วันนี้ (10 ต.ค.2567) เมื่อเวลา 04.00 น. ร.ต.อ.ปฏิญญา จิรัญดร รองสารวัตรสอบสวน สน.คันนายาว ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ บนสะพานสุขาภิบาล 5 ตัดถนนเทพรักษ์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน จึงเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อาสา มูลนิธิร่วมกตัญญู
ร.ต.อ.ปฏิญญา เปิดเผยว่า จากการตรวจจุดเกิดเหตุ พบรถตู้สีดำ สภาพกันชนและไฟหน้ารถด้านซ้ายแตกเจออยู่บนไหล่ทาง ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ถูกชนพังเสียหายทั้งคัน และพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน ขณะที่ด้านล่างสะพาน ที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร พบร่างผู้บาดเจ็บอีก 1 คน จึงให้เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล ส่วนร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
ส่วนรถตู้สีดำมีนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ นักร้องชื่อดัง เป็นผู้ขับขี่ ยืนรอมอบตัวกับตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า มีผู้โดยสารมากับรถจักรยานยนต์ 3 คน กำลังจะเดินทางกลับบ้าน กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุขวดน้ำได้หล่นลงไปบนถนนจึงจอดรถริมไหล่ทางเพื่อลงไปเก็บ และระหว่างนั้นได้มีรถตู้พุ่งขับมาด้วยความเร็ว ส่งผลมีผู้เสียชีวิตตรงจุดเกิดเหตุ 1 คน และ บาดเจ็บ 1 คน และปลอดภัย 1 คน
จากการสอบสวนทั้ง 3 คนเป็นพี่น้องกัน โดยผู้เสียชีวิตเป็นพี่สาวคนโต และคนบาดเจ็บคือน้องชายคนเล็ก โดยผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นน้องสาวคนกลาง เปิดเผยว่า ขณะตนเดินทางมากับพี่สาวและน้องชายด้วยรถจักรยานยนต์ขวดน้ำเปล่าของตนได้หล่นตกลงไปบนถนน จึงบอกให้น้องชายที่เป็นคนขี่จักรยานยนต์จอดรถไว้ริมสะพาน ตนเดินลงไปเก็บขวดน้ำ ระหว่างนั้นรถตู้ของคู่กรณีได้พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่น้องชายและพี่สาวนั่งรออยู่
ส่วนนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ ผู้ขับรถยนต์ตำรวจได้นำตัวไปสอบสวนที่ สน.คันนายาว และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
อ่านข่าว :
เปิดธุรกิจ "แบรนด์อาหารเสริมดัง" หลัง ตร.เตรียมเข้าตรวจสอบ
"แซม" ยืนยันไม่ได้เป็น "กรรมการ" ขายอาหารเสริม พร้อมให้ข้อมูลตำรวจ
"บอสพอล" โพสต์ปมธุรกิจขายตรง-ลั่นไม่หนีพร้อม “มอบตัวตร.”
นำตัว “ใบหนาด” คุมขัง สน.ทุ่งสองห้อง คดีหลอกขายทองออนไลน์
วันนี้ (30 ก.ย.2567) คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมเยี่ยมแห่งอาเซียน ประจำปี 2567 ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือที่ส่งประกวดจำนวน 69 เรื่องแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์เสนอหนังสือนวนิยายรอบคัดเลือก (short list) จำนวน 8 เรื่อง ดังรายชื่อของหนังสือเรียงตามลำตับตัวอักษรต่อไปนี้ เพื่อให้คณะกรรมการตัดสินฯ พิจารณาในรอบต่อไป
ผู้ประพันธ์ : ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์คมบาง
กี่บาด เล่าเรื่องราวของช่างทอผ้า “แม่ญิง” ล้านนา 3 รุ่นที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการทอผ้าซิ่นตีนจกซึ่ง เป็นศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองของล้านนา เส้นสายลวดลายบนผืนผ้าเปรียบเสมือนกับเรื่องราวชีวิตที่มีบาดแผลและความทรงจำอันเจ็บปวดของตัวละคร กี่บาดซึ่งเป็นชื่อนวนิยายเป็นสัญลักษณ์เปรียบได้กับแผลเป็นที่ย้ำเตือนประสบการณ์อันเลวร้ายในชีวิต เป็นการเชื่อมโยงเรื่องราวการทอผ้ากับเรื่องราวชีวิตของตัวละครได้อย่างน่าติดตาม นอกจากนั้นผ้าซิ่นทอในเรื่องยังเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อ “พลังความเป็นหญิง” ในครอบครัว
เนื้อหาของนวนิยายแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ตามเรื่องราวของตัวละครหลัก เล่าด้วยสายตาของผู้รู้ผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละรุ่น เริ่มตั้งแต่ส่วนของ “เอวซิ่น” เป็นเรื่องราวของ “แม่หม่อนเฮือนแก้ว” หญิงชราที่เป็นผู้รับและส่งต่อมรดกการทอผ้าจากบรรพบุรุษ ผู้พบกับความรักต้องห้ามในวัยสาวซึ่งต่อมาต้องเผชิญกับความรุนแรงในครอบครัวและเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลในใจตลอดชีวิต ตามด้วย “ตัวซิ่น” เป็นเรื่องราวของ “แม่อุ้ยนาค” ลูกสาวของหญิงชราที่ถูกมารดาชัง สุดท้าย “ตีนซิ่น” เป็นเรื่องของรุ่นหลานชาย “บ่าหงส์” ผู้เลือกวิถีชีวิตของตนเป็นหญิงขัดกับเพศกำเนิด และเป็นผู้สืบทอดมรดกการทอผ้าในครอบครัวซึ่งตามประเพณีวัฒนธรรมของล้านนาสงวนไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น
ผู้เขียนถักทอเรื่องราวประดุจดังการสอดประสานเส้นใยฝ้ายเป็นลวดลายบนผืนผ้า ผสมผสานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องการทอผ้าเข้ากับเรื่องเล่าแนวบันเทิงคดีได้อย่างสอดคล้องและแนบเนียน นำเสนอฉากท้องเรื่องที่มีภูมิหลังทางสังคมและบรรยากาศทางวัฒนธรรมของล้านนาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนั้น ยังได้นำเสนอเรื่องราวการกดขี่สตรีเพศในครอบครัว รวมทั้งเรื่องเพศวิถีความเป็นชายและความเป็นหญิงกับการก้าวผ่านข้อห้ามทางประเพณีวัฒนธรรมที่สังคมกำหนดการเล่าเรื่องของนวนิยายเป็นไปอย่างเรียบง่าย งดงาม กระจ่างชัดด้วยการใช้ภาษาพรรณนาอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอย่างน่าสะเทือนใจ สร้างความรู้สึกร่วมแก่ผู้อ่าน
ผู้ประพันธ์ : LADYS (ลาดิด)
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์แซลมอน
คุณเคนต์และข้าพเจ้า MS. Kent & Me เป็นนวนิยายสั้น เล่าเรื่องผ่านตัวละครที่เรียกตนเองว่าข้าพเจ้า กล่าวถึง คุณเคนต์และความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ตรงตามชื่อเรื่อง ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายและงดงาม แต่ก็ซ่อนเงื่อนและคลายปมไปทีละเปลาะ สร้างพลังดึงดูดให้ผู้อ่านติดตามไปจนจบเล่ม
ผู้ประพันธ์ได้สร้างสรรค์นวนิยายแนวขนบด้วยน้ำเสียงของคนรุ่นใหม่ ใช้ตัวละครที่ดูธรรมดา มีความคิดและการกระทำสมจริง แต่ในขณะเดียวกันก็แทรกความผิดแผกไปจากวิถีปกติ ราวกับอยู่ในโลกเหนือจริงเช่นเดียวกับสถานที่อันเป็นที่เกิดของเรื่องราว ซึ่งมีความงดงามราวภาพวาดแนวอิมเพรสชันนิสต์ มีทั้งภูเขาทะเล หาดทราย และกระท่อมสีขาวกลางสวนดอกไม้ริมหน้าผา แต่ก็ยังแอบซ่อนอันตรายและความท้าทายที่ตัวละครต้องเผชิญไว้ด้วย
ผู้เขียนยังมีความเด่นในเรื่องการใช้ภาษาที่ง่าย กระชับ หากสื่อแสดงความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของตัวละคร และบรรยากาศของสถานที่ต่าง ๆ ได้แจ่มชัด ทั้งยังสอดแทรกสัญลักษณ์ที่ตีความได้หลากหลายไว้อย่างแนบเนียน
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของนวนิยายเรื่องนี้ คือการก้าวข้ามกรอบความคิดความเชื่อเดิม ๆ เกี่ยวกับความรักและการอยู่ร่วมกันฉันคนรัก โดยยังดำรงความศรัทธาในคุณค่าของความรักและความใฝ่ฝันไว้ อย่างมั่นคง ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวที่ถักทอขึ้นอย่างประณีต นำพาผู้อ่านเข้าไปอยู่ในความเปลี่ยวเหงาของชายหาดร้างผู้คนและความโดดเดี่ยวของตัวละคร ลงลึกสู่ท้องทะเลความคิดความรู้สึกของ “คุณเคนต์และข้าพเจ้า” ทอดสายตาไปไกลจนถึงแนวที่ขอบฟ้าจรดทะเล เพื่อมองให้เห็น “ประภาคาร” ที่คล้ายมี คล้ายไม่มีพร้อมกับคิดว่า หรือมันอาจแอบซ่อนอยู่ในจิตใจของเราทุกคน
ผู้ประพันธ์ : พิชา รัตนานคร
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์จงสว่าง
แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา และการฆ่าตัวตายครั้งสุดท้ายของชาลีเล่าเรื่องชีวิตจืดชืดของ ชาลี คนธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตประจำวันเป็นดังเครื่องจักร ที่ทำซ้ำ ๆ ไร้ความหมาย หาคุณค่าในตนเองไม่เจอ เป็นมนุษย์หลังห้อง ขี้แพ้ ไม่มีใครมองเห็นตั้งแต่วัยเด็กจนสู่วัยทำงาน ไม่อาจต่อสู้แย่งชิงของที่ตนต้องการ
ผู้เขียนสะท้อนชีวิตผู้คนมากมายในสังคมที่อยู่อย่างไร้คุณค่า ไร้จุดหมาย ไร้เพื่อน เบื่อ เหงา เจ็บป่วยดังเนื้อเพลงตอนหนึ่งของ แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา "คนมากมายเท่าใดกันที่กำลังใช้ชีวิตในแบบของพวกเขา"เป็นชีวิตที่น่าสะเทือนใจที่การอยู่หรือตายก็ไม่ต่างกัน
เป็นนวนิยายที่ใช้สัญลักษณ์เล่าเรื่องเหนือจริง สร้างความประหลาดใจ เรียกร้องการตีความ สะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันที่ดูเหมือนการตายก็ไม่อาจทำให้ใครสนใจ เข้าใจ หรือเห็นใจตัวประกอบของสังคมอย่างชาลีและ...คนอื่น ๆ
ผู้ประพันธ์ : อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์
ผู้จัดพิมพ์ : อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์
แมลงสาบในเมืองสลด นวนิยายขนาดสั้น เล่าเรื่องในลักษณะเรื่องเหมือนจริงและเหนือจริง ผ่านตัวละครของคนสองรุ่น คือรุ่นหนุ่มสาวในสังคมสมัยใหม่ กับคนรุ่นพ่อแม่ในสังคมสมัยเก่า โดยนักเขียนสร้างตัวละคร “แม่” ให้อยู่กับความป่วยไข้บนรถเข็น คล้ายจะอยู่อย่างอ้างว้าง โดดเดี่ยว ทว่ามีความสุขทุกครั้ง เมื่อหวนนึกถึงสามีผู้ล่วงลับที่เคยชี้ชวนกันดูผีเสื้อโบยบิน ขณะที่ลูกชายของแม่ ตัวละครเด่นของเรื่อง เป็นคนหนุ่มผู้แปลกแยก ชอบเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ กับบาดแผลและความพ่ายแพ้ ผิดพลาดทั้งการงานและความรัก จมอยู่ในห้วงทุกข์ ไม่รู้จบสิ้น แต่ยามที่พอจะพบกับความสุขบ้าง เขาก็จะกลายร่างเป็นแมลงสาบ หดตัวลงเล็กลีบแบนราบไปกับพื้น นี่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับเขา ซึ่งถ้าไปเล่าให้ใครฟังก็ยากที่จะเชื่อว่าเป็นจริง
ทำไมและเพราะอะไร เขาถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น คงมากกว่าต้นสายปลายเหตุของความแปลกแยกในระดับพื้น ๆ ความน่าสนใจของนวนิยายเรื่องนี้ จึงอยู่ที่กลวิธีและวรรณศิลป์ของนักเขียนที่ใช้เล่าเรื่อง สลับเปลี่ยนมุมมอง บรรยายให้ภาพเหนือจริงอย่างสมจริง ล้วงลึกลงก้นบึ้งของตัวละครนำออกมาตีแผ่ ชวนให้ผู้อ่านฉุกคิด ตั้งคำถาม หรือตีความเปรียบเทียบ “เมืองสลด” กับ “คน” และ “แมลงสาบ” ที่วิวัฒนาการอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ และ “ผีเสื้อ” ของคนรุ่นพ่อแม่ ที่ยังมีชีวิตทันได้เห็นสังคมของคนยุคใหม
ผู้ประพันธ์ : กล้า สมุทวณิช
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์คมบาง
แมลงอายุสั้นที่เราไม่รู้จัก เล่าเรื่องการปรับตัวของหนุ่มสาวชนชั้นกลางที่ใช้ชีวิตแบบสุขนิยมท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างโกลาหล และความผิดเพี้ยนของสภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ตัวละครเกิดความแปลกแยก โดดเดี่ยว ไร้ความสุข โหยหาความรักตลอดเวลาตัวละครมักใช้ชีวิตแบบปัจเจกนิยม พึ่งตนเอง ขาดความผูกพันทางสังคม หลีกหนีโลกของความจริงไปสู่โลกจินตนาการ
ผู้เขียนเลือกแนวสมจริง เขียนเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่าหลากวิธีทั้งนวนิยายขนาดสั้น เรื่องสั้น นวนิยายคอลลาจและภาพประกอบ สร้างสีสันด้วยฉากและสถานที่จริง เลือกใช้สัญญะ บทเพลง หนังสือ และบทสวดมนต์ ขับเน้นให้สัมผัสความรู้สึกลึกล้ำของตัวละคร นอกจากนั้นยังใช้วิธีการเล่าเรื่องคู่ขนานสลับฉาก 2 เหตุการณ์ไปพร้อม ๆ กัน ยั่วล้อให้ผู้อ่านติดตาม และตั้งคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ผู้ประพันธ์ : สาคร พูลสุข
ผู้จัดพิมพ์ : ผจญภัยสำนักพิมพ์
ล้านนาฮาเร็ม เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของลาวเหนือหรือเมืองเชียงใหม่ในยุคล่าอาณานิคมของชาวตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ 4 - 5 สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในการแย่งชิงอำนาจเพื่อครอบครองและฉกฉวยผลประโยชน์ทางการค้าในดินแดนลุ่มแม่น้ำปิง ฉายภาพให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิต และคติชนวิทยาของยุคสมัยดั้งเดิม จากสังคมเกษตรกรรมสู่ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สื่อสารถึงพลวัตทางสังคมปรัชญา และวิถีชีวิตของท้องถิ่นภาคเหนือ ท่ามกลางวิกฤติการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ผู้เขียนยังเล่าเรื่องผ่านตัวละครต่างชาติต่างภาษา และเจ้านายสตรีล้านนาด้วยมุมมองของคนนอกร้อยเรียงสหบทจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และตำนานคำบอกเล่าที่กระจัดกระจายหลอมรวมเป็นเอกลักษณ์อันงดงาม ใช้กลวิธีแนวสมจริงอย่างประณีต เด่นในการใช้สำนวนโวหารอุปลักษณ์ด้วยน้ำเสียงและมุมมองที่แตกต่างจากเดิม สะท้อนความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีทั้งกิเลส ตัณหา และความโลภ ซ้อนทับกับการรุกรานขยายอำนาจของส่วนกลางและเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดการตระหนักในคุณค่า และความทรงจำศึกษาของเมืองเชียงใหม่ในห้วงอดีต
ผู้ประพันธ์ : วิภาส ศรีทอง
ผู้จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์สมมติ
ห้องเรณูเล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่โรคระบาดได้แพร่เข้าไปยังพื้นที่บ้าน ส่งผลต่อวิถีชีวิตและความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว ผู้เขียนนำเสนอให้ตระหนักว่า โรคระบาดเป็นประสบการณ์แห่งความสูญเสีย เจ็บปวด มีผลกระทบไม่เพียงต่อร่างกาย หากต่อจิตใจและตัวตนด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกกับพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ นวนิยายตั้งคำถามกับความหมายของชีวิตและบ้านอันเป็นพื้นที่ที่เรามักรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและคุ้นเคยว่ายังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่
การพรรณนาฉากบ้านมีความโดดเด่น และสื่อให้เห็นผลกระทบจากโรคระบาดอย่างน่าสนใจด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์โดยนำเสนอให้เห็นความแปลกแยกของตัวละครกับพื้นที่บ้าน ผ่านการพรรณนาให้ดูอึมครึมเก่าแก่ แตกร้าว มีกลิ่นอับชื้นที่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ เปรียบเทียบบ้านว่ามีอายุขัย เสื่อมสภาพ และป่วยไข้ได้ไม่ต่างจากมนุษย์ สมาชิกในบ้านอยู่ไม่ได้ ออกไม่ได้ ชวนให้รู้สึกแปลกประหลาด อิหลักอิเหลื่อ เช่นเดียวกับห้องของเด็กชายลูกเจ้าของบ้านที่มีจุลชีพเติบโตฝังรากละอองเรณูฟุ้งแพร่ลามไปทั่ว ประหนึ่งเป็นภัยคุกคามเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว และยากจะขุดถอนกำจัดออกไปได้ง่ายเช่นเดียวกับโรคระบาด ความอยู่รอดของจุลชีพเหล่านี้ยังกระตุ้นเตือนให้เราตระหนักด้วยว่า มนุษย์เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ ของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
ผู้เขียนนำเสนอประสบการณ์บาดแผลจากโรคระบาดได้อย่างบาดลึก ด้วยโวหารที่พาผู้อ่านดำดิ่งสู่โลกของความเจ็บป่วย โดดเดี่ยว หวาดกลัว และเนิบช้า ทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งเปราะบางและแข็งแกร่งในชั่วขณะที่อ่อนแอที่สุดนั้น ยังสามารถปรับตัวและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์รอบข้างเพื่อเยียวยารักษาจิตใจและตัวตน
ผู้ประพันธ์ : ลาดิด
ผู้จัดพิมพ์ : ลาดิดและมูนสเคป
อันกามการุณย์ Non fa niente เป็นนวนิยายที่นำเสนอเสียงของผู้มีวิถีทางเพศที่แตกต่างจากขนบสังคม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องราวของการแสวงหาตัวตน หรือการต่อสู้เพื่อเปิดเผยรสนิยมทางเพศอย่างที่มักได้อ่านกันเพราะในเรื่องนี้ ตัวละครหลักของเรื่องนั้นแน่ใจในตนเอง และไม่ได้หวั่นเกรงที่จะเผยตัวตนให้ครอบครัวและสามีรู้
แต่ปมสำคัญที่จะดูจะรบกวนจิตใจตัวละครเป็นพิเศษ ก็คือการใช้ชีวิตเด็ดเดี่ยวตามความต้องการของตัวละครนั้น ไม่ง่ายนักที่จะสามารถจะดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกับบทบาททางสังคมของความเป็นแม่ อันเป็นบทบาทที่ตัวละครโอบรับและให้ความสำคัญอย่างมาก
ปมใหญ่ปมนี้ถูกเน้นย้ำอย่างหนักหน่วงผ่านมุมมองของผู้เล่าเรื่องที่ใช้สรรพนามว่าแม่ ผู้รวบรวมความกล้าสารภาพความจริงกับลูก ผ่านเรื่องราวการเดินทางของตัวตนทางเพศที่ฉีกทำลายสายใยทางสังคมรอบตัวไปทีละอย่าง ฝากรอยแผลไว้ในภาษา คำ และการเรียบเรียงที่เน้นผัสสะเชื่อมโยงสิ่งของกับร่างกายและความคิดความรู้สึกไปตลอดทั้งเรื่อง
วิธีการนำเสนอเรื่องเช่นนี้ทำให้เห็นบทบาทของวรรณกรรมในการเผยให้เห็นความอ่อนไหวของมนุษย์ในบริบทของการเคลื่อนไหวเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ที่ไม่อาจตัดขาดร่างกายที่เปี่ยมเลือดเนื้อสัญชาตญาณ และอารมณ์ความรู้สึก ออกจากชีวิต อุดมการณ์และสังคมได้
อ่านข่าว :
"คืนสุดท้ายของนักสร้างสารคดี" เรื่องสั้นชนะเลิศ รางวัลพานแว่นฟ้า 2567
ทธ.จัดทำหนังสือ "ซากดึกดำบรรพ์ขึ้นทะเบียนสมบัติชาติ" เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
#LISAxGLOBALCITIZEN ของ "ลิซ่า" ลลิษา มโนบาล เจ้าของค่าย LLOUD สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ติดเทรนด์แอปพลิเคชัน X หลังจากเปิดตัวครั้งแรกกับเพลง “Moonlit Floor” ในงานในเทศกาลดนตรี Global Citizen Festival 2024 ซึ่งจัดขึ้น ณ Central Park สวนสาธารณะในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น
โดยเพลง Moonlit Floor เป็นเพลงที่ 3 ของในอัลบั้ม ROCKSTAR ของลิซ่า ที่ดังเพียงชั่วข้ามคืนอีกครั้ง หลังจากลิซ่า ได้แสดงในงานนี้ 5 เพลง คือ LALISA , MONEY , ROCKSTAR , ตามด้วย NEW WOMAN และ
Moonlit Floor เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะซิงเกิลใหม่คือเพลง Moonlit Floor ซึ่งตามโปรแกรมที่จะถูกปล่อยสตรีมมิงทุกช่องทางแพลตฟอร์มต่างๆ ในวันที่ 3 ต.ค.นี้ ตรงกับวันที่ 4 ต.ค.นี้ เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย
อ่านข่าว "ลิซ่า คว้ารางวัล "Best K-Pop" จากเวที MTV VMAs 2024
สำหรับเพลง Moonlit Floor เมื่อ 3 วันก่อนในแอฟพลิเคชัน TiKtok ของ LISA มาในลุคหวานฉ่ำมาก พร้อมเพลงท่อนติดหูเพียง 14 วินาทีว่า "So Kiss Me" ซึ่งทำให้ชาวร็อกถึงกับรอคอยว่า ลิซ่า จะมีเซอร์ไพรส์เปลี่ยนแนวเพลงมาเป็นแบบหวานฉ่ำหรือไม่
เนื่องจาก "So Kiss Me" เป็นท่อนหนึ่งในเนื้อจากเพลง “Kiss Me” ศิลปิน Sixpence None The Richer เพลงดังยุค 90 เมื่อปี 2540 มาอยู่ในเนื้อเพลงของเธอ ทำให้ชาวโซเชียลแปลเนื้อของเพลง Moonlit Floor ว่าเป็นการบอกรักหนุ่มฝรั่งเศสหรือไม่
อ่านข่าว I'm a Rockstar! ลิซ่าเปิดตัวซิงเกิลล่าสุด 27 นาทีทะลุล้านวิว
สำหรับลิซ่า ได้เปิดตัวในค่าย LLOUD เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดตัวเพลง Rockstar ที่มาถ่ายทำที่ย่านเยาวราช จนเกิดกระแสไวรัลเช็กอินตามรอยลิซ่าอย่างถล่มทลาย เป็นเพลงที่มียอดสตรีมมิงใน 200 พื้นที่ทั่วโลก โดยไม่นับผลคะแนนจากสหรัฐอเมริกา
สำหรับซิงเกิล ROCKSTAR ของ LISA ที่ปล่อยออกมาในวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถเปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ตนี้ด้วยยอดสตรีมกว่า 94.2 ล้านครั้ง และมียอดขาย 44,000 แผ่นตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย-4 ก.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่าน ลิซ่าเปิดตัวเพลง “New Woman” ของ “ลิซ่า BLACKPINK” เปิดตัวบน Billboard อีกเช่นกัน
อ่านข่าว "ลิซ่า" ปล่อยทีเซอร์ MV เพลงใหม่ แฟนคลับฮือฮาฉากเยาวราช
จากนั้นวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่เพียงคว้ารางวัล ลิซ่า ยังเรียกเสียงฮือฮาสุด ๆ เมื่อเธอขึ้นโชว์บนเวที MTV VMAs 2024 ด้วยชุดสีแดง สุดร้อนแรงอวดหุ่นสวย พร้อมแดนเซอร์อีกหลายชีวิต ในเพลง "New Woman" และ "Rockstar" เรียกเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนเพลง ภายในงานได้อย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นยังส่งผลแฮชแท็ก #LISAisBACK_VMAs ติดเทรนด์ x ไทยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
อ่านข่าว "ลิซ่า คว้ารางวัล "Best K-Pop" จากเวที MTV VMAs 2024
Ooh, la-la-la
Ooh, la-la-la
I'ma need to hear you say it out loud
'Cause I love it when my name slips out your mouth
Love it when your eyes caress my body (Oh-oh)
Right before you lace your kisses on me
Green-eyed French boy got me trippin'
How your skin is always soft
How your kisses always hit
How you know just where to
Green-eyed French boy got me trippin'
On that accent off your lips
How your tongue do all those tricks?
How you know just where to
Kiss me under the Paris twilight
Kiss me out on the moonlit floor
Kiss me under the Paris twilight (Ah-ah)
So kiss me
อ่านข่าว
ยากกว่าการได้มาคือรักษาไว้ "ลิซ่า" ผู้นับหนึ่งให้ทุกกระแสของไทย
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2567 น.ส.นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนชื่อดัง โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึง วัดดังแห่งหนึ่งในเมืองเพชรบุรี หลังรื้อถอนศิลปะปูนปั้นของศิลปินแห่งชาติ นายทองร่วง เอมโอษฐ โดยวัดจะใช้พื้นที่ตรงจุดนั้นทำร้านกาแฟ
พ่อล้อม เพ็งแก้ว ตายไม่ถึง 2 เดือน ช่างทองร่วง เอมโอษฐ์ ศิลปินแห่งชาติตายไม่ถึง 1 ปี มีการทุบงานปูนปั้นการเมืองของครูทองร่วงทิ้งไปแล้ว เพราะวัดจะใช้พื้นที่ทำร้านกาแฟ ต่อจากนี้ใครเล่าจะปกป้องรักษางานปูนปั้นศิลปะการเมืองของเมืองเพชรบุรีเอาไว้ได้
หลังจากโพสต์ดังหล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะเป็นภาพศิลปะปูนปั้นภูมิปัญญาของเมืองเพชรบุรี อีกทั้งนายทองร่วงเจ้าของผลงาน เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว
ด้าน ผศ.แสนประเสริฐ ปานเนียม อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ระบุว่า พื้นที่และชิ้นงานเป็นทรัพย์สินของวัด วัดมีอำนาจในการบริหารจัดการได้ แต่ในความเห็นผม คิดว่ามีวิธีการในการบริหารจัดการได้ดีกว่าการทุบ เช่น ตัดเฉพาะส่วนงานปูนปั้นออกไปเก็บรักษาไว้ เพื่อจัดแสดงหรือนำมาประกอบกับแท่นฐาน แล้วจัดแสดงในลักษณะประติมากรรมกลางแจ้ง ประดับสถานที่และให้ความรู้ทางธรรมแก่ผู้มาชมในอนาคตก็ได้ ทั้งยังเป็นการรักษางานของศิลปินแห่งชาติด้วย
ขณะที่ วันนี้ (24 ก.ย.) วัดเตรียมประชุมกับคณะกรรมการวัดและผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา
อ่านข่าว : วันแรก! ชัวร์ได้แน่ เช็กสิทธิรับเงินหมื่นระบบไม่ล่ม
"อนุทิน" ยืนยัน "น้ำ-อาหาร" เพียงพอช่วยเหลือผู้ประสบภัย
"อังคณา" เผยถูกล็อบบี้ถอนตัวชิงตำแหน่ง ปธ.กมธ.พัฒนาการเมืองฯ
วันนี้ (22 ก.ย.2567) เพจเฟซบุ๊ก Ch7HD ได้โพสต์ข่าวเศร้า ต่อการจากไปของ "อ๋อม" อรรคพันธ์ นะมาตร์ นักแสดงชื่อดัง ในวัย 39 ปี
"อ๋อม" อรรคพันธ์ นักแสดงมากฝีมือ ที่เคยฝากผลงานสุดประทับใจไว้อย่างมากมาย อาทิ สัจจะในชุมโจร (เสือสั่งฟ้า 3), อินทรีแดง, ราชนาวีที่รัก, เจ้าสาวสลาตัน, อตีตา, วันนี้ที่รอคอย, พระจันทร์ลายพยัคฆ์, บันไดดอกรัก ฯลฯ
สำหรับ "อ๋อม" อรรคพันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2528 นักแสดงชาวไทย อดีตเคยสังกัดช่อง 7HD มีชื่อเสียงจากละครเรื่อง พระจันทร์ลายพยัคฆ์ ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงสมทบชายดีเด่น
สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนดาราคาม ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง และระดับปริญญาตรีที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สาขาโฆษณา
"อ๋อม" อรรคพันธ์ เริ่มอาชีพในการวงการบันเทิงด้วยการถ่ายโฆษณา มิวสิกวิดีโอ จากนั้นได้แสดงละครเรื่องแรกในบทสมทบ ในเรื่อง รักซ่อนแค้น ทางช่อง 3 และรับบทตัวรองและบทร้าย จากนั้นได้รับบทเด่นเรื่องแรกเรื่อง พระจันทร์ลายพยัคฆ์ ทางช่อง 7 จนได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขานักแสดงสมทบชายดีเด่น
ต่อมารับบทพระเอกครั้งแรกในเรื่อง สาวใช้ไฮเทค ของดาราวิดีโอ โดยแสดงคู่กับ จุ๋ย - วรัทยา นิลคูหา และเริ่มเป็นที่รู้จักจากบทหลวงอัครเทพวรากร ในละคร ทวิภพ ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้ร่วมแสดงในซีรีส์ "ภารกิจรัก" เรื่อง ราชนาวีที่รัก รับบทเป็น เรือเอกจิรวัติ สุกปลั่ง
พ.ศ. 2565 อรรคพันธ์เริ่มป่วยเป็นมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ และได้รับการผ่าตัดเมื่อช่วงเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2567
อ่านข่าว :
วงการบันเทิงสูญเสีย "ฉลอง ภักดีวิจิตร" ผู้กำกับตำนานบู๊เมืองไทย
ปิดตำนาน 50 ปี "ต่วย'ตูน" วางแผงเล่มสุดท้าย ก.ย.นี้
วันนี้ (13 ก.ย.2567) นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า นายบุญฉลอง ภักดีวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้กำกับ–ผู้สร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) พุทธศักราช 2556 ได้ถึงแก่กรรมในวันนี้ เวลาประมาณ 15.30 น. ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี สิริอายุ 93 ปี โดยนางบุญจิรา ตรีริยะ (ภักดีวิจิตร) บุตรสาวแจ้งว่า ขณะนี้กำลังรอผลการวินิจฉัยการถึงแก่กรรมอย่างเป็นทางการ ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมจะแจ้งกำหนดการพิธีรดน้ำศพ และกำหนดการสวดพระอภิธรรม ในลำดับต่อไป เมื่อทราบข้อมูลจากทายาทแล้ว
อธิบดี สวธ. เปิดเผยอีกว่า กรณีศิลปินแห่งชาติเสียชีวิต จะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือตามกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.2555 ดังนี้ มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน 20,000 บาท ค่าเครื่องเคารพศพ 3,000 บาท และค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 150,000 บาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2566 นายฉลอง ได้รับการยอมรับในระดับโลก ถูกบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊ก (GUINNESS WORLD RECORDS) ว่าเป็นผู้กำกับ ผู้สร้างละครฝ่ายชาย คนเดียวและคนแรกของโลกที่อายุเยอะที่สุด นับจากวันที่จดสถิติ ด้วยอายุ 90 ปี 297 วัน โดยได้สร้างสรรค์ผลงานจนประสบความสำเร็จมากว่า 25 ปี
นายบุญฉลอง ภักดีวิจิตร หรือนายฉลอง เกิดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2474 ที่กรุงเทพมหานคร สำเร็จการศึกษาระดับเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอำนวยศิลป์ ก่อนเข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยได้แรงบันดาลใจจากพ่อเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และคุณอาเป็นผู้ถ่ายภาพและกำกับการแสดง เข้ามาอยู่ในสายเลือดโดยอัตโนมัติ
ด้วยวัยเพียง 19 ปี นายฉลองได้ก้าวเข้ามาเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรก คือ "แสนแสบ" จากบทประพันธ์ของไม้เมืองเดิม
หลังจากนั้นได้ศึกษาขบวนการทำภาพยนตร์และเทคนิคต่าง ๆ ด้วยตนเอง จากหนังสือคู่มือรวบรวมขบวนการถ่ายทำของประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาการถ่ายทำภาพยนตร์มาเป็นลำดับ ไม่เคยหยุดนิ่ง จนประสบความสำเร็จสูงสุดด้านการถ่ายทำภาพยนตร์ ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน พระสุรัสวดี ถึง 2 ปีซ้อน ในฐานะช่างถ่ายภาพยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่องผู้พิชิตมัจจุราชและละอองดาว
จากประสบการณ์ที่ถ่ายทำภาพยนตร์มาเป็นเวลาหลายปี จึงได้เปลี่ยนมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก คือ จ้าวอินทรีย์ นำแสดงโดยมิตร ชัยบัญชา และพิสมัย วิไลศักดิ์ ต่อมาได้สร้างสรรค์ผลงานมากมาย ผลงานที่สร้างชื่อเสียง เช่น สอยดาวสาวเดือน ฝนใต้ ฝนเหนือ ทอง ขบวนการพยัคฆ์ร้าย ตัดเหลี่ยมเพชร
นายฉลอง ยังเป็นผู้มีความมุ่งมั่นที่จะนำภาพยนตร์ไทยเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์นานาชาติ โดยนำดาราต่างประเทศมาร่วมนำแสดงจนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในวงการภาพยนตร์ทั่วโลก ได้เข้าทำเนียบผู้กำกับภาพยนตร์นานาชาติในนามของ P.CHALONG ซึ่งเขาให้ความสำคัญต่อการสร้างภาพยนตร์ในทุกรายละเอียด มีจินตนาการ กล้าคิด กล้าทำ และกล้าที่จะลงทุน ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง "ทอง" คือ ตำนานของผู้กำกับอย่างฉลอง ภักดีวิจิตร ต่อมาได้ผันตัวเองมาทำงานบุกเบิกละครแนวบู๊ทางโทรทัศน์ มีผลงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน
อ่านข่าว : อาลัย "เบิ้ม ประสิทธิ์" มือกลองวงแกรนด์เอ็กซ์ เสียชีวิตในวัย 73 ปี
"โก๋ คาราบาว" มือกลองประจำวง เสียชีวิต ในวัย 50 ปี
อาลัย "เพลิน พรหมแดน" ราชาเพลงพูด เสียชีวิตวัย 85 ปี
งานประกาศรางวัล MTV Video Music Awards หรือ "VMAs 2024" ครั้งที่ 40 ที่ในปีนี้จัดขึ้นที่ UBS Arena รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ครั้งนี้ "เทย์เลอร์ สวิฟต์" กวาดรางวัลไปได้ถึง 7 รางวัลทำให้เธอสร้างสถิติใหม่เป็นศิลปินที่คว้ารางวัลมากที่สุดในงานประกาศรางวัลนี้ สำหรับรางวัลในปีนี้มีดังนี้
งานประกาศรางวันครั้งนี้ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า BLACKPINK" นักร้องซูเปอร์สตาร์ระดับโลก สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล "Best K-Pop" จากเวที MTV VMAs 2024 เป็นครั้งที่ 2 นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะศิลปินเดี่ยวคนแรกที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ถึง 2 ครั้ง
สำหรับ MV ROCKSTAR ได้เข้าชิงรางวัลถึง 4 สาขา ได้แก่
ในปี 2022 ลิซ่า ลลิษา เคยคว้ารางวัล "Best K-POP" ในงาน MTV Video Music Awards มาแล้ว จากผลงานเดี่ยว เพลง "LALISA" ครั้งนั้นนับเป็นศิลปินเดี่ยว K-POP คนแรกที่ชนะรางวัลสาขานี้ และครั้งนั้นวง BLACKPINK ยังชนะรางวัล Best Metaverse Performance อีกด้วย
ไม่เพียงคว้ารางวัล ลิซ่า ยังเรียกเสียงฮือฮาสุด ๆ เมื่อเธอขึ้นโชว์บนเวที MTV VMAs 2024 ด้วยชุดสีแดง สุดร้อนแรงอวดหุ่นสวย พร้อมแดนเซอร์อีกหลายชีวิต ในเพลง "New Woman" และ "Rockstar" เรียกเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนเพลง ภายในงานได้อย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นยังส่งผลแฮชแท็ก #LISAisBACK_VMAs ติดเทรนด์ x ไทยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีใครอีกบ้างที่คว้ารางวัลใหญ่ MTV VMAs 2024
อ่านข่าว : ปังไม่หยุด! นิตยสารไทม์ ยกให้ "เทย์เลอร์ สวิฟต์" บุคคลแห่งปี 2023
ลิซ่า BLACKPINK คว้ารางวัล "BEST K-POP" จาก VMAs 2022
"ลิซ่า" ปล่อยทีเซอร์ MV เพลงใหม่ แฟนคลับฮือฮาฉากเยาวราช
วันที่ 10 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก วงแกรนด์เอ็กซ์ Official ได้โพสต์แจ้งข่าวเศร้า ว่า "พี่เบิ้ม" ประสิทธิ์ ไชยะโท สมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ ตำแหน่งมือกลองของวง เสียชีวิต ในวัย 73 ปี ด้วยโรคไตวายและติดเชื้อในกระแสเลือด ที่โรงพยาบาลสิรินธร
กำหนดการงานสวดพระอภิธรรมศพ "พี่เบิ้ม" ประสิทธิ์ ไชยะโท สมาชิกมือกลองวงแกรนด์เอ็กซ์ ณ วัดบางเพ็งใต้ ซอยรามคำแหง 187/1 ศาลา3
วันที่ 11 ก.ย. เวลา 16.00 น.รดน้ำศพ
-เวลา 18:00 น. สวดพระอภิธรรมศพ
วันที่ 12 ก.ย. เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรมศพ
วันที่ 13 ก.ย. เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรมศพ
วันที่ 14 ก.ย. เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรมศพ
วันที่ 15 ก.ย. เวลา 18.00 น. สวดพระอภิธรรมศพ
วันที่ 16 ก.ย. เวลา 10.30 น.เลี้ยงเพลพระ
-เวลา 15:00 น. เวียนศพรอบเมรุ
-เวลา 16:00 น. ฌาปนกิจศพ
สำหรับ "พี่เบิ้ม" ประสิทธิ์ ไชยะโท เกิดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2494 พี่เบิ้มเข้าร่วมวงแกรนด์เอ็กซ์ ตั้งแต่เริ่มประกวดวงดนตรีในช่วงที่ยังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยบพิตรพิมุข ร่วมกับนคร เวชสุภาพร และสมาชิกยุคก่อตั้งรายอื่น จนได้ออกแผ่นเสียงซิงเกิล ชุด คู่นก ซึ่งเป็นการบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรกของวง พ.ศ 2520
จากนั้น ได้ร่วมบันทึกเสียงในอัลบั้มลูกทุ่งดิสโก้ชุดที่ 1 ซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดแรก ในแนวเพลงดิสโก้ และประสบความสำเร็จเมื่อทำยอดขายได้มากกว่า 1,000,000 ชุด ในปีที่วางจำหน่าย
ประสิทธิ์ ไชยะโท ถือเป็นสมาชิกหลักของวงแกรนด์เอ็กซ์ ทำหน้าที่ตีกลองและร้องนำในบางเพลง โดยเพลงที่ประสิทธิ์ ไชยะโท ร้องนำให้กับทางวง ที่แฟนเพลงคุ้นเคยคือเพลง ช่างเถอะวันนี้, น้ำค้าง และเพลง โบว์สีแดง โดยประสิทธิ์ ถือเป็นสมาชิกที่อยู่กับวงแกรนด์เอ็กซ์ยาวนานที่สุดเท่ากับนคร เวชสุภาพร ที่เป็นหัวหน้าวง โดยมีผลงานร่วมกับวงแกรนด์เอ็กซ์ตั้งแต่ช่วงออกซิงเกิลชุดแรก จนถึงอัลบั้มชุดอัลบั้มชุดพิเศษเพลงพระราชนิพนธ์ดวงใจกับความรัก พ.ศ.2530
ประสิทธิ์ ไชยะโท เสียชีวิตเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567 ที่โรงพยาบาลสิรินธรด้วยโรคไตวายและติดเชื้อในกระแสเลือด สิริอายุได้ 73 ปี นับเป็นสมาชิกในยุคคลาสสิคคนที่ 2 ที่เสียชีวิตต่อจากเสน่ห์ ศุภรัตน์ มือทรัมเป็ต
อ่านข่าว :
"โก๋ คาราบาว" มือกลองประจำวง เสียชีวิต ในวัย 50 ปี
ปิดตำนาน 50 ปี "ต่วย'ตูน" วางแผงเล่มสุดท้าย ก.ย.นี้
เบื้องหลัง “สืบสันดาน” ซีรีส์ไทย มาตรฐาน NETFLIX
วันนี้ (5 ก.ย.2567) เพจเฟซบุ๊ก Carabao Official โพสต์ข้อความ แจ้งข่าวการเสียชีวิตของ "โก๋ คาราบาว" มือกลองประจำวง โดยระบุว่า "ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณชวลิต ฉลองพงษ์ หรือ โก๋ คาราบาว ขอให้พี่โก๋เดินทางสู่ภพภูมิที่ดีครับ ด้วยรักและอาลัย"
ขณะที่มีคนมาคอมเมนต์แสดงความไว้อาลัยจำนวนมาก
สำหรับ โก๋ คาราบาว ชื่อจริง ชวลิต ฉลอมพงษ์ อายุ 50 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานี โดยโก๋ คาราบาว ได้เข้าร่วมวงคาราบาว ในอัลบั้มชุดที่ 11 วิชาแพะ เมื่อปี 2534 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้วงคาราบาว เป็นวงดนตเพลงเพื่อชีวิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดวงหนึ่งของของประเทศไทย มีผลงานตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 จนถึงปัจจุบัน โดยมี แอ๊ด ยืนยง โอภากุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยสากล) พ.ศ.2556 เป็นหัวหน้าวง
อ่านข่าว :
ปิดตำนาน 50 ปี "ต่วย'ตูน" วางแผงเล่มสุดท้าย ก.ย.นี้
อัปเดตสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนกันยายน 2567 เงินเข้าวันไหน
ศาลอุทธรณ์ คุก 8 ปี ไม่รอลงอาญา "ครูไพบูลย์" คดีพรากผู้เยาว์อดีตภรรยา
วันนี้ (3 ก.ย.2567) ความคืบหน้ากรณี "เอ๋" มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ยื่นฟ้องอดีตสามีนายไพบูลย์ แสงเดือน หรือ ครูไพบูลย์ ผู้บริหารค่ายเพลงลูกทุ่งในความผิดฐานพรากผู้เยาว์และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
ล่าสุด นายวิษรุษ มณีรัตน์ ทนายของ มิรา ได้โพสต์ข้อความเผยความคืบหน้า โดยระบุว่า
"พ่อ แม่ เด็กและผู้เยาว์ วันนี้คงอุ่นใจขึ้น ความยุติธรรมของกฎหมายไทย ที่จะเป็นเกราะป้องกันเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จากคนที่จ้องจะทำลายอนาคตของเด็ก คดีพรากผู้เยาว์ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ตัดสินแล้ววันนี้ ศาลอุทธรณ์จำคุก 8 ปี ไม่รอการลงโทษ"
ขณะที่เฟซบุ๊กของ "ครูไพบูลย์" ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด มีเพียงโพสต์ช่องทางการติดต่องาน และโพสต์ภาพเจ้าตัวเองล่าสุด 12 ชม.ที่แล้ว ที่ระบุว่า..."ฉันผ่านมาหมดแล้ว สุข ทุกข์ ผิดหวัง สมหวัง ยากจน มีกิน ขอคุณความดีคุ้มครอง"
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 พนักงานอัยการ จ.หนองบัวลำภู ได้มีคำสั่งฟ้องนายไพบูลย์ ในคดีพรากผู้เยาว์
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 ศาลชั้นต้นได้พิพากษา นายไพบูลย์ จำคุก 8 ปีไม่รอลงอาญา คดีพรากผู้เยาว์อดีตภรรยา ชดใช้เงิน 350,000 บาท โดยนายไพบูลย์ได้ยื่นอุทธรณ์ และล่าสุด ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินจำคุก 8 ปี ไม่รอการลงโทษ
ที่มาเฟซบุ๊ก ไทยบันเทิง Thai PBS
อ่านข่าว : ด่วน! ศาลสั่งจำคุก “ครูไพบูลย์” 8 ปีไม่รอลงอาญา คดีพรากผู้เยาว์
"สมรักษ์" รายงานตัว-สอบพยานนัดแรกคดีพรากผู้เยาว์
ทนายเปิดโทษ "คดีพรากผู้เยาว์" จำคุกไม่เกิน 10 ปีแม้ยินยอม
เป็นอีกเรื่องน่าใจหายในแวดวงนักอ่าน เมื่อเพจ "ต่วย'ตูน พิเศษ" ประกาศ "ยุติการจัดทำ" นิตยสาร ต่วย'ตูน พอกเก็ตแมกาซีน และนิตยสาร ต่วย'ตูน พิเศษ โดยมีฉบับ กันยายน 2567 เป็นฉบับสุดท้าย
พร้อมบอกเหตุผลว่า ภาวะทางเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยอีกหลายประการ ส่งผลกระทบต่อสำนักพิมพ์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทางสำนักพิมพ์ตั้งใจประคับประคองนิตยสารทั้ง 2 ฉบับ ให้คงอยู่เป็นเพื่อนนักอ่านเสมอมา จนถึงวันนี้ ต่วย'ตูน พิเศษ อายุ 50 ปี ต่วย’ตูน พอกเก็ตแมกาซีน ก็เข้าสู่ปีที่ 54 แล้ว ถึงเวลาอันสมควรที่พวกเราจะหยุดพักและกล่าวคำอำลา
มิตรภาพ ความผูกพัน ความกรุณาของนักอ่าน นักเขียน และบุคลากรทุกสายงานในวงการหนังสือ จะตราตรึงอยู่ในใจพวกเราชาวต่วย’ตูนตลอดไป กราบขออภัยอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถถ่ายทอดสาระและหรรษา สร้างความสุขให้ทุกท่านได้อีกต่อไป"
ทั้งนี้ สำนักพิมพ์จะติดต่อไปยังสมาชิกทุกท่านเพื่อขอคืนค่าสมาชิกนิตยสารที่ยังคงเหลืออยู่
สำหรับ "ต่วย'ตูน" ก่อตั้งโดย "ต่วย วาทิน ปิ่นเฉลียว" เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ พ.ศ. 2514 มีเนื้อหาหลากหลายทั้งเกร็ดประวัติศาสตร์ เรื่องน่ารู้ เรื่องลึกลับ เรื่องแปลก และเรื่องผี เปิดโอกาสให้คนรักงานเขียนส่งบทความมาลงในเล่มได้ด้วย ถือเป็นแรงบันดาลใจและความฝันของหลาย ๆ คน
อ่านข่าว : ปรากฏการณ์ท้องฟ้า เดือนกันยายน 2567 น่าติดตามและห้ามพลาด
เสียชีวิตเพิ่ม 1 รวม 8 คน คลัสเตอร์ "เหล้าเถื่อน" ป่วย 44 คน
รัฐบาลเตรียมปลุกผีโครงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
ทีวีไทยในยุคดิจิทัลเผชิญความท้าทายทุกมิติ หลายช่องปรับลดละครที่เคยเป็นเนื้อหาที่เรียกเรตติ้ง ขณะที่ละครทีวีเจอโจทย์ใหญ่ในยุคเปลี่ยนผ่าน ผลงานซีรีส์โดยผู้ผลิตชาวไทยกลับสามารถเป็นกระแสโด่งดังในแพลตฟอร์มสตรีมมิง ผลงานที่โด่งดังในระดับสากลในปีนี้ ชาวไทยคุ้นเคยกับซีรีส์ “สืบสันดาน” เป็นอย่างดี
หากพูดถึง “ทีวีดิจิทัล” ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เวลานี้ออกอากาศในระบบดิจิทัลภาคพื้นดินมาแล้ว 10 ปี
และอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลภาคเอกชน จะสิ้นสุดในปลายเดือนเมษายน พ.ศ.2572 กสทช.พร้อมช่องสมาชิกทีวีดิจิทัลประกอบธุรกิจ 15 ช่อง และทีวีดิจิทัลสาธารณะ 5 ช่อง จัดงาน “1 ทศวรรษทีวีดิจิทัล Beyond the Next Step” เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2567 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ และมองทิศทางอนาคตช่วงก่อนและหลังใบอนุญาตทีวีดิจิทัลภาคเอกชนจะสิ้นสุดลง
งานช่วงบ่ายมีจัด VISION STAGE หัวข้ออนาคตละคร, ซีรีส์ไทยไปไกลแค่ไหน หนึ่งในวิทยากรที่ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์คือ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก รองประธานกรรมการบริหารด้านงานสร้างสรรค์ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พูดในหัวข้อ "กรณีศึกษา สืบสันดาน ละครไทย มาตรฐาน NETFLIX"
คุณปิยะรัฐ กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อเสียงตอบรับที่ดีของซีรีส์ “สืบสันดาน” ว่า มาจากการวางแผนที่ดี การทำละคร/ ซีรีส์ โดยเฉพาะทำงานกับระบบและแพลตฟอร์มที่วางแผนอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้กระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่ได้ออกฉายด้วยซ้ำ ขณะที่การทำงานก็ทำให้ดีที่สุด ด้วยแนวคิดว่าอยากให้งานออกมาดี
สำหรับการออกแบบเนื้อหาต่าง ๆ ที่หยิบมานำเสนอ มีกระบวนการนำเสนอให้แพลตฟอร์มไปหลายมุม ซึ่งทางแพลตฟอร์มเลือกหยิบประเด็นที่สนใจขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเรื่องความรัก ครอบครัว ที่ทำงาน ในภาพรวมถือว่าเป็นปัญหาที่มีทุกที่ในโลก
“บางอย่างเกิดขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงและอยากมาถ่ายทอดให้ฟัง ในวันนี้สามารถทำได้มากกว่าเดิม นอกกรอบ นำเสนอได้มากขึ้น ซึ่งเป็นลายเซ็นที่ทำกันมาตลอด ถือว่าขอบคุณมาก ดวงยังอยู่ในอาชีพนี้ได้อยู่” ปิยะรัฐ กล่าว
ปิยะรัฐ เล่าถึงผลงานต่อไปว่า เรื่องต่อไปถ่ายเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ รอติดตามได้จากช่องทางเดิม โดยลักษณะเนื้อหาที่ถนัดอีกอย่างคือผลงาน “อิงประวัติศาสตร์” เล็กน้อย ซึ่งจะเป็นผลงานในอนาคตที่อยากให้รอติดตาม ปิยะรัฐ ใช้คำเรียกผลงานนี้ว่า “แซ่บแน่” รวมถึงพูดถึงแพลตฟอร์มอื่นที่ทีมทำงานด้วย จะมีผลงานให้ติดตามด้วยเช่นกัน
คำถามหนึ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตกับเนื้อหาในซีรีส์ คือ รายละเอียดแนว “Uncensored” ปิยะรัฐ อธิบายว่า เป็นสิ่งที่กันตนาทำมาตลอด มีความชัดเจน และมีมิติที่ลึกมากขึ้น สำหรับคนที่ไม่เคยดูผลงานของกันตนา เมื่อได้ดู “สืบสันดาน” ถือว่าได้มารู้จักสิ่งที่กันตนาทำอีกครั้งหนึ่ง
“ทำถึง ทำได้ เหมือนไหม ทำใหม่ ทำเก่า เป็นเรื่องหนึ่ง ทำอย่างไรให้มาตรฐานของการทำคอนเทนต์ทั้งหมดทั้งอุตสาหกรรมมีมาตรฐานค่อนข้างเป็นอันเดียวกันเป็นสิ่งที่คิดอยู่ เพราะเกิดและโตมากับละครวิทยุโทรทัศน์ อยากให้คุณภาพทั้งวงการ ทั้งอุตสาหกรรม ไปด้วยกัน...เราแข่งกับตัวเรา ไปข้างหน้าพร้อมกัน ก็จะดีกว่า” ปิยะรัฐ กล่าว
อ่านข่าว : ยกย่อง 12 ศิลปินแห่งชาติ 2566 "โย่ง เชิญยิ้ม-วงจันทร์ ไพโรจน์"
มอง 10 ปีทีวีดิจิทัล อีก 4 ปี ไปต่อหรือจะพอแค่นี้
กกต.ให้เลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีใหม่ คาด 22 ก.ย.นี้
วันนี้ (28 ส.ค.2567) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม รองประธานกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้แถลงการคัดเลือกบุคคลที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.2566 จำนวน 12 คน
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ จะได้รับสวัสดิการประกอบด้วย ค่าตอบแทนรายเดือน ๆ ละ 25,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ค่ารักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลโดยอนุโลม เว้นแต่มีสิทธิเบิกจากหน่วยงานอื่น ให้เบิกจากหน่วยงานนั้นก่อน
หากเบิกจากหน่วยงานนั้นได้ต่ำกว่าสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ให้มีสิทธิเบิกในส่วนที่ยังขาดอยู่ได้อีกภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปีงบประมาณ เงินช่วยเหลือเมื่อประสบสาธารณภัยเท่าที่เสียหายจริง คนละไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง ค่าของเยี่ยมในยามเจ็บป่วยหรือในโอกาสสำคัญเท่าที่จ่ายจริง คนละไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง และในกรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือบำเพ็ญกุศลศพคนละ 20,000 บาท เงินช่วยเหลือค่าจัดทำหนังสือเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริง คนละไม่เกิน 150,000 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้ มีศิลปินแห่งชาติได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ตั้งแต่ 2528-2565 แล้วจำนวน 355 คน และในปี พ.ศ.2566 จำนวน 12 คน รวมทั้งสิ้น 367 คน ซึ่งมีศิลปินแห่งชาติเสียชีวิตไปแล้ว 183 คน และยังมีชีวิตอยู่รวม 184 คน
วันนี้ (20 ส.ค.2567) "ชรินทร์ นันทนาคร" ศิลปินแห่งชาติ เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อเวลาประมาณ 02.20 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ สิริอายุ 91 ปี
สำหรับ ชรินทร์ เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องที่ขับร้องเพลงดังหลายเพลง เช่น เรือนแพ, มนต์รักดอกคำใต้, หยาดเพชร, ท่าฉลอม, นกเขาคูรัก และผู้ชนะสิบทิศ เป็นต้น
ชรินทร์ ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี 2541 และมีผลงานบันทึกแผ่นเสียงกว่า 1,500 เพลง รวมถึงได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำจากเพลง "อาลัยรัก"
นอกจากนี้ในแวดวงภาพยนตร์ เขายังเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ โดยได้สร้างผลงานไว้ 19 เรื่อง โดยมีภาพยนตร์เรื่อง "รักข้ามคลอง" ทำรายได้สูงสุด
ด้านชีวิตครอบครัว ชรินทร์ สมรสครั้งแรกในปี 2500 มีบุตรสาว 2 คน ก่อนที่จะเลิกรากันและต่อมาได้สมรสกับ เพชรา เชาวราษฎร์ ในปี 2512 จนถึงปัจจุบัน
อ่านข่าว
"คืนสุดท้ายของนักสร้างสารคดี" เรื่องสั้นชนะเลิศ รางวัลพานแว่นฟ้า 2567
ปฏิทินกันยายน 2567 วันลายังเหลือไหม ? เมื่อไร้วันหยุดนักขัตฤกษ์
วันนี้ (4 ส.ค.2567) วงการทีวีร่วมอาลัยกับครอบครัวของ นายมนัส ตั้งสุข พิธีกรข่าว และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ดีเด่นแห่งปี หลังจากเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) เกิดอาการวูบ และล้มศีรษะฟาดพื้น ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์ตรวจพบว่ามีเลือดคั่งในสมอง สมองบวม เนื่องจากขณะที่ล้มฟาดศีรษะส่วนก้านสมอง ได้รับความกระทบกระเทือนหนัก โดยรักษาตัวห้อง ICU โรงพยาบาลราชวิถี
ล่าสุดเฟซบุ๊ก Manat Tungsuk โพสต์ข้อความระบุว่า
“อั๋น" ดร.มนัส ตั้งสุข ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอาการสงบ ในเวลา 00.02 น. ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 ส.ค.นี้ วันพระทางญาติจะแจ้งกำหนดการให้ทราบอีกครั้ง หลับให้สบายนะเพื่อนรัก
โดยมีเพื่อนๆ พี่น้องในวงการสื่อมวลชน วงการทีวีที่รู้จักนายมนัส ได้เข้ามาแสดงความเสียใจ และให้กำลังใจครอบครัวจำนวนมาก เนื่องจากนายมนัส ถือเป็นพิธีกรมากฝีมือทำงานมานานกว่า 10 ปี และยังเป็นอาจารย์สอนสถาบันการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัย ต่างๆ และวิทยากรประจำ กสทช. โดยปัจจุบันเป็นพิธีกรข่าวรายการ "ทอล์คทูเก็ทเตอร์" ทาง ททบ.5
ทั้งนี้นายมนัส เคยได้รับรางวัลด้านการข่าวมากมาย เช่น รางวัลเทพทองรางวัลสุพรรณหงส์ (สีเงิน) รางวัลผู้ประกาศข่าวชายดีเด่นขวัญใจมหาชน ในงาน "มายามหาชน" รางวัลผู้รายงานข่าวชายดีเด่น รางวัลพิฆเนศวร
ล่าสุดมีการแจ้งสำหรับกำหนดสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 18 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กทม.โดยมีพิธีรดน้ำศพ วันที่ 5 ส.ค.เวลา 16.00 น. และพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 5-7 ส.ค. เวลา 18.00 น. ก่อนทำพิธีฌาปนกิจที่เมรุ 2 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในวันที่ 8 ส.ค. เวลา 16.00 น.
อ่านข่าว
อาลัย "เพลิน พรหมแดน" ราชาเพลงพูด เสียชีวิตวัย 85 ปี
วันนี้ (3 ส.ค.2567) ไทยบันเทิงไทยพีบีเอส รายงานว่า เฟซบุ๊กเพจสมาคมนักร้องลูกทุ่งแห่งประเทศไทย โพสต์แสดงความอาลัยและเสียใจต่อการจากไปของครู "สมส่วน พรหมสว่าง" หรือเพลิน พรหมแดน นักร้องลูกทุ่งเจ้าของฉายา "ราชาเพลงพูด" ที่มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงมากมายทั้ง ชมทุ่ง, บุญพี่ที่น้องรัก, คนเดินดิน, คนไม่มีดาว, อย่าลืมเมืองไทย, ข่าวสดๆ อาตี๋สักมังกร, ให้พี่รวยเสียก่อน
ก่อนหน้านี้ เพลิน พรหมแดน มีปัญหาสุขภาพมานาน และล่าสุดเสียชีวิตลงแล้วในวัย 85 ปี
สำหรับเพลิน พรหมแดน เป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรี "เพลิน พรหมแดน" ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ประจำปี พ.ศ.2555 และเป็นศิลปินเพลงลูกทุ่งชาวไทย ที่ได้รับสมญานามขุนแผนลูกทุ่ง, ราชาเพลงพูด และสุภาพบุรุษลูกทุ่ง
วันนี้ (2 ส.ค.2567) วงการนักเขียนสูญเสีย "ทองแถม นาถจำนง" หรือ "โชติช่วง นาดอน" นักเขียน บรรณาธิการ และนักวิชาการชื่อดัง วัย 69 ปี
ไทยบันเทิง ไทยพีบีเอส รายงานว่า "ทองแถม นาถจำนง" เป็นผู้สร้างผลงานเขียนและคอลัมนิสต์เกี่ยวกับเรื่องจีนไม่ต่ำกว่า 60 เล่ม ครอบคลุมเนื้อหาด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ กวี ปรัชญา ศาสนา ไปถึงเศรษฐกิจ การเมือง
ในวัยเรียนเคยเป็นนายกสโมสรนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และต้องเข้าป่าหลังเกิดเหตุ 6 ตุลา 2519 จากนั้นมีโอกาสไปเรียนวิชาการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ทหารที่เซี่ยงไฮ้ แล้วเดินทางกลับไทยในปี 2526 โดยเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนจบปริญญาตรี ได้ตีพิมพ์ผลงานครั้งแรกในปี 2527 คือ รวมบทกวี "เงาพระจันทร์ในคมกระบี่" "คมคำคมกวี"
ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ ชุดหนังสือ อมตะพิชัยสงคราม 7 ฉบับ และมรดกภูมิปัญญาจีน รวมถึงการร่วมก่อตั้งนิตยสารรายเดือน "ทางอีศาน" ได้รับรางวัลบรรณาธิการดีเด่นนิลวรรณปิ่นทอง ปี 2558 จากสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย
รางวัล ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุล นักแปลดีเด่น, รางวัลสุรินทราชา ของสมาคมล่ามและนักแปลแห่งประเทศไทย พ.ศ.2563 และรางวัลศรีบูรพา ประจำปี พ.ศ.2566 ได้รับการยอมรับในฐานะผู้มีความรอบรู้วรรณกรรมไทย-จีน และเป็นดั่งสะพานเชื่อมวัฒนธรรมสองชาติ
สำหรับพิธีรดน้ำศพ มีขึ้นในวันนี้ (2 ส.ค.) เวลา 16.00 น. ที่ศาลา 4 วัดภคินีนาถวรวิหาร ซอยราชวิถี 21 และฌาปนกิจในวันที่ 7 ส.ค.2567
อ่านข่าว : สิ้น นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง "วีระ ลิมปะพันธุ์"
"บรรจง" พ่ายนักชกคิวบา ตกรอบ 8 คนสุดท้ายโอลิมปิก 2024
ดิจิทัลวอลเล็ต 18.3 ล้านคน-เตือนแอปปลอมโผล่
เป็นอีกข่าวเศร้าของคนบันเทิง หลังเพจ "ดาราภาพยนตร์" ออกมาแจ้งข่าว กับการจากไปของนักจัดรายการวิทยุคนดัง "วีระ ลิมปะพันธุ์" อดีตนายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาถึงแก่กรรมด้วยโรคชราภาพ และน้ำในโพรงสมอง อายุรวม 90 ปี
วีระ ลิมปะพันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา (2539 - 2543 ) อดีตนายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์โฆษก พิธีกร และ นักจัดรายการวิทยุกระจายเสียงชื่อดัง (พระเอกละครวิทยุ คณะ 213 - เล่านิทานสำหรับคุณหนู) ปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ สมาคมนักวิทยุ และโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
วีระ ลิมปะพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ย.2476 ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
ในปี พ.ศ.2509 : ทำงานอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด
นอกจากนี้ วีระ ลิมปะพันธุ์ ยังเคยจัดรายการทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 3 กรุงเทพฯ, ช่อง 5 ขอนแก่น, ช่อง 8 ลำปาง, ช่อง 9 สุราษฎร์ฯ ช่อง 10 หาดใหญ่
ปี พ.ศ. 2523 : ผลงานด้านภาพยนตร์ชิ้นแรก สร้างภาพยนตร์ไทย 35 มม. เรื่องอาอี๊
ต่อมาในปี พ.ศ.2533 : ได้รับเลือกตั้งเป็น นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สวทท.) จนถึงปี 2560 รวม 28 ปี
พ.ศ.2539 วีระ ลิมปะพันธุ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ ทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา ถึงปี 2543 และ เป็นประธาน ผู้อำนวยการจัดงานพระราชทานรางวัลเทพทอง
และในปีพ.ศ.2561 ถึงปัจจุบัน วีระ ลิมปะพันธุ์ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สุดท้ายของชีวิต ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราภาพ และน้ำในโพรงสมอง อายุรวม 90 ปี จากไปอย่างสงบ ในวันเสาร์ที่ 27 ก.ค.2567 เวลา 10.39 น.
สำหรับ วีระ ลิมปะพันธุ์ เป็นผู้จัดละครวิทยุ และพระเอกละครวิทยุคณะ 213 มาตั้งแต่ปี 2509 เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ด้านการแสดงละครวิทยุ และการจัดรายการวิทยุฯ อาทิ
ทั้งนี้ ทางครอบครัวได้ออกมาแจ้งกำหนดสวดพระอภิธรรม ณ ศาลา 9 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระราชทานเพลิงศพ วันเสาร์ที่ 3 ส.ค. เวลา 16.00 น ณ เมรุ 1 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุบางเขน
วันนี้ (29 ก.ค.2567) มติชนออนไลน์รายงานว่า นายล้อม เพ็งแก้ว (เกตุทัต ศาสตราภิชาน ล้อม เพ็งแก้ว) ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 12.37 น. วันที่ 29 ก.ค. ณ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี หลังจากป่วยเป็นโรคไตมานานหลายปี ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฟอกไตสัปดาห์ละ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดมา
นายล้อม เพ็งแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2479 ที่ ต.ชะมวง (ปัจจุบันคือ ต.ควนขนุน) อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นบุตรของ นายหรอด-นางนวล เพ็งแก้ว มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 12 คน
นายล้อมเข้าศึกษาจนจบชั้น ป.4 ที่โรงเรียนประชาบาลตำบลชะมวง 3 อ.ควนขนุน จบชั้น ม.6 ที่โรงเรียนช่วยมิตร อ.ควนขนุน, ปี 2497 เป็นนักเรียนทุนกระทรวงศึกษาธิการ ที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ไม่ถึง 1 เดือนก็ได้รับเลือกให้ไปเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร เรียนจบหลักสูตรประโยคครูประถม (ปป.) ในปี 2500
จากนั้นเรียนต่อที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร (ปัจจุบันคือ มศว ประสานมิตร) สำเร็จหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) สาขามัธยมศึกษา ปี 2504 และได้รับตำแหน่งอาจารย์ตรี สอนวิชาภาษาไทย ที่โรงเรียนฝึกหัดครูเพชรบุรีเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2504
วันที่ 28 พฤษภาคม 2511 นายล้อมได้รับคำสั่งจาก จ.เพชรบุรี ให้ไปช่วยราชการเป็นอาจารย์ผู้สอนและหัวหน้าภาควิชาภาษาไทย ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม จ.มหาสารคาม กระทั่งปี 2516 ย้ายกลับมาที่วิทยาลัยครูเพชรบุรี
ปี 2518 ปรับเป็นอาจารย์ 3 ระดับ 7 ปรับเป็นระดับ 8 และต่อมาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2529 กระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งนายล้อมให้เป็นอาจารย์ระดับ 9 คนแรกของประเทศ และเป็นอาจารย์ระดับ 9 มีอายุน้อยที่สุด
นายล้อมเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผู้เชี่ยวชาญทางภาษา วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาไทยหลายแขนง เป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ที่ได้รับการขนานนามว่า “ปราชญ์ชาวบ้าน” หรือ “ปราชญ์เมืองเพชร”
เริ่มเขียนงานลงตีพิมพ์ใน นสพ.สาส์นเพชร ที่มี นายชลอ ช่วยบำรุง เป็นเจ้าของและบรรณาธิการ และต่อมาได้รู้จักกับ นายปรุง สุนทรวาทะ เจ้าของ นสพ.เพชรภูมิ ซึ่งต่อมานายปรุงก็ได้เชิญนายล้อมให้เขียนบทความให้กับ นสพ.เพชรภูมิ นับแต่นั้นมาจนถึงปี 2565
ปี 2529 นายล้อมได้แสดงความเห็นขัดแย้งกับนายเชาวน์วัศ สุดลาภา ผวจ.เพชรบุรี ในขณะนั้นที่สั่งให้ทุบทำลายปูนปั้นของนายทองร่วง เอมโอษฐ ช่างปูนปั้นเมืองเพชรบุรี (ศิลปินแห่งชาติ) ได้ปั้นล้อเลียนการเมืองไว้ที่บริเวณฐานเสมาของอุโบสถวัดสนามพราหมณ์ ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี แต่กรมการฝึกหัดครูสอบสวนข้อเท็จแล้ว เห็นว่านายล้อมไม่มีความผิดจึงไม่ลงโทษ
นายล้อมรับราชการครูอยู่ที่วิทยาลัยครูเพชรบุรี จนเกษียณอายุราชการในปี 2540 ท่านใช้ความรู้เพื่อประโยชน์ต่อสังคม ท้องถิ่น และประเทศชาติ ด้วยการเขียนผลงานวิชาการ ประวัติศาสตร์ ในวิทยาสาร, วิทยาจารย์, ฟ้าเมืองไทย, ฟ้า, คุรุปริทัศน์, มติชน, ศิลปวัฒนธรรม, เมืองโบราณ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์, เพชรภูมิ, เพชรนิวส์ ฯลฯ
อีกทั้งยังมีผลงานรวมเล่มที่พิมพ์เผยแพร่แล้วได้แก่ พระรถนิราศ, วิวาทศิลป์, ว่ายเวิ้งวรรณคดี, ภาษาสยาม, ค้นคำ, ภูมิพื้นภาษาไทย, ดาวประจำเมืองนคร, สนทรภู่ : อาลักษณ์เจ้าจักรวาล, เสน่ห์สำนวนไทย, คู่มือพุทธประวัติ, เพราะได้เห็น จึงได้คิด และผลงานต่าง ๆ อีกมากมาย
ต่อมาในปี 2548 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ยกย่องนายล้อมให้เป็น “เกตุทัต ศาสตราภิชาน” และได้รับการเชิดชูเกียรติต่าง ๆ มากมาย อาทิ ปี 2550 สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เชิดชูเกียรติเป็นปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย, มหาวิทยาลัยศิลปากร มอบปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชามานุษยวิทยา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางภาษา วรรณคดี ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาไทยหลายแขนงอย่างลึกซึ้ง
ปี 2559 ได้รับปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาไทย ประจำปีการศึกษา 2558 จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อีกทั้งยังได้รับเชิญจากหนังสือพิมพ์มติชน ให้เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจัดทำ “พจนานุกรม ฉบับมติชน” และได้รับการเลือกให้เป็นนายกสมาคมสื่อมวลชนเพชรบุรี จ.เพชรบุรี คนที่ 2 ต่อจาก นางประโยชน์ สุนทรวาทะ ซึ่งเป็นนายกก่อตั้ง และตำแหน่งอื่นๆ อีกมากมาย
นายล้อมสมรสกับ ผศ.เบ็ญจา เพ็งแก้ว มีบุตร-ธิดาด้วยกัน 7 คน คือ น.ส.กมลพรรณ (ใหญ่) น.ส.พรรณประไพ (เล็ก) น.ส.นิพัทธ์พร (เอียด) น.ส.ก่องแก้ว (แก้ว) น.ส.กนิษฐา (ก้อย) นายขับพล (ก้อง) และ น.ส.รจน์ (กิ่ง) เพ็งแก้ว
ครอบครัว “เพ็งแก้ว” ได้แจ้งกำหนดการรดน้ำศพ เวลา 16.00 น. พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น. ในวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม และกำหนดสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม-5 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ณ วัดยาง อ.เมือง จ.เพชรบุรี โดยจะมีพิธีบรรจุศพในคืนสุดท้าย เพื่อรับพระราชทานเพลิงศพในโอกาสต่อไป
ขอบคุณ : มติชนออนไลน์
อ่านข่าว : ปารีสเกมส์ ขอโทษชาวคริสต์ดรามาพิธีเปิด The Last Supper
"สุธาสินี" ตกรอบแรกปารีสเกมรอลุ้นประเภททีม 5 ส.ค.
“บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่าย” ชี้แจง ก.พ.ค.ตร.ครั้งสุดท้าย 30 ก.ค.ปมอุทธรณ์คำสั่งให้ออกฯ
วันนี้ (26 ก.ค.2567) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เปิดเผยว่า ได้รับทราบรายงานจากคณะผู้แทนไทยที่เดินทางไปร่วมการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ณ กรุงนิวเดลี อินเดีย ว่า ได้ขอให้ที่ประชุมเลื่อนการพิจารณาการรับรองอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกให้เร็วขึ้น เป็นวันที่ 27 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 คาดว่าจะมีการพิจารณาในลำดับที่ 6 ในช่วงเช้าของการประชุม ขณะที่วันนี้จะมีการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม "สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา" เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลกด้วย
หากอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ผ่านการพิจารณา จะเป็นมรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย และแห่งที่ 2 ของอุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งเมื่อปี 2566 เมืองโบราณศรีเทพ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากศักยภาพของภูพระบาท และการเตรียมข้อมูลที่สมบูรณ์ของคณะทำงานในการนำเสนอ เชื่อมั่นว่าภูพระบาทจะได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่อย่างแน่นอน
ทางกรมศิลปากรจะถ่ายทอดบรรยากาศส่งตรงรัฐอินเดีย และจัดการแถลงผลการประกาศ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ให้ได้ร่วมลุ้นไปพร้อมกันทั่วประเทศ ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของกรมศิลปากร
ร่วมส่งกำลังใจช่วยเชียร์ให้ภูพระบาทได้รับการรับรองเป็นมรดกโลก ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงและเป็นเกียรติภูมิที่สำคัญบนเวทีโลกต่อไป
อ่านข่าว : ครม. เห็นชอบเสนอ "อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท" ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก
ลุ้น "อุทยานฯ ภูพระบาท" ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก 26-29 ก.ค.นี้
นาทีประวัติศาสตร์ ประกาศขึ้นทะเบียน "เมืองโบราณศรีเทพ" เป็นมรดกโลก