วันนี้ (18 ก.พ.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จ.สงขลา เห็นขอความเห็นชอบกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา (พ.ศ.2567-2571) มติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สำหรับอนุมัติกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา ในระยะ 5 ปีแรก วงเงิน 402.818 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอ มอบหมายให้หน่วยงานผู้ดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ได้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมประมงเสนอขอรับจัดสรรจากงบรายจ่ายประจำปี หรือแหล่งเงินอื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงานที่รับผิดชอบ
อ่านข่าว น่าห่วง 14 ตัวสุดท้าย "โลมาอิรวดี" ทะเลสาบสงขลา
นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.มอบหมายให้กระทรวงการคลังนำขอบเขตงาน ตัวชี้วัด และกรอบค่าใช้จ่ายสำหรับแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ในระยะ 5 ปีแรกเจรจาเงินกู้กับธนาคารโลก รวมทั้งให้หน่วยงานภายใต้แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี สามารถทำควบคู่ไปกับการก่อสร้างโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา-อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง (โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา) ของกรมทางหลวงชนบท
สาระสำคัญของแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี ประกอบไปด้วย 6 แผนงาน 15 โครง การ จำนวน 36 กิจกรรม เช่น การลดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อโลมาอิรวดีและแหล่งที่อยู่อาศัย การจัดทำแนวเขตพื้นที่คุ้มครองโลมาอิรวดีที่ชัดเจน การประกาศเขตพื้นที่ห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมือประมงที่เป็นอันตราย
การฟื้นฟูความสมบูรณ์ของทะเลสาบสงขลาและการเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ การจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณที่รับผิดชอบของชุมชน ประมงท้องถิ่น การศึกษาวิจัยนิเวศวิทยาและชีววิทยาของโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา
การสำรวจการแพร่กระจาย และจำนวนประชากรโลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลาการศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาภาพแวดล้อมในทะเลสาบสงขลา
โลมาอิรวดีในกัมพูชา 1 ใน 5 แหล่งที่ยังมีประชากรแต่เหลือน้อย
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประชากรโลมาอิรวดีในทะเล สาบสงขลา เช่น การศึกษาพันธุกรรมของโลมาอิรวดี และการศึกษาดีเอ็นเอในสิ่งแวดล้อมเพื่อการจัดการอนุรักษ์ที่เหมาะสม
การเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืน เช่น การติดตามผลกระทบต่อโลมาอิรวดีจากการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา การพัฒนาอาชีพชาวประมงรอบทะเลสาบสงขลา
ทั้งนี้ แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดี จะช่วยลดสาเหตุการตายและภัยคุกคามต่อโลมาอิรวดี ช่วยเพิ่มจำนวนประชากรโลมาอิรวดีผ่านการอนุรักษ์และการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยฟื้นฟูความสมบูรณ์ของทะเลสาบสงขลา ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชน
สำหรับโลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เคยเสนอให้อนุรักษ์โลมาอิรวดี 14 ตัวฝูงสุดท้ายของทะเลสาบสงขลา ซึ่งโลมาน้ำจืดที่หายากของไทย
หลังจากการสำรวจเมื่อ 30 ปี ก่อนพบว่ามีโลมาอิรวดีมากว่า 100 ตัว แต่ในปัจจุบัน ประเทศไทยพบเหลือเพียงแค่ 14 ตัวเท่านั้น และเป็นโลมาฝูงสุดท้ายที่เหลือรอดชีวิตแล้วในทะเลสาบสงขลา
ขณะที่พบว่าโลกนี้มีโลมาอิรวดีอยู่ในน้ำจืดเพียง 5 แห่ง อินเดีย 140 ตัว อินโดนิเซีย 90 ตัว เมียนมา 80 ตัว กัมพูชา 90 ตัว ไทย 14 ตัว
สำหรับโลมาอิรวดี จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครอง พ.ศ.2535 นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยในการประชุม CITES ครั้งที่ 13 เมื่อปี พ.ศ.2546 ประเทศไทยได้เสนอให้โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองบัญชีที่ 1 อันมีผลทำให้โลมาอิรวดีได้รับความคุ้มครองสูงสุดในระดับนานาชาติ
วันนี้ (18 ก.พ.2568) คณะทำงานการขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบจุดแรกคือ คาเฟ่แห่งหนึ่ง เนื้อที่ 31 ไร่ ตั้งอยู่ริมถนนเขาใหญ่-วังน้ำขียว บ้านตะเคียนงาม ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังพบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่มีการก่อสร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยว บ้านพักและรีสอร์ท
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานคณะทำงานฯ ระบุว่า พบข้อมูลว่ามีอดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดินเกี่ยวข้องกับการครอบครอง ก่อนมีการซื้อขายเปลี่ยนมือสร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ เบื้องต้น ส.ป.ก.นครราชสีมา จะทำหนังสือแจ้งเตือนผู้ครอบครองให้ปิดกิจการ เนื่องจากเป็นการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ โดย ส.ป.ก.อนุญาตให้ใช้เพื่อทำการเกษตรเท่านั้น
จุดที่ 2 ตรวจสอบสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน ต.โป่งตาลอง โดยนายธนดล ระบุว่า เจ้าของถือครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่จุดที่เข้าตรวจสอบมีโฉนดที่ดินอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กว่า 2,000 ไร่ เบื้องต้นพบว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินจากเอกสาร นค. 3 ซึ่งเป็นที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่กลับตรวจพบว่าเป็นโฉนดที่ดิน พบพื้นที่ขยายเพิ่มหรืองอกจากเขตนิคมฯ หรือ นค. 3 แลัวทับซ้อนกับเขต ส.ป.ก. ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะตรวจสอบอย่างละเอียดและอาจนำไปสู่การเพิกถอนโฉนดหากพบว่ามีการออกโฉนดไม่ถูกต้อง
ส่วนจุดที่ 3 เข้าตรวจสอบสนามกอล์ฟของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นจุดที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้นายอนุทิน ระบุว่า ได้ที่ดินมาอย่างสุจริต มีโฉนดทุกใบและมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการตรวจสอบที่ดินครั้งนี้เป็นเกมการเมือง ขณะที่นายธนดล ยืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนและมีการสอบสวนข้อมูลเชิงลึก รวบรวมพยานหลักฐานก่อนเข้าตรวจสอบ
อ่านข่าว
ผบ.ตร.ขีดเส้น 7 วัน ตรวจสอบ "ชาวอิสราเอล" ในพื้นที่ปาย
ภาคประชาชน ร้องทบทวน "ร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้"
ไทยหลุดประเทศเสี่ยงสูง "อากาศสุดขั้ว" จาก 9 เป็น 30
วันนี้ (17 ก.พ.2568) ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากรายงาน Climate Risk Index 2025 โดย Germanwatch ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 12 ก.พ.ได้ระบุว่าในช่วงปี 2536-2565 ภัยพิบัติทางธรรมชาติคร่าชีวิตคนกว่า 765,000 คน และสร้างความเสียหายเกือบ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วมากกว่า 9,400 ครั้ง
อ่านข่าว ฤดูร้อนมาช้า! แต่มาแน่ปลาย ก.พ.-พ.ค.อุณหภูมิแตะ 43 องศาฯ
รายงานฉบับดังกล่าว ระบุว่า ผลกระทบที่สำคัญที่สุดจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ได้แก่ พายุ 35% คลื่นความร้อน 30% และอุทกภัย 27% ที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต โดยอุทกภัยส่งผลกระทบต่อประชากรมากที่สุด คิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ขณะที่พายุก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากที่สุด คิดเป็น 56% ของมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งหมด หรือประมาณ 2.33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือ อุทกภัย คิดเป็น 32% หรือ 1.33 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานฉบับนี้ ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรง 10 อันดับ ได้แก่ ปากีสถาน เบลีซ อิตาลี กรีซ สเปน เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา ไนจีเรีย โปรตุเกส และบัลแกเรีย ซึ่งทุกประเทศล้วนเผชิญกับพายุ น้ำท่วม และคลื่นความร้อนที่รุนแรง
น้ำท่วมปี 2567 ในพื้นที่ภาคเหนือ
ในกรณีของปากีสถานเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,700 คน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
ส่วนอิตาลีและกรีซ ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และเกิดไฟป่าขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก
สำหรับดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาว (2536-2565) ประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุด แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติอย่างรุนแรง เช่น โดมินิกา ฮอนดูรัส เมียนมา และวานูอาตู
ส่วนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่น จีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งรายงานเตือนว่า แนวโน้มสภาพอากาศสุดขั้วกำลังกลายเป็น “ความปกติใหม่” โดยเหตุการณ์ที่เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ กำลังกลายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้น และรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ ได้ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีค่าดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ อยู่ในอันดับที่ 72 แสดงถึงผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วของไทยลดลง เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่อยู่ในอันดับ 34
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
ในขณะที่ค่าดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาว ที่ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในช่วงระยะเวลา 30 ปี (2536-2565) พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 30 แสดงถึงผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วของไทยในระยะยาว ลดลงเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 9
โดยขณะนั้นเป็นการประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วในช่วงระยะเวลา 20 ปี (2543-2562) สาเหตุที่อันดับของประเทศไทยลดลงอย่างมาก มาจากหลายปัจจัย เช่น ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ประเทศอื่น ๆ เผชิญกับความสูญเสีย และความเสียหายจากภัยพิบัติทางสภาพอากาศที่รุนแรงกว่า
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยลดลง เนื่องจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับปรุงวิธีการประเมินดัชนีความเสี่ยง ซึ่งเพิ่มตัวชี้วัดจำนวนประชากรที่ได้รับผลกระทบ และปรับเปลี่ยนช่วงระยะเวลาที่นำมาใช้ในการประเมินดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศระยะยาว จากเดิม 20 ปี เป็น 30 ปี
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ติดอันดับต้น ๆ ของประเทศที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว แต่ประเทศไทยจะยังคงเผชิญกับผลกระทบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น อุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงฤดูร้อน ภัยแล้ง ปริมาณฝนที่ตกหนักผิดปกติ จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ดินถล่ม
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมรับมือ และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพระบบเตือนภัยล่วงหน้า ให้มีความแม่นยำ การสื่อสารที่เข้าถึงประชาชนอย่างทันท่วงที การพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำ
รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยและคนไทยมีภูมิคุ้มกันต่อภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
อ่านข่าว มหาภัยพิบัติ หายนะโลกปี'67 ป่วนสุดขั้วใกล้ตัว "มนุษยชาติ"
ฝนตกหนักในกทม.ปี 2567
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าการประกาศเข้าสู่ “ฤดูร้อน” ของไทย มีปัจจัยหลักอยู่ 2 ปัจจัย คืออุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยที่มากกว่า 35 องศาเซลเซียสขึ้นไปบริเวณประเทศไทยตอนบนโดยทั่วไปก็จะร้อนขึ้น
นายสมควร ต้นจาน ผอ.กองพยากรณ์อากาศ และรองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวถึงเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าสู่ฤดูร้อน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 11-16 ก.พ.นี้ บริเวณความกดอากาศสูง กำลังปานกลางปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ภาคเหนือในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ โดยอากาศตอนบนของไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง กทม.และปริมณฑลตอนนี้ เริ่มมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ 35-38 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูง 35 องศาเซลเซียสติดต่อกัน เป็นสัญญาณเปลี่ยนถ่ายฤดูกาลจากฤดูหนาวเป็นฤดูร้อน และทิศทางเป็นลมทิศใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นสัญญาณจากการเข้าสู่ฤดูร้อน
คาดการณ์อุณหภูมิสูงในช่วงสัปดาห์ 11-17 ก.พ.นี้ (ภาพกรมอุตุนิยมวิทยา)
นายสมควร กล่าวอีกว่า แต่เนื่องจากในช่วงของการเปลี่ยนฤดูกาล จะทำให้มีอากาศแปรปรวนสูงในช่วง 17-24 ก.พ.นี้ โดยจะมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออกและภาคกลาง และลมเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาทำให้มีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง โดยจะมีฝนเพิ่ม
ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายฤดูร้อนของไทยมาช้า 2 สัปดาห์ในช่วง ปลาย ก.พ.-กลาง พ.ค.นี้ อุณหภูมิสูงที่สุด 42-43 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือ-ภาคอีสาน ส่วนกทม.ค่าเฉลี่ย 34-36 องศาเซลเซียส
อ่านข่าว ไขคำตอบ! ฤดูฝนอากาศร้อนจัด "สุโขทัย" แตะ 39 องศาฯ
ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11-14 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ได้ทำการสำรวจ ติดตาม และประเมินสถานภาพโลมาและสัตว์ทะเลหายาก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ โดยทำการสำรวจทางเรือด้วยวิธี line intersect และใช้วิธีถ่ายภาพทางอากาศ (อากาศยานไร้คนขับ) เพื่อนับจำนวนประชากรของสัตว์ทะเลหายาก
จากการสำรวจพบสัตว์ทะเลหายาก 2 ชนิด ได้แก่ โลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) และวาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) ดังนี้
1. พบโลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) จำนวน 3 ตัว บริเวณอ่าวทองหลาง เกาะวัวตาหลับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง โดยโลมาที่พบมีพฤติกรรมหาอาหาร และดูแลลูก ไม่มีร่องรอยบาดแผลจากเครื่องมือประมง มีการโผล่ขึ้นมาหายใจปกติ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งโลมาได้ว่ายน้ำห่างออกไป
2. พบวาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) จำนวนไม่ต่ำกว่า 7 ตัว บริเวณเกาะแปยัด-เกาะรอก-เกาะง่าม และบริเวณเกาะท้ายเพลา-เกาะนายพุด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง โดยวาฬบรูด้าที่พบมีพฤติกรรมรวมฝูงล่าเหยื่อโดยการไล่ต้อนฝูงปลาและมีการปล่อยฟองอากาศออกมาเพื่อต้อนให้ฝูงปลารวมกลุ่มกัน เรียกว่า Bubble-net feeding และมีการอ้าปากตะแคงด้านข้างเพื่อกินอาหาร
และยังมีพฤติกรรมการล่าเหยื่อโดยเทคนิคการว่ายต้อนปลาใกล้ผิวน้ำแล้วใช้หางตีน้ำ เรียกว่า Tail-slapping หรือ Lobtailing และมีการอ้าปากตะแคงด้านข้างเพื่อกินอาหาร นอกจากนี้วาฬบรูด้าที่พบยังมีพฤติกรรมแยกกันเป็นคู่ ๆ 2 ตัว ในการหากิน แต่ยังอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน และมี 1 ตัว ที่หากินอยู่โดดเดี่ยว
3. ส่วนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ จากการสำรวจไม่พบเจอโลมาและสัตว์ทะเลหายากอื่น ๆ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้มีการเก็บรวบรวมภาพถ่ายของสัตว์ทะเลหายากไว้เพื่อวิเคราะห์อัตลักษณ์เพื่อระบุรายชื่อและจำนวนประชากร (Photo ID) ต่อไป
ปัจจัยคุณภาพน้ำทะเลจุดที่สำรวจพบสัตว์ทะเลหายาก เบื้องต้นตรวจวัดได้เฉลี่ย ดังนี้
ระยะห่างจากหมู่เกาะอ่างทองบริเวณที่พบโลมาและวาฬนั้น ห่างจากหมู่เกาะประมาณ 100 เมตร - 1.5 กิโลเมตร และห่างจากชายฝั่งประมาณ 33 – 44 กิโลเมตร
นอกจากนี้จากสังเกตพบน้ำทะเลบางพื้นที่มีลักษณะเป็นทางสีเขียว โดยคาดว่ามีการไหลของน้ำจืดจากบริเวณปากแม่น้ำลงสู่ทะเลทำให้มีปริมาณธาตุอาหารเยอะ ทำให้แพลงก์ตอนมีปริมาณมาก ซึ่งเป็นอาหารของกลุ่มปลาเล็กปลาน้อย จึงเป็นที่มาของการพบวาฬบรูด้าที่ตามเข้ามากินกลุ่มปลาเหล่านี้
อ่านข่าว : "รางจืด" สมุนไพรฤทธิ์เย็น ใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์ - ข้อควรระวัง
เจาะอดีต "วัดพระมหาธาตุฯ เมืองนคร" ก่อนขึ้นแท่น "มรดกโลก"
เพิ่ม 3 กลุ่มอาชีพ สมัครประกันสังคมมาตรา 33
วันนี้ (15 ก.พ.2568) นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยภาพสุดพิเศษจากกล้องดักถ่าย จากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature: WWF) ที่ตั้งบริเวณถนนขึ้นพะเนินทุ่ง กม.28 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2567 สามารถบันทึกภาพคู่แม่ลูกสัตว์ป่าหายากได้อย่างน่าทึ่ง
ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นเสือดำเพศเมียและเสือดาวที่เชื่อว่าเป็นลูกของมัน สะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน ที่ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด
ที่น่าสนใจคือ กล้องชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่เคยบันทึกภาพลูกเสือโคร่งมาก่อน แสดงให้เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นเส้นทางสัญจรสำคัญของเหล่าเสือน้อยใหญ่ในผืนป่าแก่งกระจาน
การพบเห็นแม่เสือดำและลูกเสือดาวครั้งนี้ นับเป็นหลักฐานสำคัญทางวิชาการที่แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมของเสือในธรรมชาติ และความสำเร็จในการอนุรักษ์ผืนป่าแก่งกระจานที่ยังคงเป็นบ้านที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ป่าหายากเหล่านี้
อ่านข่าวอื่น :
อิสราเอลได้ 3 ตัวประกันคืน หลังฮามาสปล่อยตามข้อตกลง
ได้ข้อสรุป! เมียนมาเตรียมส่งเหยื่อค้ามนุษย์ให้ไทย 500 คน/วัน
วันที่ 13 ก.พ.2568 นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้มอบหมายให้นายโกสิทธิ์ นิลรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ลงพื้นที่ตรวจสอบการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล
ตามที่ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่พบว่า มีร่องรอยของเต่าทะเลขึ้นวางไข่ ณ บริเวณชายหาดบ้านทุ่งดาบ หมู่ 1 ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา จำนวน 5 รัง
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบเป็นร่องรอยของเต่าทะเลขึ้นวางไข่ มีลักษณะการวางไข่ที่แตกต่างกันโดยผลการตรวจสอบปรากฏ ดังนี้ รังที่ 1 ระดับความลึกไข่ 69 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่อยู่ที่ 4.05 เซนติเมตร รังที่ 2 ระดับความลึกของไข่อยู่ที่ 67 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่อยู่ที่ 4.28 เซนติเมตร
รังที่ 3 ระดับความลึกของไข่ 60 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่อยู่ที่ 3.77 เซนติเมตร รังที่ 4 ระดับความลึกของไข่อยู่ที่ 59 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่อยู่ที่ 4.19 เซนติเมตร และรังที่ 5 รังสุดท้าย ระดับความลึกของไข่อยู่ที่ 57 เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไข่อยู่ที่ 3.92 เซนติเมตร
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ตำแหน่งการวางไข่เต่าทะเล ทั้ง 5 รัง อยู่พ้นแนวระดับของน้ำทะเลท่วมถึง เจ้าหน้าที่ ทช. จึงได้กลบหลุมและจัดทำคอกป้องกันภัยคุกคามตามธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่สามารถระบุชนิดของเต่าทะเลทั้งหมดได้
โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว เฝ้าติดตามการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล ในบริเวณพื้นที่ชายหาดเกาะพระทอง ตลอดจนติดตามสถานการณ์ของสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดอื่น ๆ ในพื้นที่อีกด้วย
จากการรายงานล่าสุด ปัจจุบันพบเต่าขึ้นว่างไข่แล้ว 17 รัง ประกอบด้วย เต่ามะเฟือง 4 รัง ซึ่งพบการว่างไข่ในพื้นที่เกาะพระทอง 3 รัง และในพื้นที่เกาะระ 1 รัง อ.คุระบุรี จ.พังงา และเต่าเล็ก (ตนุ/หญ้า) 13 รัง ในพื้นที่เกาะพระทองและอีก 1 รัง พบในพื้นที่เกาะระ อ.คุระบุรี จ.พังงา
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ชาวประมง ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว ให้ช่วยกันดูแล หากพบเห็นสถานการณ์ทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก สามารถแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ หรือโทรสายด่วนพิทักษ์ป่ารักษาทะเล 1362
อ่านข่าว : สภาล่ม! โชว์ตัวแค่ 175 ไม่ครบองค์ประชุมปมแก้รัฐธรรมนูญ
นทท.สุดงง! เกาะเต่าที่ฝัน ดอยเต่าที่ได้ แถมฟรีทัวร์นั่งรถขนกะหล่ำ
เติมเต็ม "วาเลนไทน์" ด้วยความรักที่ดีที่สุด "การรักตัวเอง"
หากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีการพิจารณาวาระ 2 แบบรายมาตราร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2567 ไม่ผลักดัน มาตรา 69 อนุญาตให้ใช้อวนล้อมตาถี่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร จับปลากะตัก พร้อมประกอบแสงไฟล่อในเวลากลางคืน
นัท สุมนเตมีย์ ช่างภาพใต้น้ำ ชายผู้แบกกล้อง ครอบเฮาส์ซิง ถ่ายภาพใต้น้ำมากว่า 30 ปี คงไม่ต้องก้าวออกมาเบื้องหน้า แสดงความไม่เห็นด้วย หากปล่อยให้มาตรา 69 นี้ผ่านจนประกาศบังคับใช้
พื้นที่ 12 ไมล์ทะเลนอกชายฝั่ง ไม่ใช่พื้นที่รกร้างว่างเปล่า หรือมีแต่ปลากะตัก มันมีความหลากหลายในพื้นที่ตรงนี้ กฎหมายข้อนี้มันส่งผลกระทบถึงหลายอาชีพที่ใช้ชีวิตเกี่ยวกับทะเลทั้งหมด
นัท สุมนเตมีย์ ช่างภาพใต้น้ำ
แม้ล่าสุด มติจากการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 วุฒิสภา มีบทสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายประมงฉบับใหม่ มีมติ 10 ต่อ 5 ให้มาตรา 69 กลับไปแบบเดิม คือตามพระราชกำหนดการประมงปี 2558 ห้ามมิให้ผู้ใด ใช้เครื่องมืออวนล้อมจับ ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน แต่ต้องไปรอลุ้นต้นเดือนมี.ค.อีกครั้ง ในการประชุมวุฒิสภาฝั่ง สว. ในวาระ 2 และ 3 การแก้ไขกฎหมายประมงว่า ทิศทางเป็นอย่างไร
นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง นายกสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย ระบุว่า หาก สว. ส่วนใหญ่เห็นชอบกับ กรรมาธิการฯ วุฒิสภา ก็จะส่งกลับให้ กรรมธิการฝั่ง ส.ส. พิจารณาต่อ ถ้าฝั่ง ส.ส. ยืนยันต้อแก้ไขมาตรา 69 ขั้นต่อไปคือ ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ร่วม ซึ่งอาจมีแนวโน้มยืดเยื้อ
การตีกลับ มาตรา 69 ถือเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่งที่ทีมสำรวจ 12 ไมล์ทะเล นอกชายฝั่ง ระดมทุนจากภาคประชาชนกว่า 300,000 บาท เช่าเรือ Liveaboard ออกไปทำงานกลางทะเล 5 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.–3 ก.พ.ที่ผ่านมา
นัท สุมนเตมีย์ จึงเกิดไอเดียระดมเงินทุนภาคประชาชน และคัดเลือกสมาชิก “ลงเรือลำเดียวกัน” เพื่อรวมตัวเฉพาะกิจที่อาจเรียกได้ว่า ทีม “อะแวนเจอร์” ผ่านบทพิสูจน์ “สำรวจ 12 ไมล์ นอกชายฝั่ง ไม่ได้มีแค่ปลากะตัก” บนสมมติฐาน ใต้แสงไฟล่อจากเรือปั่น จะดึงดูดสัตว์น้ำวัยอ่อนและสัตว์ทะเลมากน้อยแค่ไหน และจะสร้างผลกระทบต่อวงจรชีวิตสัตว์ทะเลอย่างไร หากใช้อวนล้อมตาถี่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร
เรือปั่นไฟที่ลอยลำผูกเชือกติดซั้งอยู่กลางทะเลเปิด ห่างจากชายฝั่งประมาณ 30 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 60 กิโลเมตร ค่อนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เปิดโอกาสให้ทีมสำรวจเข้าทำงานภายใต้แสงไฟล่อตอนกลางคืน
สวิงเก็บตัวอย่างหย่อนลงไปที่ระดับความลึก 20 เมตร ค่อย ๆ ยกขึ้นมาเทบรรจุไว้ในกระป๋องพลาสติก แพลงก์ตอนทั้งพืชและสัตว์ ลูกกุ้ง ลูกปลาจำนวนมาก ที่ไม่สามารถจำแนกชนิดได้ด้วยตาเปล่า คือ ชั้นแรกและชั้นที่สองตามลำดับขั้นห่วงโซ่อาหารของสัตว์ทะเล
แต่ที่ยืนยันได้แจ่มแจ้งที่สุด “โลมาปากขวด” กว่า 20 ตัว แบ่งฝูงไล่ล่าปลาเล็กรอบแสงไฟเรือปั่น เป็นวัฏจักรห่วงโซ่อาหารชั้นบนสุด
จิระพงศ์ จีวรงคกุล นักวิชาการโครงการพัฒนาทางทะเลและชายฝั่ง มูลนิธิเอ็นไลฟ์บอกว่า
มันก็ตอบสนองต่อแสงไฟ เหมือนกับที่ตอบสนองพระอาทิตย์เพราะแพลงก์ตอนพืชมันต้องการเข้าหาแสงไฟอยู่แล้ว มันต้องการสังเคราะห์แสง แพลงก์สัตว์ก็ตามมากินแพลงก์ตอนพืช ลูกปลาวัยอ่อนก็จะตามมาอีกรอบ และปลาใหญ่ก็จะมากินปลาเล็กอีกทีเป็นทอดๆ
แม้ฝ่ายเสนอปรับแก้พ.ร.ก.การประมง มาตรา 69 จะใช้ข้อมูลค่า MSY (Maximum Sustainable Yield) หรือปริมาณสัตว์น้ำสูงสุดที่ยั่งยืน จากกรมประมง มาประกอบการพิจารณา โดยกล่าวอ้างตัวเลขการจับปลากะตักในน่านน้ำไทย ปี 2567 ได้เพียง 90,000 ตัน ทั้งที่ค่า MSY เท่ากับ 221,459 ตัน จัดสรรให้สามารถจับได้ 217,030 ตัน หรือร้อยละ 98 ของค่า MSY
จิระพงศ์ จีวรงคกุล นักวิชาการโครงการพัฒนาทางทะเลและชายฝั่ง มูลนิธิเอ็นไลฟ์
ซึ่งปลากะตักมีช่วงอายุขัยประมาณ 1 ปี เมื่อไม่ถูกจับจะตายไปตามธรรมชาติจึงเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งเบื้องต้นอาจกำหนดให้ทำการประมงได้เฉพาะในช่วงเดือนม.ค.- มี.ค.ในฝั่งอ่าวไทย และเดือนพ.ค.-ก.ค. ในฝั่งทะเลอันดามัน เฉพาะในพื้นที่อนุญาต ไม่ทับซ้อนกับเขตมาตรการอนุรักษ์ เช่น มาตรการปิดอ่าว
แต่ตามวัฏจักรห่วงโซ่อาหาร ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ปลากะตักอยู่ในลำดับชั้นที่ 3 เป็นอาหารหลักของวาฬบรูดา ที่ชอบกินปลากะตักแก้ว ปลากะตักควาย ปลาทูขนาดเล็ก ปลาอกกะแล้ ปลาอีโกย และเคยโกร่ง ช่วงที่คลื่นลมสงบสัตว์น้ำขนาดเล็กรวมฝูงใกล้ผิวน้ำ หากปล่อยให้มีการจับปลากะตักในทะเลไทยจำนวนมาก อาจทำให้ความมั่นคงทางอาหารของสัตว์ทะเลลดน้อยถอยลงไปด้วย
ทีมช่างภาพใต้น้ำ จึงพิสูจน์ให้ชัดว่า การใช้แสงไฟล่อตอนกลางคืน มีอิทธิพลต่อกลุ่มสัตว์น้ำวัยอ่อนอีกหลายชนิดอื่นที่เข้ามา เช่น ลูกปลาหลังเขียว หรือ ปลาซาร์ดีน คำนี้คงคุ้นกันมากในฉลากข้างปลากระป๋อง ลูกหมึก ลูกกั้ง ลูกปลาไหลทะเล ลูกปลากระทุงเหว และอีกหลายชนิด จึงไม่แปลกที่กลุ่มอาชีพประมงประเภทอื่น จึงออกมาคัดค้าน ม.69 เหมือนกัน
ก่อนจะปรับเปลี่ยนกฎหมาย เรามีข้อมูลที่สมบูรณ์หรือยัง
เพชร มโนปวิตร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ด้านพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ตั้งคำถามพร้อมระบุว่า
ความพยายามในการแก้ปัญหาประมงไม่ยั่งยืน ผิดกฎหมาย มันมีพัฒนาการ จนมาถึงจุดที่หลายอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ทั้งการจดทะเบียนเรือ และข้อมูลด้านเครื่องมือประมงที่ทำให้ระบบนิเวศไม่ยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นรอยต่อที่สำคัญ ต้องมองให้ครบทุกมิติ อนุรักษ์ เศรษฐกิจ ใช้ประโยชน์อย่างไรให้เหลือถึงคนรุ่นหลัง
ดำน้ำใต้แสงไฟ แบบ Black Water พิสูจน์สัตว์ขนาดเล็กไม่รอดพ้นอวนมุ้ง
สุดท้ายแล้ว การทำงานของพวกเขาก็ไม่เสียเปล่า สิ่งที่ต้องรอดูอย่างใจจดใจจ่อ คณะกรรมาธิการฯ วุฒิสภา จะมีการประชุมอีกครั้งวันอังคารที่ 18 ก.พ.นี้ เพื่อพิจารณารายงานการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. และคาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เพื่อบรรจุในระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา ซึ่งคาดว่าที่ประชุมวุฒิสภาจะพิจารณาในวันที่ 4-5 มี.ค.นี้
ภควัต โฉมศรี รายงาน
วันนี้ (12 ก.พ.2568) นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2568 (ปิดอ่าวไทย) โดยมีนายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ เข้าร่วม ณ บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร
นายอัครา เปิดเผยว่า กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมประกาศ "ปิดอ่าวไทย" ใน 2 ช่วงเวลาต่อเนื่องกัน ได้แก่ ช่วงที่ 1 วันที่ 15 ก.พ.-15 พ.ค.2568 กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลาง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึง อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยเพิ่มเติมรายละเอียดการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือประมงบางชนิด
ช่วงที่ 2 วันที่ 16 พ.ค.-14 มิ.ย.2568 กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งได้ออกประกาศกรมประมงเพิ่มเติม จำนวน 4 ฉบับ เพื่อให้เกิดความชัดเจนครอบคลุมรายละเอียดด้านเครื่องมือและอุปกรณ์การทำประมง ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 30 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย
รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการ “ปิดอ่าวไทย” เป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทย เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งได้ร่วมบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน รวมถึงพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับปรุงมาตรการในครั้งนี้จะช่วยคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำให้ได้มีโอกาสผสมพันธุ์ วางไข่ และสร้างประชากรสัตว์น้ำรุ่นใหม่ขึ้นมาหมุนเวียนในระบบนิเวศได้อย่างยั่งยืน
อ่านข่าว : 13-15 ก.พ. “ลมนิ่ง” ส่งผลฝุ่น PM 2.5 กลับมาอีกระลอก
กล้อง NCAPS ช่วยจับชายลอบเข้าป่าล่าสัตว์เขาแหลม
บุกค้นบ้านแก๊งล่ากระทิง-กวางป่าแก่งกระจาน เจอซากสัตว์ของกลาง
วันนี้ (11 ก.พ.2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าววว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) ติดตามการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้มี 62 จังหวัดที่ประกาศห้ามเผาแล้ว ถือว่าเกินเป้าหมาย ร้อยละ 75
ในช่วง 13-15 ก.พ.นี้ กรมควบคุมมลพิษ ขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น เนื่องจากกระแสลมอ่อนกำลังลง ทำให้กระแสลมหยุดนิ่งในช่วง 1-2 วัน
ในส่วนของพื้นที่กทม.และปริมณฑล เป็นไปตามคาดการณ์ว่า ฝุ่นจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ.รวมถึง 17 จังหวัดภาคเหนือที่เริ่มมีค่าเกินมาตรฐาน โดยคาดว่า หลังจากวันที่ 16 ก.พ.นี้ สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานครและภาคเหนือตอนบน
ปัญหาการลอบเผาป่าในหลายพื้นที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของมลพิษทางอากาศ
ส่วนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) ได้รายงานสถานการณ์จุดความร้อนในวันนี้พบว่า ประเทศไทยมีจุดความร้อนรวม 881 จุด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้น 90 จุด โดย 5 จังหวัดที่พบมากที่สุด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ และกาฬสินธุ์
อ่านข่าว ฝุ่น PM 2.5 กทม.เกินค่ามาตรฐาน 2 เขต "ลาดกระบัง" มากสุด
ขณะที่จุดความร้อนในพื้นที่ป่า กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์ได้ระดมเจ้าหน้าที่ร่วมกับจิตอาสาเข้าควบคุม โดยในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือพบจุดความร้อน 74 จุด เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 47 จุด ซึ่ง ปภ.ช.ได้เน้นย้ำให้เร่งดำเนินการเข้าดับไฟเพื่อป้องกันการลุกลามขยายวงกว้าง ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
สภาพท้องฟ้าบนตึกสูงในเขตกทม.ช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน
กลุ่มสมาพันธ์ชาวไร่อ้อย มากกว่า 300 คน เดินทางจากหลายจังหวัด มายังกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ได้รับผลกระทบจากการตกเป็นจำเลยของต้นตอ การปล่อยฝุ่น PM 2.5 จากการเผาอ้อย
นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์ชาวไร่อ้อย ยอมรับว่า การเผาอ้อย เป็นหนึ่งในปัญหา แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยประมาณ 1% ที่ผ่านมา ก็ได้ให้ความร่วมมือ ลดการเผาอ้อยมาโดยตลอด โดยปีนี้ มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ ไม่ถึงร้อยละ 10 และปริมาณอ้อยไฟไหม้สะสม มีไม่ถึงร้อยละ 15 ขณะที่ อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ มากกว่า ปีละ 200,000 ล้านบาท
อ่านข่าว กล้อง NCAPS ช่วยจับชายลอบเข้าป่าล่าสัตว์เขาแหลม
รถบรรทุกอ้อยเข้าหีบ ห้ามเผาลดปัญหาฝุ่น PM2.5
นอกจากนี้ สมาพันธ์ชาวไร่อ้อย ยืนยันว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้มาจากการเผาอ้อยเพียงอย่างเดียว แต่กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก็เป็นต้นตอของสาเหตุ การปล่อยมลพิษทางอากาศเช่นกัน และมีปริมาณมลพิษมากกว่าการเผาอ้อยทั้งประเทศ จึงอยากขอความเป็นธรรม และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการที่ชัดเจน เพื่อลดปริมาณการปล่อยมลพิษ กับทุกสาขาอาชีพ ให้มีความเท่าเทียมกัน
กลุ่มสมาพันธ์ชาวไร่อ้อย เข้าชี้แจงข้างกระทรวงอุตสาหกรรม ยอมรับผิดจริง ที่เป็นต้นตอปล่อยฝุ่นจากการเผาอ้อย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา
ขณะเดียวกัน ชาวไร่อ้อย ยังเรียกร้องไปถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ให้เร่งรัดอนุมัติเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย 120 บาทต่อตันอ้อย จากการขายอ้อยสด ลดเผาใบอ้อย ให้กับชาวไร่อ้อยโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนการปลูกอ้อย เพื่อผลิตน้ำตาลสูงขึ้นอยู่ที่ตันละ 1,360 บาท แต่กลับขายได้เพียง 1,160 บาท ทำให้ขาดทุน จากปีก่อนที่ขายได้ตันละกว่า 1,420บาท ทำให้ชาวไร่อ้อยต้องแบกรับภาวะขาดทุน
อ่านข่าวอื่นๆ
สภาพอากาศวันนี้ ทั่วไทยเย็นตอนเช้ายอดดอยหนาวจัด-กทม.ต่ำสุด 19 องศาฯ
Aeroflot บินตรงจากรัสเซียรับผู้โดยสาร 331 กลับมอสโก
วันนี้ (11ก.พ.2568) นายโดม จันทร์สุวรรณ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมากล้องดักถ่ายภาพ NCAPS ที่ติดตั้งในพื้นที่เสี่ยง ส่งภาพชายต้องสงสัยถือปืนยาวบุกรุกเข้าเขตป่าบ้านโปตาน่า หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าปิดล้อมพื้นที่
กระทั่งเวลา 19.30 น.ขณะชุดปราบปรามดักซุ่มในความมืด พบเป้าหมายเดินส่องไฟฉายออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวปิดล้อม แต่ผู้ก่อเหตุพยายามวิ่งหลบหนี ก่อนถูกไล่ตามจับกุมได้สำเร็จ พร้อมยึดของกลางสำคัญประกอบด้วย อาวุธปืนยาวติดกล้องเล็ง ขนาด.22 พร้อมกระสุน 20 นัด มีดปลายแหลม 1 เล่ม และ กระเป๋าสะพายบรรจุซากกระรอกปลายหางดำ 1 ซาก
จากการสอบสวนทราบชื่อ นายว่ายี่ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ถือบัตรบุคคลไร้สถานะทางทะเบียน สารภาพว่าใช้ปืนล่าสัตว์ในเขตอุทยานเขาแหลม และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤาษีและป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาหนัก 4 ข้อหา ฐานล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (3) และมาตรา 43 ฐาน นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (7) และมาตรา 45 ฐาน ยิงปืน ทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง ในเขตอุทยานแห่งชาติ
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (8) และมาตรา 44 และ ฐาน เก็บหาของป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้กระทำผิดส่ง สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่านข่าวบุกค้นบ้านแก๊งล่ากระทิง-กวางป่าแก่งกระจาน เจอซากสัตว์ของกลาง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้น ภาพการทำงานที่ทุ่มเทและเสียสละของเจ้าหน้าที่ ทำให้มีหลายภาคส่วน รวมถึงพี่น้องประชาชนอยากเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าของเจ้าหน้าที่ โดยได้มีการติดต่อมายังหน่วยงานในพื้นที่ขอร่วมบริจาคสิ่งของที่จำเป็น
แม้ปัจจุบันเสบียงอาหาร และน้ำดื่มสำหรับเจ้าหน้าที่ยังคงมีเพียงพอ แต่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ ยินดีรับทุกการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งต่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างเสียสละ และขอขอบคุณทุกภาค
สำหรับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเป็นผู้เสียสละที่อุทิศตนเพื่อปกป้องผืนป่าและชีวิตของประชาชน ต้องเผชิญกับความยากลำบากและความเสี่ยงอันตรายในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ได้ให้การสนับสนุนเสบียงอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ แก่เจ้าหน้าที่ดับไฟป่ามาอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนเหล่านี้ถือเป็นขวัญและกำลังใจสำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่ามีกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป
กรมอุทยานแห่งชาติฯ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคสิ่งของ การร่วมเป็นอาสาสมัคร หรือการส่งกำลังใจผ่านช่องทางต่าง ๆ ของกรมอุทยานฯ เพราะทุกการสนับสนุนของทุกท่าน คือกำลังใจที่สำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า
อ่านข่าว
ไขปริศนาทำไมเครื่องบินต้อง "ทิ้งน้ำมัน" ก่อนลงจอดฉุกเฉิน?
ฝุ่น PM 2.5 กทม.เกินค่ามาตรฐาน 2 เขต "ลาดกระบัง" มากสุด
วันนี้ (10 ก.พ.2568) นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีกลุ่มล่าสัตว์ป่ายิงกวางป่า 1 ตัว ก่อนนำซากมาชำแหละแบ่งขายที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 9 บ้านปางไม้ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นชุดเดียวกับที่ก่อเหตุล่ากระทิงเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้ปืนลูกซองยิงกระทิงตาย 1 ตัว แต่ยังจับกุมไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้ได้รับแจ้งเบาะแสการกลับมาก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลัง 3 ฝ่าย ทั้งอุทยานฯ ฝ่ายปกครอง และทหารทัพพระยาเสือ บุกเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย 3 หลัง พบหลักฐานสำคัญเป็นขาและหนังกวาง อาวุธปืน และเครื่องกระสุน โดยผู้ต้องสงสัยประกอบด้วย นายอำพล หรือนายหนุ่ย, นายพิเศษ หรือนายเกียว และนายกุลวิทย์ หรือนายมิ้ว
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน และพวก เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายมาตรา ได้แก่
พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(3) ล่าหรือนำสัตว์ป่าออกไป มาตรา 19(6) เข้าไปดำเนินกิจการเพื่อหาผลประโยชน์ มาตรา 19(7) นำเครื่องมือล่าสัตว์หรืออาวุธเข้าไป มาตรา 19(8) ยิงปืน ทำให้เกิดระเบิด และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 ล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองมาตรา 17 ครอบครองสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
นอกจากนี้ ยังไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าด้วยการอยู่อาศัยหรือทำกินตามโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ เพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระ พ.ศ.2567
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งหมด และจะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ
อ่านข่าว : แอลกอฮอล์พุ่ง ชายขับกระบะชนรถสองแถว นร.เจ็บ 20 คน
เลื่อนฝากขัง เป็นพรุ่งนี้ คดี นศ.ทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง
ตร.ช่วย 4 คนไทย ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเปิดบัญชีฝั่งปอยเปต
วันนี้ (9 ก.พ.2568) นายโอภาส บุญจันทร์ ผู้บริหารบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบ้านค่าย เมื่อเวลาประมาณ 24.00 น.ที่ผ่านมา
เบื้องต้น นายโอภาส ป่วยด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และโรคอื่น ๆ ทำให้ต้องถูกย้ายจากเรือนจำกลางระยอง มารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการประสานพนักงานสอบสวนเข้าชันสูตรศพ แต่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า นายโอภาส สุขภาพไม่แข็งแรง ต้องใช้รถเข็นขณะอยู่ในเรือนจำ หากมีการประสานให้พนักงานสอบสวนเข้าร่วมชันสูตร และญาติไม่มีข้อสงสัยสามารถรับศพ ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้
สำหรับบริษัท วินโพรเสส เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2554 จนกระทั่งปี 2556 เริ่มปรากฎผลกระทบด้านมลพิษ จนชาวบ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง รวมตัวกันร้องเรียนไปยังกรมควบคุมมลพิษ ในปี 2560 หลังจากนั้น บริษัทวินโพรเสส ถูกหน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบอย่างเข้มข้น จนกลางปี 2563 กรรมการบริษัทประกาศเลิกกิจการก่อนที่จะมีคำสั่งลงโทษ
ในส่วนของคดีความ พบว่า เดือน ก.ค.2563 อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทวินโพรเสส และ กรรมการบริษัท 2 คน รวมถึงนายโอภาส ในความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิด แต่ให้การรับสารภาพจึงลงโทษปรับและรอลงอาญา
ต่อมา ชาวบ้านหนองพะวา 15 คน รวมตัวกันฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท เมื่อเดือน มิ.ย.2564 และศาลจังหวัดระยอง มีคำพิพากษาเมื่อเดือน ธ.ค.2565 ให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายรวม 20.8 ล้านบาท
เช่นเดียวกับกรมควบคุมมลพิษ ที่ยื่นฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายต่อภาครัฐ และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อเดือน ม.ค.2565 คดีนี้ศาลจังหวัดระยองพิพากษาให้บริษัท และจำเลย 2 คน ชดใช้เป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท
คดีล่าสุดที่มีคำพิพากษาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา จากกรณีที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทวินโพรเสส และ นายโอภาส ฐานความผิดครอบครองวัตถุอันตราย 3 ข้อหา และปล่อยสารอันตรายหรือสิ่งปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ศาลจังหวัดระยอง พิพากษาให้บริษัทจ่ายค่าปรับ 350,000 บาท และจำคุกนายโอภาส บุญจันทร์ 5 ปี 15 เดือน
นอกจากคดีของบริษัทวินโพรเสส ยังพบว่า ชื่อของนายโอภาส เกี่ยวข้องกับคดีลักลอบทิ้งและฝังกากอุตสาหกรรม ของบริษัทเอกอุทัย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา และเพชรบูรณ์ อีกรวมทั้งสิ้น 7 คดี ในจำนวนนี้มี 2 คดีที่ขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการ ที่เหลืออีก 5 คดี อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
อ่านข่าว : ศาลสั่งจำคุก 5 ปี กรรมการบริษัทวิน โพรเสส
ศาลสั่ง "วิน โพรเสส" ชดใช้ 1.7 พันล้านฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
จ่อประกาศ 2 ตำบลพื้นที่ประสบสาธารณภัย ไฟไหม้ "วิน โพรเสส"
วันนี้ (9 ก.พ.2568) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าทับลาน ลาดตระเวนทางรถยนต์และเดินเท้า ตลอดแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน รอยต่อ อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเฝ้าระวังควบคุมไม่ให้เกิดไฟป่าในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าว มีความเสี่ยงเพราะเป็นชายป่าที่มีเศษใบไม้และหญ้าแห้งที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
นายสมเกียรติ พวงเกาะ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าทับลาน ระบุว่า ก่อนหน้านี้เกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติทับลาน ฝั่ง จ.นครราชสีมา ไปแล้วกว่า 2,000 ไร่ โดยเฉพาะบริเวณเขาภูลำไย และเขาตะกุดรัง ทำให้นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง แม้ก่อนหน้านี้จะมีประกาศปิดป่าแต่ยังต้องเฝ้าระวังเพราะอาจจะมีชาวบ้านที่ลักลอบ เข้ามาหาของป่าและจุดไฟเพื่อหาของปลา และล่าสัตว์ซึ่งหากพบจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อ่านข่าว : อธิบดีอุทยานฯ ปัดใบสั่งเพื่อไทย "นิรโทษกรรมทับลาน" ยึดกฎหมาย เชื่อไม่มีเหมาเข่ง
หน.อุทยานฯ ทับลาน แจงเผาป่า 600 ไร่ สร้างแหล่งอาหารช้าง
ประทับใจ จนท.ถ่ายภาพ "เสือโคร่งทับลาน" นอนเล่น-เดินชิล
วันที่ 7 ก.พ.2568 น.ส.สาวิตรี เชื้อพงษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย กล่าวว่า มีชาวบ้านได้เข้าช่วยเลียงผาพลัดหลง ว่ายน้ำในสภาพอ่อนแรงใกล้จมน้ำ ที่บริเวณกลางเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หลังรับแจ้งเหตุ จึงได้ประสานทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และตำรวจ กก.5 บก.ปทส. เพื่อเร่งเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุทันที
สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ชำนาญการ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก และ สพ.ญ.ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ จากส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.3 (บ้านโป่ง) ได้เร่งเข้าช่วยเหลือ หลังพบว่าเลียงผาอยู่ในสภาพอ่อนล้าจากการว่ายน้ำ และยังอยู่ในภาวะตกใจ
ทีมสัตวแพทย์ตัดสินใจยิงยาสลบ เวลา 11.48 น. จากนั้นได้เคลื่อนย้ายจากบริเวณเขื่อนกระเสียว ไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ 1 อุทยานแห่งชาติพุเตย ใช้เวลา 30 นาที โดยได้เจาะเลือดตรวจสุขภาพ ฉีดวิตามินบำรุง ให้สารน้ำเข้าใต้ผิวหนัง และให้ยาฟื้นสลบ จนกระทั่งเลียงผาฟื้นตัวเป็นปกติในเวลา 13.14 น. และสามารถเดินกลับเข้าป่าได้อย่างแข็งแรง
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติพุเตย กล่าวว่า จะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าเลียงผาจะปลอดภัยและสามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งการช่วยเหลือเลียงผาในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการอนุรักษ์สัตว์ป่าของไทย และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและประชาชนในการดูแลอนุรักษ์สัตว์ป่า
อ่านข่าว : เช็ก 7 อุทยานฯ ปิด 3-4 เดือนห้ามเข้าหาของป่า-ล่าสัตว์สกัดฝุ่น
อุทยานฯหมู่เกาะสุรินทร์ ปล่อยลูกเต่ากระ 125 ตัวลงทะเล
วันนี้ (7 ก.พ.2568) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เมื่อเวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา หน่วยปฏิบัติการที่ 3 ตาก กรมอุทยานฯ ได้ทำการดักซุ่มเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย ขณะดักซุ่มเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะตั้งแต่เวลา 18.00 น. จึงเฝ้าระวังในพื้นที่ กระทั่งพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขับขึ้นเขามา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบผู้ขับขี่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชายหญิง 2 คน
จากการตรวจค้นพบของกลางเป็นจำนวนมาก ฝิ่นประมาณ 1 กิโลกรัม ยาบ้า 2,000 เม็ด และเงินสดอีกหลายแสนบาท เจ้าหน้าที่นำทั้ง 2 คนมาขยายผลการจับกุม และนำตัวส่งให้ สภ.บ้านตาก ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทั้งข้อหาร่วมกันการครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (ฝิ่นดิบ)และยาบ้า และข้อหาเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ตามมาตรา 14 ทำให้ป่าเสื่อมสภาพ
การดำเนินการเพื่อป้องกันผู้ลักลอบเผาป่า และปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้และสัตว์ป่าอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ โดยให้เพิ่มการลาดตระเวนและเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ได้ในครั้งนี้
อ่านข่าว 47 จังหวัดสั่งห้ามเผา "กัมพูชา" Hotspot พุ่ง 1,329 จุด
เป็นขบวนการลอบขนยาเสพติด แต่ตั้งข้อสงสัยว่าใช้การลักลอบเผาป่าเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น จึงได้ประสานฝ่ายความมั่นคงลงไปสแกนเส้นทาง
จับ 2 ชาติพันธุ์ลอบขนยาเสพติดประเภทฝิ่น-ยาบ้า ผ่านป่าดอยสอยมาลัย จ.ตากเป็นทางผ่าน และจุดไฟเบี่ยงเบน
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมอุทยานฯ พยายามปรับแผนพื้นที่ตรงไหนยังไม่ไหม้ก็ให้เข้าไปฝังตัว และสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไฟป่าในเขตอนุรักษ์ โดยมีการตั้งงบกลางจำนวน 51 ล้านบาท เพื่อร่วมมือกับกองทัพในการส่งทหาร 1,070 นายเข้าร่วมลาดตระเวนและควบคุมไฟป่าและอากาศยานใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันตก
โดยตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เริ่มเข้าพื้นที่กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าชุดละ 10-15 คนในจุดเสี่ยงไฟป่าเขตอนุรักษ์ เพื่อบล็อกไม่ให้เกิดการลอบเผาพื้นที่ก่อน ถือเป็นครั้งแรกที่สนับนุนเฉพาะงบทหาร เดิมแค่ขอความร่วมมือ แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ได้งบกลาง 51 ล้านบาทสำหรับค่ามาเบี้ยเลี้ยงและอุปกรณ์เฮลิคอปเตอร์ในการดับไฟป่า
โฟกัสกลุ่มป่าเขื่อนสิริกิติ์ เวียงโกศัย แม่มอก แม่วะ และฝั่งตะวันตกกลุ่มป่าเขื่อนศรีนครินทร์ที่กำลังหนักมาก พยายามวางคนให้กระจายในป่าทั้งหมด เพราะไฟกำลังเข้าขยับในพื้นที่ภาคเหนือต้องบล็อกให้ได้ เพราะถ้าเกิดขึ้นพร้อมกันจะทำงานยากมาก เอาคนเข้าไปในป่า
เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมไฟป่าในเขตป่าอนุรักษ์
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นควันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการคุมเข้มสั่งห้ามเผา และการตรวจจับดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดก่อนหน้านี้มีการการตรวจสอบการลักลอบเผาในพื้นที่เกษตร ได้จับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว 28 คน
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานแนวทาง และขั้นตอนการแจ้งเตือนและป้องปรามเกษตรกรไม่ให้เผา ควบคู่กับการส่งเสริมวิธีการกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตร เช่น ไถกลบตอซัง ใช้จุลินทรีย์และอินทรียวัตถุ
เบื้องต้นได้รับความร่วมมือจากเกษตรกร และเตรียมขึ้นบัญชีเกษตร กรที่ถูกตัดสิทธิและไม่ปฏิบัติตามข้อสั่งการของรัฐ จะประกาศเร็วๆ นี้
ด้านกรมป่าไม้ รายงานการจัดการไฟในพื้นที่ป่า พบว่า จังหวัดกำแพงเพชรเกิดไฟป่ามากที่สุด และพบจุดความร้อน (hotspots) สะสมในภาคเหนือมากที่สุด ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรายงานจำนวนโรงงานรับอ้อยเผาเข้าหีบแต่ละภาคยังมีมาก ซึ่งช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.ของแต่ละปีเป็นช่วงที่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยจะเร่งเก็บผลผลิต แต่ภาพรวมปีนี้ลดลงจากปีก่อน
โดยที่ประชุม ปภ.ช. ได้มอบหมายทุกจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ประสานการทำงานร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำงานเชิงรุก เข้าตรวจสอบและแก้ปัญหาการสะสมของจุดความร้อนที่ยังสูงอยู่ โดยเฉพาะที่จังหวัดเพชรบูรณ์และชัยภูมิ
วันนี้ (6 ก.พ.2568) นายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ กล่าวว่า หลังจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ.2567–2570
ขณะนี้กรมประมงประสบความสำเร็จในโครงการวิจัยการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4 n ในปลาหมอคางดำ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ โดยใช้เทคนิคการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม จากเดิมที่มีจำนวนชุดโครโมโซมตามธรรมชาติ 2 ชุด หรือ 2n ให้เป็นปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซม 4 ชุด หรือ 4n
ทีมวิจัยกรมประมง ประสบความสำเร็จในการผลิตปลาหมอคางดำ 4n เพื่อผสมพันธุ์ปลาหมอคางดำ 2n ให้ลูกเป็นหมันสำเร็จเป็นครั้งแรก
โดยจะนำปลาหมอคางดำ 4 n ตัวผู้ ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำเพื่อให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำซึ่งมีชุดโครโมโซม 2 n ในธรรมชาติ และลูกปลาหมอคางดำที่ได้จากการผสมในลักษณะนี้ จะได้ลูกปลาที่มีชุดโครโมโซม 3 ชุดหรือ 3 n มีลักษณะที่เป็นหมันไม่สามารถสืบพันธุ์ได้
สำหรับการดำเนินการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซมปลาหมอคางดำในครั้งนี้ ใช้การเหนี่ยวนำด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 40 °C เป็นระยะเวลา 5 นาที เวลา 80 นาทีหลังผสม ได้ปลาหมอคางดำอายุ 3 เดือนจำนวน 1,112 ตัว มีจำนวนปลาหมอคางดำที่มีขนาดที่เหมาะสมสำหรับติดเครื่องหมาย PIT tag ได้ 703 ตัว
อ่านข่าว ฟ้องเอาผิด “ปลาหมอคางดำ” ระบาด เรียกค่าเสียหาย 2.4 พันล้าน
ตรวจจำนวนชุดโครโมโซมด้วยเครื่อง flow cytometer พบรูปแบบที่มีการแสดงผลเป็นโครโมโซม 4n จำนวน 20 กลุ่มตัวอย่าง
รวมทั้งเก็บตัวอย่างเลือดด้วยวิธี pool sample ทั้งหมด 135 กลุ่มตัวอย่าง จากปลาหมอคางดำ 551 ตัว เพื่อตรวจจำนวนชุดโครโมโซมด้วยเครื่อง flow cytometer พบรูปแบบที่มีการแสดงผลเป็นโครโมโซม 4 n จำนวน 20 กลุ่มตัวอย่าง ตรวจสอบยืนยันจำนวนโครโมโซมรายตัวเรียบร้อย 1 กลุ่มตัวอย่าง
ขณะนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี จ.เพชรบุรี อยู่ระหว่างตรวจสอบยืนยันผลรายตัวจนครบ 20 กลุ่มตัวอย่าง ภายในเดือน มี.ค.นี้
นายอัครา พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะเดียวกันคณะทำงานได้ดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการเหนี่ยวนำโครโมโซม เพิ่มเติมจำนวน 9 รูปแบบ โดยมีการตรวจสอบจำนวนชุดโครโมโซมเป็นระยะ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มจำนวนปลาหมอคางดำที่มีชุดโครโมโซมให้เหมาะสมและเพียงพอเพื่อขยายปล่อยลงแหล่งน้ำ ควบคุมจำนวนปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป
ด้านนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังรายงานความก้าวหน้าโครงการเหนี่ยวนำชุดโครโมโซม 4 n ในปลาหมอคางดำ ที่ ศูนย์ วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง
โดยได้ดำเนินการปล่อยปลาหมอคางดำเพศผู้ที่มีโครโมโซม 4n เข้าผสมกับปลาหมอคางดำตัวเมียที่มีโครโมโซม 2n ในหน่วยทดลองเพื่อศึกษาการเข้าคู่ผสมพันธุ์ และความสามารถในการแข่งขันการเข้าคู่ผสมพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ เพื่อให้ได้ลูกปลาที่มีชุดโครโมโซม 3n ซึ่งมีลักษณะเป็นหมันต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้มอบพันธุ์ปลากะพงขาวที่เป็นปลาผู้ล่าในธรรมชาติ ตามมาตรการเเก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ มาตรการที่ 1 ให้เกษตรกรนำไปปล่อยในเเหล่งน้ำธรรมชาติเเละบ่อที่ถูกบุกรุกเพื่อกำจัดเเละควบคุมปริมาณปลาหมอคางดำในพื้นที่เพชรบุรี
อ่านข่าว
กลับมาระบาด ชาวประมงหยุดล่าปลาหมอคางดำ เหตุไม่คุ้มทุน
วันนี้ (6 ก.พ.2568) น.ส.อังสนา มองทรัพย์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 3 ก.พ.2568 ได้รับแจ้งจากผู้ดูแลและให้อาหารเสือโคร่ง ว่า พบเสือโคร่งตัวเมียตาย 1 ตัวในคอก
เสือโคร่งตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บในพื้นที่อุทยานแห่งชาติพุเตย โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือเมื่อวันที่ 18.30 น.ของวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่าบาดเจ็บจากการติดกับดักบ่วงบริเวณตีนหน้าข้างขวา ก่อนเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายไปรักษาอาการเบื้องต้นที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี และเคลื่อนย้ายไปสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา
เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด เนื่องจากการกินยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ การขับถ่ายปกติ ตรวจสอบร่างกายภายนอกไม่พบร่องรอยที่เกิดจากสัตว์มีพิษที่อาจหลงเข้ามาในคอกกัก จึงได้แจ้งขออนุเคราะห์จากท่านผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า และผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ในการให้นายสัตวแพทย์ประจำสบอ.12 ร่วมตรวจชันสูตรซากเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป
ขณะที่ น.ส.พิมพ์ชนก สรงมงคล นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า ดำเนินการตรวจสอบและชันสูตรซากเสือโคร่งที่ตายอยู่ภายในกรงเลี้ยงของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผลการตรวจสอบปรากฏดังนี้
เสือโคร่ง ตัวเมียอายุไม่ต่ำกว่า 2 ปี สภาพซากภายนอกบางส่วนมีการย่อยสลาย พบบาดแผลบริเวณข้อเท้าและอุ้งเท้าขวา (แผลจากการโดนแร้วดักสัตว์) และบริเวณเท้าหลังขวาเป็นรูขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ภายในช่องปาก ไม่พบบาดแผล
การเปิดผ่าซาก พบบาดแผลบริเวณขาหน้าขวา พบมีการอักเสบและมีเนื้อตายบริเวณบาดแผล (ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดก่อนหรือภายหลังการตาย) บริเวณเท้าหลังพบมีการอักเสบชั้นผิวหนัง แต่ไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อ, พบการอักเสบของหลอดลมเป็นบริเวณกว้างและมีน้ำอักเสบอยู่ภายใน, มีน้ำอักเสบภายในถุงหุ้มหัวใจปริมาณมาก และเนื้อเยื่อหัวใจมีการอักเสบ
ส่วนไตมีการอักเสบ และบวมโต เยื่อหุ้มไต มีการอักเสบ ภายในกระเพาะอาหารพบมีเศษฟางอยู่ ชั่งน้ำหนักได้ 250 กรัม, ปอด ม้าม ตับ ลำไส้ ไม่พบรอยโรค (บางส่วนเกิดการเน่าสลาย) พบปรสิตภายในทางเดินอาหาร
ทั้งนี้ ได้เก็บตัวอย่างเลือด ชิ้นเนื้ออวัยวะภายใน และปรสิตภายใน ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันสาเหตุการตาย สาเหตุการตายเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการทำงานของหัวใจ และไตผิดปกติ จากภาวะการอักเสบ
สำหรับซากเสือโคร่ง ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแช่ซากไว้ เพื่อดำเนินการขออนุมัติทำลายซากตามระเบียบ กรมอุทยานฯ ว่าด้วยการดำเนินการแก่สัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า และค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์ป่า พ.ศ.2565
อ่านข่าว : สัตวแพทย์-จนท.ช่วย "เสือโคร่ง" ขาบาดเจ็บติดบ่วงดักสัตว์
เคลื่อนย้าย "เสือโคร่ง" ติดบ่วงแร้ว จากบึงฉวากไปดูแลที่ "ห้วยขาแข้ง"
เทียบลาย "เสือติดบ่วงป่าพุเตย" ตรงกับ "UID6" จากห้วยขาแข้ง
ติดกล้องดูพฤติกรรม-ปรับแผนให้อาหาร "เสือโคร่ง" ขาเจ็บติดบ่วง
วันนี้ (6 ก.พ.2568) เวลาประมาณ 08.00 น. น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
วันนี้…ดิฉันได้ออกหนังสือแสดงเจตจำนงอย่างเป็นทางการ ในการสร้างโรงพยาบาลช้างให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมอบเงินให้จำนวน 49,250,000 บาท..(ตามที่เคยโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว)
เมื่อการก่อสร้างโรงพยาบาลช้างดังกล่าวสำเร็จ ใช้งานได้ ...ดิฉันจะลาวงการช้างอย่างสมบูรณ์
ที่ผ่านมา..ดิฉันอุทิศพลังทุกอย่างที่มีอย่างเต็มที่เพื่อช้าง…โดยไม่เคยหวังอะไรตอบแทน…ไม่เคยได้อะไรตอบแทนด้วย เพราะไม่ได้มีธุรกิจนี้…หวังเพียงให้ช้างได้อยู่ดีกินดี มีสวัสดิภาพที่ดี …
ไม่เคยอยากเป็นนางฟ้าอะไรทั้งนั้น…
มีแต่ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ การรักษาคำพูดให้กับทุกคน…
จนถึงวันนี้…ดิฉันได้พบทั้งความร่วมมือ ความน่ารักของชาวช้าง..
แต่ในขณะเดียวกัน…ก็ได้เห็นถึงความไม่จริงใจ การหลอกลวง การสร้างภาพ ของคนในวงการเช่นกัน…
ที่ผ่านมา ..ดิฉันต้องไปวิงวอนขอหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ ให้ช่วยดิฉันช่วยช้าง เป็นหนี้บุญคุณเขาทั่วไปหมด…
ถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกสร้างภาพ ถูกให้มองเป็นคนนิสัยไม่ดีบ้าง เลวร้ายบ้าง…
ดิฉันยอมรับว่า…ดิฉันตามคนในวงการช้างไม่ทัน…
คนนอกอาจไม่ทราบว่า…เหตุการณ์นั่นบ้าง นี่บ้าง…ดิฉันต้องรับแรงกดดันแค่ไหน…
ดิฉันพอแล้ว … เหนื่อยใจพอแล้ว…
คนรอบข้าง…โดยเฉพาะแม่…ห่วงสุขภาพทั้งใจ กาย ของดิฉันอย่างมาก…
เมื่อจบเรื่องทุกอย่าง…ดิฉันจะอยู่อย่างสงบ ดูแลแม่ ลูกสาว และเดินบนเส้นทางสายธรรมอย่างเข้มแข็งค่ะ
อ่านข่าว : ด่วน! ศาลฯ สั่งจำคุก 2 ปี "พิรงรอง" ผิด ม.157 คดี True ID ฟ้อง
"ภูมิธรรม" ตรวจงานตัดไฟเมียนมา รับกระทบ ศก.ชายแดน
กษัตริย์-ราชินีสวีเดน ร่วมไว้อาลัย เหตุกราดยิงโรงเรียนคร่า 11 ชีวิต
วันนี้ (4 ก.พ.2568) นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรร เทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยภายหลังประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ภาพรวมของประเทศดีกว่าขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.)
โดยพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และเริ่มกลับสู่เกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคใต้ คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีทุกจังหวัด เช่นเดียวกับภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากมีมวล อากาศเย็นกำลังปานกลางเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้อากาศเปิดและลดฝุ่นในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก
นายสหรัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนภาคเหนือตอนบนฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี จะมีพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ยังมีค่าเฉลี่ยของฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะบริเวณ จ.สุโขทัยและพิษณุโลก สำหรับแนวโน้มในช่วงวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ จะมีลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมาทำให้ฝุ่นในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
สภาพอากาศ เป็นตัวแปรสำคัญที่อาจเพิ่มหรือลดความรุนแรงของฝุ่น PM 2.5 บกปภ.ช.กำชับทุกจังหวัดควบคุมการเผาในที่โล่ง ซึ่งทำให้เกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้น
ขณะนี้ทุกจังหวัดวางแผนรับมือสถานการณ์ฝุ่นตามการคาดการณ์ เพื่อป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หลังจาก Kick off เคาะประตูบ้านหยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการการห้ามเผา และทราบถึงโทษที่จะได้รับ
วันที่สองของการรณรงค์เคาะประตูบ้านหยุดเผา มีจังหวัดที่ประกาศห้ามเผาเพิ่มขึ้นเป็น 47 จังหวัด ประชาชนมีความตื่นตัว พร้อมความร่วมมือสถานประกอบการที่ทำให้เกิดควันไฟ
โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการหยุดกิจการที่มีการเผาที่ก่อให้เกิดฝุ่นควัน และจังหวัดยังได้ออกประกาศห้ามบุคคลทำการเผาในที่โล่ง และห้ามเผาโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษ ดำเนินคดีตามกฎหมาย หากพบเห็นผู้กระทำความผิดแจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ตำรวจ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทุกแห่ง
ในส่วนของปภ.เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสนับสนุนจังหวัดที่มีไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 โดยร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่ 1 ลำ สนับสนุนดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดเหนือ
อ่านข่าว ด่วน! กฟภ.ตัดไฟ 5 จุดเมียนมา 20.3 เมกะวัตต์สกัดคอลเซนเตอร์
ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ราย งานข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่น ๆ ของเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าไทยมีจุดความร้อนรวม 1,009 จุด
ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า จุดความร้อนในประเทศไทยเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 284 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 223 จุด เขตสปก. 211 จุด พื้นที่เกษตร 188 จุด พื้นที่ชุมชนพื้นที่อื่น ๆ 94 จุด พื้นที่ริมทางหลวง 9 จุด
ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่กัมพูชา 1,329 จุดเมียนมา 635 จุด ลาว 411 จุด เวียดนาม 276 จุด มาเลเซีย 18 จุด
ทั้งนี้ GISTDA ยังคงติดตาม วิเคราะห์ และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
https://disaster.gistda.or.th/fire
อ่านข่าว อย.แจง "โค้ก" เรียกคืนสินค้าจากยุโรป "สารคลอเรต" เกินมาตรฐาน
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.)รายงานสถานการณ์ฝุ่นเมื่อเวลา 13.00 น.ทั่วประเทศพบว่าส่วนใหญ่มีค่าฝุ่นดีขึ้น แต่ยังมีค่าเกินมาตรฐานระดับสีส้ม ยกเว้นโดยมีค่าฝุ่นระดับสีแดง 1 พื้นที่คือ สำนักงานเทศบาลเมืองเพชรบุรี ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ตรวจวัดได้ 77.6 ค่า AQI 203 มีผลกระทบต่อสุขภาพ
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าวว่าขณะนี้มีการประกาศ “ห้ามเผา” ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้แนวโน้มจุดความร้อนในประเทศไทยลดลง
โดยล่าสุดวันที่ 4 ก.พ.นี้จุดความร้อนในประเทศไทย 506 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ปลูกอ้อย ภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย 5 ลำดับแรกได้แก่ จตาก กาญจนบุรี นครราชสีมา ลพบุรี เพชรบูรณ์ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชายังมีจุดความร้อนสูงถึง 1,329 จุด
นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานผลการบังคับใช้กฎหมายในฐานความผิดที่เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ มีการตรวจสอบยานพาหนะควันดำ 6,107 ครั้ง โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 266 คน ส่วนในพื้นที่ กทม. ตรวจสอบ 546 ครั้ง จับกุมพร้อมสั่งแก้ไข 258 คน
ขณะที่การตรวจสอบการลักลอบเผาในพื้นที่เกษตร ได้จับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว 28 คน
วันนี้ (4 ก.พ.2568) สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลยังคงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มมากกว่า 62 พื้นที่ โดยล่าสุดศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) คาดการณ์สถาน การณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า พบค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อ่านข่าว เตือนเผาป่าเปิดพท.เลี้ยงสัตว์ในอุทยานฯจำคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้าน
การคาดการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกทม.-ปริมณฑลอีก 7 วันแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้น
นายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สถาน การณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง วันนี้รอยต่อระหว่าง อ.ปักธงชัย และอ.ครบุรี ยังคงมีปัญหาเรื่องของไฟป่าอยู่ที่บริเวณเขาตะกุดรัง อยู่ระหว่างการดำเนินการเข้าดับไฟ
สภาพพื้นที่เป็นภูเขาลาดชัน คาดว่าน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ในวันนี้ แต่ก็ประเมินว่าอาจยังคงเกิดปัญหาได้อีก โดยเฉพาะพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติทับลานล่าสุดทางอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้มีการยกระดับในการป้องกันปัญหาไฟป่า โดยการปิดพื้นที่อุทยานทั้งหมด ไปจนถึงช่วงเดือนเม.ย.นี้ ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปหาของป่าในช่วงนี้ ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายทันที
นายประวัติศาสตร์ จันทรเทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศปิดห้ามเข้าเก็บหาของป่าในเขตอุทยานทับลานทั้งฝั่งปราจีนบุรี และนครราชสีมา เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.นี้ ระยะเวลา 3 เดือน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาล่าสัตว์และจุดไฟเผา
โดยได้ประสานจังหวัด ท้องถิ่นทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนในการออกมาตรการนี้ เนื่องจากตามมาตรา 65 พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ2562 อนุญาตให้เก็บหาของป่าได้แต่ต้องมีการขึ้นทะเบียนกับอุทยาน
ช่วงม.ค.-ก.พ.พบไฟป่าหลายจุด เช่น เขาตะกุดรัง และภูลำไย มีความเสียหาย 1,000 กว่าไร่ ยากต่อการเข้าไปดับไฟเพราะเป็นเขาสูงชัน ดังนั้นต้องคุมเข้มไม่ให้มีการเข้าป่ามาเผาหาของป่าเด็ดขาด
ปัญหาลอบเผาป่าเพื่อหาของป่า-ล่าสัตว์
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานต่อ บกปภ.ช.ว่า ได้สั่งปิดอุทยานแห่งชาติในช่วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาด เพื่อสกัดกั้นการเข้าไปเก็บหาของป่า รวมทั้งการลักลอบล่าสัตว์และเผาป่า ซึ่งมักจะกลายเป็นไฟป่าที่ลุกลามเป็นวงกว้าง และก่อให้เกิดจุดความร้อนและฝุ่นควันฟุ้งกระจาย โดยเบื้องต้นมีอุทยานฯ ที่ประกาศปิดป่า ดังนี้
สำหรับความผิดลอบเผาป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์รับโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ เผาป่าในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 - 20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พบเห็นไฟป่า แจ้งสายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าว PM 2.5 กทม.เกินค่ามาตรฐานทุกพื้นที่ เช็ก 12 อันดับค่าฝุ่นสูงสุด
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง 1 ใน 7 พื้นที่ปิดห้ามเข้าหาของป่า-ล่าสัตว์
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน โดยเน้นพื้นที่มีจำนวนจุดความร้อนสูงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด และให้รายงานสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน
พร้อมขอให้ทุกจังหวัดเร่งจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วตรวจสอบจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมถึงขอให้สำรวจพื้นที่การปลูกอ้อยและการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ที่พบยังคงมีอยู่ เพื่อนำข้อมูลมาเตรียมการรับมือ ป้องกัน และเฝ้าระวังต่อไป
น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มจะบรรเทาลงช่วงระยะสั้นๆถึงวันพรุ่งนี้ (5 ก.พ.) จากนั้นฝุ่นจะมีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ช่วงวันที่ 6-9 ก.พ.เนื่องจากอากาศที่นิ่ง จมตัว และเกิดสภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น ทำให้อัตราการระบายอากาศค่อนข้างต่ำ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลางเพื่อชดเชยให้แก่รถไฟฟ้า และขสมก.ตามมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่าเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเสนอไว้329 ล้านบาท โดยลดลง 190 ล้านบาท
เมื่อมีการเปลี่ยนตัวเลขจึงต้องเสนอเรื่องเข้าไปใหม่คาดว่าจะนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่11 ก.พ.นี้ และจะไม่มีการต่อมาตรการดังกล่าวต่อไปส่วนสาเหตุนายสุริยะ กล่าวว่า งบมีจำกัดพอสมควร
อ่านข่าว
วิกฤตไข้หวัดใหญ่ญี่ปุ่น! นักท่องเที่ยวเสี่ยงแค่ไหนและควรทำอะไร ?