดำเนินนโยบายเรื่องการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
อันส่งผลเป็นการทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ซึ่งบุคลากรทางการศึกษาของไทยสร้างสัมมานานหลายสิบปี จึงขอเรียนถามท่านผู้บริหาร ว่าท่านเห็นด้วยกับการออกประกาศที่มีเนื้อหาเป็นการเลือกปฏิบัติเช่นนี้หรือไม่
ด้าน ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้จากโรงพยาบาลกับชุมชนในพื้นที่ อ.อุ้มผาง ว่า มีโรงเรียนไม่รับเด็กเข้าเรียน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ว่า เด็กเหล่านั้นเป็นผู้มีสิทธิที่จะเข้าเรียนในสถานศึกษาหรือไม่
เนื่องจากตอนนี้มีกฎหมายอยู่ 2 ฉบับ คือ ข้อห้ามเด็กในศูนย์อพยพเข้ามาเรียนในโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ แต่เด็กไร้สัญชาติ เด็กที่อยู่นอกศูนย์อพยพ สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการได้
“ตอนนี้ต้องพิสูจน์ก่อนว่า เป็นเด็กในศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือไม่ เด็กในศูนย์พักพิงชั่วคราว จะได้รับการจัดการเรียนการสอนในศูนย์พักพิงชั่วคราวโดยองค์กรพัฒนาเอกชน (ร่วมกับ UNHCR) ซึ่งได้รับอนุญาตการดำเนินงานจากกระทรวงมหาดไทย“
ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้เป็นไปตามประเด็นเรื่องความมั่นคง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้เข้าไปในเรื่องความมั่นคง กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่จัดการศึกษาตามกฎหมายที่สามารถกำหนดได้ ซึ่งหลังจากทำการพิสูจน์สิทธิเสร็จแล้ว ก็จะเข้าไปทำการแนะนำให้ เด็กทั้ง 23 คน ได้เข้าเรียนตามสิทธิที่พวกเขามีอยู่
วันนี้ (18 มี.ค. 2566 ) ประชาชนบ้านม่วงเจ็ดต้น หมู่ที่ 2 หมู่ 7 ตำบลม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ กว่า 300 คน ร้องเรียนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากฝุ่นละอองของโรงงานรับซื้อแป้งมัน จากประเทศเพื่อนบ้าน บ้างป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ, ปอดอักเสบ, บ้างเป็นผื่นคันโดยเฉพาะเด็กเล็ก จนผู้ปกครองไม่สามารถให้มาเรียนได้ เพราะศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รั้วอยู่ติดกับล้งรับซื้อพืชมัน หากมาเรียนแล้วเด็กนักเรียน 22 คน ป่วยเกือบทุกคน จนทุกวันนี้มาเรียนเพียง 6 ถึง 12 คน ต่อวัน
ซึ่งจากการลงพื้นที่ ที่อาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านม่วงเจ็ดต้น เด็กๆ จะอยู่เฉพาะในห้องปรับอากาศ ซึ่งไม่สามารถให้เด็กออกมานอกห้องได้ เพราะฝุ่นละอองคลุ้งเต็มไปหมด ห้องเล่นกีฬาก็มีแต่ฝุ่น อาจารย์ผู้ควบคุมไม่สามารถทำความสะอาดให้เอี่ยมได้ทุกวัน เนื่องจากลานรับซื้อมันอยู่ติดกับศูนย์เด็กเล็กเลย
เด็กหญิง เอ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองป่วยเป็นผื่น เต็มตัว คันมาก แม่พาไปรักษาเมื่ออาการเบาจึงได้กลับมาเรียน พร้อมชี้ให้เห็นว่าเคยเป็นผื่นคันที่แขน ส่วน นส.ศศิธรณ์ อุทัยธวัช อาจารย์ผู้ควบคุมดูแลเด็ก บอกว่า ที่ผ่านมาทั้งเด็ก และครู ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่เมื่อมีอาการก็จะไอ และผื่นขึ้นเต็มตัว บ้างก็แพ้ ผู้ปกครองตอนนี้มักจะไม่ให้ลูกหลานมาเรียน หากมาแล้วมักป่วยกลับไปทุกครั้ง สาเหตุเกิดจากฝุ่นมันที่ปลิวออกมาจากโรงงานรับซื้อ เนื่องจากรถวิ่ง วิ่งเข้า – ออก ทุกวัน และขณะกำลังเทมันออกมากอง
ด้านชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนบอกว่า ทุกหลังคาเรือน เกิดฝุ่นเข้าบ้านทุกวัน ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจเกือบทั้งหมู่บ้าน แม้แต่ผู้ใหญ่ บางรายผื่นคันตามแข็งขา ตามลำตัว หมู่บ้านแห่งนี้มีลานรับซื้อมันจากประเทศเพื่อนบ้าน 6 โรง ผู้ประกอบการก็ไม่เคยเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เมื่อร้องไปยังหน่วยงานรัฐ ฯ เพียงนำสแลนสีเขียวมาปิดบังให้ ซึ่งมันใช้ไม่ได้ผล ที่นอน หมอน มุ้ง ถูกแล้วคันไปทั้งตัว
ด้านนายสุทน ดวงตาน้อย นายก อบต.ม่วงเจ็ดต้น บอกว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน อบต.ร่วมกับ หน่วยงานสิ่งแวดล้อม, อุตสาหกรรมจังหวัด, ได้ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการเช่นปรับปรุงอาคารให้มิดชิด, ให้ทำสิ่งกันฝุ่นขณะมีกระแลลมพัด, ทำความสะอาดอยู่เสมอ ตากมันในโกดังไม่ควรตากในที่โล่ง โดยมีเอกสารแจ้งถึงผู้ประกอบการไปแล้วทั้งหมด 6 โรง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 หลังจากวันที่ 22 มีนาคม ไปแล้ว ซึ่งครบกำหนดการวางมาตราการป้องกันฝุ่นละออง เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวที่เกี่ยวข้องก็จะไปตรวจสอบอีกครั้ง หากตรวจแล้วยังไม่ปฎิบัติตามก็จะพักใบอนุญาติโรงงานนั้นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงงานรับซื้อมันสัมปะหลังในชุมชน จะมีรถบรรทุกมันสัมปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน นำผลผลิตเข้าโรงงานตลอดทั้งวัน วันละประมาณ 50 เที่ยว
ตอนนี้มหาศาล เช้านี้คนของเรารายงานว่า พบคนของกลุ่ม...แบกกระสอบปุ๋ยลงเรือที่ท่าสบหลวย ล่องตามน้ำโขง แน่นอนไอซ์ชัวร์ กำลังตามอยู่ว่าจะขึ้นไปพักไว้ฝั่งประเทศไหน สถานการณ์แบบนี้น่าจะยาวจนกว่าประเทศเขาสงบ
เจ้าหน้าที่หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศกล่าวกับ Thaipbs North
ขณะที่ พล.อ.ยอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน 1 ในกองกำลังชาติพันธ์ติดอาวุธ ที่ทำสัญญาหยุดยิงทั่วประเทศ เพื่อเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมา (NCA) บอกว่า “ทุกรัฐบาลของเมียนมา ตั่งแต่ อูเต็งเส่ง อองซาน ซูจี จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ทุกคนบอกว่าจะแก้ปัญหายาเสพติด แต่วันนี้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข และทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี เพราะว่าพวกเขาเอาปัญหายาเสพติด มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่างนี้ไม่มีวันสำเร็จ
หนุ่มหลาวเครือ หรือนายหลาวเครือ ชาวเมืองตองจี บอกว่า วันนี้รัฐฉานที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งผลิตยาเสพติด เต็มไปด้วยคนติดยาเสพติด ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะกลัวว่าคนกลุ่มนี้จะมาขโมยของ ส่วนคนรุ่นใหม่หันมาเสพยา และเริ่มไม่สนใจการศึกษา ตอนนี้สังคมรัฐฉานตกต่ำไปเรื่อยๆ
เดือนก.ค.2565 ถึงเดือนม.ค.2566 ทหารกองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 ปะทะคาราวานยาเสพติดหลายครั้ง กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเสียชีวิต มากถึง 48 คน จับกุมได้ 380 คน ยึดยาบ้า 65 ล้านเม็ด เฮโรอีน 12 กิโลกรัม ไอซ์ 126 กิโลกรัม
แม้กลุ่มยาเสพติดจะเสียชีวิตจำนวนมาก แต่พวกเขายังมีความพยายามที่จะลักลอบนำเข้าประเทศไทยทุกนาทีเมื่อสบโอกาส เพียงเพราะต้องเงินที่แลกเปลี่ยนกับยาเสพติด เพื่อเลี้ยงคนในกลุ่ม และเป็นกองทุนของกลุ่มในอนาคตหลังเมียนมามีเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงอาวุธที่จะสร้างความมั่งคงและเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาล กับกลุ่มชาติพันธ์ด้วนกัน
ผศ.นพ.ดร.อภินันท์ อร่ามรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า ยาเสพติดในเมียนมา วันนี้ไม่สามารถยุติการผลิตได้ เหตุเพราะความมาสงบในประเทศเมียนมา กลุ่มชาติพันธ์ต้องการเงินไปจัดหาอาวุธ และข้อจำกัดในเรื่องของกฎหมายที่ไม่ครอบคลุมในบางพื้นที่
ตลอดจนอำนาจของกลุ่มผู้มีอิทธิพล เช่น กลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ไม่ได้รับการควบคุมจากรัฐบาลโดยตรง กลุ่มทุนจีนสีเทา ทำให้ไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่การค้ายาเสพติดที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว การค้าอาวุธก็เป็นหนึ่งในการขยายอำนาจของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธเช่นกัน
ส่วนประเทศไทยถือว่ามาถูกทางในการปราบปราม แต่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าการปราบปราบในทวีปยุโรป เพราะการสอบสวนไปถึงตัวการใหญ่ในการผลิตยาเสพติดยังไม่ดีเท่าที่ควร ที่ผ่านมาเป็นเพียงการปราบปราบผู้ค้ารายย่อย ซึ่งถือเป็นปลายทางของการจัดการ
ดังนั้นหากไทยต้องการจัดการปัญหาแบบยั่งยืน ต้องมีการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน และต้องปราบปราบเครือข่ายที่ค้าและผลิตรายใหญ่ รวมไปถึงการควบคุมสารตั้งต้นที่จะนำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตยาเสพติดซึ่งขณะนี้ยังติดข้อจำกัดในบางพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน
ด้าน รศ.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งข้อสังเกตว่า การร่วมมือของกลุ่มประเทศในลุ่มน้ำโขง (กัมพูชา ,ลาว ,เมียนมา ,เวียดนาม และไทย) รวมไปถึงจีน ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าสถานการณ์ยาเสพติดดีขึ้น เพราะในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขยาเสพติดทะลักเข้ามาอย่างมหาศาล เพราะข้อจำกัดของข้อกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน
สิ่งที่ประเทศไทยพอจะทำได้ตอนนี้เพื่อป้องกันประเทศจากยาเสพติด คือการสร้างความเข้มแข็งในระดับของชุมชนแนวชายแดนให้ดี เพราะการขนส่งยาเสพติดจะใช้หมู่บ้านคู่ขนานบริเวณแนวชายแดน
วันนี้กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดหลักในเมียนมา ยังเป็น 3 กลุ่มชาติพันธ์ใหญ่ ทางตอนเหนือรัฐฉาน ส่วนผู้ผลิตรอง เป็น 3 กลุ่มชาติพันธ์ทางตอนใต้ในรัฐฉาน โรงงานผลิตยาเสพติด 13 โรง และโรงงานส่วนใหญ่เริ่มปรับเปลี่ยนใหเพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายไปผลิตพื้นที่อื่นได้เมื่อถูกปราบปราม
สำหรับยาเสพติดที่ผลิตในรัฐฉานจะถูกส่งไปยังพื้นที่ 4 แห่ง คือ 1.เมืองลุยลี่ ประเทศจีน 2.เมืองต้นผึ้ง ประเทศลาว จากนั้นขบวนการจะลำเลียงไปตามจังหวัดชั้นในของลาว ปลายทางคือจังหวัดในภาคอีสานของประเทศไทย
3.จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และ เชียงราย ทางภาคเหนือประเทศไทย โดยสินค้าจะถูกแบ่งขายในประเทศ และส่วนหนึ่งถูกส่งชายส่งไปยังประเทศมาเลเซีย รวมทั้ง ยุโรป อเมริกา และ 4.ส่งไปเมืองมัณฑะเลย์ ของเมียนมาเอง จากนั้นจะจากลงเรือสินค้าปลายทาง คือประเทศสิงคโปร์ ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย
วันนี้ (17 มี.ค.2566) ต้นจามจุรี 8,700 ต้น ใน ต.วังทรายคำ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง คือ ที่มารายได้ปีละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท แก่ชาวบ้านที่มีอาชีพเลี้ยง “แมลงครั่ง” บนต้นไม้
แมลงครั่ง เป็นเพลี้ยชนิดหนึ่งที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ และ ดูดกินน้ำเลี้ยงต้นไม้เป็นอาหาร ก่อนจะขับถ่ายสารลักษณะนิ่มเหนียว สีเหลือง ออกมาห่อหุ้มตัว เพื่อป้องกันศัตรู เมื่อถูกอากาศนานเข้าสารนี้จะแข็งและกลายเป็นสีน้ำตาลเรียกว่า “ครั่ง” หรือ “ครั่งดิบ”
ครั่งมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เพราะใช้เป็นวัตถุดิบแปรรูปในอุตสาหกรรมชนิดต่าง ๆ ทุกปีจะมีพ่อค้าเข้ามารับซื้อ “ครั่งดิบ” ถึงในชุมชน สร้างรายได้รวมปีละกว่า 60 ล้านบาท
และเพราะชาวบ้านรู้ว่า ไฟและควัน มีส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผสมพันธุ์ของแมลงครั่ง หรือ ทำให้แมลงครั่งอ่อนแอ ชาวบ้านในแหล่งเลี้ยงครั่งจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันการเผา และไฟป่า ส่งผลให้ อ.วังเหนือ จึงเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่มีจุดความร้อนเกิดขึ้นน้อยมาก
กรณีการตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ขององค์การบริหารส่วนตำบลสีคิ้ว (อบต.) จ.นครราชสีมา หลังเจ้าหน้าที่นิติกรได้หลักฐานชุดใหม่ ที่พบพิรุธส่อทุจริตในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง
ทะเบียนลงรับหนังสือราชการของ อบต.สีคิ้ว ช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.2556 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายที่ป.ป.ช.อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการจัดซื้อที่แพงเกินจริง และเข้าข่ายข่ายทุจริตหรือไม่
นายอลงกรณ์ ดอนท้วม นายก อบต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กล่าวว่า จากการตรวจสอบได้หลักฐานชุดใหม่ ที่พบพิรุธส่อทุจริตในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง
ทั้งนี้พบว่ามีการลงเลขรับใบเสนอราคาซ้ำกัน เป็นใบเสนอราคาเครื่องออกกำลังกาย จาก 4 บริษัท หรือเรียกว่าเป็นการแทรกเลขรับหนังสือ โดยใช้ดินสอร่างเพื่อรอแก้ไข นิติกรตั้งข้อสังเกตว่า อาจไม่มีการรับใบเสนอราคาจริง ทำให้ลงเลขรับซ้ำกัน หรือเป็นการลงเลขหนังสือรอไว้ ค่อยเอาปากกาเขียนทับ
ซึ่งถือเป็นการลงรับเอกสารราชการที่ผิดปกติ เพราะใบเสนอราคาจากบริษัทเอกชน 4 บริษัท จะถูกนำไปกำหนดราคากลางเครื่องออกกำลังกายที่ถูกตรวจสอบว่าจัดซื้อแพงเกินจริงหรือไม่
นายก อบต.สีคิ้ว ระบุว่า ราคาเครื่องออกกำลังกายทั้งหมดนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ และยิ่งเมื่อมาพบพิรุธในขั้นตอนการส่งใบเสนอราคา ทำให้ต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ล่าสุดได้นำส่งเอกสารให้กับทางอำเภอ เพื่อประสานให้ ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบและสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว
มันผิดปกติแน่นอน จากการที่เขียนเป็นดินสอไว้และมีเครื่องหมายดอกจันทร์ มีเลขรับเดียวกัน ไม่เข้าใจความหมาย ความคิดเชื่อว่าเป็นการแทรกเลขรับเพราะว่าไม่ได้ลงรับจริง เพราะเอกสารชุดราคากลาง ไม่ได้มาตามระเบียบปกติ เพราถ้ามาตามขั้นตอนปกติ ธุรการต้องลงรับ และประทับตราตามลำดับไป
สำหรับการตรวจสอบการจัดซื้อ เครื่องออกกำลังกาย เกิดขึ้นกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อสื่อออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลว่า พบการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย อบต.สีคิ้ว เมื่อปี 2556 เป็นราคาที่แพงเกินจริง งบกว่า 1,600,000 บาท
ก่อนที่ ป.ป.ช.จะเข้าตรวจสอบ และพุ่งเป้าไปที่ประเด็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะการตั้งราคากลาง ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกคู่สัญญาหรือไม่ เพราะบางเครื่องราคาสูงตั้งแต่ 40,000-70,000 บาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช.เช็กบิลชุดสุขภาพ อบต.สีคิ้วแพงเกินจริง 1.6 ล้านบาท
ความคืบหน้าการค้นหาสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่หายไปจากโรงงานผลิตไฟฟ้าไอน้ำจากโรงงานแห่งหนึ่ง ใน ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
วันนี้ (16 มี.ค.256) เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) นำโดรนและอุปกรณ์ตรวจวัดรังสี เข้าตรวจสอบภายในร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งใน อ.พนม สารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นร้านรับซื้อเศษเหล็ก จากโรงงานผลิตไฟฟ้าไอน้ำแห่งหนึ่ง ในอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี แต่ก็ไม่พบสัญญาณของรังสีซีเซียม-137 ที่หายไป
นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการทำงานค้นหา
โดยได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดใกล้เคียง และมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทั้งในอำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภออื่นๆ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และร้านขายของเก่า ช่วยแจ้งเบาะแส และในวันนี้ (16 มี.ค.)ได้สั่งการให้นายอำเภอ ปูพรมค้นหาอุปกรณ์รอบโรงงาน และเรียกสอบพนักงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมั่นใจว่า พนักงานบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง
สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการค้นหาติดตาม และตำรวจจะสอบสวนคนที่เกี่ยวข้อง พนักงานบริษัท หรือคนที่จะมีส่วนทราบข้อมูลเบื้องต้นให้กำชับว่าต้องสอบสวนอย่างเข้มข้น
พล.ต.ต.วินัย นุชชาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อเร่งรัดสืบสวนและติดตามอุปกรณ์ที่หายไป โดยยังไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้เป็นคดีอาญาหรือไม่ เบื้องต้นสอบปากคำพยานไปแล้ว 3-4 คน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งในและนอกโรงงาน
ได้ไล่ตรวจสอบสอบกล้องวงจรปิดข้างนอกว่ารถที่ออกจากโรงไฟฟ้ามีมากน้อยแค่ไหน ลักษณะของรถที่เข้าไปเก็บขายเศษเหล็กออกมา ก่อนเข้า และหลังเก็บเศษเหล็ก ก็น่าจะมีกล้องวงจรปิดถ่ายติดไว้ได้
อ่านข่าวเพิ่ม ด่วน! ตามหาท่อบรรจุสารซีเซียม-137 หายปริศนาจากโรงไฟฟ้า
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี บอกด้วยว่า ตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าภายในจังหวัดปราจีนบุรีไปแล้วกว่า 20 แห่ง ทุกแห่งให้การตรงกันไม่เคยพบเห็นอุปกรณ์ลักษณะดังกล่าว จึงมุ่งเป้าไปที่พนักงานภายในโรงงานว่าเก็บอุปกรณ์ชิ้นนี้เข้าโกดัง หรือมีการนำไปขายแล้วหรือไม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปส.เตือน "ซีเซียม-137" สุดอันตราย อย่าผ่าท่อ ปูพรมร้านของเก่า
ปูพรมร้านรับซื้อของเก่าตามหา "ซีเซียม-137" ล่องหน