จ่ายไร่ละ 1,000 ถึงมือ 3.8 ล้านคน แนะตรวจสอบสิทธิก่อนกดเงิน

Sat, 2 Dec 2023 19:36:00

วันนี้ (2 ธ.ค.2566) นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า กรณีที่เกษตรกรเดินทางไปกดเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 หรือเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท แต่ยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี

ธ.ก.ส.ตรวจสอบแล้วพบว่าในพื้นที่ดังกล่าว มีแผนการจ่ายเงิน  2 ธ.ค.แต่เกษตรกรไปกดเงินในวันที่ 1 ธ.ค.จึงไม่สามารถกดเงินได้

เกษตรกร 3.8 ล้านคนรับเงิน 44,433 ล้านบาท

ทั้งนี้การโอนเงินในรอบที่ 1 ได้เริ่มตั้งแต่ 28 พ.ย.–2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยวันที่ 28 พ.ย.ถือเป็นการ Kick off การโอนเงินอย่างเป็นทางการวันแรก ธ.ก.ส.จึงประกาศโอนเงินไปยังจุดต่างๆ ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ครอบคลุมจังหวัดในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ทุกสาขา

ส่วนภาคอื่น ๆ โอนเฉพาะสาขาอำเภอเมือง หรือสาขาที่ร่วมกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ และได้ทยอยโอนเงินไปยังภาคต่าง ๆ ครบทุกภาค ตามรายชื่อเกษตรกรที่ ธ.ก.ส. ได้รับจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 วันติดต่อกันรวม 3,817,901 ครัวเรือน จำนวนเงิน 44,433 ล้านบาท และโอนเงินสำเร็จ 3,817,640 ครัวเรือน จำนวนเงิน 44,430 ล้านบาท

มีรายชื่อที่โอนเงินไม่สำเร็จ 261 ครัวเรือน จำนวนเงิน 3 ล้านบาท สาเหตุที่โอนเงินไม่สำเร็จเนื่องจากบัญชีที่แจ้งไว้ถูกปิดไปแล้ว บางบัญชีถูกอายัด บางบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหวนาน จึงถูกยกเลิก

อ่านข่าว ยิ้มแก้มปริ! จ่ายแล้วเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ให้เกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน

เป้าหมาย 4.68 ครัวเรือน

นายกษาปณ์ กล่าวอีกว่า การโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในครั้งนี้ มีเป้าหมายเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงิน 54,336 ล้านบาท โดยสนับสนุนในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือ 20,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรอีกกว่า 800,000 ครัวเรือน ที่อยู่ในกระบวนการเตรียมโอนเงิน เนื่องจากธนาคารรอรับข้อมูลการลงทะเบียนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจากกรมส่งเสริมการเกษตรเพิ่มเติม

อีกทั้งและในการตรวจสอบบางกรณีพบว่า ชื่อที่ขึ้นทะเบียนไม่ตรงกับชื่อบัญชี หรือบัญชีเงินฝากที่แจ้งไว้ไม่มีความเคลื่อนไหว บัญชีถูกปิดหรือถูกอายัด รวมถึงสถานะผู้ได้รับสิทธิเมื่อตรวจสอบพบว่าเสียชีวิต ต้องมีการปรับเปลี่ยนผู้รับประโยชน์

ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการรับเงินตามสิทธิ์ ขอให้เกษตรกรโปรดตรวจสอบข้อมูลในการรับสิทธิ์ผ่าน https://chongkho.inbaac.com  และตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมงโดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family

ทั้งนี้ ในส่วนของเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียน กับกรมส่งเสริมการเกษตร ธ.ก.ส.  จะเร่งตรวจสอบข้อมูล และโอนเงินให้เกษตรกรในลำดับถัดไป โดยจะโอนเงินภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลทะเบียนรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวภายใน 3 วันทำการ ตั้งแต่ตอนนี้จนถึง ก.ย.2567

และกรณีที่เกษตรกร มีหนี้ค้างชำระและประสงค์ที่จะนำเงินมาชำระหนี้ เพื่อลดภาระหนี้ของตนเอง และรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากธนาคารสามารถทำได้โดยสมัครใจ ซึ่ง ธ.ก.ส.ไม่มีนโยบายบังคับแต่อย่างใด 

อ่านข่าว

ชาวนาเฮ ! รัฐบาลไฟเขียว สั่งพักหนี้-หนุนจ่ายไร่ละ 1,000 บาท

ไทยส่งออกข้าวเพิ่ม 10% ยังติดหล่มพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ช้า


รูดม่าน "Zipmex " บันทึกผู้เสียหาย ในวันไร้หวังได้เงินคืน

Sat, 2 Dec 2023 12:19:00

เกือบ 2 ปีที่ผู้เสียหายมากกว่า 70,000 คน มูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านบาท หลังจาก “Zipmex Thailand” ประกาศระงับการเพิกถอนเงินบาท และเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี  โดยผู้บริหาร Zipmex Thailand ให้เหตุผลว่า ความผันผวนของตลาดและปัญหาทางการเงินที่เกิดจากคู่ค้าทางธุรกิจหลักที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท

และเพื่อรักษาเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม บริษัทฯจึงระงับการถอนทุกกรณีชั่วคราวเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่า สุดท้ายแล้วผู้เสียหายที่ลงทะเบียนกว่า 400 คนจะได้เงินคืนหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ออกมาแสดงตัว

ทั้งนี้ “Zipmex” เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐถึง 4 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ถือเป็นอีกหนึ่ง Exchange ที่มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในปี 2565 ไม่น้อยหน้า Bitkub

หลังเกิดเหตุดังกล่าว ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย Zipmex Thailand เคยเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษกับทีมผู้บริหาร Zipmex ไทยแลนด์กับตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1(สอท.1) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เพื่อขอให้เข้าไปตรวจสอบและรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูงถึง 3,000 ล้านบาท แต่คดีไม่คืบหน้า

เปิดใจผู้เสียหายZipmex Thailand

หนึ่งในผู้เสียหายในกลุ่มVIP เปิดใจกับ "ไทยพีเอสออนไลน์"ลงทุนซื้อเหรียญลูน่าและคริปโตเคอเรนซึ่กับบริษัทดังกล่าวจำนวน 500,000 บาท แม้ว่าตัวเลขจะไม่สูงแต่ก็เป็นเงินที่เก็บหอมรอมริบมาเพื่อหวังว่าจะให้เงินทำงานในยามเกษียณ

ขณะที่ผู้เสียหายบางรายมีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักหลายล้านบาท บางรายมากถึง22ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย ทำให้ผู้เสียหายบางคนอถึงขั้นถอดใจไม่หวังจะได้เงินคืนแต่จะฟ้องคดีอาญากับบริษัทและผู้บริหาร Zipmex Thailand แทน

"กล้วยหอมทองเสิงสาง" รุกตลาดเอเซีย ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 5,000 ตัน

ตระกูลดังนั่งเป็นที่ปรึกษา-กรรมการเพียบ

สำหรับบริษัท Zipmex Thailand ในช่วงก่อตั้งมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท หลังจากนั้นก็เพิ่มทุนเป็น 120 ล้านบาท โดยวิธีการบริหารจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน โดยขั้นแรก จะมีการเปิดระดมทุนจากกลุ่มธุรกิจรายใหญ่มัการลงทุนมูลค่า 2,200 ล้านบาท ผู้ร่วมทุนประกอบด้วย บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB), บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) และบจ.กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยมีกลุ่มที่มาจากตระกูลดังเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารและมีชื่อเป็นกรรมการ เช่น ยิ้มวิไล-ลิ่มพงศ์พันธุ์-มหากิจศิริ ขณะที่การออกเหรียญ ZMT มี จะมีบุคคลใกล้ชิดซึ่งเป็นทีมที่ปรึกษาในหลายรัฐบาลร่วมด้วย

ผู้เสียหายรายหนึ่ง ระบุว่า หลังจากมีการระดมทุนสำเร็จ ได้มีการตั้งบริษัทลูก คือ  Zipmex เทคโนโลยี พบว่ามีการนำเอกสารไปใช้ลงทุน เช่น กู้ยืมเงินกันแล้วไม่ยอมคืน และมีการเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชี ผู้ทำบัญชี ทุกปี สาเหตุที่ผู้เสียหายสามารถเข้าไปตรวจสอบเอกสารได้ เนื่องจากทางบริษัทฯได้ยื่นงบการเงินต่อกระทรวงพาณิชย์ จึงพบว่า มีการทำสัญญากู้ยืมระหว่างกันแล้วไม่ยอมคืนกัน มูลค่า 1,000 ล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย

แอบนำเงินผู้เสียหายค้ากำไร "สิงคโปร์"

จังหวะที่บริษัทเปิดระดมทุนเมื่อปี 2565 ทาง Zipmex Thailand ได้ประกาศว่ากำลังเจรจาระดมทุนกับบริษัท คอยเบสน์(Coinbase) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯเพื่อที่บริษัทจะอัพเกรดไปในระดับSeries B หากได้เงินทุนจากคอยเบสน์ มูลค่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ข้อสังเกตว่า ในช่วงที่บริษัทกำลังมีปัญหา แต่พบผู้บริหาร Zipmex ได้ใช้วิธีการชักชวนโดยโฆษณากับลูกค้าว่า ถ้าได้เงินจากคอยเบสน์มาทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งระหว่างการเจรจาเข้าใจว่าคอยเบสน์ก็ตรวจสอบบริษัทที่เขาจะเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน สุดท้ายแล้วคอยเบสน์ก็ออกมาปฎิเสธไม่ร่วมทุนกับ Zipmex Thailand ในวันที่ 20 ก.ค.2565

ในระหว่างนั้น เกิดเหตุการณ์สำคัญ คือวันที่ 27 พ.ย. 2565 ทาง Zipmex ให้ลูกค้ากดปุ่มยอมรับ คนไทยเรียกว่า “ปุ่มนรก”โดยบริษัทอ้างกับศาลสิงคโปร์ว่าสินทรัพย์ของ Zipmex Thailand ถูกโอนด้วยความยินยอมของผู้เสียหายไทยเอง

ทั้งๆที่กลุ่มผู้เสียหายไทย Zipmex Thailand ไม่ทราบว่า ปุ่มที่กดยอมรับ คือ การยอมให้โยนทรัพย์สินของผู้ลุงทุนไปสิงคโปร์บริหารจัดการ และหากไม่กดปุ่มยอมรับก็จะเข้าสู่หน้าเว็บของบริษัทไม่ได้

ในฐานะผู้ลงทุน เรามองว่าไม่แฟร์ เพราะบริษัทปิดบังข้อมูล ซึ่งตามกฎหมายไทยสินทรัพย์บริษัทกับสินทรัพย์ของลูกค้าต้องแยกออกจากกัน และจะเอาไปหาผลประโยชน์ไม่ได้ ซึ่งทางซีอีโอ ซิมเม็กซ์ ทราบอยู่แล้ว เพราะเป็นนักกฎหมาย จึงไม่มีทางที่จะมาอ้างไม่รู้

ขายฝันให้เงินคืนผสห. 100 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เสียหายได้ติดตามทวงสินทรัพย์คืนจากผู้บริหาร หรือซีอีโอ ซิมเม็กซ์ มาตลอดเกือบ 2 ปี คำตอบที่ได้รับ คือ การขายฝันให้ลูกค้าว่า ทุกคนจะได้คืน100 เปอร์เซ็นต์ เพราะขณะนี้ได้ยื่นแผนขอฟื้นฟูกิจ การไปที่ศาลสิงคโปร์แล้ว ซึ่งทุกคนก็รอคอยอย่างมีความหวังแม้ว่าจะนาน

แต่ผ่านไปปีครึ่งก็ไม่ได้เงินอย่างที่แจ้งไว้กับลูกค้าแต่อย่างใด เนื่องจากเขาหาผู้ลงทุนไม่ได้ เพราะการขอฟื้นฟูมีระยะเวลาของแผน แต่พอแผนไม่สำเร็จภายในที่ศาลกำหนดก็หมดอายุต้องทำแผนขึ้นมาใหม่

ยื่นฟื้นฟูรอบ2 ตัด Zipmexไทยและอินโดฯออก

วันที่ 20-21 ส.ค.2565 บริษัทฯได้ยื่นแผนฟื้นฟูฉบับที่ 2  เพื่อขอยืนฟื้นฟูกิจการ Zipmex Asia Pte Ltd กับ Zipmex Pte Ltd ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในสิงคโปร์ทั้ง 2 แห่ง และ Zipmex Australia Pty Ltd (จดทะเบียนในออสเตรเลีย)

ในขณะที่ Zipmex Thailand และ PT Zipmex Exchange Indonesia (จดทะเบียนในอินโดนีเซีย) ไม่ได้อยู่ในแผนสอง โดยอ้างว่า ไม่สามารถทำตามแผนเดิมได้สมบูรณ์ เพราะว่าผู้ลงทุนเก่ายกเลิก จึงทำให้ต้องยกเลิกแผนเก่าทั้งหมด

อึ้ง “ก.ล.ต.” แจงรู้พร้อมผู้เสียหาย

ผู้เสียหายจาก Zipmex กล่าวว่า ที่ทำให้ผู้เสียหายเจ็บปวด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ก็ไม่ทราบ แจ้งกับพวกเราว่าทราบพร้อมคนไทยตอนที่เกิดปัญหา ทำให้ผู้เสียหายไม่เข้าใจว่า ตอนเหตุการณ์เหรียญลูน่าล่มสลาย คนไทยถูกล็อกบัญชี ไม่ให้มีการถอนเงินออกจากบัญชี ในฐานะที่ก.ล.ต.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูเรื่องนี้กลับไม่รู้ว่ามีการเอาทรัพย์สินของคนไทยไปสิงคโปร์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566 ศาลสิงคโปร์เปิดให้ เจ้าหนี้ ขออนุมัติในการโหวต ลูกหนี้ คือ Zipmex สิงคโปร์ เปิดประชุมออนไลน์และให้เวลาสองสัปดาห์ ว่า ผู้เสียหายจะเห็นด้วย /ไม่เห็นด้วย/งดออกเสียง กับแผนฟื้นฟูกิจการฉบับที่ 2 สิ่งที่ผู้เสียหายมองว่า “ไม่แฟร์” คือ ตลอดระยะเวลาที่มีคดีที่ศาลสิงคโปร์

ทางผู้เสียหายคนไทยไม่ได้เดินทางไปขึ้นศาลเพื่อชี้แจงว่าคนไทยไม่ได้ยินยอมให้ Zipmex นำทรัพย์สินของคนไทยมาเทรดที่สิงคโปร์ มีแต่ทางผู้บริหาร Zipmex อ้างว่าผู้เสียหายทางไทยยินยอมให้นำสินทรัพย์มาเทรดที่สิงคโปร์ด้วยความสมัครใจ

ก.ล.ต.สั่งปรับ Zipmex ไป11 ล้านบาท สำหรับบริษัทและกรรมการ ซึ่งมูลค่ามันน้อยมากถ้าเทียบกับสินทรัพย์ของผู้เสียหาย และในส่วนของผู้บริหารมีเพียง ซีอีโอ ซิมเม็กซ์เพียงคนเดียวที่ถูกปรับ ในขณะที่กรรมการคนอื่นไม่โดนและไม่มีใครออกมาชี้แจง ซึ่งพอโดนปรับก็จ่ายเงินจบคดีไป แล้วก็ไม่เอคชั่นอะไรที่ศาลสิงคโปร์

ผู้เสียหายคนเดิมกล่าวอีกว่า มีการแอบไปขายสัญญาจองซื้อหายหุ้น Zipmex Thailand ซึ่งก็คือบริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลจีส์ จำกัด ที่มีนายเฉลิมชัย มหากิจศิริเป็นผู้ถือหุ้นและการขอฟื้นฟูกิจการรอบที่ 2 บริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลจีส์ จำกัดก็แอบทำสัญญาจองซื้อขายหุ้นอีก

โดยทางซีอีโอ ซิมเม็กซ์ ชี้แจงเพียงว่า คนไทยอย่าไปกลัว ตัวเขาจะหาผู้ลงทุนเพิ่มเพราะถ้าหาผู้ลงทุนเพิ่มปัญหาอยู่ที่เงินทุนก็จะต้องแก้ด้วยเงิน 

ผู้เสียหายกล่าวว่า วี เวนเจอร์ส เทคโนโลจีส์ มีส่วนครั้งแรก ตั้งแต่ช่วงเข้าไปยืนแผนฟื้นฟูกิจการครั้งแรก โดยไปทำสัญญาจองซื้อหุ้นก่อนศาลสิงคโปร์จะอนุมัติ และเมื่อขอแผนฟื้นฟูครั้งที่2 เขาก็ทำลักษณะนี้อีก

โดยเขียนระบุว่า การโอนขายหุ้นคราวนี้เขาไม่ได้เขียนจองซื้อหุ้นแต่เป็นการซื้อหุ้น และนำหุ้นของ Zipmex คนไทยไปโอนให้วี เวนเจอร์ส โดยจ่ายเงินเบื้องต้นไปแล้ว และโอนเงินส่งใบทรานสคริปใหผู้เสียหายดูการโอนเงินจองแล้ว

ถามว่า วี เวนเจอร์ส รู้เห็นหรือไม่ ไม่รู้ แต่พฤติกรรมซ้ำซากมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ยื่นแผนแรกและแผนที่สองก็ทำเหมือนเดิม อย่างน้อยเรามองในสายผู้เสียหาย คุณเป็นตัวการร่วมเป็นผู้สนับสนุน ก็เป็นผู้ใช้หรือไม่

ก.ล.ต.ทำได้แค่จี้ Zipmex เร่งแก้ไข

โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของกลุ่มบริษัทZipmex ได้มีคำสั่งประกาศ ระงับซื้อขายและฝากสินทรัพย์ชั่ว คราวโดยให้มีผลทันทีเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

ขณะที่สิ่งที่ "ก.ล.ต."ทำได้ คือ สั่งการตามข้อ 16/ 1(3) ของประกาศดังกล่าว ให้ Zipmex ดำเนินการเพื่อให้สามารถดำรงสถานะเงินกองทุนได้ตามที่กำหนด และคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ 

โดยขอให้ยื่นแผนการแก้ไขปัญหาการดำรงเงินกองทุนต่อ ก.ล.ต. ดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาการดำรงเงินกองทุนที่ได้ยื่นต่อ ก.ล.ต. ตามข้อ (1) เพื่อให้สามารถกลับมาดำรงเงินกองทุนภายในระยะเวลาแผนดังกล่าว

ดำเนินการให้ลูกค้าสามารถถอน หรือโอนย้ายทรัพย์สินเงินบาท และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ได้รับข้อติดขัดในการดำเนินการดังกล่าว

ให้ Zipmex เตรียมความพร้อมของระบบงาน และบุคลากรในจำนวนที่เพียงพอต่อการดูแลรักษาทรัพย์สินของลูกค้าและดำเนินการตามความประสงค์ของลูกค้าตามข้อ (3)

ในการนี้ลูกค้าทุกท่านยังสามารถถอนเงินบาทและสิน ทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ใน Trade Wallet ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ Zipmex และแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567

อย่างไรก็ตามกรณีของสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทซื้อขายได้อย่างเดียว (Trade Only) ให้ติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ Customer Support เพื่อดำเนินการถอนเท่านั้น

และหลังจากวันที่ 31 มกราคม 2567 เมื่อบริษัท Zipmex ระงับการถอนสินทรัพย์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าต้องติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ Customer Support เท่านั้น โดยสินทรัพย์ดิจิทัลอาจต้องใช้ระยะเวลา 7-14 วัน ขั้นตอนการถอนจึงจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ กรณีที่ลูกค้าทำรายการถอนสินทรัพย์ผ่านเจ้าหน้าที่ Customer Support ลูกค้าต้องจัดเตรียมเอกสารประกอบเพื่อยืนยันตัวตนและพิสูจน์ความเป็นเจ้าของบัญชีที่แท้จริงด้วย

จึงเป็นมหากาพย์เรื่องยาวที่น่าติดตามว่า ผู้เสียหายทั้งหมดจะได้เงินคืนได้หรือไม่ หรือสุดท้ายเรื่องจะเงียบหายไปเหมือนเคยเป็นมา

สัญญาณเตือน ? นทท.จีนเมินเที่ยวไทย "ฟรีวีซา" สิ้นมนต์ขลัง

"Future Food" เทรนด์อาหารโลก อนาคตคนรุ่นใหม่ บนวิถียั่งยืน

 


"ภูมิธรรม"ชวนนักลงทุนยุโรป ดัน "FTA ไทย-อียู "เปิดตลาดสินค้าไทย

Sat, 2 Dec 2023 11:36:00

วันที่ (2 ธ.ค. 2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เพื่อสร้างสัมพันธ์ทางการค้าและยกระดับเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง กระทรวงพาณิชย์ได้หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC) จำนวน 39 ราย จาก 24 บริษัท ในการสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดการลงทุนของบริษัทชั้นนำจากยุโรป

นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์  หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์ หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

คณะนักธุรกิจ EU-ABC และ EABC เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ของยุโรปทำธุรกิจในอาเซียนและในไทย เช่น แอร์บัส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มิชลิน ฟรีซแลนด์-คัมพีน่า ดีเอชแอล พรูเดนเชียล โนวาร์ตีส 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับแผนจัดทำความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA กับ สหภาพยุโรป หรืออียู มีเป้าหมายสรุปการเจรจาให้ได้ภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนระหว่าง ไทยและอียู และแผนทบทวนและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย สร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจการลงทุน เพื่อรองรับการเปลี่ยน แปลงของสถานการณ์โลก

อย่างไรก็ดี การปฏิบัติตามกฎระเบียบการค้าใหม่ ๆ ทุกประเทศและทุกฝ่ายควรร่วมกันอย่างฉันมิตร คำนึงถึงข้อเท็จจริง และระดับความแตกต่าง มีความยืดหยุ่นเพื่อให้แต่ละประเทศมีระยะปรับตัว โดยให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ-เอกชน และเอกชน-เอกชน อย่างใกล้ชิด


นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์  หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์ หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

ในส่วนผู้แทนภาคธุรกิจของฝั่งยุโรปพร้อมสนับสนุนและผลักดัน FTA ไทย–อียู กลับมาเจรจาอีกครั้ง และได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้ภาคเอกชน

ทั้งนี้ อียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) ไทยและอียูมีการค้าระหว่างกันรวม 35,013.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือจำนวน 1,206,685.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 1.96 มีสัดส่วนการค้ารวมคิดเป็นร้อยละ 7.30 ของการค้าทั้งหมด ของไทยกับโลก

นายภูมิธรรม  เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์  หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกและ รมว.พาณิชย์ หารือผู้แทนสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจ และการพาณิชย์ (EABC)

ไทยส่งออก 18,247.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 624,969.91 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 4.42 และนำเข้า 16,765.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือจำนวน 581,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 9.94 ได้เปรียบดุลการค้า 1,482.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 43,254.23 ล้านบาท

โดยสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาง

ส่วนสินค้านำเข้าประเภท เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรม และเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์

ทั้งนี้ไทยตั้งเป้าสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-อียู ภายใน 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2568


5 ธ.ค.นี้ ขึ้นทางด่วนฟรี 3 สายทาง รวม 60 ด่าน

Fri, 1 Dec 2023 19:41:00

วันนี้ (1 ธ.ค.2566) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง ในวันอังคารที่ 5 ธ.ค.2566 (วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร) ตั้งแต่เวลา 00.01 - 24.00 น. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการประจำปีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้

​โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทานฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษได้อีกด้วย​

อ่านข่าวอื่นๆ :

"ไทยพีบีเอส" คว้ารางวัลสื่อมวลชนสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมคนพิการ ปี 2566

ลด 20% คนจองตั๋วออนไลน์ เดินทาง "ไปก่อน-กลับทีหลัง" ปีใหม่


"บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์" ทุ่ม 5,164 ล้านบาท ดัน "เฟสติวัล-อาหาร-ท่องเที่ยว"

Fri, 1 Dec 2023 11:43:00

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2566 นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการที่แต่ละโครงการ กิจกรรม และอุตสาหกรรมซอฟต์เพาเวอร์ไทยทั้ง 11 ด้าน ได้เสนอ รวม 5,164 ล้านบาท ได้แก่ 

อ่านข่าว : ดัน "มวยไทย" Soft Power บรรจุโอลิมปิกเกมส์ ปี 2032

หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนจะหารือสำนักงบประมาณ เนื่องจากบางส่วนอาจมีตั้งงบฯไว้แล้วของภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และจะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการซอฟพาวเวอร์แห่งชาติอีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.2567

อ่านข่าว : ติดขอบสนาม "ลิซ่า BLACKPINK" ชมเกม PSG-นิวคาสเซิล

ช่วงเดือนสงกรานต์ ตั้งเป้ารายได้ 35,000 ล้านบาท

ส่วน นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเฟสติวัล กล่าวว่า การส่งเสริมประเพณีของไทยสู่สายตาชาวโลกให้หันกลับมามองประเทศไทยอีกครั้ง ผ่านกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในช่วง 1 ปี ภายใต้อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 

ในปีหน้า เตรียมกิจกรรมไว้ 10,000 กิจกรรม โดยกิจกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งปี ได้แก่ งานสงกรานต์ "World Water Festival" ซึ่งจะจัดงานยิ่งใหญ่ ตลอดทั้งเดือน เม.ย. ใช้พื้นที่ "กรุงเทพมหานคร" เป็นหลัก ที่ถนนราชดำเนิน มีขบวนแห่ 3 วัน 3 คืน และมีเวทีโดยรอบ 3 เวที ท้องสนามหลวง

ขณะที่สะพานผ่านฟ้าและลานคนเมือง มีกิจกรรมตลาดไทยย้อนยุค ดนตรีไทย ลีลาศ การแสดง งานอาร์ท ฉายหนังไทย ต่อยมวย รวมทุกกิจกรรม 11 ซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมทั้งจะจัดหาการแสดงและศิลปินระดับโลกในประเทศต่าง ๆ มาร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ไทยในงานสงกรานต์เพื่อก่อให้เกิดค้าขายความสนุกและความเป็นสิริมงคลในช่วงปีใหม่ไทย เมื่อต่างชาตินึกถึงสงกรานต์หวังให้นึกถึงประเทศไทยเป็นหลัก

อ่านข่าว : กรมควบคุมโรค วอนช่วยกันยุติเอดส์ หลัง 50% ของผู้ติดเชื้อ"เยาวชน"

ขณะเดียวกันต้องการปั้นงานสงกานต์ไทยให้เป็น IP festival เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานสงกรานต์ และหวังให้นักท่องเที่ยววางแผนในการท่องเที่ยวประเทศไทยไว้ล่วงหน้าได้ และทุก festival ที่จัดจะต้องเกิดการสร้างรายได้ในทุกพื้นที่ และนอกจากจะสร้างภาพรักของประเทศไทยให้โดดเด่นเวทีโลกขณะเดียวกันจะต้องสร้างรายได้ด้วย ชี้รายได้ในช่วงสงกรานต์สามารถสร้างรายได้กว่า 35,000 ล้านบาท

คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์จะประชุมอีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.2567 และจะสรุปงบฯ ในการดำเนินการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทีมไทยแลนด์ที่ต้องจัดงานสงกรานต์ให้เด่น และให้งานสงกรานต์เป็นของประเทศไทยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ งบประมาณที่ตั้งขึ้นจะเข้าคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นซุปเปอร์บอร์ดก่อนที่จะเสนอให้กับ ครม.พิจารณาต่อไป และการใช้งบฯดังกล่าว อาจจะไม่ทันต่อช่วงสงกรานต์ ในปี 2567 ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายงบฯ ปี 2567 โดยจะขออนุมัติใช้งบกลางจากคณะรัฐมนตรีต่อไป

อ่านข่าวอื่น ๆ

ป.ป.ช.ปัตตานีเดินหน้าตรวจสอบโครงการขุดลอก 10 โครงการกว่า 100 ล้านบาท

"ภูชี้ฟ้า" ห้ามนักท่องเที่ยวฝ่าแนวเชือก-เช็กอินจุดชมวิว

ลด 20% คนจองตั๋วออนไลน์ เดินทาง "ไปก่อน-กลับทีหลัง" ปีใหม่


สัญญาณเตือน ? นทท.จีนเมินเที่ยวไทย "ฟรีวีซา" สิ้นมนต์ขลัง

Fri, 1 Dec 2023 09:38:00

ประเทศไทยก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อย “นักท่องเที่ยวชาวจีน”นับว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ขนเงินมาใช้จ่ายสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนไทยอย่างมหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า ประเทศไทยไม่หอมหวานเหมือนในอดีต แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการฟรีวีซาให้กับนักท่องเที่ยวจีนโดยหวังว่าจะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศเหมือนเดิม

แต่ความเป็นจริงกลับพบว่าตัวเลข 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.2566) นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเพียง 3,013,190 คนต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 4,040,000-4,400,000 คน

นักท่องเที่ยวจีน

นักท่องเที่ยวจีน

South China Morning Post ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีน เริ่มหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไทยจากภาพยนตร์อาชญากรรมเกี่ยวกับการลักพาตัวของประเทศจีน ที่มีการกล่าวอ้างอิง หรือลักษณะต่าง ๆ ดูเหมือนจะเป็นประเทศไทย

ซึ่งกำลังเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดียในจีน รวมถึงข่าวการลักพาตัวชาวจีนในก่อนหน้านี้ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง เนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย

ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยปี 2566 อยู่ที่ 4,040,000-4,400,000 คน สร้างรายได้ 226,240-246,400 ล้านบาท

สถานที่ท่องเที่ยวในประเะทศไทย

สถานที่ท่องเที่ยวในประเะทศไทย

คาดว่าสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยไม่ถึงเป้าน่าจะอยู่ที่ 3,400,000-3,500,000 คน มีค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ยต่อทริป อยู่ที่ 56,000-58,000บาท สร้างรายได้เข้าประเทศ 190,000-196,000 ล้านบาท

ส่วนเป้าปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย 8,200,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 451,800 ล้านบาท

ข้อมูลจากกองกลยุทธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุสถิตินักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.2566 ประกอบกับการประมาณการ Seat Capacity มี 4,400,000 ที่นั่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-23 พ.ย.2566 มีนักท่องเที่ยวจีน 3,031,190 คน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 12.62 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย รองจากมาเลเซีย ที่มีจำนวน 3,636,273 คนหรือ ร้อยละ 15.23

สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทย

สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทย

"กล้วยหอมทองเสิงสาง" รุกตลาดเอเซีย ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 5,000 ตัน

จีนแห่เที่ยว "ฮ่องกง-มาเก๊า"จุดหมายใหม่ 

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการ ด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีคนจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ 40 ล้านคนในจำนวนนั้นมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปมาเก๊าและฮ่องกงประมาณ ร้อยละ 80 ของชาวจีนที่เดินทางออกต่างประเทศทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วน มาเก๊า ร้อยละ 50 ฮ่องกง ร้อยละ 26.66 ญี่ปุ่นร้อยละ 2.42 และไทยมีเพียง ร้อยละ 3.27เท่านั้น

นักท่องเที่ยวจีนมาไทยเป็นอันดับ1 รองลงมาเป็นญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวแบบFIT (นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพักตามลำพัง)ร้อยละ 86 และอีกร้อยละ 14 มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่ถือว่ายังไม่มากพอ
สถานที่ท่องเที่ยวในประเะทศไทย

สถานที่ท่องเที่ยวในประเะทศไทย

"Golden Week" ยอดจองเที่ยวไทยลด

นาย ฉัททันต์ กล่าวอีกว่า จังหวัดที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทาง 10 อันแรก คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี หนองคาย ประจวบคีรีขันธ์ และสตูล ซึ่งนิยมเที่ยวแบบ Rooftop Bar มิชลินฟู๊ด ชอปปิ้ง รับประทานอาหารไทยนวดและสปา สถานที่ประวัติศาสตร์ กิจกรรมชายหาด และแสงสียามค่ำคืน

อย่างไรก็ตามในครึ่งปีหลังช่วง Golden Week 28 ก.ย.-7ต.ค.2566 ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวของชาวจีน พบว่า มีนักท่องเที่ยวจีนที่มายังไทยเพียง 135,954 คน เทียบกับช่วงหลัง Golden Week ลดลงถึงร้อยละ 36

สอดคล้องกับรายงานของCtrip ระบุว่า ยอดจองการเดินทางของไทยลดลงถึงร้อยละ 40 ซึ่งเป็นสัดส่วนการลดลงของนักท่องเที่ยวตามปกติหลังช่วงหยุดยาวและจำนวนที่นั่งของเที่ยวบินขาออกจากจีนยังคงต่ำกว่าปี 2019 ประมาณร้อยละ 50

นักท่องเที่ยวจีน

นักท่องเที่ยวจีน

แต่ทั้งนี้ จำนวนที่นั่งของเที่ยวบินขาออกจากจีนในช่วงเดือนต.ค.2566 ถึงมี.ค.2567 อยู่ประมาณ 16,330 เที่ยวบิน 3,542,993 ที่นั่ง โดยช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางคือ ตรุษจีน วันแรงงาน วันชาติจีน และช่วงปิดเรียนภาคฤดูร้อน

นาย ฉัททันต์ กล่าวว่า สำหรับแผนการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาในปี 2567 เน้นการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการจัดกิจกรรม Media and Agent fam Trip เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการขาย หรือการเชิญ KOL/KOC ที่มีชื่อเสียงบนแพลตฟอร์มร่วมเดินทางมายังไทยและนำเสนอคอนเทสต์เชิงบวกให้กับการท่องเที่ยวไทย เป็นต้น

พฤติกรรมทัวร์จีนเปลี่ยนเน้นเที่ยวกลุ่มเล็ก

กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายและรายได้สูง และกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายของไทย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่างๆ เช่น ความกังวลเรื่องความปลอดภัยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ชาวจีนให้ความสำคัญมาก ทำให้การเดินทางของชาวจีนอาจจะชะลอตัว

อีกทั้งลักษณะการท่องเที่ยวของชาวจีนเองก็เปลี่ยนเป็นการเดินทางแบบทัวร์กลุ่มเล็กมากขึ้นหรือทัวร์แบบNo-shopping และนิยมเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยถ้าเทียบกับปี2019 ถือว่าน้อย จากปัจจัยเศรษฐกิจภายในของจีน เที่ยวบินที่ลดลง การส่งเสริมเที่ยวในจีน การแข่งขันการท่องเที่ยวของฮ่องกง มาเก๊า หรือเวียดนามที่มีค่าใช้จ่ายในการเที่ยวถูกกว่าไทย

แต่การที่นักท่องเที่ยวจีนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปถือว่าเป็นโอกาสให้ไทยที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่จะสร้างความยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Middle to High Income ที่ยังคงมีกำลังในการจับจ่าย

ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า (ATTA) กล่าวว่า มาตรการฟรีวีซานักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวมาไทยได้มากขึ้น

แต่โอกาสของไทยในการดึงนักท่องเที่ยวจีนมาไทยยังมีอีกมาก หากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เร่งหาวิธีการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในเรื่องของความปลอดภัย

"Future Food" เทรนด์อาหารโลก อนาคตคนรุ่นใหม่ บนวิถียั่งยืน

ยิ้มแก้มปริ! จ่ายแล้วเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ให้เกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน

 


เปิดลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ เริ่มวันนี้ - 29 ก.พ.67

Fri, 1 Dec 2023 07:07:00

วันนี้ (1 ธ.ค.66) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเปิดรับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เช่นที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ได้เตรียมหอประชุม อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู เพื่อรองรับการลงลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ โดยนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู โดยให้อำเภอกำชับทีม 5 เสือ Plus ระดับตำบล ซึ่งมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดปฏิบัติการคุ้ม จะทำหน้าที่เฝ้าระวังสอดส่องบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์ เป็นผู้กระทำผิด

อ่านข่าว นายกฯ ระดม “แก้หนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ เทียบ “ค้าทาสยุคใหม่” 

นอกจากนี้ทางจังหวัดจะพูดคุยเข้าไปรับทราบปัญหาวางแนวทางในการแก้ไขและก็จะส่งเสริมอาชีพให้มีงานทำ เช่น การปลูกผักปลอดสารพิษขาย

อ่านข่าว ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้ มท.เปิดลงทะเบียนขอช่วยเหลือแก้ "หนี้นอกระบบ" 

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการแก้ไขปัญหาหนี้สิน สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง รวมทั้ง ออนไลน์ ที่สามารถลงทะเบียนได้ทาง เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th 

อ่านข่าว เช็กขั้นตอน! ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบทุกอำเภอเริ่ม 1 ธ.ค.นี้ 

ผู้ลงทะเบียนผ่านทางออนไลน์ จะต้องมีการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน ThaID (ไทยดี) ของกรมการปกครอง เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน เมื่อยืนยันตัวตนแล้วให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลตามแบบฟอร์มการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

อ่านข่าว "อนุทิน" เดินหน้าแก้หนี้นอกระบบ เน้นไกล่เกลี่ย - ดึงสถาบันการเงินรีไฟแนนซ์ 

จากนั้น กระทรวงมหาดไทยจะประสานงานเพื่อดำเนินการไกล่เกลี่ยหนี้สินในลำดับถัดไป โดยสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ที่เมนู ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน

อ่านข่าว ออมสิน ปล่อยกู้ 50,000 บาท ช่วยลูกหนี้นอกระบบ 

กรณีไม่สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ให้ติดต่อที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงทะเบียนให้ได้ ผ่านทางออนไลน์ เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66-29 ก.พ.67 ระหว่างเวลา 06.00 น. - 23.00 น. สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชม. 

อ่านข่าว 

ดีเดย์ 1 ธ.ค.นี้ มท.เปิดลงทะเบียนขอช่วยเหลือแก้ "หนี้นอกระบบ" 

 นายกฯ ระดม “แก้หนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ เทียบ “ค้าทาสยุคใหม่” 

 เช็กขั้นตอน! ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบทุกอำเภอเริ่ม 1 ธ.ค.นี้  

 ผุดไอเดียแก้หนี้ ขรก. ลดดอกเบี้ย-ขยายเวลาชำระหนี้อายุ 75 ปี 

 


รปภ.เตรียมเฮ! รมว.แรงงาน ปลดล็อกแก้กฎหมายให้ "ค่าล่วงเวลา"

Thu, 30 Nov 2023 20:15:00

วันที่ (30 พ.ย.2566) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้การต้อนรับ นายชาญศิลป์ ทรัพย์โนนหวาย แกนนำกลุ่มแรงงานเพื่อสังคม และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อหารือถึงแนวทางการทำงานและประสานความร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับลูกจ้างให้ได้รับสิทธิประโยชน์ จำนวน 15 กรณี

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ต้องขอบคุณพวกเรากลุ่มแรงงานเพื่อสังคมที่สะท้อนปัญหาระหว่างพี่น้องแรงงานกับกระทรวง แน่นอนว่าอะไรที่เราสามารถเจรจาได้กระทรวงแรงงานก็จะเจรจาให้ได้ข้อยุติ ส่วนเรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายก็จะให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มาหารือตามกระบวนการของกฎหมาย

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการแก้ไขกฎหมายอัตราการจ่ายค่าจ้างค่าตอบแทนลูกจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) กรณีเกิน 8 ชั่วโมง โดยในเรื่องนี้ได้ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเสนอร่างเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 ธ.ค.2566 นี้

เมื่อผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว กระทรวงแรงงานจะออกกฎกระทรวงเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที เป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ให้กับพี่น้องแรงงาน ซึ่งจะเป็นข้อดีของกลุ่มคนที่ทํางานในอาชีพ รปภ.ถึง 400,000 คน โดยประมาณ

ถามว่าตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีไหม ในอดีตพวกเราก็จะได้ยินแล้วได้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่า ทํางานเป็น รปภ. 12 ชั่วโมง โดยไม่ได้ค่าล่วงเวลา ซ้ำร้ายเพื่อนกะต่อไปไม่เข้ามาเราก็ต้องเข้ากะพ่วงอีกหนึ่งกะเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งผมคิดว่ามันเกินศักยภาพของร่างกายของคนเราที่จะไปทํางานในลักษณะนั้นได้
เพราะฉะนั้นทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานก็ได้มีการออกเป็นกฎกระทรวง ออกมาว่า 1 วัน รปภ. สามารถทํางานได้ 8 ชั่วโมง ถ้าหากว่าจะทํางานเกิน 8 ชั่วโมง ทางนายจ้างต้องให้ค่าล่วงเวลา เหมือนกับอาชีพอื่นทั่วไป
ชาญศิลป์ ทรัพย์โนนหวาย แกนนำกลุ่มแรงงานเพื่อสังคม

ชาญศิลป์ ทรัพย์โนนหวาย แกนนำกลุ่มแรงงานเพื่อสังคม

ด้าน นายชาญศิลป์ ทรัพย์โนนหวาย แกนนำกลุ่มแรงงานเพื่อสังคม กล่าวว่า ในวันนี้ในนามกลุ่มแรงงานเพื่อสังคมรู้สึกดีใจและประทับใจ รมว.แรงงานเป็นอย่างมากที่ให้การต้อนรับอยู่รับฟังปัญหาของลูกจ้างทุกเรื่องทั้ง 15 เรื่อง พร้อมเชื่อในศักยภาพของ รมว.แรงงานว่าจะช่วยแก้ไขปัญหากรณีต่างๆ ของผู้ใช้แรงงานให้ได้รับการคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเร็วต่อไป

อ่านข่าวอื่นๆ :

ลุ้น! นายกรัฐมนตรี จ่อเบรกขึ้นค่าไฟเหลือไม่เกิน 4.20 บาท

รับปีใหม่! พาณิชย์ให้ของขวัญข้ามปี ช่วยลดค่าครองชีพ


ลุ้น! นายกรัฐมนตรี จ่อเบรกขึ้นค่าไฟเหลือไม่เกิน 4.20 บาท

Thu, 30 Nov 2023 17:19:00

วันนี้ (30 พ.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่าไฟงวดใหม่ต้นปี 2567 จาก 3.99 บาทต่อหน่วย เป็น 4.68 บาท ว่า

4.68 บาท โอ้ย ไม่ได้หรอกสูงเกินไป ในฐานะประธานจะต้องมีการเรียกประชุม ไม่ยอมหรอก 

เมื่อถามว่าการปรับขึ้นดังกล่าวสูงกว่าเพดานที่รัฐบาลเคยตั้งไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเข้าไปพูดคุยรายละเอียดทั้งหมดในฐานะประธาน กกพ. ส่วนที่ว่าจะเป็นมาตรการต่อเนื่องหรือไม่ในเรื่องการลดราคาไฟฟ้า ก็ต้องไปนั่งดูก่อนเพราะเป็นเรื่องของงบประมาณด้วย แต่ขึ้นไปถึง 4.68 บาท คงไม่ไหว เยอะเกินไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ามีแนวโน้มที่จะขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวโน้มจะขึ้นจาก 3.99 บาท แต่ไม่ถึง 4.68 บาทแน่นอน

เมื่อถามอีกว่าจะทำในลักษณะวิน-วิน คือทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภคใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

ต้องทำให้ได้ซิครับ ต้องทำให้ได้

อ่านข่าว กกพ. เคาะขึ้นค่าไฟ งวด ม.ค.-เม.ย.67 อยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

พลังงานแจงวุ่น ยันยังไม่เคาะตัวเลข

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ข่าวค่าไฟงวดใหม่ เดือนม.ค.-เม.ย.2567 ในอัตรา 4.68 บาทต่อหน่วย เป็นแค่ตัวเลขเสนอแนะ ส่วนราคาสุดท้าย อยู่ที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงานว่าจะเคาะอย่างไร

ยืนยันว่าราคาขายไฟฟ้าจริงจะไม่ใช่ตัวเลขนี้ ประชาชนผู้ใช้ไฟจะไม่ต้องรับภาระ จนหน้ามืดอย่างแน่นอน โดยพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ซึ่งราคาใกล้เคียงความเป็นจริง 4.20 บาทต่อหน่วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีก

สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค.- เม.ย.2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 


รับปีใหม่! พาณิชย์ให้ของขวัญข้ามปี ช่วยลดค่าครองชีพ

Thu, 30 Nov 2023 15:33:00

วันนี้ (30 พ.ย.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมของขวัญปีใหม่ มอบให้ประชาชน จัดมหกรรมนิวเยียร์ เมกะเซลล์ (New Year Mega Sale) ลดค่าครองชีพประชาชนและกระตุ้นใช้จ่าย ที่เมืองทองธานี วันที่ 20-24 ธ.ค.นี้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมของขวัญปีใหม่ มอบให้ประชาชน จัดมหกรรมนิวเยียร์ เมกะเซลล์ (New Year Mega Sale) ลดค่าครองชีพประชาชนและกระตุ้นใช้จ่าย ที่เมืองทองธานี วันที่ 20-24 ธ.ค.นี้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมของขวัญปีใหม่ มอบให้ประชาชน จัดมหกรรมนิวเยียร์ เมกะเซลล์ (New Year Mega Sale) ลดค่าครองชีพประชาชนและกระตุ้นใช้จ่าย ที่เมืองทองธานี วันที่ 20-24 ธ.ค.นี้

ขณะเดียวกัน ได้รับความร่วมมือผู้ผลิต ผู้ค้า ห้างค้าปลีก จัดลดราคาสินค้ารับปีใหม่ด้วย วันที่ 15 ธ.ค.2566-15 ม.ค.2567 ถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะมีสินค้าให้เลือกมากมายและลดราคาได้มากกว่าที่เคยทำมา 

ขณะนี้กรมการค้าภายใน อยู่ระหว่างการเพิ่มเติมจำนวนผู้ผลิตและผู้ประกอบการรวมถึงห้างร้านต่างๆ ที่จะเข้าร่วมโครงการ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ ซึ่งประเมินว่ามูลค่าที่จะประหยัดได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท

อ่านข่าวอื่นๆ:

"กล้วยหอมทองเสิงสาง" รุกตลาดเอเซีย ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 5,000 ตัน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการปรับเงินเดือนข้าราชการ ค่าแรง ต้นทุนจากค่าไฟ และอื่น สูงขึ้น นั้น ไม่กังวล เพราะถึงเวลาทุกฝ่ายก็จะหาทางออก เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตามคาดว่า กลุ่มสินค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะนำมาลดราคาเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่นี้ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารสำเร็จรูป ข้าวสาร ซอสปรุงรส และเครื่องดื่ม

หมวดของใช้จำเป็น เช่น ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน-อุปกรณ์ช่าง ยาและเวชภัณฑ์ หมวดปัจจัยการเกษตร ทั้งปุ๋ย เคมีเกษตร และอาหารสัตว์ กลุ่มบริการ ได้แก่ หมวดบริการทางการแพทย์ หมวดบริการซ่อมและบำรุงรักษารถยนต์ และหมวดบริหารขนส่งสินค้า/พัสดุ

อ่านข่าวอื่นๆ:

กกพ. เคาะขึ้นค่าไฟ งวด ม.ค.-เม.ย.67 อยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย

เศรษฐกิจส่อฟื้น กนง.มติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50%


แอร์บัสจับมือคาร์บอนฯ เดินหน้าผลิตอุปกรณ์ หวังลดเชื้อเพลิง-ก๊าซคาร์บอน

Thu, 30 Nov 2023 13:34:00

วันนี้ (30 พ.ย.2566) เบิร์ท พอร์เทอแมน ผู้แทนแอร์บัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า การลงทุนของแอร์บัส และ คาร์บอน แอโร่สเปซ (ประเทศไทย) ในการผลิตขอบหน้าของปีกแพนหางดิ่งให้กับเครื่องบินตระกูล A 320 โดยเฉพาะ A 320neo ที่เป็นเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่ขายดีที่สุดในโลก เพราะรวมเทคโนโลยีล่าสุด ลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอน ร้อยละ 25

หลังจากนี้ ชิ้นส่วนที่ผลิตก็จะถูกส่งไปยังโรงงานผลิตของ แอร์บัส แอโร่สตรัคเจอร์ (Airbus Aerostructures) ในประเทศเยอรมนี ก่อนที่ชิ้นส่วนของแพนหางดิ่ง ที่ผลิตเสร็จสิ้นแล้วจะถูกส่งไปยังโรงงานผลิตและประกอบเครื่องบินตระกูล A 320 ทั่วโลก

นอกจากนี้มั่นใจว่า การร่วมลงทุนนี้ จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่มีทักษะ และมองว่าการลงทุนครั้งนี้เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นการสร้างโอกาสในวงจรเศรษฐกิจ เพราะเกิดการหมุนเวียนวัตถุดิบ ที่ต้องจัดซื้อจากบริษัทในประเทศ (Supply chain) รวมถึงจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมการบินของไทยได้ในอนาคต

ปัจจุบัน แอร์บัสยังมีศูนย์บริการปฏิบัติการการบินของแอร์บัสในกรุงเทพฯ ศูนย์บริการแห่งนี้ได้จัดทำคู่มือการใช้งานการบินมาตรฐานฉบับอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับเครื่องบินแอร์บัสทุกประเภท รวมถึงบริการวิเคราะห์ข้อมูลที่ตอบโจทย์แต่ละสายการบิน รวมถึงมีสัญญาจัดหากับ Triumph Aviation Services Asia ใน จ.ชลบุรี

ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบ ทดสอบ ซ่อมแซม โอเวอร์ฮอลเครื่อง หรือการฟื้นฟูสภาพเครื่องยนต์เก่าให้มีประสิทธิภาพเหมือนเดิมมากที่สุด และดัดแปลงโครงสร้างเฟรมเครื่องบินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครื่องบิน A320 และ A330 ที่ดำเนินการโดยสายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ เช่น หางเสือดิ่ง (Rudder) อีเลเวเตอร์ (elevator) อุปกรณ์ปลายปีก แฟลบ และ Slat แผ่นชิ้นส่วนที่ติดอยู่กับขอบของปีกด้านหน้าของเครื่องบิน

แมทธิว กอเดียน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คาร์บอน แอโร่สเปซ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การผลิตของบริษัทเป็นวัสดุคอมโพสิท โดยนำของสองชนิดที่คุณสมบัติแตกต่างหรือคล้ายกันนำมาเป็นวัสดุใหม่ที่มีความแข็งแรงมากกว่าเดิม

โดยการผลิตไม่มีการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ เนื่องจากมีข้อจำกัดจากเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต โดยชิ้นส่วนที่บริษัทผลิตเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินรุ่น A 320 330 และ 350 รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของโรลสรอยส์

สำหรับว่า VTP หรือ ส่วนประกอบด้านหน้าของพื้นผิวแนวดิ่งในส่วนหางของเครื่องบินที่หันเข้าสู่กระแสลม ได้รับการออกแบบมาเพื่อโต้ตอบกับการไหลของอากาศ เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของเครื่องบิน และต้านทานการเคลื่อนที่ของการหันเห เช่น ที่เกิดจากลมขวาง ความไม่สมดุลของแรงขับของเครื่องยนต์ หรือแรงทางอากาศพลศาสตร์อื่น ๆ มีหน้าที่ ช่วยควบคุมเส้นทางบินของเครื่องบิน โดยชิ้นส่วนเครื่องบินคาดว่าจะใช้เวลาในการผลิตชิ้นละประมาณ 2 สัปดาห์

ย้อนความสัมพันธ์ระหว่างแอร์บัสกับประเทศไทย การบินไทยทำการสั่งซื้อครั้งแรกในปี 2520 หลังจากนั้นเครื่องบินแอร์บัสเข้าประจำการต่อเนื่อง รวมถึงในสายการบินอื่น ๆ ด้วย และขณะนี้ยังให้บริการกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์ ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท รวมแล้วกว่า 130 ลำ ที่ให้บริการโดยสายการบินที่อยู่ในประเทศไทย

แอร์บัสมั่นใจว่า จะเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการบิน สร้างความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในประเทศไทย และสนับสนุนการเติบโตของการบินในอนาคต


วันแรก นั่งรถไฟฟ้าเชื่อมต่อสายสีม่วง-แดง จ่ายสูงสุด 20 บาท

Thu, 30 Nov 2023 11:04:18

วันนี้ (30 พ.ย.2566) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า เป็นวันแรกของการเดินทางเชื่อมรถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ด้วยบัตร EMV สูงสุด 20 บาท เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางแก่ประชาชน

ก่อนหน้านี้ ระยะแรกได้เริ่มที่รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - สถานีรังสิต, ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - สถานีตลิ่งชัน และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่ - เตาปูน สูงสุดสายละ 20 บาท

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันนี้ (30 พ.ย.) เป็นต้นไป จะเริ่มคิดค่าโดยสารกับผู้ที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟชานเมืองสายสีแดงกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่สถานีบางซ่อน และชำระค่าโดยสารผ่านทางบัตรที่มีสัญลักษณ์​ EMV (Europay, MasterCard, VISA) หรือบัตรเครดิต และบัตรเดบิตที่เข้าร่วมในอัตรารวมกันสูงสุดไม่เกิน 20 บาทต่อเที่ยว

สำหรับวิธีการใช้งาน ผู้โดยสารจะต้องจะต้องเปลี่ยนสถานีที่สถานีบางซ่อน โดยใช้ Gate EMV ด้วยบัตรเครดิต Master Card และ Visa Card ของทุกธนาคาร หรือบัตรเดบิต Master Card และ Visa Card ของธนาคารกรุงไทย และธนาคารยูโอบีเท่านั้น ไม่รับเงินสด หรือระบบตั๋วโดยสารที่ไม่ใช่ระบบ Gate EMV

นอกจากนี้ จะต้องเดินทางข้ามระบบภายใน 30 นาที และใช้บัตรใบเดียวกัน หากเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด จะคิดตามอัตราค่าโดยสารสูงสุด คือ 42 บาท

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ดีเดย์ 30 พ.ย. นั่งรถไฟฟ้าเชื่อมต่อสีม่วง-สีแดง จ่ายสูงสุด 20 บาทตลอดสาย 


ช็อก! หมูเถื่อนทะลัก 10,000 ตู้ ช่วงปี 2563-2566

Wed, 29 Nov 2023 17:33:00

วันนี้ (29 พ.ย.2566) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมประชุมผู้บริหารคดีหมูนำเข้ามิชอบ (หมูเถื่อน) โดย มีพ.ต.ต. ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รอง ผอ.กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

โดยฝ่ายเลขา ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า สำนวนการสอบสวนที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 2 คนที่เกี่ยวข้องกับกระทำความผิด หรือน่าเชื่อว่ากระทำความผิดต่อหน้าที่ในการนำเข้าหมูมิชอบ คณะพนักงานสอบสวนฯ สรุปส่งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อ 24 พ.ย. 

นอกจากนั้นฝ่ายเลขานุการ ยังได้นำเสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาแยกเลขคดีฯอีก 9 เลข เนื่องจากสืบสวนสอบสวนพบว่ามีตู้สินค้านำเข้าหมูเถื่อนอีก 2,388 ตู้นั้น โดยมีสายเรือที่นำเข้าทั้งหมด 9 บริษัท

อ่านข่าว เผาทำลาย "หมูเถื่อน" ล็อตแรก 10 ตู้จาก 161 ตู้ เร่งสืบเส้นทางเงินโยงขบวนการ

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณารับเรื่องร้องทุกข์ใหม่ กรณีที่บริษัทนำเข้า หมูเถื่อน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มบริษัทเดิมที่กำลังถูกดำเนินคดี 10 ราย จำนวน 161 ตู้ แต่เป็นกลุ่มบริษัทใหม่ จึงขออนุมัติออกเลขสอบสวนใหม่เพิ่ม

จากการสืบสวนสอบสวนเชิงเอกสารระบุว่า การนำเข้าหมูเถื่อนของกลุ่มบริษัทดังกล่าวนี้ พบข้อมูลการนำเข้า ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2563-2566 น่าจะสูงถึง 10,000 ตู้

นอกจากนี้ ฝ่ายเลขาฯ ยังเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ปฐม นาคะเสงี่ยม เป็นที่ปรึกษาคดี เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการทำคดีประเภทนี้มาก่อน โดยเดิมเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ 

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในช่วงเช้าที่ผ่าน ได้ข้อสรุป 2 เรื่อง ดังนี้ เรื่องที่ 1 การพิจารณาแยกเลขคดีพิเศษเพิ่มเติม เป็นคดีพิเศษใหม่เพิ่มอีก 9 เลข เนื่องจากพบข้อมูลว่า มีกลุ่มบริษัทฯ อีกหลายรายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าหมูเถื่อน เรื่องที่ 2 มีมติพิจารณารับการร้องทุกข์การกระทำความผิดการนำเข้าหมูโดยมิชอบ หรือหมูเถื่อน เป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 1 คดี

อ่านข่าว โดน “หมูเถื่อน” กัดจมเขี้ยว เงื่อนปมเด้ง "อธิบดีดีเอสไอ"

กรณีกลุ่มบริษัทเอกชนที่ไม่ใช่กลุ่มเดิม ซึ่งน่าเชื่อว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ถึง พ.ศ.2566 มีการนำเข้าหมูโดยมิชอบ (หมูเถื่อน) สูงถึงประมาณ 10,000 ตู้ ซึ่งเป็นการนำเข้าแบบสำแดงเท็จ ทำให้รัฐสูญเสียภาษีนำเข้ามหาศาล และซึ่งทั้ง 2 เรื่องที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์

การประชุมของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในวันนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้แยกเลขคดีพิเศษ เพื่อสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม รวม 10 คดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมูนำเข้ามิชอบหรือหมูเถื่อน ที่ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ถูกนำไปฝังกลบแล้ว โดยใช้สถานีที่หาดสอ อ่าวทุ่งโปรง ในพื้นที่เทศบาลตำบลเขตอุดมศักดิ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยกรมปศุสัตว์ ดังนี้

พบข้อสังเกตว่า การฝังกลบทำลาย หมูนำเข้ามิชอบ หรือหมูเถื่อน ที่ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังดังกล่าว ไม่ปรากฏว่า มีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบ เข้าร่วมในการฝังกลบหมูเถื่อนดังกล่าว โดยการฝังกลบทำลายหมูเถื่อนได้รับค่าใช้จ่ายจากเจ้าของตู้ผู้ขนส่งที่ประสงค์จะนำตู้ไปใช้ต่อไป

อ่านข่าว

เบื้องลึกหมูเถื่อน ดัน "ยุทธนา" ย้าย "สุริยา" คอนเทนต์การเมือง

DSI พบนักการเมืองเอี่ยวขบวนการหมูเถื่อน ออกหมายจับนายทุนอีก 1

 


กกพ. เคาะขึ้นค่าไฟ งวด ม.ค.-เม.ย.67 อยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย

Wed, 29 Nov 2023 16:50:00

วันนี้ (29 พ.ย.2566) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีก สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย.2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

กกพ. ประกาศค่าเอฟที 89.55 สตางค์ต่อหน่วย

กกพ. ประกาศค่าเอฟที 89.55 สตางค์ต่อหน่วย

การพิจารณาปรับค่าเอฟทีในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย.2567 นี้ กกพ. คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และขณะเดียวกันต้องไม่กระทบต่อศักยภาพความมั่นคงในการบริการพลังงานของ กฟผ. โดยเป็นการปรับให้สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ. รับภาระไว้บางส่วน เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้เท่าที่จำเป็น

ทั้งนี้ กกพ. ขอเชิญชวนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัดการใช้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป. ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นร่มเงาลดอุณหภูมิให้กับตัวบ้าน จะสามารถช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง ซึ่งจะเป็นการลดภาระค่าครองชีพสำหรับตัวท่านเอง และยังจะเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันลดภาระโดยรวมให้กับประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

กกพ.จ่อขึ้นค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.67 คาดราคา 4.68-5.95 บาท/หน่วย

กฟภ. รับลูก มท.1 ให้ผู้มีรายได้น้อย ค้างค่าไฟ ได้ 3 เดือน เริ่ม ธ.ค.นี้ 


เศรษฐกิจส่อฟื้น กนง.มติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.50%

Wed, 29 Nov 2023 15:49:39

วันนี้ (29 พ.ย.2566) นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยหลัง การประชุม กนง.ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ภาคการส่งออกและการผลิตที่เกี่ยวข้องชะลอลง

โดยในปี 2567 และ 2568 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวอย่างสมดุลขึ้น จากอุปสงค์ในประเทศ การท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นในปี 2567 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแรงกดดันด้านอุปทานจากปรากฏการณ์เอลนีโญ

ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเหมาะสมกับบริบทที่เศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ เอื้อให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน เสริมสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว และป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงิน อีกทั้งช่วยรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

แรงกดดันเงินเฟ้อลด คาด กนง.คงดอกเบี้ย 2.50% ยาวถึงปี 67

นายปิติ กล่าวอีกว่า กนง.ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.4และร้อยละ3.2 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับโดยหากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการขยายตัวในปี 2567คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ลดลงจากร้อยละ 4.4 ที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน

ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ รวมทั้งแรงสนับสนุนจากการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น

ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ในระยะต่อไป เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสมดุลมากขึ้น ภายใต้บริบทที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว

แต่มีความเสี่ยงที่อาจไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเท่าที่คาดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย

และคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 และ 2.0 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ โดยหากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ลดลงจากร้อยละ 2.6 จากประมาณการครั้งก่อน

เงินเฟ้อปี66 ปรับลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อนหน้าและปัจจัยชั่วคราวโดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพด้านพลังงาน และราคาอาหารสดที่ต่ำกว่าคาด ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังไม่รวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.3 และ 1.2 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับสูงขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญ รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลให้ราคาพลังงานโลกปรับสูงขึ้น

นายปิติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังสนับสนุนการดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะมาตร การการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้างโดยต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนโน้มสูงขึ้นตามการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมา

ภาพรวมไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยสินเชื่อธุรกิจเริ่มทรงตัวสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสอดคล้องสกุลเงินภูมิภาค

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย

โดยอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

 อ่านข่าวอื่นๆ:

"กล้วยหอมทองเสิงสาง" รุกตลาดเอเซีย ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 5,000 ตัน

ออมสิน ปล่อยกู้ 50,000 บาท ช่วยลูกหนี้นอกระบบ

เปิดตัว "ออมเพลิน" ออมเงินผ่าน "เป๋าตัง" สร้างหลักประกันแรงงาน


"กล้วยหอมทองเสิงสาง" รุกตลาดเอเซีย ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 5,000 ตัน

Wed, 29 Nov 2023 13:26:00

ไทยส่งออกกล้วยเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ และอันดับ 20 ของโลก ส่วนประเทศที่ผลิตกล้วยมากที่สุดของโลก คือ อินเดีย จีน และอินโดนี เซีย 

จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ไทยมีพื้นที่ปลูกกล้วยจำนวน 481,639 ไร่ แบ่งเป็น กล้วยน้ำว้า 328,456 ไร่ ผลผลิต 184,251 ตัน กล้วยไข่ 63,233 ไร่ ผลผลิต 32,159 ตัน กล้วยหอม 62,252 ไร่ ผลผลิต 30,082 ตัน

โดยมีเกษตรกรปลูกกล้วยหอม 12,959 ราย พื้นที่ปลูก 61 จังหวัด 3 จังหวัดที่ปลูกกล้วยหอมมากที่สุดได้แก่ปทุมธานี 21,368 ไร่เพชรบุรี 14,150 ไร่   สุราษฏร์ธานี 10,745 ไร่ ส่วน นครราชสีมา มีพื้นที่ปลูก 1,350 ไร่

การเซ็นสัญญาซื้อขายกล้วยหอมไทย ระหว่างกลุ่มเกษตรกรอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และคณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น

การเซ็นสัญญาซื้อขายกล้วยหอมไทย ระหว่างกลุ่มเกษตรกรอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และคณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ระบุว่าปี 2567 คณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นจะเดินทางมาเซ็นสัญญาซื้อกล้วยจากกลุ่มเกษตรกรอ.เสิงสาง จ.นครราชสีมาเป็นจำนวน 5,000 ตัน เป็นเม็ดเงินที่ลงสู่กลุ่มเกษตรกรโดยตรงกว่า 100 ล้านบาท

นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นิยมบริโภคกล้วยมาก เพราะผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และมีราคาที่ไม่แพงมากเข้าถึงได้และสามารถนำไปใช้แปรรูปเป็นขนมได้หลายชนิด ขณะที่ญี่ปุ่นปลูกกล้วยได้ในปริมาณน้อย เนื่องจากมีภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นแต่ละปีจะต้องนำเข้ากล้วยเข้ามาบริโภคในประเทศถึงปีละกว่า 1 ล้านต้น

กล้วยหอมไทย

กล้วยหอมไทย

ไทยแม้จะมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย -ญี่ปุ่น (Japan – Thailand Economic Partnership Agreement) หรือที่เรียกว่า JTEPA ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2550 โดยญี่ปุ่นให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากประเทศไทยเป็นจำนวน 8,000 ตัน

อ่านข่าวอื่นๆ:

"Future Food" เทรนด์อาหารโลก อนาคตคนรุ่นใหม่ บนวิถียั่งยืน

แต่ที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกกล้วยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้สูงสุดเพียง 2,890 ตันต่อปีเท่านั้น จึงเห็นโอกาสขยายตลาดและได้สั่งการให้เดินหน้าการผลักดันการส่งออกกล้วยไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นอย่างเต็มที่

กล้วยหอมไทย

กล้วยหอมไทย

นางสาวณัฐิยา กล่าวอีกว่า ล่าสุดกรมฯ ร่วมเป็นพยานในการเซ็นสัญญาซื้อขายกล้วยหอมไทย ระหว่างกลุ่มเกษตรกรอำเภอเสิงสาง และคณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส เน้นดูแลกลุ่มเกษตรกร ถือเป็นการทำงานระ หว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ และเร่งใช้ประ โยชน์จากผลของการเจรจา FTA เพื่อผลักดันให้มีปริมาณการส่งออกของสินค้าไทยสู่ตลาดโลกได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับการส่งออกกล้วย ประเทศไทยเองก็ได้รับสิทธิประโยชน์จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งยกเว้นภาษีให้กล้วยจากประเทศไทยเป็นจำนวน 8,000 ตันต่อปีอยู่แล้ว

ที่ผ่านมาไทยใช้ประโยชน์ได้ไม่ถึงครึ่งของโควต้าดังกล่าว จนในวันนี้กรมสามารถสร้างผลลัพธ์เร่งด่วนในแบบ Quick win ได้สำเร็จภายใน 100 วัน ด้วยยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท
การเซ็นสัญญาซื้อขายกล้วยหอมไทย ระหว่างกลุ่มเกษตรกรอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และคณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น

การเซ็นสัญญาซื้อขายกล้วยหอมไทย ระหว่างกลุ่มเกษตรกรอำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และคณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น

ด้านนายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงโตเกียว กล่าวว่า หลังจากบูรณาการทำงานร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขยายตลาดกล้วยไทยในญี่ปุ่นแล้ว ยังนำผู้เชี่ยวชาญด้านกล้วยชาวญี่ปุ่นลงพื้นที่ เพื่อช่วยพัฒนาเทคนิคการปลูกให้กล้วยในแต่ละพื้นที่ให้มีคุณภาพ ได้ปริมาณตามความต้องการของตลาดญี่ปุ่นด้วย

พันธุ์กล้วยหอมทองของไทย นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ที่ อ.เสิงสาง ถือเป็นแหล่งผลิตเพียงแห่งเดียวในโลกที่ยังเหลืออยู่ เราจึงใช้เป็นหนึ่งในจุดขายและทำการตลาดกับผู้นําเข้าชาวญี่ปุ่น

ขณะที่ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯ นครราชสีมา กล่าวว่า อำเภอเสิงสางเป็นแหล่งผลิตกล้วยหอมทองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด โดยมีพื้นที่เพาะปลูกกล้วยหอมทองถึง 1,350 ไร่ และมีปริมาณผลผลิตได้ถึง 8,100 ตันต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อเป้าความต้องการของตลาดญี่ปุ่นในปีหน้า

นายสมศักดิ์ แสงรัมย์ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง ในพื้นที่ อ.เสิงสาง กล่าวกับ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” ว่า มีพื้นที่ 150 ไร่ และปลูกกล้วยหอมทองมานาน 7 ปีแล้ว และกล้วยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดี ไม่ต่างจากพืชชนิดอื่นๆ โดยส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดและห้างสรรพสินค้า

การที่คณะผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเซ็นสัญญาซื้อกล้วยจากกลุ่มเกษตรกรฯเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมาราคากล้วยในประเทศ จะขึ้นลงตามผลผลิต บางปีราคาแพง บางปีราคาถูก แต่พอมีการทำสัญญาซื้อขายกับญี่ปุ่นซึ่งรับประกันราคาที่กิโลกรัมละ19 บาทตลอดสัญญาซื้อ ทำให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลเรื่องราคาที่ผันผวน

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมโครง การ 47 ราย พื้นที่ปลูกกล้วย 800ไร่ และกำลังเปิดรับสมัครสมาชิกเพิ่ม ส่วนรายได้ที่ชาวสวนจะได้มั่นใจว่าดีกว่าปีก่อนแน่นอน

 อ่านข่าวอื่นๆ:

ยิ้มแก้มปริ!จ่ายแล้วไร่ละ1,000 บาทให้ ชาวนา 4.68 ล้านครัวเรือน

"เกษตร-บริการ" กระอัก เศรษฐกิจไทยกระเตื้อง รับปรับค่าแรงขั้นต่ำ


ออมสิน ปล่อยกู้ 50,000 บาท ช่วยลูกหนี้นอกระบบ

Wed, 29 Nov 2023 10:42:44

วันนี้ (29 พ.ย.2566) ธนาคารออมสิน รับมอบนโยบายตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ประกาศเดินหน้าการแก้ไขหนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้เงินกู้นอกระบบที่เดือดร้อนจากการนำเงินกู้ไปใช้ประกอบอาชีพ ผ่าน “สินเชื่อธนาคารประชาชน เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ” เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนภาระหนี้นอกระบบที่มีอยู่

คุณสมบัติผู้มีสิทธิยื่นกู้เงิน ต้องเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพ มีรายได้ อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี เมื่อรวมอายุตัวกับระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อเดือน (Flat Rate) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี หรือ 60 งวด สามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันได้

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอกู้ที่ธนาคารออมสินได้ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ระดม “แก้หนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ เทียบ “ค้าทาสยุคใหม่” 

"อนุทิน" เดินหน้าแก้หนี้นอกระบบ เน้นไกล่เกลี่ย - ดึงสถาบันการเงินรีไฟแนนซ์ 

นายกฯเห็นชอบหลักการ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ 


"Future Food" เทรนด์อาหารโลก อนาคตคนรุ่นใหม่ บนวิถียั่งยืน

Wed, 29 Nov 2023 10:35:00

ออกตัวแรงและโปรโมตตัวเองในฐานะ "ครัวโลก" โดยอาศัยความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอาหาร และนวัตกรรมอาหารมาตั้งแต่ปี 2564 ว่า "ประเทศไทย" คือ ผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุด อันดับที่ 13 ของโลก

มูลค่าการส่งออกกว่า 30,5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันหลายประเทศรวมทั้งไทยกำลังประสบชะตากรรมไม่ต่างกันจากปัญหาภัยแล้ง หรือ "เอลนีโญ" โดยเฉพาะในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทำพืชผลการเกษตรและการปศุสัตว์

อ่านข่าว : อาหารทะเลผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ปลา ปกป้องมหาสมุทร ลดการทำร้ายสัตว์

อาหารฟิวชั่น

อาหารฟิวชั่น

ดังนั้น "อาหารแห่งอนาคต" หรือ "Future Food" จึงถูกกล่าวถึงในวงกว้างและถือเป็นอาหารทางเลือกของกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งผลิตจากแหล่งโปรตีนพืชและถูกนำมาใช้เป็นอาหารทดแทนเนื้อสัตว์ 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกโปรตีนทางเลือกรายใหญ่อันดับที่ 25 ของโลก ด้วยมูลค่าการส่งออกอาหารแห่งอนาคต 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 ตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐอเมริกา จีน และ เวียดนาม

สำหรับ Future Food หรือ อาหารอนาคต จะเป็นการผลิตอาหารที่มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มา และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยภาครัฐหลายหน่วยงานได้มีการวางแผนสนับสนุนอาหารแห่งอนาคตตามเทรนด์อาหารและกระแสความยั่งยืนของโลก

แมลงอาหารอนาคตโปรตีนสูง

แมลงอาหารอนาคตโปรตีนสูง

"Future food" อาหารเทรนด์โลก

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทยและนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดเผยกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ถึงแนวโน้มอาหารอนาคต ว่ายังเผชิญกับความท้าทายที่กดดันจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ยุโรป จีน ที่ส่งผลต่อกาลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่าง ราคาวัตถุดิบ ค่าแรง ราคาพลังงาน ไฟฟ้า จึงทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลง

อ่านข่าว :  จากห้องแล็บสู่จานอาหาร สหรัฐฯ อนุมัติให้ขายเนื้อไก่จากการเพาะเลี้ยงเซลล์

นายวิศิษฐ์  ลิ้มลือชา  รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย

สำหรับปัจจัยหนุนอาหารอนาคตไทยและเทรนด์โลกในอนาคต คาดว่าผู้บริโภคยังให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมซึ่งมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าภาพรวมอาหารอนาคตของโลกและไทยยังมีโอกาสเติบโตได้

อ่านข่าว: เตรียมรับมือ "ผัก-ผลไม้" ฉลากสินค้าเรือนกระจก หลังญี่ปุ่นเข้มนำร่อง

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ในอนาคตโลกอาจขาดแคลนทรัพยากร แนวคิดอาหารทางเลือกจึงเกิดขึ้น เช่น สาหร่าย ซึ่งเป็นทองคำสีเขียวแห่งโภชนาการ กำลังได้รับความนิยมในฐานะแหล่งอาหารชั้นยอดและแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืน เห็ด ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความหลากหลาย เนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยง กำลังได้รับความสนใจ และแมลง คุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีนที่สูง ใช้ทรัพยากรในการเลี้ยงน้อยกว่าเนื้อสัตว์ใหญ่

เทรนด์ที่เปลี่ยนไป Future Food จึงไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัว แต่เป็นทางออกของไทยและของโลก ที่อาหารจะไม่เป็นแค่ของอร่อยกินอิ่มท้อง แต่จะเป็นอาหารที่ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ และดีต่อโลก
แมลงอาหารอนาคตโปรตีนสูง

แมลงอาหารอนาคตโปรตีนสูง

เปิดเทรนด์ 4 กลุ่ม Future Food 

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า กระแสความยั่งยืนของโลกอาหารอนาคต แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ (Functional food and drink) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำสามารถให้คุณค่าที่จำเป็นกับร่างกาย เช่น ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ชะลอการเสื่อมโทรมของอวัยวะต่างๆ ซึ่งจะไม่อยู่ในรูปแบบแคปซูล เม็ดยา แต่จะหน้าตาเป็นอาหารทั่วไป อาหารเกษตรอินทรีย์ (Organic foods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผลผลิตจากทางการเกษตรที่ปราศจากสารเคมี

อาหารกลุ่มที่ผลิตขึ้นมาใหม่ทางนวัตกรรม (Novel foods) เป็นรูปแบบอาหารใหม่ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตสูง และไม่เคยมีการผลิตมาก่อน เช่น Meat Avatar แบรนด์นวัตกรรมอาหาร เนื้อจำแลง โดยการใช้พืชทดแทนเนื้อสัตว์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการแรกจนผลิตออกมาเป็นอาหารเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ

และอาหารทางการแพทย์ (Medical foods) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยาหรืออาหารเสริม แต่เป็นอาหารที่ออกแบบมาเพื่อใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยเฉพาะโรคหรือผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ

อ่านข่าว : ม.นเรศวร ดัน "จิ้งหรีด" อาหารแห่งอนาคตต่อยอดเชิงพาณิชย์

เนื่องจากอาหารอนาคตหรือ Future food ในตลาดเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมมาก เพราะมีราคาแพง และกลุ่มเป้าหมายเป็นเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มคนกินมังสวิรัติ กลุ่มคนรักสุขภาพ และยังมีปัญหาเรื่องรสชาติที่ยังไม่ถูกปากผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงส่งออกอาหารอนาคตไปตลาด อาเซียนมากสุดถึงร้อยละ 44 มูลค่า 43,800 ล้านบาท รองลงมาเป็น ตลาดสหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 14 มูลค่า 14,000 ล้านบาท ตลาดจีน ร้อยละ 11 มูลค่า 11,000 ล้านบาท และตลาอียู (27) และ อังกฤษ มีสัดส่วนร้อยละ 10 มูลค่า 10,200 ล้านบาท

อาหารอนาคตไทยยังคงเจอกับความท้าทายที่กดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และต้นทุนของการผลิตอาหารยังสูง ทำให้การแข่งขันของไทยลดลง
เนื้อจำแลง

เนื้อจำแลง

นอกจากนี้ยังไม่รวมไปถึงวิกฤติทางการค้าและเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ ภัยธรรมชาติ แนวโน้มดอกเบี้ย และมาตรการทางการค้าใหม่ๆ ที่ยังต้องติดตาม

นายวิศิษฐ์ กล่าวอีกว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพ ดังนั้นเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ จึงมีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ รวมถึงความมั่นคงด้านผลิตและบริโภค ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าทั่วโลกต่างให้ความสนใจและร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ Climate Change

โปรตีนจักจั่น

โปรตีนจักจั่น

"จิ้งหรีด"ทางเลือกคนชอบโปรตีน

แมลง จัดอยู่ในกลุ่มอาหารใหม่ (Novel Food) หรือ อาหารที่ผลิตจากโปรตีนทางเลือกโดยปัจจุบันอาหารหรือขนมที่มีส่วนประกอบของแมลง เริ่มได้รับความนิยมเนื่องจากมีคุณค่าทางสารอาหารจำนวนมากมีโปรตีนสูงไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์หลัก

รวมทั้งมีแร่ธาตุ แคลเซียม ไฟเบอร์ วิตามินสูง และไขมันต่ำ และยังเป็นแหล่งโปรตีนแห่งอนาคต ซึ่งโปรตีนสูงกว่าเนื้อวัว หมูและไก่แล้ว การเพาะเลี้ยงแมลงยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เนื่องจากใช้พื้นที่ น้ำ และอาหารในการเพาะเลี้ยงไม่มาก แถมยังปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าหลายเท่าตัว และแมลงที่ได้รับความนิยมขณะนี้ คือ "จิ้งหรีด" (Cricket) หนึ่งในแมลงอุตสาหกรรมของไทย

BSF โปรตีนทางเลือกกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์

นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า โปรตีนจากแมลงมองว่ายังสามารถแข่งขันได้และเติบโตในอาหารของคนและสัตว์ เช่น BSF ซึ่งเป็นโปรตีนจากหนอนแมลงวันที่สามารถนำมาทดแทนปลาป่นที่นำมาเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ด้านนายณัฐชนนท สตันยสุวรรณ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เคยซื้ออาหารทางเลือกมารับประทานที่แทนเนื้อสัตว์ ยอบรับว่ามีราคาสูงกว่าอาหารปกติ ส่วนรสชาติแม้จะใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์แต่สู้เนื้อสัตว์ของจริงไม่ได้

ปกติก็ซื้อมากินเป็นบางครั้ง เช่น ช่วงกินเจ หรือกินมังฯ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้ไม่กินบ่อยมาก แต่อยากให้พัฒนาเรื่องรสชาติที่กลมกล่อมมากกว่านี้ และราคาถูกลงมาให้ใกล้เคียงกับอาหารที่ซื้อตามร้านค้า

 อ่านข่าวอื่น:

"เกษตร-บริการ" กระอัก เศรษฐกิจไทยกระเตื้อง รับปรับค่าแรงขั้นต่ำ

"คาเฟ-ขนมหวาน-ลูกค้า" สะเทือนถ้วนหน้า น้ำตาลทรายขึ้น 2 บาท

หัวอก“รถเกี่ยวข้าว”ยังไม่ปรับราคา วอนแก้จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินอีสาน


เปิดตัว "ออมเพลิน" ออมเงินผ่าน "เป๋าตัง" สร้างหลักประกันแรงงาน

Tue, 28 Nov 2023 17:31:00

โดยกำหนดเงินออมขั้นต่ำเพียง 5 บาท และเมื่อสะสมครบ 50 บาท จะสามารถนำส่งเงินเข้า กอช. ได้ทันที สำหรับผู้ที่ออมเงินผ่านบริการ "ออมเพลิน" ตั้งแต่ วันนี้ - 30 เม.ย.2567 จะได้รับสิทธิพิเศษ โดยได้รับเงินสมทบสูงสุด 100 บาทต่อเดือน พร้อมรับสิทธิลุ้นรับเงินรางวัล 500 บาท โดยในแต่ละเดือนมีจำนวน 500 รางวัล และพร้อมสิทธิลุ้นรับเงินสมทบเพิ่มเติมสูงสุดถึง 100,000 บาท

สำหรับรูปแบบจะเป็นการออมเงินได้อย่างอัตโนมัติ (Automatic saving) ในทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายชำระเงินซื้อสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-payment) ก่อให้เกิดการออมระยะยาว ผ่าน กอช. ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมสร้างหลักประกันที่มั่นคงหลังเกษียณอายุ และช่วยลดปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน

เฟสแรกของโครงการนี้ เงินออมจะถูกสะสมไว้ใน กอช. และผู้ออมจะได้รับเงินสมทบตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ กอช. กำหนด รพีสุภา หวังเจริญรุ่ง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการออมของครัวเรือน ที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อปี 2563 และการสำรวจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า สัดส่วนของครัวเรือนไทยมีการออมประมาณร้อยละ 74.1 โดยร้อยละ 66.4 เป็นการวางแผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แต่มีเพียงร้อยละ 18.2 เท่านั้น ที่ทำได้จริงตามแผน โดยเหตุผลหลักของการที่ไม่สามารถเก็บเงินออมได้ คือ มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย

ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า โครงการฯ นี้ มุ่งหวังให้เกิดการออมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็นการเก็บออมในจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยต่อครั้งที่มีการชำระซื้อสินค้า ตอนนี้สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ สัดส่วนคนไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะสูงถึงร้อยละ 28 ในอีกไม่กี่ปี การออมเงินระยะยาวเพื่อให้เพียงพอใช้หลังเกษียณ โดยเฉพาะส่งเสริมการออมให้กลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีจำนวนมากกว่า 20 ล้านคน ถือเป็นการช่วยให้เกิดความมั่นคงในชีวิตในยามสูงวัย

ออมเพลิน แอปพลิเคชัน

ออมเพลิน แอปพลิเคชัน

สรุป การใช้งานแอปพลิเคชั่น ออมเพลิน

บริการออมเพลิน ถูกพัฒนาขึ้นให้แรงงานนอกระบบ ด้วยแนวคิด "Automatic Saving for Retirement" จึงเป็นการปรับพฤติกรรมให้สามารถออมเงินตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ในขณะที่มีการใช้จ่ายชำระเงินซื้อสินค้าแต่ละครั้ง ไม่ต้องรอให้มีเงินเหลือถึงค่อยเก็บออม ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.aomplearn.com

อ่านข่าวอื่น : 

"บิ๊กต่อ" สั่งสอบ "นายพล ก." ช่วย "เสี่ยแป้ง นาโหนด"

นายกฯ ไม่ตอบเด้ง "สุริยา" พ้นอธิบดี​ DSI บอก รมว.ยธ.เสนอมา

ครม.ไฟเขียวขยายเปิดสถานบริการถึงตี 4 นำร่อง 5 จังหวัด


วันลอยกระทง ผู้ใช้บริการระบบรางพุ่ง ยอดรวม 1.9 ล้านคน-เที่ยว

Tue, 28 Nov 2023 15:12:00

วันนี้ (28 พ.ย.66) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า วานนี้ ( 27 พ.ย.66) ซึ่งเป็นวันลอยกระทง มีประชาชนใช้บริการระบบราง รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,900,664 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 434,307 คน-เที่ยว หรือ มากกว่าร้อยละ 29.62 (ผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวม ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย. 65) จำนวน 1,466,357 คน-เที่ยว

ขณะที่ ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 808,736 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 877,451 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 67,561 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง) จำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

1.รถไฟระหว่างเมือง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้บริการรวม 213 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 67,561 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 7,373 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.25 (ลอยกระทงปี 2565 (8 พ.ย.65) จำนวน 60,188 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 27,483 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 59,505 คน-เที่ยว) แบ่งเป็น ผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 21,015 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 46,546 คน-เที่ยว

อ่านข่าว กทม.เก็บกระทงทั่วกรุงยอดรวมเกือบ 6.4 แสนใบ กระทงโฟมลดลง 

2.ระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้บริการรวม 3,248 เที่ยววิ่ง (รวมรถเสริม 36 เที่ยววิ่ง) มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 1,833,103 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 426,934 คน-เที่ยว หรือมากกว่าร้อยละ 30.36 (ลอยกระทงปี 2565 (8พ.ย.65) จำนวน 1,406,169 คน-เที่ยว ลอยกระทงปี 2564 (19 พ.ย.64) จำนวน 781,253 คน-เที่ยว และลอยกระทงปี 2563 (31 ต.ค.63) จำนวน 817,946 คน-เที่ยว) โดยผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าได้เพิ่มความถี่ในชั่วโมงเร่งด่วน และเพิ่มขบวนรถเสริม ประกอบด้วย

2.1 รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 221 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 6 เที่ยววิ่ง) จำนวน 74,005 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 8,651 คนเที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.24 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 65,354 คน-เที่ยว)

2.2 รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 294 เที่ยววิ่ง จำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 14,284 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.12 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 19,535 คน-เที่ยว)

2.3 รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) ให้บริการ 319 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 3 เที่ยววิ่ง) จำนวน 82,358 คน-เที่ยว (นิวไฮ) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ covid-19 มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 34,991 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 73.87 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 47,367 คน-เที่ยว)

2.4 รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) ให้บริการ 487 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 27 เที่ยววิ่ง) จำนวน 510,288 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 131,538 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.73 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 378,750 คน-เที่ยว)

อ่านข่าว ตำรวจ ตั้ง 11 จุดตรวจ ดูแลความปลอดภัย วันลอยกระทง กทม.

2.5 รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทและสายสีลม (สีเขียว) ให้บริการรวม 1,264 เที่ยววิ่ง จำนวน 981,658 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 102,897 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.71 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 878,761 คน-เที่ยว)

2.6 รถไฟฟ้าสายสีทอง ให้บริการ 219 เที่ยววิ่ง จำนวน 17,182 คน-เที่ยว มากกว่าวันลอยกระทงปี 2565 จำนวน 780 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.76 (ลอยกระทงปี 65 จำนวน 16,402 คน-เที่ยว) โดยวันลอยกระทงปีนี้มีรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มมา 2 เส้นทาง รวม 444 เที่ยววิ่ง จำนวน 133,793 คน-เที่ยว ดังนี้

2.7 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ให้บริการ 276 เที่ยววิ่ง จำนวน 40,198 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ)

อ่านข่าว ครั้งแรกของโลก! ลอยกระทงดิจิทัล รักษาประเพณีควบคู่รักษ์สิ่งแวดล้อม

2.8 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ให้บริการ 168 เที่ยววิ่ง จำนวน 93,595 คน-เที่ยว (ลอยกระทงปี 65 ยังไม่เปิดให้บริการ)

นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา ขร.ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะไปลอยกระทงในช่วงเย็นถึงค่ำ โดยได้เน้นย้ำผู้ให้บริการระบบรางบริหารจัดการผู้โดยสารบนสถานีรถไฟฟ้า (Crowd Control) และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบเส้นทางการเข้าสู่สถานี

รวมทั้งเพิ่มความถี่ จัดขบวนรถเสริม และจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกและเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการระบบรางด้วยแล้ว โดยพบว่า เมื่อวานไม่มีเหตุอันตรายต่อผู้ใช้บริการระบบรางแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้น พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรางภาพรวมและรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงสุด (นิวไฮ) ตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 82,358 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.87

อ่านข่าว นายกฯ เล็งต่อยอดลอยกระทงเป็น World Class Festival - "ลุงตู่" ขอทุกคนเจ้าบ้านที่ดี

ส่วนรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 33,819 เที่ยว-วิ่ง (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 225 คน-เที่ยว) เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.12 เมื่อเทียบกับวันลอยกระทงปี 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้มีเส้นทางรถไฟฟ้าให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้การเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามีการเชื่อมต่อที่สะดวกขึ้น (interchange) และมีราคาจูงใจด้วยค่าโดยสารสายสีม่วงและสายสีแดง ราคาสูงสุด 20 บาท

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.2566 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรถไฟฟ้าชานเมือง สายนครวิถี (สายสีแดง) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะได้รับสิทธิชำระค่าโดยสารร่วมสองสายจ่ายสูงสุดไม่เกิน 20 บาทเท่านั้น เมื่อใช้บัตรโดยสาร EMV Contactless ใบเดียวกัน และเปลี่ยนถ่ายระบบ ณ สถานีบางซ่อน ภายในระยะเวลา 30 นาที

อ่านข่าว 

ปักหมุด 11 สถานีรถไฟฟ้า ผ่านสถานที่จัดงานลอยกระทง 13 จุด  

GISTDA เปิดภาพพื้นที่ลอยกระทงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย