จับชายฆ่าเพื่อนถ่วงน้ำ ปมชอบหญิงคนเดียวกัน

Fri, 26 Jul 2024 13:01:45

วันนี้ (26 ก.ค.2567) ตำรวจ สภ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จับกุมชายอายุ 54 ปี ไปสอบสวน หลังตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรมนายยอดรัก อายุ 53 ปี เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติแจ้งความว่านายยอดรักหายตัวไป และไม่สามารถติดต่อได้

ตำรวจสืบสวนจนกระทั่งพบศพผู้สูญหายในบ่อน้ำ พื้นที่หมู่ 4 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ถูกเชือกมัดติดเอาไว้กับรถเข็นของ รวมถึงมีถุงบรรจุอิฐ หิน และปูน มัดไว้ที่ร่างเพื่อถ่วงน้ำหนัก ต่อมาทราบว่าเพื่อนของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุ ก่อนจะติดตามจับกุมตัวได้

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุเพราะหึงหวงผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตนเองและผู้เสียชีวิตต่างแอบพูดคุยกันอยู่ โดยวันเกิดเหตุได้ไปพบนายยอดรักเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงก่อเหตุใช้ของแข็งทุบศีรษะจนเสียชีวิต ก่อนจะนำร่างไปทิ้งอำพรางในบ่อน้ำ โดยตำรวจจะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และรอผลตรวจพิสูจน์ศพ ก่อนแจ้งข้อหาและดำเนินคดีต่อไป


สันติภาพชายแดนใต้ 20 ปี มุม "เพชรดาว" อุตสาหกรรมความมั่นคง

Fri, 26 Jul 2024 12:47:00

หากมองงบประมาณ ที่รัฐบาลทุกชุดทุ่มลงไปดับไฟใต้ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา นับแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อ 4 ม.ค. 2547 -ก.ค.2567 ประเมินตัวเลขกลม ๆ อยู่ที่จำนวน 497,010.32 แสนล้านบาท หรือเกือบ ๆ 5 แสนล้านบาท

ไล่เรียงเฉพาะงบดับไฟใต้ อยู่ในกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ตั้งแต่เริ่มระบบงบแผนงานบูรณาการ จนถึงปัจจุบัน ปี 2567 พบว่า ในรอบ 8 ปี งบประมาณอยู่ที่ 77, 674.8 ล้านบาท ปี 2560 จำนวน 12,510.11 ล้านบาท ,ปี 2561 จำนวน 13,255.74 ล้านบาท,

ปี 2562 จำนวน 11,924.27 ล้านบาท ,ปี 2563 จำนวน 10,641.91 ล้านบาท , ปี 2564 จำนวน 9,563.34 ล้านบาท ,ปี 2565 จำนวน 6,912.07 ล้านบาท , ปี 2566 จำนวน 6,208.92 ล้านบาท , ปี 2567 จำนวน 6,658.4 ล้านบาท

อ่านข่าว "ทักษิณ" เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ทำบุญวันเกิดครบ 75 ปี

ในมุมมองของ พ.ญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่า จากวันนั้น ถึงวันนี้ ไม่มีอะไรคืบหน้า นอกจาก อุตสาหกรรมความมั่นคง

นับแต่ปี 2548 รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มีคำสั่งตั้ง คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์ (กอส.) มีข้อเสนอมากมาย...แต่หลังจบรายงาน เกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร หลายครั้ง การแก้ไขปัญหาต่างๆในพื้นที่ชายแดนใต้ ไม่มีความเปลี่ยนแปลง ทั้งๆที่งบประมาณที่ถูกทุ่มลงไป ไม่ได้น้อยลงกว่าเดิม

ขณะเดียวกัน ยังมีวิธีการใช้งบฯ ที่ไม่ได้อยู่ในแผนบูรณาการจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเดียว แต่ยังกระจายอยู่ตามกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระ ทรวงมหาดไทย และกระทรวงการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ แต่ปัญหาเดิมๆ คือ ขาดความต่อเนื่องในการทำงาน

แม้ไม่ได้รับผิดชอบปัญหาความมั่นคงในในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยุคนี้ มีภารกิจรับผิดชอบ ดูแลชีวิตประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย กระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีภารกิจดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หากมีการปูพื้นฐานด้านการศึกษาเด็กทั่วประเทศ ให้มีคุณภาพ และส่งต่อให้โรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ หลังพ้นรั้วมัธยมศึกษาก็เข้าสู่มหาวิทยาลัย ก็จะมีกระทรวงการอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์ สนับสนุนทุนทำการวิจัย

อ่านข่าว "เฉลิม-ทักษิณ" สิ้นสุดทางเพื่อน 30 ปี

หากจับประเด็นถูกทิศทาง ไม่ใช่เรื่องยากที่พรรคภูมิใจไทยจะปักธงเปิดพื้นที่แจ้งเกิดสส.ในสามจังหวัดชายแดนใต้ได้ 

พ.ญ.เพชรดาว อีกฐานะหนึ่งที่สวมหมวกเป็นที่ปรึกษาของรมว.อว.ค้นพบว่า เมื่อครั้งเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯได้ให้ทุนนักศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2550 -2567 ถึงจำนวน 5,000 คน ปีละ 4 หมื่นบาท /ปี /คน ผู้ที่ได้รับทุนจะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ หลังจบการศึกษา ส่วนใหญ่ 70 เปอร์เซ็นต์ได้กลับมาทำงานในพื้นที่ จ.ชายแดนใต้และที่อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนทุนการศึกษาต่างประเทศ จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เช่น อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ใหม่ๆ ในเดือนก.ย.นี้ จะมีงาน COMTECH ทำเรื่องโอไอซี มาตรฐานฮาราล เพื่อเปิดโอกาสให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ในพื้นที่ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนและกระจายให้กับคนในสามจังหวัด

"ที่ผ่านมา อว.มีการสนับสนุนแหล่งทุน สตาร์ทอัพ อินโนเวชั่น และนวัตกรรมใหม่ๆ แล้วส่งไปต่อ ยอดที่กระทรวงแรงงาน ...ยอมรับว่า การขับเคลื่อนงานใด ๆ ก็ตาม หากทำตามขั้นตอนจะช้ามาก บางเรื่องจึงต้องใช้ระบบประสานงานหลังบ้าน เช่น จ.ปัตตานี การแก้ไขปัญหาแรงงาน ก็จะประ สาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ขอให้ 5 เสือแรงงานมาหารือ หาทางช่วยเหลือด้านการจ้างงาน การฝึกอาชีพ ให้คนพิการ และชาวบ้าน ก็ได้รับการตอบรับดี"

คลุกคลีกับปัญหาชายแดนใต้มาตลอดชีวิต พ.ญ.เพชรดาว บอกว่า ความยุติธรรม คือ สิ่งที่ชาวบ้านต้องการ รวมทั้งความต่อเนื่องในการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแต่งตั้งสภาที่ปรึกษาของศอ.บต.ที่หายไปในช่วงปฎิวัติ 8 ปี  แต่วันนี้คนในพื้นที ได้เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งกลับเข้ามาใหม่ เนื่องจากสภาที่ปรึกษาศอ.บต.มาจาก การมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ นักการเมืองท้องถิ่น ผู้หญิงและผู้นำศาสนา โดยตรง คาดว่า เร็วๆนี้น่าจะได้คณะทำงาน

ปัจจุบัน ชาวบ้านใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ยังคงเป็นจังหวัดที่จน ที่สุดในประเทศไทย และมีการศึกษาต่ำสุด โรคที่เคยหายไปแล้วในจังหวัด หรือภูมิภาคอื่นๆ แต่กลับฟื้นขึ้นมาในพื้นที่ เช่น โรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก

พ.ญ.เพชรดาว เล่าว่า กระทรวงอว.ได้ลงไปทำโครงการโมเดลแก้จน ใน 20 จังหวัด แบ่งความยากจนเป็นระดับ เช่น คนยากจนจริง และคนอยากจน โดยมีการจัดกลุ่มคนจน 5 ประเภท คือ จนที่อยู่ได้ ,จนที่อยู่ไม่ได้เลย , จนจริงๆ , จนที่ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และจนประเภทหากได้รับการสนับสนุน ก็จะพัฒนาก้าวพ้นความยากจนไปอยู่อีกระดับหนึ่งได้ เพราะในแต่ละจังหวัด ที่สภาพพื้นที่อยู่ติดทะเล บนบก ชายฝั่ง จะมีโมเดลแก้ปัญหาความยากจนต่างกัน

ตัวตนจริง ๆ ของคนในพื้นที่ เขาไม่ได้ทะเยอทะยาน อยากรวย พอเพียง พอมี พอกินก็พอแล้ว บางครั้งรับงานมาก ๆ แล้ว เขาเหนื่อย ไม่ทำ แต่เมื่อเงินหมด ก็มาขอทำงานใหม่ นี่คือ ธรรมชาติของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

นอกจากนี้ คำว่า "จน" ในคำนิยามของรัฐ และชาวบ้านแตกต่างกันมาก ชาวบ้านไม่ได้รู้สึกว่า เขาจน กินข้าวอิ่มก็อยู่ได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้คำว่า "พิเศษ" ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทุนเข้ามหาวิทยาลัย หรืออื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ถูกตั้งคำถามจากกลุ่มคนไทยพุทธ ในพื้นที่ว่า ทำไม สิทธิพิเศษนี้จึงได้เฉพาะกลุ่มคนมุสลิม

จะเห็นได้ว่า 20 ปีที่ผ่านมา รัฐเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ มากที่สุดในโลก เวลาไปแลกเปลี่ยนในเวทียูเอ็น เขาอาจมีตัวเลขผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ของไทย ไม่แพ้ใคร

การเยียวยาดังกล่าว รวมถึงทุนการศึกษาที่รัฐให้กับครอบครัวผู้ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยให้ทุนกับเด็กกำพร้าเรียนจนจบปริญญาตรี กล่าวคือ ได้รับเงินเยียวยาถึงอายุ 25 ปี แต่ปัญหาที่พบ เด็กส่วนใหญ่ ไม่เรียนต่อ ตัวเลขจากกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า มีจำนวนถึง 3,000-4,000 คน

"...ผู้ปกครองเด็กในพื้นที่ ไม่ได้อยากให้ลูกเรียนหนังสือ เพราะมองว่าต้องเสียเวลาถึง 12 ปี แต่หากไปกรีดยาง หรือเก็บลองกอง จะเห็นเงินชัดกว่า ดังนั้นการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้จะต้องครบวงจร จริงๆ "

ขณะที่ ในส่วนของชาวบ้าน ก็เริ่มชินกับการได้รับความช่วยเหลือ หากมีงานอะไรให้ทำ จะถูกถามกลับว่า โครงการเป็นอย่างไร มีงบประมาณมาก-น้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ต่างจากประเทศที่มีสงคราม ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า เมื่อเอาเงินมาเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา คนในพื้นที่จะเริ่มชินกับการเข้าร่วมสัมมนา การแลกเปลี่ยน แล้วจึงจะเข้าร่วม

หมอเพชรดาว มองว่า การแก้ไขปัญหา หากไม่อยู่บนรากฐานของข้อเท็จจริง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ หากย้อนกลับไปดูข้อเรียกร้องในอดีต ตั้งแต่ยุค หะยี สุหรง โต๊ะมีนา จนถึงปัจจุบัน ไม่ไแตกต่างกันเลย คือ การชูในเรื่องอัตลักษณ์ …หรือมีโครงการอบรม ครูโรงเรียนตาดีกา 

แต่ปรากฏว่า เรื่องแรกที่ถูกพูดถึง คือ ค่าตอบแทน ...จริงๆ เราไม่อยากให้เขามองเรื่องเงินเป็นหลัก ต้องการให้เน้นให้ครู มีการฝึกอบรม พัฒนาทักษะ ฝึกสมองเด็ก เพราะวัยทองของเด็ก คือ ช่วงอายุ 0-6 ขวบ อยากให้มีการพัฒนาอาหารสมองเป็นเรื่องหลัก อยากให้ชุมชน ครู ผู้ปกครอง เข้ามามีส่วนร่วม

การกลับมุมคิดของชาวบ้าน เรื่องใช้เงินเป็นตัวตั้ง ไม่ง่าย เพราะแทบทุกภาคส่วนในพื้นที่ใช้เงินเป็นตัวขับเคลื่อน...ในขณะที่เรามองในเรื่อง การศึกษาเพื่อความมั่นคง ในระยะยาว อยากให้ใช้มีการใช้ภาษาแม่ เป็นอัตลักษณ์ในการเรียนการสอน เช่น ภาษามลายู เจ๊ะเห พิเทน จีน ฮักกา เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้ 70 % เป็นคนมลายู โดยเขียนเป็นภาษา รูมี หรืออักษรยาวี ก็ได้ แทนที่จะเขียนโดยใช้ภาษาไทยสะกด มันก็จะไม่มีการต่อต้าน

ในยุคกอส.เคยมีข้อเสนอให้ใช้ภาษามลายู เป็นภาษาทำงาน แต่ความมั่นคงไม่เห็นด้วย...ทั้งๆที่มันเป็นต้นทุนดี ๆ ที่จะสื่อสารกับคนมุสลิม 300 ล้านคนทั่วโลก หากมีการยกระดับภาษามลายูบ้านเรา เป็นฐานที่มากให้เป็นภาษามลายูกลาง เพื่อสื่อสารกับ มาเลย์ อินโดนีเซีย บรูไนล์ และสิงคโปร์ได้ เมื่อเด็กเรียนจบ ไปทำงาน ตรงนี้เป็นต้นทุนความมั่นคงของประเทศ และต้นทุนของเยาวชนโดยที่เขาไม่รู้ตัว

"...ฝ่ายความมั่นคงต้องเปลี่ยนทัศนคติ หากสร้างเด็กในบ้านเรา ให้สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ภาษาอังกฤษ ไทยและมลายู อย่ามองว่า การใช้ภาษามลายูเป็นการทำลายอัตลักษณ์"

อ่านข่าวอื่นๆ 

จ่อฟ้องแพ่งค่าเสียหายคดี สวล."ปลาหมอคางดำ"

หลักฐานใหม่ DNA "ปลาหมอคางดำ" ระบาดมีแหล่งที่มาร่วมกัน

ศาลสั่ง กทม.-กรุงเทพธนาคม จ่ายหนี้ BTS สายสีเขียว 1.2 หมื่นล้าน

 


ตร.ยึดทรัพย์ 190 ล้านเว็บพนันใช้โปรไฟล์การ์ตูนลวงเด็ก

Fri, 26 Jul 2024 12:39:00

วันนี้ (26 ก.ค.2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนและสอบ สวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตรวจยึดรถยนต์หรู เงินสด 7.9 ล้านบาท โฉนดที่ดินในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา สงขลา กระบี่ และของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 190 ล้านบาท

จากการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ 2 เครือข่าย มียอดเงินหมุนเวียนต่อปี กว่า 480 ล้านบาท โดยพบว่าทั้ง 2 เครือข่ายมีเจ้าของเป็นบุคคลเดียวกัน 3 คน ทำหน้าที่เป็นนายทุน มอบหมายให้ผู้จัดการทำหน้าที่ดูแลเว็บ ดูแลด้านการเงินและดูแลการจัดหาบัญชีม้า รวมถึงพนักงานในบริษัท เบื้องต้นพบมีการกระทำความผิดมานานกว่า 5 ปี

ตำรวจแถลงคดียึดทรัพย์ 190 ล้านบาท 2 เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่

ตำรวจแถลงคดียึดทรัพย์ 190 ล้านบาท 2 เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า การจับกุมผู้กระทำความผิดดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการสืบสวน ผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ทายผลฟุตบอล และการพนันประเภทอื่น ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต จนพบว่ามีเว็บพนันทายผลฟุตบอลที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ 2 เครือข่ายดังกล่าว

รถหรูของกลางในคดีเว็บพนันรายใหญ่

รถหรูของกลางในคดีเว็บพนันรายใหญ่

เว็บพนันออนไลน์ลวงเยาวชน

เบื้องต้นพบ มีสมาชิกผู้เล่นกว่า 50,000 คน ยอดเงินหมุนเวียนกว่า 480 ล้านบาท ต่อปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดรวม 13 คนแบ่งเป็นเจ้าของ 3 คน ผู้จัดการ 1 คน พนักงานและบัญชีม้า 9 คน

โดยได้มีการขอหมายค้นจากศาลอาญาและศาลจังหวัดสงขลาเพื่อเข้าทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายสี่จุด กระทั่งสามารถติดตาม จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 คน คือเจ้าของ คนและผู้จัดการหนึ่งคน

สำหรับเว็บพนันออนไลน์ทั้ง 2 เครือข่ายมีการใช้รูปภาพการ์ตูนบนเพจของเว็บ ไซต์เพื่อดึงดูดนักพนัน เป็นกลุ่มเยาวชน ในกรณีที่พบว่ามีนักพนันเยาวชนบางคนไม่มีบัญชีธนาคาร แต่เมื่อชนะการพนันแล้วก็จะพูดจาโน้มน้าวให้นำบัญชีธนาคาร หรือบัตรเครดิต ของผู้ปกครองมาลงทะเบียนในเว็บไซต์  โดยแอดมินจะเป็นคนหลอกถามข้อมูล เพื่อที่จะนำรหัสผ่านของบัตรเครดิตและบัญชีธนาคารสำหรับนำไปทำการดูดเงิน

ส่วนกรณีที่นักพนันเยาวชน ไม่มีบัตรเครดิต หรือบัญชีธนาคารของผู้ปกครอง ก็จะให้มีการส่งภาพอนาจาร หรือหลอกให้เปิดบัญชี และซิมผี โดยอ้างว่าจะมีการโอนเงินที่ชนะจากการพนันของเว็บไซต์ให้เป็นการตอบแทน จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองให้ช่วยกัน เฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมบุตรหลาน

จากการสอบปากคำในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนผู้ต้องหาอีก 9 คน ซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงาน และบัญชีม้าที่ศาลออกหมายจับแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย

 


ชาย 57 ปีใช้มีดฟันคอหญิงเสียชีวิต เด็ก 4 ขวบเจ็บสาหัส

Thu, 25 Jul 2024 17:57:55

วันนี้ (25 ก.ค.2567) เวลา 13.59 น. สภ.พระแสง รับแจ้งเหตุชายทำร้ายคนในครอบครัวในพื้นที่บ้านสามพัน หมู่ 1 ต. ไทรขึง อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และกู้ภัยสยามรวมใจ อ.พระแสง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว และมีสวนปาล์มน้ำมันโดยล้อมรอบ พบผู้เสียชีวิต คือ น.ส.พิกุลแก้ว อายุ 25 ปี ถูกฟันบริเวณลำคอ และเด็กหญิงอายุ 4 ปี มีบาดแผลที่ศีรษะ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบา

ขณะที่นายประมวล อายุ 57 ปี ผู้ก่อเหตุได้เดินถือมีดพร้าและอาวุธปืน 1 กระบอก เดินไปเดินมาภายในสวนปาล์มน้ำมันใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อม 1.30 ชั่วโมง จึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้


จับอินเดียซุกเฮโรอีนมูลค่า 23 ล้าน อีกคดีขน "สัตว์ควบคุม" ไปญี่ปุ่น

Thu, 25 Jul 2024 13:50:00

วันนี้ (25 ก.ค.2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษีในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แถลงข่าวกรณีคดีการจับกุมลักลอบขนเฮโรอีน และคดีลอบนำสัตว์มีชีวิต และซากสัตว์ออกนอกประเทศ

โดยคดีแรกเกิดขึ้นวันที่ 19 ก.ค. ผู้โดยสารชายสัญชาติอินเดีย ดัดแปลงกระเป๋าเดินทางซุกยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน น้ำนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 3,850 กรัม มูลค่า 11.5 ล้านบาท

ต่อมาวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา จากข้อมูลการข่าว พบผู้โดยสารหญิงสัญชาติอินเดีย ต้องสงสัยเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี นครเดลี ประเทศอินเดีย เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน และเชิญตัวผู้ต้องสงสัยไปตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระทั้งหมดด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบว่า กระเป๋าเดินทางมีลักษณะหนาผิดปกติ

เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดพบสิ่งผิดปกติลักษณะเป็นแผ่นซุกซ่อนภายในข้างผนังกระเป๋า เมื่อเปิดแผ่นออกพบห่อพันด้วยเทปสีขาว ภายในมีกระดาษคาร์บอนสีน้ำเงิน ภายในบรรจุผงสีขาว ตรวจสอบพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 4,250 กรัม มูลค่า 12.7 ล้านบาท

สำหรับในปีงบประมาณ 2567 (1 ต.ค.2566–24 ก.ค.) มีสถิติการจับกุมยาเสพติด 115 คน มูลค่ารวมกว่า 939 ล้านบาท

โฆษกกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. กรมศุลกากรยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้โดยสารชายสัญชาติญี่ปุ่น เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปลายทางกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น พยายามลักลอบนำสัตว์มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร

พบสัตว์ในบัญชี CITES เช่น แมงป่องช้าง แมงป่องแส้ บึ้ง แมงมุม แมงมุมแส้ ด้วง มด ตะขาบ และกบ มูลค่า 100,000 บาท ถูกบรรจุอยู่ในกล่องลังขนาดใหญ่สีน้ำตาล 5 ใบ 

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 166 และ 252 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และพยายามส่งออกสัตว์ป่าควบคุมออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 23 วรรคแรก และมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในบทเฉพาะกาลตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ประกอบตามมาตรา 31 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558

ลอบนำเข้ากระเพาะปลาจวด ปลาบัญชีไซเตส

นอกจากนี้ กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้ตรวจยึดกระเพาะปลาแช่เย็นจนแข็ง ของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซุกซ่อนอยู่ 9 กล่อง น้ำหนักรวม 246.52 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่มีความสงสัยว่ากระเพาะปลาดังกล่าว อาจมาจากปลาที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES จึงได้ส่งตัวอย่างให้กรมประมงตรวจพิสูจน์และได้รับผลการตรวจ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าเป็นกระเพาะลมของปลาจวดชนิด แมคโดนัล (Tatoaba macdonali) เป็นปลาอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 1 สัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES

โดยกรมประมง ขอให้กรมศุลกากรส่งมอบของกลาง เพื่อนำไปจัดการควบคุมเป็นการเฉพาะ และรายงานผลการดำเนินคดี และการจัดการของกลางให้สำนักงานเลขาธิการไซเตส 

สำหรับกระเพาะปลาของกลาง เป็นของที่ต้องได้รับใบอนุญาตตาม มาตรา 23 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 92 พ.ร.บ.กำหนดการประมง พ.ศ.2558 และมาตรา 31 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558

สำหรับในปีงบประมาณ 2567 (1 ต.ค.2566–30 มิ.ย.2567) สถิติการจับกุมสัตว์ป่าและพืชป่าที่มีการควบคุมตามอนุสัญญาว่ CITES ทั้งสิ้น 27 ราย มูลค่ารวมกว่า 62.60 ล้านบาท


จับ 2 คดีลวงเด็กถ่ายอนาจาร-คู่รักผลิตคอนเทนต์ลามก

Thu, 25 Jul 2024 11:51:00

วันนี้ (25 ก.ค.2567) กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พร้อมนักเรียนสืบสวนอาญาขั้นพิเศษ TOP G บุกเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นสามีและภรรยาก่อเหตุผลิต และเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร เพื่อการค้าผ่านบัญชีออนไลน์ ซึ่งมีผู้ติดตาม 400,000 คน

โดยตำรวจเข้าจับกุมที่บ้านพักในซอยรามคำแหง 54 พบมีพฤติการณ์ว่าทั้งคู่ประกาศขายสื่อลามกอนาจาร ผ่านบัญชีออนไลน์ หากมีผู้สนใจต้องจ่ายเงิน 699 บาท ก่อนจะรับการได้อนุมัติให้เข้าติดตามบัญชี เพื่อรับชมคลิปลามกอนาจาร

ผลการตรวจค้นบ้านภายในห้องนอนชั้น พบโทรศัพท์มือถือ และเสื้อผ้าที่ใช้ถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจาร ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี โดยทั้งคู่รับว่าเป็นบุคคลทั้งสองในคลิปวิดีโอ ร่วมกันผลิตและถ่ายทำวิดีโอลามกอนาจารขึ้น เพื่อจำหน่าย

ตำรวจ ระบุว่า เรื่อง sex creator แม้พฤติการณ์ในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิดแต่ในไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน โดยในกรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป) เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287 (1)

และข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไป อาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อ่านข่าว อิทธิพลไต้ฝุ่น "แคมี" ทำฝนถล่มญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ พัดขึ้นฝั่งไต้หวัน

คดีคู่รักถ่ายคลิปขายผ่านบัญชีออนไลน์

คดีคู่รักถ่ายคลิปขายผ่านบัญชีออนไลน์

ปคม.จับผู้ก่อเหตุลวงเยาวชนถ่ายคลิปโป๊

ส่วนอีกคดีตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) บุกจับเยาวชนชายอายุ 17 ปี อีก 2 คน ในความผิด “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยร่วมกันกระทำตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกองค์กรอาชญากรรม”

และจับผู้ต้องตามหมายจับ ในคดี “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก ซึ่งกระทำแก่เด็กอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี” อีก 1 คน

​ตำรวจสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการตั้งกลุ่ม ในแอปพลิเคชันหนึ่ง โดยกลุ่มมีผู้ติดตามหลักแสนบัญชี และได้สร้างคอนเทนต์ถ่ายทอดสดวิดีโอโป๊เปลือย อนาจารฯ ของเด็กหญิง และเรียกเก็บเงินจากผู้เข้าชม

คดีลวงเด็หญิงถ่ายคลิปอนาจาร

คดีลวงเด็หญิงถ่ายคลิปอนาจาร

โดยตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลเด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในวิดีโอ สามารถพิสูจน์ตัวบุคคล พบเป็นเด็กหญิงอายุ 15 ปี 2 คน จึงติดตามเพื่อสอบถามข้อมูล จนพบเบาะแสกลุ่มผู้ก่อเหตุ จึงนำหมายค้นตรวจค้นบ้านพักอาศัยของผู้ร่วมกระทำผิดและจับกุม ทั้ง 3 คน ซึ่งทำหน้าที่แอดมิน แบ่งกันดูแลการถ่ายทอดสด,ชักชวน สมาชิกเข้ากลุ่มและจัดการบัญชีการเงิน

ทั้งนี้ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยตำรวจเตือนฝากถึงผู้ปกครอง ให้ดูแลบุตรหลานของท่านในการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย อาจถูกผู้ไม่หวังดีล่อลวงไปกระทำในสิ่งไม่ดี และฝากถึง เยาวชนที่เข้าไปถ่ายคลิปหรือภาพที่ไม่เหมาะสมบนโซเชียลมีเดีย อาจมีผู้ไม่หวังดีบันทึกภาพหรือคลิปไปเผยแพร่ต่อ ทำให้เกิดความอับอาย ถูกดูหมิ่นจากสังคม ส่งผลต่อสุขภาพจิตได้

อ่านข่าว

ระทึก 3 วันเขย่า 2 ครั้งแผ่นดินไหว "ลำปลายมาศ"

“ซีพีเอฟ” ไม่มาชี้แจง ! อนุ กมธ.ฯ "ปลาหมอคางดำ" ผู้บริหารระบุติดภารกิจ

 


เลื่อนสั่งคดี "ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก" เรียกทรัพย์บิ๊กกรมการข้าว

Thu, 25 Jul 2024 11:31:09

วันนี้ (25 ก.ค.2567) นายประยุทธ เพชรชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นัดฟังคำสั่งคดีที่นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และนายศรีสุวรรณ จรรยา กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเรียกรับผลประโยชน์อธิบดีกรมการข้าวแลกกับการไม่ส่งเรื่องร้องเรียน โดยได้ประสานกับนายรชต พนมวัน อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปราบการทุจริต ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานอัยการรับผิดชอบคดีนี้ แจ้งว่าคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวนยังไม่แล้วเสร็จ จึงให้ไปฟังคำสั่งในวันที่ 28 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ขณะเดียวกันได้ยื่นขออนุมัติต่อนายสุรพันธ์ กิจพ่อค้า อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ไม่ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต มีคำสั่งอนุมัติไม่ฝากขัง โดยให้ปล่อยตัวชั่วคราวและให้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดในวันที่ 28 ส.ค.นี้

สำหรับคดีนี้ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายยศวริศ, นายศรีสุวรรณ กับพวก มีพฤติการณ์เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริต จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด โดยนายยศวริศกับพวก ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคนละ 6 ข้อหา ซึ่งพนักงานสอบสวน กองปราบปราม นำสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา

"ศรีสุวรรณ-เจ๋ง ดอกจิก" ยืนยันบริสุทธิ์-มั่นใจหลักฐาน

ขณะที่นายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ ชูกล่อม พร้อมพวกรวม 5 คน เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดตามคำสั่งของอัยการ เพื่อฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง

นายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า มารายงานตัวตามนัดเบื้องต้นและยังไม่ทราบว่าโดนข้อหาอะไรบ้าง เพราะเท่าที่ติดตามจากสื่อมวลชนทราบว่าถูกแจ้ง 6 ข้อหา แต่ที่รับทราบจากพนักงานสอบสวนขณะนี้มีเพียง 4 ข้อหา แต่ได้รับรายงานว่ามีการเลื่อนฟังคำสั่งคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนเพิ่งส่งสำนวนมาที่อัยการเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้พนักงานอัยการพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ แต่ตนเองและภรรยาในฐานะผู้ต้องหาก็เดินทางมารายงานตัวตามนัด

หลังจากนี้ตนเองและภรรยาได้เตรียมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ เพราะมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้หารือกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่น โดยเฉพาะนายศวริศที่เจอกันเพียงครั้งเดียว กระทั่งมาเจอกันในวันนี้ (25 ก.ค.) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน

นายศรีสุวรรณ ระบุอีกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาตนเองยังเดินหน้าช่วยเหลือประชาชน เพราะมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ แต่ส่วนการร้องเรียน ยอมรับว่าจะต้องมีการทบทวนบทบาทหน้าที่ อีกทั้งต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด เพราะที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่ตนเองร้องเรียนไปแล้วได้รับการตรวจสอบจนประสบความสำเร็จ ดังนั้นหลังจากที่ตนเองถูกดำเนินคดีจึงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะมองว่าเป็นผลมาจากการที่ตนเองเดินสายร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง

ด้านนายยศวริศ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับข้อมูลว่าถูกดำเนินคดี 6 ข้อหา ก่อนหน้านี้ได้ให้ทนายความไปยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการแล้ว แต่หากพนักงานอัยการมีคำสั่งเลื่อนก็มองว่าเป็นผลดีกับตนเองและพวก เนื่องจากจะทำให้พนักงานอัยการมีเวลาพิจารณาสำนวนมากขึ้น

พร้อมยืนยัน ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์และมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะนำไปใช้ต่อสู้ในชั้นศาล ส่วนประเด็นกับนายศรีสุวรรณไม่มีอะไรที่ต้องเคลียร์ใจกันเป็นการส่วนตัว

อ่านข่าว

"อุ๊งอิ๊ง" ดีด "เฉลิม" พ้นไลน์เพื่อไทย ไม่ยุ่งขอดีเบต "ทักษิณ"

“ซีพีเอฟ” ไม่มาชี้แจง ! อนุ กมธ.ฯ "ปลาหมอคางดำ" ผู้บริหารระบุติดภารกิจ

ศาลสั่งจำคุก 12 เดือนอดีต สว.กิตติศักดิ์ คดีวัดบางคลาน


ผบช.สอท.ยันหลักฐานมัด "ตำรวจเชียงใหม่" เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์

Wed, 24 Jul 2024 18:26:29

วันนี้ (24 ก.ค.2567) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ประจำ สภ.แห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ มีพฤติการณ์พัวพันกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ว่า

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางตำรวจในพื้นที่ได้ประสานมายังตำรวจ บก.สอท.4 ให้ร่วมสืบสวนสอบสวน ซึ่งล่าสุดพบพยานหลักฐานแน่ชัดว่า นายตำรวจคนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง

ทั้งนี้ พบการติดตั้งอุปกรณ์ Simbox ในบ้านพัก และว่าจ้างให้บุคคลอื่นมาทำการหลอกลวง ซึ่งต้องชื่นชมฝ่ายสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 5 ที่สามารถตรวจจับสัญญาณและพบอุปกรณ์ในบริเวณบ้านพักราชการของนายตำรวจคนดังกล่าว

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีข้าราชการตำรวจกล้ากระทำความผิดเป็นขบวนการคอลเซ็นเตอร์เสียเอง เพราะมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ฉลาด เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถถูกตรวจสอบได้อยู่แล้ว และเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเพียงส่วนน้อยที่เข้ามีส่วนร่วมกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์

อ่านข่าว : ออกหมายจับ "พ.ต.ท." ใน จ.เชียงใหม่ คาดพัวพันแก๊งคอลเซนเตอร์ 


รวบชาย 51 ปีใช้โปรไฟล์ "หมีเนย" หลอกเด็ก 12 ปีถ่ายคลิปอนาจาร

Wed, 24 Jul 2024 16:02:57

กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการอินโนเซ้นบุกจับกุมหนุ่มใช้โปรไฟล์น้องหมีเนย หลอกเด็กอายุ 12 ปี ถ่ายคลิปอนาจาร

วันนี้ (24 ก.ค.2567) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้พาเด็กอายุ 12 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองจันทบุรี โดยระบุว่าถูกลูกสาวถูกข่มขู่ให้ถ่ายภาพและคลิปวิดีโอลักษณะอนาจารให้ส่งผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งบัญชีดังกล่าวใช้ชื่อว่า "butter bear!!"

ผู้ก่อเหตุใช้โปรไฟล์เป็นภาพตุ๊กตามาสคอตน้องหมีเนย หรือ Butter Bear ซึ่งกำลังเป็นที่รู้จักและนิยมอยู่ในขณะนี้ โดยตำรวจสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว และให้ชุดกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบคดีดังกล่าว ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายสุรพงษ์ อายุ 51 ปี ชาวระยอง

ต่อมาตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลจังหวัดจันทบุรีออกหมายจับในข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กฯ, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นฯ พร้อมนำกำลังไปตรวจค้นและควบคุมตัวที่บ้านพัก อ.บ้านฉาง จ.ระยอง รวมถึงตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

จากการตรวจสอบภายในโทรศัพท์พบภาพและคลิปวิดีโอลามกอนาจารของผู้เสียหาย และคนอื่น ๆ รวมทั้งหมด 5 คน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

ขณะที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำมาหลายปีแล้ว โดยจะเลือกผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ซึ่งพบกันในเกมออนไลน์ เมื่อผู้เสียหายเชื่อใจก็จะชักชวนให้ถ่ายคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายเรือนร่างเพื่อแลกกับของรางวัลจากเกมออนไลน์ หรือสิ่งอื่น ๆ เป็นการตอบแทน เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมทำตามที่สั่ง จะข่มขู่ว่าจะนำภาพและคลิปไปโพสต์ประจานให้เสียหาย จึงทำให้ผู้เสียหายส่วนใหญ่ยินยอม โดยผู้ที่ข่มขู่นานสุด คือ ตั้งแต่ผู้เสียหายอายุ 14 ปี จนปัจจุบันมีอายุ 18 ปี

ช่วงแรกผู้ต้องหาจะใช้รูปตุ๊กตาทั่วไปเป็นโปรไฟล์ แต่เห็นว่าขณะนี้น้องหมีเนยกำลังได้รับความนิยมจึงเลือกใช้ เห็นว่าเด็กชอบและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เกิดความเชื่อใจได้เร็วมากขึ้น

นอกจากนี้ ระหว่างการพูดคุยผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าตนเองเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น ทั้งที่ความจริงอายุ 51 ปี ส่วนรูปที่ได้นั้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเก็บไว้ดูเอง และไม่ได้นำไปเผยแพร่ต่อ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีผู้เสียหายเพียง 5 คน โดยตรวจสอบโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายออนไลน์ว่ามีผู้เสียหายเพิ่มเติมหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่ามีการนำภาพและคลิปวิดีโอไปเผยแพร่ หรือจำหน่ายหรือไม่

ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังเจ้าของลิขสิทธิหมีเนยว่าประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหรือไม่ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ โดยเตือนไปยังผู้ปกครองให้ช่วยกันดูแลลูกหลาน เพราะปัจจุบันพบการกระทำความผิดที่เข้าถึงเด็กได้ง่าย

อ่านข่าว : ผอ.กองช่าง แจงเข้าใจผิดปมเรียกเงินก่อสร้างอาคาร จ่อฟ้องกลับ 

รู้ไว้! ขั้นตอนแจ้งความคดีออนไลน์ เมื่อเสียรู้ให้แก๊งคอลเซนเตอร์ 


ผอ.กองช่าง แจงเข้าใจผิดปมเรียกเงินก่อสร้างอาคาร จ่อฟ้องกลับ

Wed, 24 Jul 2024 13:36:51

กรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) บุกจับนายชยุต ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังมีผู้แจ้งความดำเนินคดีว่าถูกนายชยุตเรียกรับผลประโยชน์จากการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูง 4 ชั้นในพื้นที่ จนกระทั่งตำรวจเข้าตรวจค้นที่ทำงานพบเงิน 90,000 บาทในซองใต้โต๊ะทำงาน จำนวน 3 ซอง ซึ่งระบุว่าเป็นเงินเรียกรับผลประโยชน์นั้น

วันนี้ (24 ก.ค.2567) นายชยุต พร้อมทนายความ นำเอกสารเป็นแบบก่อสร้างอาคารของผู้ยื่นขอใบอนุญาต เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ชี้แจงข้อเท็จจริงและยืนยันความบริสุทธิ์ โดยระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างตนเองและผู้ยื่นขอใบอนุญาต ยืนยันว่าเงินที่พบเป็นเงินค่าจ้างวิศวกรและสถาปนิกที่ควบคุมงานก่อสร้างอาคาร ซึ่งตนเองเป็นผู้แนะนำผู้ที่มาขอใบอนุญาตก่อสร้างให้จัดหาบุคคลภายนอกมาควบคุมงาน และเสนอเป็นผู้จัดหามาให้ตามที่ได้พูดคุยกัน

ส่วนผู้ขอใบอนุญาต ก่อนหน้านี้มีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและเคยขออนุญาตก่อสร้างกับตนเองมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งมาเกิดปัญหาในครั้งนี้ ส่วนเงินจำนวนที่พบในวันเกิดเหตุ นายชยุตอ้างว่ารับค่าจ้างแทน ไม่มีเจตนาเรียกรับผลประโยชน์

นายชยุต กล่าวอีกว่า สาเหตุที่อาจทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิด ผู้ขอใบอนุญาตพยายามยื่นแบบขออนุญาตก่อสร้างอาคาร 4 ชั้น ตั้งแต่เดือน มี.ค.-ก.ค.ทั้งหมด 5 ครั้ง แต่แบบที่ยื่นมาไม่สมบูรณ์มีบางส่วนต้องปรับแก้ ซึ่งเป็นส่วนควบของอาคารบริเวณบันไดหนีไฟที่มีขนาดไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด อาจทำให้ผู้ขอใบอนุญาตเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่พยายามที่จะประวิงเวลาและเรียกรับผลประโยชน์

พร้อมระบุว่า ปัจจุบันใบขออนุญาตก่อสร้างได้รับการอนุมัติจากนายกเทศมนตรีบางบัวทอง ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้ขออนุญาตยังไม่ได้แนบในส่วนที่ต้องแก้ไขมาเพิ่มเติม กรณีนี้ตามกฎหมายสามารถออกใบอนุญาตให้ก่อนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบภายหลังมีการก่อสร้าง หากไม่เป็นไปตามแบบก็จะต้องสั่งให้รื้อถอนหรือแก้ไข

อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.แล้ว จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ขอใบอนุญาต ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินคดีตามกฎหมายกับตนเอง ในข้อหาแจ้งข้อความเท็จกับเจ้าพนักงาน

ขณะที่ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าเงิน 90,000 บาทที่เจ้าหน้าที่ล่อซื้อเป็นค่าจ้างจากบุคคลภายนอก โดยตัวเองเป็นผู้รับแทนนั้น เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะใช้เป็นข้อต่อสู้ทางคดีได้ แต่ตำรวจยืนยันว่ากรณีขอศาลออกหมาจับไปจนถึงการวางแผนล่อซื้อ ทำตามพยานหลักฐานที่ปรากฏว่ามีการเรียกรับเงินจริง โดยมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ร่วมกับ ปปป. แฝงตัวเข้าไปสืบสวนในคดีนี้ตั้งแต่ต้น

ส่วนข้ออ้างการรับเงินเเทนนั้น เจ้าหน้าที่โยธาที่เป็นข้าราชการของรัฐไม่สามารถที่จะเรียกรับเงินค่าจ้าง หรือมีส่วนได้เสียจากบริษัทและบุคคลภายนอกได้ ส่วนนี้ผู้ถูกกล่าวหาต้องยืนยันให้ได้ว่าเงินทั้งหมดที่รับไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือได้รับผลประโยชน์ตามที่ถูกกล่าวหาจริง ซึ่งส่วนนี้ศาลจะเป็นผู้พิจารณา แต่ส่วนการฟ้องร้องกับผู้ที่แจ้งความก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่จะสามารถกระทำได้

อ่านข่าว

วิศวกรตรวจกันสาดถล่ม 3 คูหายันไม่กระทบโครงสร้างตึก

ดีเดย์ 1 ส.ค.-15 ก.ย.67 ประชาชนลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต

ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคุณสมบัติ "เศรษฐา" ปมตั้งพิชิต 14 ส.ค.


"ษิทรา" ร้อง กมธ.ฟอกเงิน สอบปม "สก.-นักการเมือง" โยงเว็บพนัน

Wed, 24 Jul 2024 13:36:01

วันนี้ (24 ก.ค.2567) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จะเดินทางเข้าพบประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือกรณีประสานขอข้อมูลเรื่องเว็บพนันที่อ้างว่าเป็นของตำรวจ 191, สก.บางเขน, นักการเมืองระดับจังหวัดที่มีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีคนหนึ่ง หลังยื่นเรื่องต่อสำนักงาน ปปง. เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้จะจับกุมแต่ยังไม่ได้ยึดทรัพย์

นายษิทรา กล่าวว่า การยื่นกรรมาธิการในวันนี้ เพื่อให้ติดตามความคืบหน้าเพื่อขอข้อมูลบัญชีธนาคารผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ อาจมีความเชื่อมโยงไปยังผู้มีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง โดยได้แนบหนังสือที่เคยไปยื่นร้องต่อ ปปง. พร้อมบัญชีสเตทเม้นท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือกลุ่มของลูก สว. ยื่นต่อกรรมาธิการ ซึ่งอ้างว่ามีการโอนเงิน 30-40 ล้านบาทต่อครั้ง และกระจายไปบัญชีต่าง ๆ

นอกจากนี้ ได้รับทราบข่าวว่าตนเองถูกแจ้งความดำเนินคดีจากนักการเมืองคนหนึ่ง จ.พะเยา โดยเห็นว่าเป็นการร้อนตัวหรือไม่ เพราะการให้สัมภาษณ์ไม่เคยระบุชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีคนใด ส่วนหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้มั่นใจว่าสามารถเอาผิดกับบุคคลที่กระทำความผิดระดับผู้น้อย เช่น ตำรวจ สก. แต่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ได้เป็นผู้ทำเว็บพนันเอง

เขาไม่ได้ทำเว็บเองแต่รับเป็นหุ้นลมที่จ่ายเป็นเงินสด ฉะนั้นการจะเอาผิดจะต้องดูเส้นทางการเงิน ซึ่งเกินความสามารถที่ตนเองจะทำได้ แต่เชื่อว่าอาชญากรทุกคนจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ อยู่ที่ตำรวจจะดำเนินการหรือไม่

นายษิทรา กล่าวว่า ไม่ได้แจ้งตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ตั้งแต่ตอนต้น เพราะทราบว่ามีความสนิทสนมกับ สก.คนดังกล่าว โดยพบรูปถ่ายคู่กับอดีตผู้บัญชาการไซเบอร์ กินอาหารและดื่มไวน์ด้วยกัน

นอกจากนี้ แชทไลน์ที่ได้อ้างถึง “EZ3” ว่ามีความเกี่ยวข้องในเว็บพนันออนไลน์ มีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีคนหนึ่ง และยังระบุว่ามีแชทไลน์ที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายตำรวจที่ออกจากราชการไปแล้ว จึงยังไม่ขอเปิดเผย

นายษิทรา ระบุว่า กลุ่มทำเว็บพนันออนไลน์เป็นกลุ่มน้องดาราที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ และตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดตำรวจยังไม่สามารถดำเนินการได้ มีเจตนาแอบแฝงใดหรือกลัวเสียผลประโยชน์หรือไม่ โดยคาดหวังให้ตำรวจเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ชื่นชมบิ๊กก้องผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เพราะจับเว็บนี้มาได้ เป็นเว็บที่เกี่ยวข้องกับการฝากถอนเงิน ทำให้ตำรวจ ป.อ.ท.ขยายผลจับอีกหลายที่ได้ เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีข่าวใหญ่ อาจจับใครที่ใหญ่กว่าลูก สว.

นายษิทรา กล่าวว่า หลักฐานที่ได้มานั้น ส่วนตัวเชื่อว่าบุคคลที่มอบให้ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ จึงขอให้ผู้ที่ทราบข้อมูลออกมาเปิดเผยหลักฐานต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาเว็บพนัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลที่แก้ต่างให้กับผู้กระทำความผิดเว็บพนัน อาจมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าวหรือไม่

อ่านข่าว : ตร.จับลูกชายอดีต สว. พบหลักฐานโยงเว็บพนัน 

จำคุก “แยม” อดีตนักแสดง 5 ปี - สามี 20 ปี คดีเว็บพนันฯ 

"ทนายตั้ม" ให้ข้อมูล ป.ป.ช.คดี "บิ๊กต่อ" ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนัน 

 

 


ตม.เผยธุรกิจซื้อขายสัญชาติ พบมากในแคริบเบียน

Tue, 23 Jul 2024 16:03:07

จากกรณีการขึ้นป้ายโฆษณาซื้อขายสัญชาติบริเวณย่านห้วยขวาง และต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าไม่ได้ขออนุญาตติดตั้ง ไม่มีการเสียภาษีป้าย และผู้รับงานมาเป็นชาวจีน

วันนี้ (23 ก.ค.2567) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) และโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาประเทศไทย ยังไม่เคยจับกุมกลุ่มบุคคลที่ลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอมภายในประเทศ มีเพียงการจับกุมผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางปลอมผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบิน ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมส่วนใหญ่คือของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศทางฝั่งยุโรป

สำหรับการขึ้นป้ายโฆษณาซื้อขายสัญชาติที่บริเวณแยกห้วยขวางนั้น มีข้อสังเกต 2 ประเด็น คือ การซื้อขายหนังสือเดินทางลักษณะนี้ผิดหรือไม่ เพราะการจะซื้อหนังสือเดินทางประเทศใดได้นั้นหมายความว่าบุคคลดังกล่าวต้องได้รับสิทธิการเป็นพลเมืองสัญชาตินั้นมาก่อนแล้ว ซึ่งตรงนี้จะเป็นเอกสิทธิของรัฐบาลแต่ละประเทศว่าจะรับบุคคลเหล่านี้เป็นพลเมืองหรือไม่ และการขึ้นป้ายก็ต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลของทั้ง 4 ประเทศ ซึ่งปรากฏอยู่บนป้ายโฆษณาจะสามารถรับคนต่างชาติเข้าไปเป็นพลเมืองหรือไม่

พล.ต.ต.เชิงรณ ยืนยันว่า การซื้อขายสัญชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพบเห็นการประกาศมานานแล้วในต่างประเทศ แต่อาจเป็นครั้งแรกที่พบเห็นในไทย ส่วนประเด็นข้อ 2 คือการขึ้นป้ายแบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต้องพิจารณาก่อนว่าการขึ้นป้ายดังกล่าวมีเจตนาหลอกลวงหรือไม่ หากเป็นการหลอกลวงซื้อไปแล้วไม่ได้สัญชาติจริง ก็เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย แต่ต้องให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นหญิงชาวจีน เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเพียงผู้ประสานงานจากผู้ว่าจ้างซึ่งอยู่ที่ฮ่องกงเท่านั้น

ที่ผ่านมาพบข้อมูลว่าประเทศในแถบหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน เป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่นิยมขายหนังสือเดินทางสัญชาติตัวเอง โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่จะตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่ามีเจตนาที่ไม่สุจริต ทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.2567 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่มีการปฏิเสธการเข้าเมืองของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ไปแล้วประมาณ 1,000 คน

สำหรับประเทศที่เปิดให้ซื้อขายสัญชาติ 8 ประเทศนั้น ประกอบด้วย ตุรกี โดมินิกา แอนติกาและบาร์บูดา เกรนาดา เซนต์คิสและเนวิส มอนเตเนโกร มอลตา และไซปรัส ส่วนสาเหตุที่มีคนต้องการซื้อขายนั้น มองว่ามาจากการที่หากบุคคลใช้หนังสือเดินทางของประเทศนั้น ๆ อาจทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์บางอย่าง เช่น การเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น สิทธิได้รับการยกเว้นภาษี สิทธิการประกอบธุรกิจในประเทศนั้น แต่อาจมาจากการพยายามปลอมแปลงตัวตนแทนวิธีการปลอมแปลงพาสปอร์ต แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันธุรกิจการซื้อขายสัญชาติมีแนวโน้มเติบโตในต่างประเทศเป็นอย่างมาก

อ่านข่าว : ซื้อ-ขายพาสปอร์ต "นายกฯ" ย้ำต้องตรวจสอบรอบคอบ 

ปลดป้าย "ซื้อขายพาสปอร์ต" กลางแยกห้วยขวาง 

"อนุทิน" จี้สอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต ยันผิดกฎหมาย 

ปัดจนท.เอี่ยวป้ายขายสัญชาติ-พาสปอร์ต เอาผิดหลายข้อหา 

 


ยันตร.ไม่เคยจัดซื้อ "เสื้อเกราะไม้อัด" สั่งเช็กเฟกนิวส์

Tue, 23 Jul 2024 15:25:00

กรณีที่เพจเฟซบุ๊กโพสต์รูปภาพเสื้อเกราะที่มีลักษณะตราคล้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มีวัสดุภายในคล้ายทำจากไม้อัด

วันนี้ (23 ก.ค.2567) พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เรื่องดังกล่าวทางกองสรรพาวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบและชี้แจงไปแล้ว

จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจในหลายพื้นที่ พร้อมตรวจสอบคลังอาวุธต่าง ๆ ไม่เคยพบการใช้เสื้อเกราะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดซื้อ และใช้จริงในลักษณะที่เป็นไม้มาก่อน ไม่ว่าจะสำหรับใช้ในการปฏิบัติจริง หรือเสื้อเกราะที่ใช้สำหรับฝึกก็ตาม

อ่านข่าว “นายก” ร่วมพิธีศพ "รองหรั่ง" รองผกก.ท่าข้าม ที่วัดยางสุธาราม

เสื้อเกราะของจริง จะเป็นวัสดุทำจากโพลิเมอร์ และมีเหล็กเสริม อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการจัดทำขึ้นเพื่อจำลองการฝึก ส่วนการถอดเกราะด้านในที่หมดอายุแล้วไปขายแล้วนำเกราะไม้มาใส่แทนก็ยังมองว่าไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน เพราะการนำสูทไปหุ้มเกราะใหม่ทำได้ยาก ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการสร้างข่าวปลอมหรือไม่

อ่านข่าว "กองสรรพาวุธ" ยืนยันไม่เคยจัดซื้อ "เกราะไม้อัดกันกระสุน"

ส่วนขั้นตอนจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อตรวจสอบ หรือป้องกันการจัดซื้อเสื้อเกราะที่ไม่ได้คุณภาพอย่างไร พล.ต.อ.ธนา ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีระบบในการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร่างเอกสาร tor หรือการตรวจรับพัสดุ

อ่านข่าว

 อาลัยตำรวจกล้า "รองหรั่ง" คุ้มครอง ปชช.จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

ปูนบำเหน็จ 6 ขั้นให้ “พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์” พลีชีพขณะปฏิบัติหน้าที่

 

 

 


"ทนายตั้ม" ให้ข้อมูล ป.ป.ช.คดี "บิ๊กต่อ" ถูกกล่าวหาพัวพันเว็บพนัน

Tue, 23 Jul 2024 12:57:27

วันนี้ (23 ก.ค.2567) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางไปให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีที่เคยยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกี่ยวกับปมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และส่วย 18 ธุรกิจสีเทา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปยื่นกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) แต่สำนวนการสอบสวนถูกส่งต่อมายัง ป.ป.ช. จึงนำมาสู่การเรียกเข้าให้ถ้อยคำในวันนี้

นายษิทรา ระบุว่า ตนเองตั้งข้อสงสัยว่าตอนที่ยื่นเรื่องให้กับ ปปป. เป็นการยื่นให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเส้นทางการเงินต่างๆ ของเครือข่ายเว็บพนันที่โยงไปถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แต่ปรากฏว่า ปปป.ไม่สืบสวนหาข้อเท็จจริงในคดีนี้เอง กลับส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการกระทำความผิด ลักษณะเหมือนเป็นการผลักภาระทั้งที่รับปากกับตนเองว่าจะทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทั้ง ปปป.เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจสอบสวนตรวจสอบการทุจริตในภาครัฐอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนตัวมองว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จึงไม่อยากทำคดีและโยนมาให้ ป.ป.ช.ทำแทน อีกทั้งเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นว่ากระบวนการทำงานของ ปปป.สองมาตรฐาน ไม่เหมือนตอนทำคดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นายษิทรา กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนเองไม่อยากส่งให้ ป.ป.ช.แต่แรก เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดต้องหาทางออกในการช่วยเหลือทางคดี เปรียบเทียบจากกรณีที่ตนเองเคยแจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยาพร้อมพวกอีก 2 คนในข้อหาสมคมฟอกเงินไว้ที่ สน.เตาปูน ตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงขณะนี้คดียังไม่คืบหน้า

ส่วนหลักฐานและเอกสารต่างๆ ที่ใช้ประกอบคดีทั้งหมด นายษิทรา เปิดเผยว่า ได้มอบเอกสารและพาพยานบุคคลไปให้การกับตำรวจทั้งหมดแล้ว ทั้งคดีเว็บพนันและส่วย 18 ธุรกิจสีเทา วันนี้ (23 ก.ค.) จึงไม่จำเป็นต้องนำหลักฐานมายื่นเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มีรายงานว่าหลักฐานสำนวนคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ บก.ปปป.ส่งมาให้ ป.ป.ช. มีจำนวนพยานหลักฐานและคำให้การมีหลักร้อยหน้าเท่าที่นายษิทรายื่นให้ตรวจสอบไว้ก่อนหน้านี้ โดยไม่มีหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม หากเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานคดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กลับมีจำนวนกว่าหมื่นหน้า

ส่วนกรณีเว็บพนันที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายลูกอดีต สว. โดยมีความเชื่อมโยงกับตำรวจนั้น นายษิทรา อ้างว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจนเป็นที่รู้กันว่าโผการแต่งตั้งที่ผ่านมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นคนทำโผ ทำให้ฝ่ายการเมืองไม่พอใจเพราะมีแต่ฝ่ายตั๋วช้าง รวมถึงเป็นตั๋วที่ได้รับการโปรโมตอยู่ในตำแหน่งที่ดี และมีกระแสข่าวว่าได้รับการสนับสนุนขึ้นเป็นผู้บังคับการหน่วยหนึ่ง โดยตนเองเตรียมจะเปิดหลักฐานเกี่ยวกับเครือข่ายนี้ที่มีทั้งรัฐมนตรี และ สก.เข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมยืนยันว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ซึ่งนายษิทรายังเปิดเผยอีกว่าคดีนี้มีตำรวจระดับนายพลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

อ่านข่าว

ปัดจนท.เอี่ยวป้ายขายสัญชาติ-พาสปอร์ต เอาผิดหลายข้อหา

ตามคาด! "มงคล สุระสัจจะ" นั่งประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนน 159 เสียง

ลอบวางบึ้ม ตร.สภ.เทพ ขณะลาดตระเวน เจ็บ 2 นาย

 


ครบรอบ 1 ปีพลุระเบิด ปรับเกณฑ์ช่วย "เยียวยา" เจ็บปวดชาวมูโนะ

Tue, 23 Jul 2024 12:53:00

ซากปรักหักพัง จากแรงระเบิดของโรงงานพลุระเบิดกลางตลาดมูโนะ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2566 ถูกปรับสภาพเหลือให้เห็นเพียงลานดินโล่ง ๆ เพื่อเตรียมก่อสร้างบ้านเรือนใหม่ทดแทนของเดิม หลังจาก จ.นราธิวาส ได้สำรวจความเสียหาย และเริ่มให้มีการทำสัญญาเพื่อสร้างบ้านให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัย

แม้เหตุโกดังพลุระเบิดกลางตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จะผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังอยู่ในแววตาของนาย จิรายุ ดาโอ๊ะ ที่สูญเสียทั้งพ่อ พี่สาว น้อง และหลานชาย วันนี้ "ครอบครัวดาโอ๊ะ" จึงเหลือเพียงตัวเขาและแม่ ที่ยังต้องอาศัยบ้านเช่า เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป

นายจิรายุ เล่าย้อนกลับไปยังวันเกิดเหตุ ที่เขากำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยใน จ.ยะลา ตลอดเวลาขับรถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับมาบ้าน หลังทราบข่าว ก็แทบสิ้นสติ ผ่านมาจนถึงวันนี้ จึงต้องเข้มแข็งเพื่อแม่

"ผมขับรถมอเตอร์ไซค์ กลับมาบ้านแบบไม่มีสติ มาถึงเห็นสภาพบ้านที่พังหมดแล้วก็แทบทรุด ความสูญเสียคนในครอบครัวมันเจ็บปวดเกินจะบรรยาย แต่ก็ต้องพยายามฟื้นตัวให้เร็ว เพราะผมยังมีแม่ จึงได้แค่ปลอบแม่ว่า ผมยังอยู่ข้าง ๆ แม่นะ" นายจิรายุ ถ่ายทอดความรู้สึกโดยมีน้ำตาซึม

จากภาพมุมสูง บริเวณพื้นที่ไข่แดงใกล้โกดังพลุระเบิดวันนี้ ยังคงเห็นเพียงสภาพการถมดินปรับพื้นที่ และยังไม่มีการเริ่มการก่อสร้างบ้าน บ้านบางหลังที่เสียหายซึ่งอยู่รอบบริเวณได้เริ่มซ่อมแซมไปบางส่วน โดยเจ้าของบ้านบางคนต้องควักเงินเก็บมาใช้ร่วมด้วย เพราะจะอาศัยเงินจากรัฐก็อาจไม่เพียงพอ

บ้านของนายวิชิต พึ่งวรวัฒน์ ก็เช่นกัน บ้าน 3 ชั้นหลังใหญ่สีฟ้า ได้ซ่อมแซมไปบางส่วน ในรอบเเรก ได้รับการประเมินต่ำกว่าความเสียหายไปมาก จึงยื่นเรื่องขอให้ประเมินใหม่ เเละได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐประมาณ 4 เเสนบาท เเต่ใช้เงินซ่อมจริงไปเเล้วกว่า 1 ล้านบาท

"ผมขอให้เค้าประเมินใหม่ เพราะรอบแรกมันน้อยมากเลย นี้ผมจ่ายเงินค่าซ่อมไปเองกว่า 1 ล้านแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ ถ้าได้เงินช่วยเหลือจากรัฐมาเพิ่มเติม ผมก็จะซ่อมต่อ" นายวิชิต กล่าว

ช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ค.2567) พื้นที่กลางตลาดมูโนะ มีชาวบ้าน ผู้ประสบภัย เเละภาคราชการมาร่วมกันละหมาดฮายัด ก่อนวันครบรอบเหตุการณ์ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ โดยได้มีการมอบเงินให้ผู้ประสบภัย เป็นค่าเช่าบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านที่บ้านเสียหายทั้งหลัง ซึ่งยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างบ้านรวม 42 คน จำนวนเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลาต่ออีก 3 เดือน รวม กว่า 360,000 บาท หลังก่อนหน้านี้ได้มอบเงินค่าเช่นบ้าน จนกว่าบ้านหลังใหม่จะสร้างเสร็จ เเละมอบเงินค่าซ่อมเเซมบ้านในระเบียบราชการ ตามความเสียหายจริง จำนวน 48 ราย กว่า 4,500,000 บาท

โดยว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส ยืนยันว่า ราชการพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือ ซึ่งบ้านที่เสียหายทั้งหลัง รวม 76 หลังซึ่งอยู่ระหว่างการทำสัญญาระหว่างผู้รับเหมา และเจ้าของบ้าน ทางจังหวัดได้อนุมัติงบประมาณก่อสร้างเเล้วจำนวน 39 หลัง คาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือน เเละอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารเพื่อเสนอจังหวัดในการขออนุญาตก่อสร้าง 28 หลัง เเก้ไขเเบบเเปลนบ้าน 6 หลัง เเละอีก 3 หลังอยู่ในขั้นตอนการโอนที่ดิน เนื่องจากไม่มีโฉนด นอกจากนี้ ได้ปรับหลักเกณฑ์เพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือเจ้าของบ้านเช่า หรือบ้านไม่มีเลขที่ด้วย

"อยากให้เข้าใจทางราชการด้วย เราก็พยายามปรับหลักเกณฑ์หลายครั้งเพื่อให้ช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด หลายคนถามว่า ทำไมไม่ให้เงินชาวบ้านไปสร้างเลย แต่พอให้ไป บางคนไปปรับแบบการสร้างเอง หรือ บางหลังก็อาจสร้างไม่เสร็จ ไม่ตรงกับหลักเกณฑ์ เราจึงหาทางออกให้ชาวบ้านได้ทำสัญญากับผู้รับเหมาเอง จะได้ร่วมตรวจสอบด้วย ... เงินทุกบาท ทุกสตางค์ ไม่ได้หายไปไหน " ผวจ.นราธิวาส ยืนยัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ยอมรับกับชาวบ้านว่า ในส่วนการเยียวยาเรื่องรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่เสียหาย อาจไม่คลอบคลุมการช่วยเหลือ และรัฐจำเป็นต้องนำเงินเท่าที่มีไปสร้างบ้าน หรือซ่อมแซมบ้านก่อน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ก็จะเร่งฟื้นฟูอาชีพ และการค้าในพื้นที่

ทั้งนี้ เหตุโกดังพลุระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน เเละได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้บ้านเสียหาย 649 หลัง ซึ่งได้ก่อสร้างเเละซ่อมเเซมเเล้วเสร็จ 547 หลัง

รายงานโดย: ติชิลา พุทธสาระพันธุ์ หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคใต้


อดีตสามีบุกยิง ผอ.โรงเรียน-ญาติ 4 ศพ ก่อนปลิดชีพตัวเองหนีผิด

Tue, 23 Jul 2024 06:32:00

วันที่ 23 ก.ค.2567 ความคืบเกิดเหตุยิงกัน ภายในบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า มีผู้เสียชีวิต 4 คน ประกอบไปด้วย ผู้หญิงที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ และสามีใหม่ ซึ่งเป็นทนายความ ส่วนอีก 2 คนคือ แม่ของผู้อำนวยการและน้าถูกยิงเสียชีวิต

อ่านข่าว : บุกยิง ผอ.รร.-ญาติ ดับ 4 ศพ คาบ้านใน จ.ศรีสะเกษ กลางดึก

มีรายงานว่าในที่เกิดเหตุ มีผู้รอดชีวิต เป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของผู้อำนวยการโรงเรียนที่เสียชีวิต วิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือ

จากการสอบถามญาติผู้เสียชีวิต ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตสามีเก่าของผู้อำนวยการ ที่ผ่านมาผู้อำนวยการที่เสียชีวิต มีปัญหาขัดแย้งกับสามีเก่า และเพิ่งแต่งงานกับสามีใหม่ได้เพียง 2 เดือน โดยหลังจากเลิกราก็ถูกตามหาเรื่องอยู่บ่อยครั้ง โดยสามีเก่าอ้างว่าบ้านที่เกิดเหตุหลังนี้เขาเป็นคนสร้าง จึงมีสิทธิเข้าไปอยู่ภายในบ้านได้ และขู่ว่า หากผู้อำนวยการ และสามีใหม่ไม่ย้ายออกจะฆ่ายกครัว

หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งล่าสุดทราบว่า ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถหลบหนี กลับไปทาง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยตำรวจได้ตั้งด่านสกัด และพบรถเก๋งต้องสงสัย ตรงกับที่ได้รับแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ จึงมีการขอเข้าตรวจค้น ต่อมาผู้ก่อเหตุไม่ยอมลงจากรถ และใช้ปืนไม่ทราบขนาด ปลิดชีพตัวเองเสียชีวิต ภายในรถกันก่อเหตุ ในพื้นที่ ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

อ่านข่าว :

ไฟไหม้โกดังขนส่งสินค้า ย่านลาดกระบัง กู้ภัยเร่งดับ

ครอบครัวผู้ก่อเหตุ ร่วมเคารพศพ “รองหรั่ง” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์


บุกยิง ผอ.รร.-ญาติ ดับ 4 ศพ คาบ้านใน จ.ศรีสะเกษ กลางดึก

Mon, 22 Jul 2024 23:02:00

วันนี้ (22 ก.ค.2567) เวลา 21.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุชายคนหนึ่ง พร้อมอาวุธปืน บุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่ บ้านหอย ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ก่อนก่อเหตุยิงคนในบ้านดังกล่าว

มีผู้เสียชีวิตรวม 4 คน 1.ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ เป็นสุภาพสตรี 2.สามีใหม่ของ ผอ.โรงเรียน 3.แม่ ผอ. และ 4.ญาติ ผอ.

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บรวบรวมหลักฐาน พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุต่อไป เบื้องต้นคาดว่า เป็นอดีตสามีของ ผอ.รร.ที่เลิกรากันไปแล้ว

อ่านข่าว : "อพยพรถ" ฟรี หนีน้ำท่วม อาสาสมัครช่วย "ชาวตราด" หนีน้ำทะลัก

ซื้อ-ขายพาสปอร์ต "นายกฯ" ย้ำต้องตรวจสอบรอบคอบ

ครอบครัวผู้ก่อเหตุ ร่วมเคารพศพ “รองหรั่ง” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์


ไฟไหม้โกดังขนส่งสินค้า ย่านลาดกระบัง กู้ภัยเร่งดับ

Mon, 22 Jul 2024 18:14:00

วันนี้ (22 ก.ค.2567) ศูนย์วิทยุพระราม199 รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 17.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดัง บริษัทประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกและให้เช่ารถ ใกล้เคียงหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ถนนพัฒนาชนบท 3 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยร่มเกล้า เร่งเดินไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโกดัง มีแสงเพลิงโหมอยู่ระหว่างการลุกไหม้ เพียง 1 โกดัง แต่ไม่ลุกลามไปยังโกดังข้างเคียง เนื่องจากอยู่ห่างกันประมาณ 15 เมตร เจ้าหน้าที่ระดมใช้รถน้ำฉีดสกัด โดยวางหัวฉีดน้ำรวม 4 หัว เนื่องจากพบแสงเพลิงเต็มพื้นที่ โดยใช้น้ำจากแหล่งน้ำด้านหลังโรงงาน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พบขณะนี้เพลิงลุกไหม้เสียหายเพียง 1 โกดัง เบื้องต้นสามารถป้องกันไม่ให้ลุกลามโกดังข้างเคียง ขณะที่บริเวณใกล้เคียงไม่มีบ้านเรือนประชาชน

เวลาประมาณ 18.10 น. เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำอย่างต่อเนื่องพบว่า เพลิงได้ลุกไหม้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กจำนวนมาก และกองกระดาษ ที่เก็บอยู่ภายในโกดัง จนทำให้ตัวอาคารดังกล่าวเริ่มมีการทรุดตัว จนขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ส่วนรายละเอียดและสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐานจะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง

อ่านข่าว:

ครอบครัวผู้ก่อเหตุ ร่วมเคารพศพ “รองหรั่ง” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์

“นายก” ร่วมพิธีศพ "รองหรั่ง" รองผกก.ท่าข้าม ที่วัดยางสุธาราม

รู้ไว้! ขั้นตอนแจ้งความคดีออนไลน์ เมื่อเสียรู้ให้แก๊งคอลเซนเตอร์


ครอบครัวผู้ก่อเหตุ ร่วมเคารพศพ “รองหรั่ง” ปฏิเสธให้สัมภาษณ์

Mon, 22 Jul 2024 17:52:00

วันนี้ ( 22 ก.ค.2567) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการระดับสูงจำนวนมาก เดินทางมาเคารพศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุชายคุ้มคลั่ง  โดยหลังร่วมพิธีรดน้ำศพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เรียกให้ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวบนรถ

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงและเน้นย้ำความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ และพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ในการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ โดยหากยังมีอะไรตำรวจขาดแคลน นายกรัฐมนตรีก็พร้อมจะจัดสรรให้

ส่วนกรณีของเสื้อเกราะไม้อัดที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในโลกโซเชียลนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว เป็นเพียงกระแสการพูดคุยกันในโซเชียลเท่านั้น ยืนยันในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการที่สำเร็จหรือล้มเหลว ตำรวจจะนำมาถอดบทเรียนและนำไปฝึกอบรมให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไป

ในช่วงเวลาประมาณ 16:00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ และภายหลังจากเข้าร่วมพิธีก็ได้เดินทางกลับในทันที

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาประมาณเวลา 17:10 น. ก่อนที่จะมีการสวดอภิธรรมศพ พันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ หรือ รองหรั่ง รองผกก.ป.สน.ท่าข้าม พบว่าลูกสาวทั้ง 3 คน พร้อมภรรยาของนายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง ผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาเคารพศพ โดยทันทีที่ทุกคนเดินทางมาถึง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อมูลแต่ ลูกสาวตอบเพียงว่า ขอไม่ให้ข่าว ก่อนจะเข้าไปในศาลาที่มีการตั้งสวดฯ

อ่านข่าว:

“นายก” ร่วมพิธีศพ "รองหรั่ง" รองผกก.ท่าข้าม ที่วัดยางสุธาราม

พี่สาวรับศพ “รองหรั่ง” เปิดใจน้องชายทำเต็มที่ ไม่โกรธทุกฝ่ายสูญเสีย

ปูนบำเหน็จ 6 ขั้นให้ “พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์” พลีชีพขณะปฏิบัติหน้าที่

 


“นายก” ร่วมพิธีศพ "รองหรั่ง" รองผกก.ท่าข้าม ที่วัดยางสุธาราม

Mon, 22 Jul 2024 15:39:00

วันนี้ (22 ก.ค.2567) บรรยากาศที่วัดยางสุทธาราม ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมาหลังญาติได้นำร่างของพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม มาประกอบพิธีศาสนา พบว่ามี บุคคลสำคัญทางการเมืองและตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนายได้ส่งพวงหรีดมาร่วม แสดงความอาลัยเช่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ /พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจอีกหลายนาย ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเคารพศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

สำหรับกำหนดการพระราชทาน น้ำหลวงอาบศพสวดพระอภิธรรม จะเริ่มขึ้นในเวลา 16.00 น. โดยเป็นพิธีรดน้ำศพ ก่อนที่ในเวลา 17.00 น. จะเป็นพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และในเวลา 19:00 น. เป็นพิธีสวดพระอภิธรรม ซึ่งจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 27 ก.ค. ก่อนที่จะ มีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 29 ก.ค. 2567 เวลา 17:00 น.

ขณะที่ พันตำรวจโทวันเผด็จ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บก.ปอศ. ซึ่งเป็นหลานของพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจหลังจากทราบเหตุ แต่ส่วนตัวเข้าใจว่า ในวันเกิดเหตุ อาคงคิดว่าเหตุเบาลงแล้ว เพราะตอนแรกเห็นอาใส่ชุดเกราะและมีการเจรจากับผู้ก่อเหตุแล้ว ประกอบกับภรรยาของผู้ก่อเหตุห่วงลูกและอยากให้นำตัวลูกออกมาจากบ้าน อาจึงเข้าไปพยายามควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ แต่ลูกผู้ก่อเหตุวิ่งสวนออกมาจึงทำให้อาเสียหลัก และเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

เบื้องต้น เชื่อว่าอาประเมินสถานการณ์มาแล้ว เพราะบ้านหลังนี้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเสียใจ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรจบชีวิตแบบนี้ แต่ก็มองว่าเป็นการสูญเสียที่มีผลประโยชน์ เพราะหากอาไม่ถูกยิง อาจจะเป็นเด็กที่ถูกยิงและไม่ได้เติบโตมาก็ได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองก็ไม่อยากโทษใคร เพราะมองว่าชีวิตคนสำคัญทุกคน และทุกเรื่องไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิด เพราะเป็นอารมณ์ชั่ววูบของคนบางคน

ยืนยันที่ผ่านมาอาตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ตำรวจมาตลอด มีเลือดตำรวจสูงมาก รักในอาชีพ ชอบออกตรวจ ขยัน กลางคืนจะฟังวิทยุตลอดทั้งที่ร่างกายไม่ไหวเหมือนตอนหนุ่มๆแต่อาก็สู้ ส่วนตัวคิดเสมอว่าอาทำเต็มที่และทำดีที่สุดแล้ว สำหรับตัวเองที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เพราะว่าอาตั้งความหวังอยากให้เป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก ประกอบกับคุณปู่ที่มีความชอบอาชีพนี้และอยากให้ลูกหลานเป็น จึงเป็นตำรวจตามที่อาหวัง และอาคอยสอนมาเสมอมาว่า ทุกคนต้องรู้หน้าที่ ควรอยู่ในกรอบ และชีวิตต้องไม่ประมาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเคารพศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเคารพศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

ตอนนี้อาก็เสียชีวิตไปแล้ว ตัวเองจะอ่อนแอไม่ได้ และเชื่อว่าอารู้ว่าตนรู้หน้าที่ว่าจะต้องทำอะไรต่อ เพราะที่ผ่านมาอาไว้ใจตัวเองมาตลอด ซึ่งตัวเองก็ตั้งใจทำให้ครอบครัวสบาย สุดท้ายนี้อยากฝากถึงทุกครอบครัวว่า ให้รักกันไว้ และเมื่อมีปัญหาอยากให้พูดคุยกัน อยากให้มีสติ และหากทุกคนอยู่ในกรอบ ทุกคนรู้หน้าที่ เหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้จะไม่เกิด

 อ่านข่าว:

พี่สาวรับศพ “รองหรั่ง” เปิดใจน้องชายทำเต็มที่ ไม่โกรธทุกฝ่ายสูญเสีย

ปูนบำเหน็จ 6 ขั้นให้ “พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์” พลีชีพขณะปฏิบัติหน้าที่

อาลัยตำรวจกล้า "รองหรั่ง" คุ้มครอง ปชช.จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต