บขส.คาด 26 ธ.ค.หมอชิต 2 ผู้โดยสารเดินทางปีใหม่ 100,000 คน

Thu, 26 Dec 2024 20:27:00

วันนี้ (26 ธ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางของประชาชนที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ในช่วงค่ำมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก โดยมีทั้งคนไทย รวมถึงแรงงานข้ามชาติที่เลือกเดินทางออกจากกรุงเทพฯ หรือกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568

บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) คาดการณ์ว่าวันนี้ (26 ธ.ค.) จะมีประชาชนเดินทางราว 100,000 คน โดยเป็นการระบายคนออกจากกรุงเทพฯ ผ่านสถานีขนส่งผู้โดยสารในการกำกับดูแลของ บขส.ประมาณ 70,000 คน และรถโดยสารเที่ยวสุดท้ายจะเดินทางออกจากสถานีหมอชิต 2 ในช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.

นายอรรถวิท รักจำรูญ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ขนส่ง จำกัด กล่าวว่า ช่วงเวลาปกติและช่วงเทศกาลมักจะมีแรงงานข้ามชาติเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ขณะที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ไม่ได้มีตัวเลขผู้ใช้บริการที่เป็นแรงงานข้ามชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย เพราะ บขส.ทราบตัวเลขล่วงหน้าผ่านการจองตั๋วโดยสาร และส่วนใหญ่ผู้โดยสารจะใช้บริการรถโดยสาร เส้นทางกรุงเทพ-อุบลราชธานี-ปากเซ รวมถึงเส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา-เวียงจันทน์

จากการสอบถามผู้โดยสารคนหนึ่งซึ่งเป็นแรงงานจากลาว เดินทางเข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 10 ปีแล้ว โดยมีพาสปอร์ตและวีซาถูกต้อง ซึ่งเขาเลือกที่จะเดินทางกลับบ้านเป็นประจำในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยรถโดยสารเส้นทางกรุงเทพ-ปากเซ และจะใช้เวลาประมาณ 5-6 วันใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ก่อนจะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำงานตามปกติ

ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานีขนส่งหมอชิตในการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้สอบถามถึงเรื่องการจำหน่ายตั๋ว การเดินรถในแต่ละเที่ยว จำนวนประชาชนที่มาใช้บริการ พร้อมกำชับให้ บขส.จัดรถให้เพียงพอกับการเดินทางของประชาชนและให้เข้มงวดเรื่องการอำนวยความสะดวก รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน

ส่วนในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ บขส.คาดการณ์ว่าจะเป็นวันที่มีผู้โดยสารเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงค่ำ ซึ่ง บขส.ยืนยันถึงความพร้อมในการระบายผู้โดยสารไม่ให้ตกค้างบริเวณสถานี​

อ่านข่าว

บขส.ปรับโฉมใหม่รับ ปชช.เดินทางปีใหม่ ยันจัดรถพอไม่ตกค้าง

วางแผนล่วงหน้า ปีใหม่ 2568 เช็กเส้นทางเลี่ยงรถติดครบทุกภาค

เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย


"ทรู" ชี้แจงคดีซิม 300,000 ชิ้น พบกว้านซื้อจากร้านค้ารายย่อย

Thu, 26 Dec 2024 19:40:41

กรณีตำรวจจับขบวนการคอลเซนเตอร์ชาวจีนที่ย่านห้วยขวาง พร้อมยึดของกลางซิมการ์ดเกือบ 300,000 ชิ้นและเครื่องซิมบ็อกซ์เกือบ 300 เครื่อง กสทช.ตรวจสอบเบื้องต้นพบทั้งหมดเป็นซิมของผู้ให้บริการเครือข่ายเพียงรายเดียว

วันนี้ (26 ธ.ค.2567) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด มหาชน ชี้แจงว่า ซิมการ์ดที่ปรากฏเป็นข่าวมาจาก “กระบวนการกว้านซื้อ” จากร้านค้ารายย่อยจำนวนมาก ไม่ใช่การซื้อล็อตใหญ่จากผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว และซิมทั้งหมดยังไม่มีการลงทะเบียนเปิดใช้งาน ขณะนี้บริษัทฯ ได้ประสานตำรวจส่งทีมเข้าตรวจสอบสแกนซิมทั้งหมด เพื่อทราบแหล่งที่มา เบื้องต้นพบว่าซิมของกลางมากกว่าครึ่งมาจากต่างประเทศ

จากการสอบถาม กสทช. ได้ข้อมูลว่า ผู้ให้บริการเครือข่ายทุกรายจะมีตัวแทนจำหน่าย หรือที่เรียกว่า "ลูกตู้" นำซิมไปขายให้ลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล โดยผู้ครอบครองซิมไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ต้องยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้งานซิม ระบุชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขที่ใช้งาน วันที่และสถานที่เปิดใช้งาน ส่วนการลงทะเบียนแบบนิติบุคคล ใช้เลขทะเบียนประจำตัวนิติบุคคลและผู้รับมอบอำนาจ

กรณีของกลางเกือบ 300,000 ซิม กสทช. พบว่าถูกขายจากร้านค้าในประเทศไทยให้กับลูกค้าที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แต่กลับพบซิมบางส่วนถูกเปิดใช้งานแล้ว

คำชี้แจงของบริษัททรูฯ ระบุด้วยว่า มีการยกเลิกคู่ค้าที่เข้าข่ายต้องสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วจำนวนมาก รวมทั้งยกเลิกซิมและเลขหมายที่เข้าข่ายจะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้งาน รวมทั้งซิมที่ร้านค้าแจกฟรีและซิมที่รายย่อยนำไปจำหน่ายราคาถูก เป็นต้น

ขณะที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า รอผู้ให้บริการเครือข่ายและ กสทช.ส่งข้อมูลการตรวจสอบซิมทั้งหมดมาเทียบกับระบบแจ้งความออนไลน์ เพื่อตรวจสอบซ้ำว่ามีการใช้เบอร์จากซิมเหล่านี้ก่อเหตุแล้วหรือไม่

อ่านข่าว

จับแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีน ในคอนโดกลางกรุง พบ Sim Box 286 เครื่อง - ซิมการ์ด 3 แสนชิ้น

ไขปมพิรุธใบ Air Waybill "ลูกกอริลลา" ลังใส่กระต่ายคล้ายกัน

"ทำเงิน" จากการแกล้ง บทเรียนราคาแพงของการ "ทำร้าย" คนอื่น


"ทำเงิน" จากการแกล้ง บทเรียนราคาแพงของการ "ทำร้าย" คนอื่น

Thu, 26 Dec 2024 18:59:00

การแกล้งคนอื่นเพื่อเรียกยอดไลก์และสร้างรายได้บนโลกโซเชียล กลายเป็นเทรนด์ที่เพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบัน ในบางกรณีอาจดูเหมือนเป็นวิธีที่น่าสนุก หรือเป็นช่องทางในการสร้างความนิยมให้เจ้าของช่อง และผลกำไรจากการแชร์เนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น YouTube, Instagram, หรือ TikTok

การแกล้งคนเพื่อดึงดูดความสนใจและเรียกยอดไลก์ อาจมีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกแกล้งและผู้ที่เป็นผู้แกล้งเองในหลายมิติ ทั้งในด้านจิตวิทยา สังคม และกฎหมาย 

ผลกระทบทางจิตใจ

การแกล้งที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดทางจิตใจหรืออารมณ์สามารถมีผลกระทบระยะยาวต่อผู้ถูกแกล้งได้ โดยเฉพาะเมื่อการแกล้งนั้นทำให้ผู้ถูกแกล้งรู้สึกอาย เสียศักดิ์ศรี หรือถูกทำลายความมั่นใจในตัวเอง ตัวอย่างเช่น การแกล้งที่มีการเผยแพร่ภาพหรือวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย สามารถนำไปสู่การโดนกลั่นแกล้งทางออนไลน์ หรือการถูกแซวในทางที่ไม่ดีจากผู้ชม ซึ่งผลกระทบจากการโดนแกล้งนั้นอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล, ความเครียด หรือภาวะซึมเศร้า ตามมา

ผู้ที่ถูกแกล้งอาจรู้สึก ว่าตัวเองถูกโจมตีในที่สาธารณะ ยิ่งถ้าการแกล้งนั้นถูกเผยแพร่ไปในที่ที่คนจำนวนมากสามารถเห็นได้
จนส่งผลให้เสียความมั่นใจในตัวเอง บั่นทอนศักดิ์ศรี ทำให้การนับถือตัวเองลดลง เกิดความรู้สึกน้อยเหนือต่ำใจ จนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้

อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า

ผลกระทบทางสังคม

การแกล้งคนอื่นเพื่อเรียกยอดไลก์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกแกล้งเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้แกล้งและผู้ที่ถูกแกล้ง เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือคู่สมรส โดยเฉพาะเมื่อการแกล้งมีการใช้การกระทำที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจหรือความขัดแย้งระหว่างกัน

การแกล้งที่ใช้ความรุนแรง โดยผู้แกล้งไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น อาจนำไปสู่การเข้าใจผิด ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหรือคนในครอบครัวตึงเครียดได้ จนทำให้ไม่สามารถเชื่อใจหรือสนิทใจกับผู้แกล้งได้ การแกล้งในลักษณะที่ทำให้ผู้ที่ถูกแกล้งรู้สึกอับอายหรือเจ็บปวด อาจทำให้เกิดความบาดหมางที่ยากจะเยียวยา 

ผลกระทบทางกฎหมาย

ในบางกรณี การแกล้งเพื่อเรียกยอดไลก์ อาจเกินขอบเขตจนกลายเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อการแกล้งนั้นมีการเผยแพร่เนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว สร้างความเสียหายทางร่างกายหรือจิตใจ

ในแง่ของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ถูกแกล้ง ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และอาจทำให้ผู้ถูกแกล้งฟ้องร้องได้ การแกล้งที่ใช้ความรุนแรง จนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้ผู้แกล้งถูกฟ้องร้อง ในข้อหาทำร้ายร่างกายหรือการละเมิดกฎหมายต่าง ๆ

อ่านข่าว : ตร.รอผล "แบงค์ เลสเตอร์" ก่อนพิจารณาความผิด เทียบคดี "ลัลลาเบล"

จิตวิทยา-จริยธรรมการแกล้งเพื่อเรียกยอดไลก์

การแกล้งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ มักจะมีแรงจูงใจจากการต้องการสร้างเนื้อหาที่ "สุดโต่ง" เพื่อเรียกยอดไลก์หรือยอดวิว ซึ่งในหลายกรณี อาจเลยเถิดข้ามเส้นจริยธรรมได้ ถ้าผู้สร้างเนื้อหาไม่ได้พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้ที่ถูกแกล้งอย่างรอบคอบ การทำเช่นนี้มักมีแรงจูงใจในเชิงเศรษฐกิจหรือเพื่อการสร้างภาพลักษณ์บนโลกออนไลน์ของช่องตนเอง

เพราะมีแรงจูงใจจากการต้องการได้รับความสนใจหรือการสร้างรายได้จากโฆษณาหรือการร่วมโปรโมตสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หากผู้สร้างเนื้อหามุ่งเน้นที่การเพิ่มยอดวิวเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกแกล้ง อาจทำให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ที่ขาดความรับผิดชอบ

บางกรณีผู้แกล้งมองว่าเป็นแค่ "การหยอกล้อ" หรือ "เพื่อความบันเทิง" แต่ในมุมมองของผู้ที่ถูกแกล้งอาจถือเป็นการละเมิดขอบเขตทางจริยธรรมและจิตใจได้

อ่านข่าว : เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย

เมื่อควรหยุดการแกล้ง

เว็บไซต์ Phochology Today ระบุว่า การแกล้งไม่ควรทำในสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจหรือร่างกายแก่ผู้ถูกแกล้งเมื่อ

เหล่านี้คือหลักการเพียงเท่านั้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง "การกลั่นแกล้งกัน" เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ายอมรับและเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ในโลกออนไลน์ การกระทำใด ๆ ที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเจ็บปวด อับอาย หรือถูกกีดกัน ล้วนเป็นการกลั่นแกล้งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดที่รุนแรง การกระทำที่รุนแรงทางกาย หรือการบูลลีผ่านโซเชียลมีเดีย

การกระทำเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ถูกกระทำอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล หรือแม้แต่ความคิดที่จะทำร้ายตัวเองได้

สังคมควรให้ความสำคัญกับปัญหาการกลั่นแกล้งและร่วมกันสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน การปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม การให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการกลั่นแกล้ง และการส่งเสริมให้ทุกคนมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้งได้ นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และภาครัฐ ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป

อ่านข่าว : "หมอแล็บแพนด้า" เตือนกระดกแอลกอฮอล์เพียว-หมดไว ระวังถึงตาย

 


"หมอแล็บแพนด้า" เตือนกระดกแอลกอฮอล์เพียว-หมดไว ระวังถึงตาย

Thu, 26 Dec 2024 18:05:00

กรณีการเสียชีวิตของนายธนาคาร คันธี หรือ "แบงค์ เลสเตอร์" หลังถูกจ้างให้ไปร่วมงานเปิดร้านการเกษตรแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่านายธนาคารดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวดเดียวหมดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งขณะนี้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี อยู่ระหว่างชันสูตรหาสาเหตุ

วันนี้ (26 ธ.ค.2567) "หมอแล็บแพนด้า" หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศุขเวช ให้สัมภาษณ์ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า การดื่มแอลกอฮอล์แบบเพียวๆ กระดกไว กินเร็ว ทำให้ระบบร่างกายไม่สามารถขับออกได้ทัน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษแบบเฉียบพลันได้ เพราะฉะนั้นหากจะดื่มก็ควรดื่มแบบค่อยเป็นค่อยไป

การดื่มแบบรวดเร็วจะทำให้แอลกอฮอล์ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงจะทำให้เกิดอาการสำลัก อาเจียน หรือหายใจไม่ออก ซึ่งร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับตรงนี้ได้ อาจทำให้หมดสติหรือว่าเสียชีวิต

ขณะเดียวกันในหมู่เพื่อนที่ร่วมสังสรรค์ควรช่วยกันเตือน อย่ายุยงหรือชวนกันดื่มแบบกระดกเยอะๆ หมดขวดรวดเดียว หรือเติมอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นอันตรายอย่างมากและเสี่ยงเสียชีวิต เพราะหากมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเกินระดับ 300-400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะเกิดพิษของแอลกอฮอล์จนเป็นอันตรายต่อร่างกาย

อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า

ดื่มขนาดไหนเสี่ยงเกินลิมิตร่างกาย

ทนพ.ภาคภูมิ กล่าวว่า หากมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะเริ่มไม่มีสติ สับสน เดินเซ ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ให้รู้ไว้ว่าน่าจะดื่มเกินปริมาณ ต้องหยุดพักหรือหยุดดื่ม

ส่วนกรณีในโลกออนไลน์ที่พบคอนเทนต์ท้าทายให้ดื่มแอลกอฮอล์แบบกระดกรวดเดียวหมดขวด หรือดื่มแลกเงิน ทนพ.ภาคภูมิ ให้ความเห็นว่า ไม่อยากให้ทำคอนเทนต์ลักษณะนี้ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยเฉพาะกิจกรรมดื่มเร็ว ดื่มไว ดื่มหมด หรือการท้าดื่มเหล้าขาวให้เร็วที่สุด ควรเลิกเพราะมันไม่คุ้มค่ากับชีวิต

จริงๆ แล้วมีหลายเคสที่พบในโลกออนไลน์ และมีข้อกฎหมายชัดเจนว่าสามารถเอาผิดได้ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เท่าที่มาศึกษามาไม่ว่าจะเป็นคนจ้าง หรือคนรับจ้าง

ทนพ.ภาคภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ควรเอาชีวิตมาล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ อยากให้ตระหนักร่วมกันและขอให้เป็นห่วงสุขภาพของตัวเอง หากไม่สามารถก้าวข้ามได้ก็ขอให้ตระหนักให้มากๆ ผู้ที่ติดตามเพจเกี่ยวกับสุขภาพหรือเพจให้ความรู้ เขาจะรู้อยู่แล้วเรื่องอันตรายจากแอลกอฮอล์เป็นพิษเฉียบพลันหากเข้าสู่ร่างกาย

แต่ขณะเดียวกันก็อาจมีผู้ที่ไม่ได้ติดตามหรือไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ จึงอยากฝากให้คนที่มีความรู้ควมเข้าใจช่วยกันกระจายข่าวให้กับเพื่อนหรือคนรอบข้างได้รับรู้ อีกทั้งยังมีเคสต่างๆ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้

อ่านข่าว : เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย

ส่วนผู้ที่รับงานดื่มเพื่อเอนเตอร์เทน หรือผู้ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีเอาตัวรอด เช่น ไม่ดื่มเยอะเกินไป เข้าห้องน้ำบ่อยๆ หรือล้วงให้อาเจียนออกมา หรือหาวิธีทำให้แอลกอฮอล์ในร่างกายเจือจาง

การดื่มแบบสุ่มเสี่ยง เราอาจต้องหาเทคนิคเพื่อเอาตัวรอด ไม่ดื่มเยอะเกินไป อยากให้ชั่งน้ำหนักระหว่างเงินกับชีวิตของตัวเอง

ข้อสังเกตเคส "แบงค์ เลสเตอร์"

ทนพ.ภาคภูมิ ระบุว่า จากคลิปที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ พบว่า มีการกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไป 1 แบน ใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที หลังจากนั้นน้องดูตาลอยและอาการดูไม่ค่อยดี จนมาทราบจากเพื่อนของน้องว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ซึ่งขณะนี้ต้องรอผลชันสูตรเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลใน จ.จันทบุรี ว่าจะเป็นอย่างไร

เบื้องต้น ตนเองคาดว่าการดื่มเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้น้องเสียชีวิต แต่ต้องรอผลชันสูตรที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้รับจ้างอาจต้องพิจารณาเลือกรับจ้างทำอะไรที่เกิดประโยชน์ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณไม่มากและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

อ่านข่าว

ตร.รอผล "แบงค์ เลสเตอร์" ก่อนพิจารณาความผิด เทียบคดี "ลัลลาเบล"

เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย


เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย

Thu, 26 Dec 2024 17:33:00

วันนี้ (26 ธ.ค.2567) นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมและกระจายไปทุกส่วนของร่างกายภายในเวลา 5 นาที ออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง เกิดพิษต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ทำให้สมองเสื่อม ความคิดความจำบกพร่อง เกิดไขมันสะสมในตับ ตับอักเสบ และเกิดภาวะตับแข็งตามมา เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โดยพิษแบบเฉียบพลันจะทำให้ขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุหรือทะเลาะวิวาทได้

ระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย

- ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ประมาณ 30 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (เหล้า 4 แก้ว แก้วละ 1 ฝา) ทำให้สนุกสนาน ร่าเริงกว่าปกติ การยับยั้งชั่งใจลดลง

- ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ประมาณ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (เหล้า 6 แก้ว แก้วละ 1 ฝา หรือ เบียร์ 2 กระป๋อง) ทำให้การควบคุมการเคลื่อนไหวเสียไป 

- ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (เหล้า 24 แก้ว แก้วละ2 ฝา) จะทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการสับสน

- ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะทำให้เกิดอาการง่วง สับสน ซึม มึนงง

- ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป อาจทำให้สลบ ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงในระดับนี้ สามารถกดสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ การรู้สึกตัวของผู้ที่ดื่มและทำให้เสียชีวิตได้

อ่านข่าว : เปิดตัวเลข คนไทยเสียชีวิต เกี่ยวข้องกับ "ดื่มแอลกอฮอล์"

นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขอเตือนประชาชนที่นิยมนัดพบปะสังสรรค์ ดื่มเพื่อเลี้ยงฉลอง อย่านึกสนุกหรือท้าทายให้ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปริมาณมากๆ ในระยะเวลาสั้นๆ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษเฉียบพลัน อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ส่วนสัญญาณบ่งบอกอาการเตือนภาวะสุราเป็นพิษ เช่น เกิดอาการสับสน พูดไม่ชัดหรือพูดไม่รู้เรื่องอย่างหนัก อาเจียน จังหวะการหายใจผิดปกติหรือหายใจช้าลง ตัวเย็นผิดปกติ ผิวหนังซีดหรือกลายเป็นสีม่วง หมดสติ ไม่รู้สึกตัว หรือรู้สึกตัวแต่ไม่สามารถตอบสนองการรับรู้ได้ในกรณีที่ภาวะสุราเป็นพิษรุนแรงอาจส่งผลทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการโคม่า สมองถูกทำลายและอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด

หากพบเพื่อนหรือบุคคลใกล้ชิด มีอาการดังกล่าวให้รีบโทรแจ้ง 191 หรือ 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ หรือนำส่งโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์อย่างเร่งด่วน

สำหรับการดูแลเบื้องต้น พยายามปลุกให้ตื่นและพยุงให้อยู่ในท่านั่ง ให้ดื่มน้ำเปล่าในกรณีที่สามารถดื่มได้ พยายามทำให้ร่างกายอบอุ่น หากผู้ป่วยเป็นลมหมดสติให้จัดนอนในท่านอนตะแคง คอยสังเกตอาการจนกว่ารถพยาบาลจะมารับ 

อ่านข่าว

"แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า

ตร.รอผล "แบงค์ เลสเตอร์" ก่อนพิจารณาความผิดเทียบคดี "ลัลลาเบล"

เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย


"ไทยพีบีเอส" ดูงาน "สายด่วนปักกิ่ง 12345"

Thu, 26 Dec 2024 16:21:00

ขั้นตอนรับสายร้องเรียนของประชาชน ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง แบ่งแผนกทำงานอย่างชัดเจน มีพนักงานที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่น แผนกต้อนรับ แผนกคอลเซนเตอร์ แผนกติดตามผลร้องเรียน

สายด่วนปักกิ่ง 12345 ไม่ใช่แค่รับสายเพื่อพูดคุย แต่ยังมีระบบติดตามผล ตอบกลับ และสอบถามความพึงพอใจ ปัจจุบันยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อร้องเรียน 147 ล้านรายการ มีข้อมูลองค์กรมากกว่า 3,000,000 แห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน

ข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนกว่า 7,000 แห่ง ระบบการทำงานที่สามารถจัดการปัญหาอย่างทันท่วงที มีระบบเชื่อมต่อสายด่วน 64 แห่งทั่วเมือง เชื่อมต่อหัวเมือง 16 เขต

หนึ่งในพนักงานรับสายให้ข้อมูลกับหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ว่า เธอรับสายเฉลี่ย 80-100 ครั้ง/วัน มีสารพัดปัญหาที่แจ้งเข้ามา บางคนอาจมองว่า มันเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ในมุมของผู้ร้องมันคือเรื่องใหญ่

หน้าที่ที่เธอต้องทำ คือปรับอารมณ์ให้นิ่ง จด และ พิมพ์สิ่งที่ฟังให้ละเอียด และหาข้อมูลเพื่อช่วยเหลือหรือส่งต่อทันที

ตั้งแต่เปิดศูนย์สายด่วนปักกิ่ง 12345 ในปี 2019 จนปัจจุบัน ประชาชนให้ความสนใจร้องเรียนกว่า 150 ล้านคู่สาย สะท้อนให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที มีการใช้นวัตกรรม และ AI เข้ามาช่วยจัดการอย่างเป็นระบบ

ตัวอย่างข้อร้องเรียนนำไปสู่การแก้ไข เช่น การปรับปรุงลิฟต์เก่าในชุมชนที่อยู่อาศัยหนาแน่น, ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบขนส่งสาธารณะ จึงสร้างอาคารจอดรถที่ถูกต้อง อำนวยความสะดวกและเป็นระเบียบ, การร้องเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่สวนสาธารณะ น้ำเสีย ขยะ นำไปสู่การแก้ไขอย่างยั่งยืนและเกิดการอนุรักษ์นกที่อยู่ในสวนสาธารณะอีกด้วย

ศูนย์บริการร้องเรียน สายด่วนกรุงปักกิ่ง 12345 มีหัวใจของการช่วยเหลือ 9 ด้าน คือ

  1. การรวมตัวผู้นำ เพื่อแก้ไขปัญหา
  2. มีความคล่องตัว
  3. ยืดหยุ่นเพื่อแก้ปัญหา
  4. ทำงานเชิงรุก
  5. อยู่ภายใต้กฎหมาย
  6. มีผู้ได้รับประโยชน์หลากหลาย
  7. ทันสมัย
  8. รองรับข้อมูลวิจัย นำไปสู่การพัฒนา
  9. ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่น ๆ

ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหน่วยงานภาครัฐแห่งปักกิ่งกล่าวว่า พบประชาชนร้องเรียนเพิ่มขึ้น และจากการสอบถามประชาชนให้ความเห็นว่า การร้องเรียนและได้รับการแก้ไข ทำให้รู้สึกปลอดภัย มีความสุขมากกว่าเดิม

การร่วมศึกษาดูงานของสถานีประชาชนครั้งนี้ จะนำระบบการรับเรื่อง และวิธีการแก้ปัญหาให้ประชาชน มาปรับใช้ เพื่อประโยชน์ของคนไทยต่อไป

อ่านข่าว : เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย

เปิดตัวเลข คนไทยเสียชีวิต เกี่ยวข้องกับ "ดื่มแอลกอฮอล์"

"แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า


เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย

Thu, 26 Dec 2024 15:57:00

จากกรณี "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในโซเชียล เสียชีวิต เสียชีวิตกะทันหัน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่า เกิดจากการดื่มเหล้าเพียว 1 แบนรวดเดียว แลกเงิน 30,000 บาท จนร่างกายช็อกและเสียชีวิต แม้ทางการแพทย์ยังไม่ยืนยันได้ว่า การเสียชีวิตเกิดจากการดื่มสุราหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์ก่อน แต่การดื่มสุราในรูปแบบนี้ เกิดผลกระทบกับร่างกายแน่นอน แล้วปริมาณแอลกอฮอล์ มากน้อยส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง 

อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า

กระดกเหล้าปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว เสียชีวิตมาแล้วหลายเคส ไม่ได้เพิ่งเคยเกิดขึ้น เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่เป็นไรแต่บางคนเสียชีวิต 

"แอลกอฮอล์เป็นพิษ" คืออะไร  

ในประเด็นนี้มีข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ หรือ Alcohol poisoning คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในปริมาณมากและดื่มแบบรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ตับไม่สามารถขับสารนี้ออกจากเลือดได้ทัน ระบบการทำงานของร่างกายรวน จนเกิดภาวะช็อกที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้    

สาเหตุของภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เกิดขึ้นได้อย่างไร

การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดจนมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้

อ่านข่าว : เปิดตัวเลข คนไทยเสียชีวิต เกี่ยวข้องกับ "ดื่มแอลกอฮอล์"

อาการของภาวะ แอลกอฮอล์เป็นพิษ

ดื่มเหล้าเกินขนาด เสี่ยงตายได้ 

เช็กระดับแอลกอฮอล์ในเลือด จะเกิดอะไรขึ้น (หน่วยเป็น มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)

20 - 49 (มก.%) : อารมณ์ดี ผ่อนคลาย และการตัดสินใจช้าลงเล็กน้อย

50 - 99 (มก.%) : เริ่มเสียการทรงตัว ควบคุมตัวเองได้น้อยลง และตอบสนองช้าลง

100 - 199 (มก.%) : เดินเซ กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน

200 - 299 (มก.%) : คลื่นไส้ อาเจียน การรับรู้ลดลง และจำเหตุการณ์ไม่ได้

300 - 399 (มก.%) : หมดสติ ชีพจรลดลง และอุณหภูมิร่างกายลดลง

มากกว่า 400 (มก.%) : มีโอกาสหยุดหายใจและเสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองต่อระดับแอลกอฮอล์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แม้ระดับจะน้อยกว่า 400 มก.% ก็อาจเสี่ยงจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือการนอนหลับลึกในท่าผิดปกติที่อุดกั้นทางเดินหายใจได้ เช่น การนอนคอพาดกับระเบียงจนกดทางเดินหายใจ

การดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายว่า การดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไรบ้างดังนี้ 

นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า หาก ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มอย่างไรถึงปลอดภัย

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณที่มากเกิดไปย่อมส่งผลเสียต่อ "ร่างกาย" ฉะนั้นควรดื่มแต่พอประมาณ จะทำให้สามารถสนุกกับการสังสรรค์ได้โดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพ 

อ่านข่าว : 26 ธันวาคม วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ

สื่อสภาตั้งฉายา ปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" - "ประวิตร-ธิษะณา" คว้าคู่ "ดาวดับ"

10 ฉายาตำรวจ บิ๊กต่าย “กัปตันเรือกู้” - สารวัตรแจ๊ะติดโผ “อย่าเล่นกับระบบแจ๊ะ”


เปิดตัวเลข คนไทยเสียชีวิต เกี่ยวข้องกับ "ดื่มแอลกอฮอล์"

Thu, 26 Dec 2024 15:16:00

จากกรณี ที่ "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการร้องเพลงแร็ปขายพวงมาลัย และล่าสุด "แบงค์ เลสเตอร์" ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 03.40 น.วันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการชันสูตรของตำรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด 

ไทยพีบีเอส ออนไลน์ พบข้อมูล การเสียชีวิตของคนไทย ที่เกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในระหว่างปี พ.ศ.2558 - 2564 จัดทำโดย ผศ.ดร.จิราลักษณ์ นนทารักษ์ หัวหน้าภาควิชาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็น หัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง ALCOHOL-ATTRIBUTABLE DEATHS IN THAI PEOPLE FROM 2015 TO 2021 USING THE COMPARATIVE RISK ASSESSMENT APPROACH ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร ALCOHOLISM : CLINICAL AND EXPERIMENTAL RESEARCH(1) และได้รับทุนสนับสนุนจาก ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์

เสียชีวิตจากเหตุเกี่ยวข้องกับดื่มแอลกอฮอล์ แนวโน้มเพิ่มขึ้น

การวิจัยดังกล่าว เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลการเสียชีวิต สำนักทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และฐานข้อมูลด้านการแพทย์ และสุขภาพ 43 แฟ้มของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพบว่า

จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 รวมทั้งสิ้น 140,272 คน เฉลี่ยประมาณ 20,039 รายต่อปี ในผู้ชาย และ 2,312 รายต่อปีในผู้หญิง จำนวนการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และสูงสุดในปี 2562 คือ 21,737 คน

อ่านข่าว : เตือนดื่มสุรามากในระยะเวลาสั้น ออกฤทธิ์รุนแรงอันตรายถึงตาย

ทั้งนี้ การดื่มสุราเกี่ยวข้องกับโรคหรือปัญหาสุขภาพที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต มากกว่า 200 สาเหตุ ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  รวมถึงจากการวิเคราะห์การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา พบว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการดื่มสุรา 3 อันดับแรกในผู้ชาย ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในผู้หญิง ได้แก่ อุบัติเหตุทางท้องถนน โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ เห็นได้ชัดเจนว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่ มีสาเหตุจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และมีความสัมพันธ์กับปริมาณการดื่มและระยะเวลาการดื่มที่ใช้เวลาสะสมยาวนาน  

ถ้าพิจารณาสัดส่วน การเสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า สัดส่วนการเสียชีวิตด้วย สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์สูงสุดในกลุ่มอายุ 20-24 ปี ทั้งใน ผู้ชายและผู้หญิง คือ ร้อยละ 33.8 ในผู้ชาย และ ร้อยละ 14.8 ใน ผู้หญิง ตามลำดับ

กลุ่มอายุนี้ คือ กลุ่มวัยทำงานตอนต้นที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศการเสียชีวิตในกลุ่มอายุนี้ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะก่อนวัยอันควรเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นปัจจัยที่เราสามารถป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรได้ในประชากรไทย

ผศ.ดร.จิราลักษณ์ บนทารักษ์ นักวิจัย ให้ความเห็นว่า "การดื่มเหล้าเป็นฆาตรกรเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยในทุก ๆ ปี และส่งผลกระทบกับนักดื่มเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักดื่มวัยรุ่นที่เสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ทำให้ประเทศสูญเสียทั้งกำลังคนและมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว"

อ่านข่าว : เตือนนักดื่ม รู้จักภาวะ "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" เสี่ยงถึงตาย

"วัยรุ่น - วัยทำงานตอนต้น" ดื่มแอลกอฮอล์มากสุด

การศึกษาล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แนวโน้มการเสียชีวิตด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นในสังคมไทยและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น ที่มีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดในสังคมไทย

ดังนั้น มาตรการและนโยบายด้านสุขภาพในการส่งเสริมป้องกันโรคจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชาชนไทย จะช่วยทำป้องกันและส่งเสริมสุขภาพประชาชน จากการพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพนี้ได้

ทั้งนี้ ผู้วิจัย ยังเสนอแนะว่า ประเทศไทยควรมีการดำเนินการที่ชัดเจนในการควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชี้ให้เห็นถือผลกระทบทางสุขภาพต่อตนเองทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดจากการดื่ม และผลกระทบต่อผู้อื่นจากการดื่มของนักดื่มเองโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว

ขณะที่ จากรายงาน ข้อเท็จจริงและตัวเลข เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย พ.ศ. 2562 -2564 จัดทำโดย ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) สาขาวิชาระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ซึ่งเผยแพร่ การสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพประชากร พ.ศ.2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า 

ชายไทยเกือบครึ่งเป็น "นักดื่มประจำ"

ในปี พ.ศ.2564 ประชากรไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไปจำนวน 6.99 ล้านคน เป็นนักดื่มประจำ (ดื่มอย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์) ซึ่งคิดเป็นความชุกของการดื่มประจำเท่ากับร้อยละ 12.26 (ร้อยละ 23.15 ในประชากรชาย และร้อยละ 2.12 ในประชากรหญิง ) เมื่อคิดเป็นจำนวนประชากรจะพบว่า ในปี 2564 มีนักดื่มประจำ เพศชายอยู่ 6.36 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นกว่า 10 เท่า ของจำนวนนักดื่มประจำเพศหญิงที่มีอยู่ 0.63 ล้านคน

ทั้งนี้ นักดื่มปัจจุบันชาวไทยมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 56.21 ของนักดื่มประจำทั้งหมดจะดื่มเป็นครั้งคราว หรือ ดื่มน้อยมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า นักดื่มเพศหญิงส่วนใหญ่ (ร้อยละ 80.39 ของนักดื่มปัจจุบันเพศหญิง) เป็นนักดื่มเป็นครั้งคราว ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศชายนั้น ประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.15) ดื่มเป็นครั้งคราว และอีกครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 49.85 ) ดื่มประจำ

นอกจากนี้ ยังพบว่า นักดื่มปัจจุบันมากถึงร้อยละ 11.01 ดื่มสุราทุกวัน (7 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 4.2 ดื่มเกือบทุกวัน (5-6 วันต่อสัปดาห์) ร้อยละ 9.38 และร้อยละ 19.16 ดื่ม 3-4 วัน และ 1-2 วันต่อ สัปดาห์ตามลำดับ โดยสัดส่วนของนักดื่มปัจจุบันเพศชายที่ดื่มสราทุกวันหรือเกือบทุกวันสูงถึงร้อยละ 12.66 และร้อยละ 4.85 ในขณะที่นักดื่มปัจจุบันเพศหญิงเพียงร้อยละ 4.44 และร้อยละ 1.82 เท่านั้นที่ดื่มสุราทุกวันหรือเกือบทุกวัน

เมื่อพิจารณาลักษณะทางประชากรของนักดื่มประจำ พบว่า นักดื่มประจำเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 91.03) เป็นผู้ชาย และอยู่ในกลุ่มวัยทำงานตอนต้น (อายุ 25-44 ปี) เป็นสัดส่วนสูงที่สุด (ร้อยละ 42.97) เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่าเป็นสัดส่วนสูงสุด (ร้อยละ 46.25) และต่ำสุดในผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า (ร้อยละ 8.56) และนักดื่มประจำส่วนใหญ่มาจากภาคกลาง (ไม่รวม กทม.) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมกันได้ประมาณร้อยละ 60.64 

ทั้งนี้ นิยามของกลุ่มนักดื่ม มีดังนี้

นักดื่มประจำ (Regular drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราด้วยความถี่อย่างน้อย 1 ครั้งต่อ สัปดาห์ ในรอบ 12 เดือนก่อนการสำรวจ

นักดื่มหนัก (Heavy/binge drinkers) หมายถึง ผู้ที่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปริมาณ 5 หน่วยดื่มมาตรฐานขึ้นไปในช่วงเวลาของการดื่มหนึ่งครั้ง 

สำหรับในประเทศไทย 1 หน่วยดื่มมาตรฐาน หมายถึง ปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คิดเป็นปริมาณเอธานอลบริสุทธิ์เท่ากับ 10 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ เบียร์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 4.5-5%) ประมาณ 300 มล. เหล้าขาว/เหล้าสี (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 40%) ประมาณ 30 มล. หรือไวน์ (ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 12-13%) ประมาณ 100 มล.

ผลสำรวจพบ คนไทยนิยมดื่ม "เบียร์" มากที่สุด

ขณะที่ ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564  พบว่า นักดื่มร้อยละ 55.96 นิยมดื่มเบียร์มากที่สุด รองลงมา คือ สุราประเภทต่าง ๆ ได้แก่ สุราขาว/สุรากลั่นชุมชน สุราสี/สุราแดง และยาดองเหล้า/สุราจีน/วอดก้า/ อื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 40.98 และไวน์คูลเลอร์/สุราผสมน้ำผลไม้/เหล้าปั่น คิดเป็นร้อยละ 1.83 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในประเทศไทย การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตในประชากรไทย ถึง 21,843 คน คิดเป็นร้อยละ 8.54 ของการเสียชีวิตทั้งหมด (จำนวนตายทั้งสิ้น 255,694 คน) ในปี พ.ศ.2557 สาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดมาจากโรคมะเร็ง การบาดเจ็บ ความผิดปกติทางจิต เป็นต้น และก่อให้เกิดภาระโรคมากที่สุด ที่ 1,039,760 ปีสุขภาวะ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12.02 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในผู้ชาย

ส่วนในผู้หญิง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งสิ้น 81,580 ปีสุขภาวะ คิดเป็นร้อยละ 1.30 ในปี พ.ศ. 2557 ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดลงในเพศชาย จากร้อยละ 14.0 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมดในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 12.4 ในปี พ.ศ. 2557 ในขณะที่ภาระโรคที่มีสาเหตุจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลในเพศหญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากร้อยละ 1.1 ของการสูญเสียปีสุขภาวะทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2547 เป็นร้อยละ 1.4 ในปี พ.ศ. 2557 ตามลำดับ

เฉลี่ยคนไทยจ่ายค่าเหล้า-เบียร์ 1.6 พันต่อเดือน 

นอกจากนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ.2564 พบว่า นักดื่มมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยต่อคน เท่ากับ 1,677.23 บ.ต่อเดือน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายจากการดื่มที่บ้าน 1,119.25 บ. และจากการดื่มที่ร้าน 557.98 บ.ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักดื่มเพศชายจะสูงกว่าของนักดื่มเพศหญิงประมาณ 2 เท่า คือ 1,876.42 บ. เทียบกับ 802.36 บ.ต่อเดือน

นักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มสุรามากกว่านักดื่มเป็นครั้งคราว คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 7.6 เท่า กล่าวคือ 3,047.54 บ.เทียบกับ 402.11 บาท โดยนักดื่มประจำเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่บ้านมากกว่าการดื่มที่ร้าน (โดยเฉลี่ย 2,120.53 บ.ต่อเตือน เทียบกับ 927.01 บ.ต่อเดือน) ในทางกลับกัน นักดื่มเป็นครั้งคราวเสียค่าใช้จ่ายในการดื่มที่ร้านมากกว่าการดื่มที่บ้านเล็กน้อย คือ 243.68 บ. และ 158.43 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ

สำหรับผู้ดื่มหนักเป็นประจำมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดื่มมากกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนัก ประมาณ 3 เท่า คือ 3,722.19 บ.ต่อเดือน เทียบกับ 1,415.82 บ.ต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายในการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงกว่าการดื่มที่ร้าน นั่นคือ 2,466.68 บ.ต่อเดือน และ 1,255.51 บ.ต่อเดือน ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่านักดื่มปัจจุบันที่ไม่เคยดื่มหนักเลย และแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักดื่มปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า และแนวโน้มของการซื้อมาดื่มที่บ้านสูงมาก ขึ้นในรอบการสำรวจปี พ.ศ. 2560 และ 2564

ข้อมูล : ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา  

อ่านข่าว : "แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า 

จ้าง ด.ญ.วัย 13 ปี ดื่มเหล้าช็อกหมดสติ หามส่ง ICU  

"หมอแล็บแพนด้า" เตือนกระดกแอลกอฮอล์เพียว-หมดไว ระวังถึงตาย

 


สิ้น "พล.ต.ประพาศ ศกุนตนาค" เจ้าของเสียง โปรดฟังอีกครั้ง

Thu, 26 Dec 2024 12:20:00

วันนี้ (26 ธ.ค.2567) มีรายงานว่า พล.ต.ประพาศ ศกุนตนาค ถึงแก่กรรม ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล  เวลา 09.30 น. สิริอายุ 92 ปี

สำหรับ ประวัติ พล.ต.ประพาศ ผู้ประกาศข่าวคนแรกของ ททบ. 5 และโฆษกคณะปฏิวัติรัฐประหาร เจ้าของสำนวน "โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง" ผู้ได้รับสมญานามว่า โฆษกแห่งชาติ เคยมีผลงานด้านการแสดงที่โด่งดังไปทั่วประเทศมากมาย ในยุคนั้นดังที่สุดในจอแก้ว กับบทของคุณเปรม ในละครสี่แผ่นดิน และเป็นอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2549

พล.ต.ประพาส ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขาเกียรติยศคนทีวี ในการพิธีมอบรางวัลครั้งที่ 26 ประจำปี 2554

ทั้งนี้ พล.ต.ประพาส เป็นบิดาของ พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4

อ่านข่าว :

"แบงค์ เลสเตอร์" คนดังโซเชียล เสียชีวิตหลังถูกจ้างดื่มเหล้า

สิ้น "คงศักดิ์ ยุกตะเสวี" ศิลปินแห่งชาติ สถาปนิกใหญ่ วัย 81 ปี


"สึนามิ" 20 ปี บาดแผลแห่งการสูญเสีย ความทรงจำที่ไม่เคยลืม

Thu, 26 Dec 2024 09:01:00

แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปีแล้ว ร่องรอยบาดแผลจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถลืมได้ ความสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของผู้คนในพื้นที่

อ่านข่าว : ย้อนเหตุ 20 ปี "สึนามิ" ถล่ม 6 จังหวัดอันดามัน

ในช่วงสายวันอาทิตย์วันนั้น "เบญ" น.ส.เบญจะมาภรณ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ในวัย 16 ปี ณ ขณะนั้น วุ่นอยู่กับการช่วยพ่อและแม่วางเตียงผ้าใบริมชายหาดกะรน จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมพร้อมให้บริการนักท่องเที่ยว

เบญ เล่าว่า น้ำทะเลลงไปไกล ซึ่งมันไม่ใช่น้ำขึ้นน้ำลงตามปกติ แต่ทุกคนที่อยู่บริเวณชายหาดก็ยังคงทำงานกันตามปกติ

ภายในเวลาไม่นานนักน้ำทะเลกลับขึ้นมาอย่างผิดปกติและเริ่มท่วมคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอกๆ 3-4 ครั้ง เบญถูกคลื่นพัดลงไปกลางทะเล และก็พากลับขึ้นมาเมื่อคลื่นมากระทบฝั่ง โดยที่ไม่รู้ตัวว่าลงไปตอนไหน

เหมือนเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ท่ามกลางความสงบเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชาวบ้านใช้เวลานั้นเก็บข้าวของที่ลอยกระจัดกระจายตามชายหาด และไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติที่รุนแรงเหตุการณ์นั้นคือ "สึนามิ"

น้ำเริ่มลดลงอีกครั้ง ก่อนที่จะเกิดคลื่นยักษ์ที่มีความสูงมากๆ พัดเข้าหาชายฝั่งอย่างไม่ตั้งตัว ความชุลมุนเกิดขึ้นทันทีที่คลื่นอัดเข้ามา ผู้คนต่างวิ่งหนีและกรีดร้องด้วยความตกใจ ต่างคนต่างวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ท่ามกลางความสับสนกับเหตุการณ์ เบญพลัดหลงจากพ่อ แม่ และพี่สาวในช่วงเวลานั้น

เบญจะมาภรณ์ ณ ตะกั่วทุ่ง

เบญจะมาภรณ์ ณ ตะกั่วทุ่ง

เบญวิ่งเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส่วนพี่สาวก็กอดเสาไม้ขนาดใหญ่หน้าร้านไว้ ณ ตอนนั้นได้ยินเสียงน้ำที่กระแทกกับตัวร้าน กระจกแตกกระจาย

เมื่อคลื่นได้ผ่านพ้นไปและสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่สิ่งที่เห็นต่อหน้ากลับเป็นภาพข้าวของต่างๆ โต๊ะ เก้าอี้ เตียงผ้าใบ และสิ่งของอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยโคลนและทรายที่ท่วมทับ

เบญเริ่มออกตามหาพ่อแม่ด้วยความหวังว่าทุกคนจะยังปลอดภัย ไม่นานก็เจอกับแม่ที่ปลอดภัยกำลังพาพ่อใส่รถ 3 ล้อ เดินออกมาจากชายหาด พ่อนอนไม่ได้สติ ด้วยความที่เป็นเด็กคิดว่าพ่อจมน้ำเลยพยายามปั๊มหัวใจและผายปอด ตามที่ได้เรียนมา เอาหูแนบฟังที่หัวใจพ่อก็ไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ บาดแผลขนาดใหญ่ที่แขนพ่อและเลือดที่ไหลตลอดเวลา เบญใช้ผ้าห้ามเลือดก่อนจะนำรถส่งโรงพยาบาล

ด้วยจำนวนคนเจ็บที่มาก เจ้าหน้าที่จึงให้ญาติไปกับคนเจ็บได้เพียงคนเดียว เบญเลยตัดสินใจให้แม่ไปกับพ่อ และตัวเองก็เดินเท้าไปตามถนนเพื่อไปโรงพยาบาล โชคดีที่มีรถที่จะตัวเมืองพอดี เบญเลยได้ติดรถไป

ชีวิตของผู้คนในเมืองภูเก็ตดูปกติทุกอย่าง แต่เบญกลับรู้สึกเป็นตัวแปลก ในสายตาคนอื่น เนื่องจากเนื้อตัวที่เปียกปอน เต็มไปด้วยโคลนและไม่ได้ใส่รองเท้า

มันเหมือนฝันร้ายที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเบญไปตลอดกาล เมื่อพ่อได้จากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลา

แม่ที่กลายเป็นเสาหลักของบ้านมีบทบาทสำคัญในการช่วยฟื้นฟูจิตใจ แม่พาผมไปวัด ทำบุญบ่อยๆ ฟังพระเทศน์ ทำให้เข้าใจว่าเราไม่สามารถดึงสิ่งที่จากเราไปแล้วกลับมาได้ แต่เราต้องเป็นคนปล่อยไปเอง

เบญยังรู้สึกกลัวทุกครั้งที่เห็นทะเล แต่ด้วยความที่อยู่กับทะเลมาตั้งแต่เด็ก เบญจึงสามารถปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความกลัวนี้ได้

แม้จะกลัวทะเล แต่ก็พยายามเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเอง โดยลองทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำทะเล เช่น ดำน้ำ การเล่นเซิร์ฟ ซึ่งเบญพบว่าไม่ได้กลัวน้ำทะเล แต่สิ่งที่กลัวคือเกลียวคลื่น

แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปี แต่ความรู้สึกที่ยังคงฝังลึกในใจ โดยเมื่อผ่านจุดที่พบพ่อครั้งสุดท้าย ทำให้คิดว่าทำไมถึงช่วยพ่อไม่ได้ แต่พยายามบอกตัวเองว่า ไม่มีใครเลือกได้ ณ สถานการณ์ขณะนั้น

แม้จะเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน แต่เบญยังคงพยายามปล่อยวางและเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต อยู่กับปัจจุบันและก้าวต่อไปข้างหน้า

คนที่จากไปเขาก็ไม่ได้อยากไป แต่คนที่ยังอยู่ก็ต้องอยู่ต่อให้ได้

อ่านข่าว : นทีสีคราม มหันตภัย "สึนามิ" โหดร้ายเกินมนุษย์จะคาดเดา

เบญกล่าวทิ้งท้ายว่าชาวบ้านในพื้นที่และผู้ที่เคยประสบเหตุการณ์สึนามิ ยังคงไม่มีความมั่นใจในระบบเตือนภัยปัจจุบันไม่มีการซ้อมแผนการหลบภัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งต่างจากช่วงแรกๆ ที่มีการซ้อมเตือนภัย รวมถึงป้ายบอกทางสึนามิที่เริ่มชำรุด

อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาทบทวนและให้ความสนใจกับการปรับปรุงระบบเตือนภัย และจัดให้มีการซ้อมแผนการหลบภัย เพื่อให้ชุมชนมีความมั่นใจและมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นสึนามิหรือภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดในอนาคต

อ่านข่าว : 20 ปีผ่านไป พร้อมรับมือแค่ไหน ? ถ้าเกิด "สึนามิ" อีกครั้ง

เรวัติ ยศธรรมกุล

เรวัติ ยศธรรมกุล

เรวัติ ยศธรรมกุล หรือ "น้อง" เพิ่งเริ่มทำงานได้ 4-5 เดือนหลังจากเรียนจบ เล่าว่าเช้าวันนั้นทุกอย่างยังดำเนินไปตามปกติ เช่นเดียวกับ น้องที่ยังประจำออฟฟิศของบริษัททัวร์ดำน้ำที่บางเนียง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่ห่างจากชาวหาดไม่มากนักประมาณ 400-500 เมตร

โดยรับรู้ข่าวสารเพียงว่า เมื่อเช้าวันนี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย จากคำบอกเล่าของไกด์รุ่นพี่

สังเกตเห็นหน้าร้านมีผู้คนเริ่มวิ่งขึ้นมาจากทางชายหาดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่ละคนดูลุกลี้ลุกลน ราวกับว่ากำลังหนีภัยบางอย่างมา

ฝรั่งหนุ่มคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า "There was an earthquake this morning. The waves are coming" หรือ "เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเช้านี้ และตอนนี้คลื่นกำลังมา"

แม้ว่าน้องไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คิดแค่ว่าน้ำทะเลขึ้น แต่น้องก็รีบขนของมีค่าในสำนักงานไปเก็บไว้ชั้นสอง พร้อมตะโกนให้ "แอ๊ะ" เพื่อนร่วมงานอีกคนได้รู้ตัว

ไม่นานหลังจากนั้น ภาพที่เห็นเป็นคลื่นยักษ์ พัดรถโม่ปูนซิเมนต์พลิกตะแคง ต้นมะพร้าวหลายต้นล้มระเนระนาด ก่อนพัดพาซากต้นไม้ รถโม่เข้ามาใกล้

น้องและแอ๊ะตัดสินใจพากันวิ่งหนีไปยังถนนเพื่อหนีจากคลื่นที่กำลังเข้าใกล้เข้ามา แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นระหว่างทางกลับเป็นภาพรถยนต์ที่ขับหลบหนีคลื่นเช่นกันชนกันระนาวอย่างไม่คาดคิด และบางคนที่วิ่งหนีคลื่นกลางถนนก็ถูกชนจนล้ม

เวลาทั้งหมดที่มี ณ ตอนนี้คือวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหาทางรอด และไม่มีทางเลือกอื่นใด

เด็กหญิงต่างชาติวัย 7-8 ขวบ และชายวัยกลางคนถูกน้ำซัดกลิ้งลงไปในคลื่นยักษ์ไปต่อหน้า ไม่ได้มีแค่สองคนนี้เท่านั้น ยังมีผู้คนอีกหลายคนที่ถูกพัดไปกับคลื่น จนไม่สามารถระบุตำแหน่งหรือทิศทางของเสียงร้อง
รถยนต์หลากหลายชนิด ท่อนไม้ลอยปะปนกับน้ำสีดำคล้ำที่เหมือนน้ำในนรก ตามจินตนาการตอนนั้น

ชายหญิงสูงวัย 2 คน สวมชุดนอนของโรงแรม ยืนกอดกันหลับตา แม้น้องจะพยายามตะโกนให้ทั้งคู่รีบวิ่งหนี แต่ดูเหมือนจะไม่มีการตอบสนองใดๆ
ทันทีที่วิ่งผ่านไปได้อึดใจเดียว ได้ยินเสียงน้ำที่กระทบสิ่งของอะไรบางอย่าง แม้จะไม่ได้หันหลังไปมอง แต่ทำให้รับรู้ได้ว่า 2 ถูกกระแสน้ำกลืนกินแล้ว

ทันที่ที่น้องพาแอ๊ะวิ่งไปบนเนินสูง ได้เห็นเส้นแบ่งระหว่างภาพเหตุการณ์ปกติที่น้ำไปไม่ถึง กับอีกฝั่งที่ทุกอย่างพังทลาย เหมือนสวรรค์กับนรก มองไปยังทะเลไกลๆ น้ำสีฟ้า คลื่นสงบ

อีกฝั่งอากาศที่ปกติมาก ราวกับว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรมาก่อน เหมือนอยู่คนละโลก

อ่านข่าว : 20 ปี เหตุ "สึนามิ" ศพผู้เสียชีวิตยังไร้ญาติ

บ่ายคล้อยแล้ว น้องตัดสินใจลงมาข้างล่าง เพื่อมาเตรียมเสบียงและจะกลับขึ้นไปยังน้ำตกโตนช่องฟ้า เพราะยังไม่วางใจว่าจะเกิดคลื่นยักษ์ซ้ำอีก

ต้นมะขามที่เคยอยู่ตรงนั้นหายไปแล้ว คนนอนจมโคลน ท่อนไม้ อิฐปูนทับด้านบน ผ่านกี่คน พยายามที่จะร้องเรียก แต่ไร้ซึ่งเสียตอบรับใดๆ บ้านแต่ละหลัง กลายเป็นซากที่เต็มไปด้วยโคลน บางหลังเหลือเพียงเสาบ้าน ออฟฟิศที่เป็น 2 ชั้น ชั้นล่างกลับถูกน้ำซัดเหลือเพียงเสา

หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์ ที่มารู้ทีหลังว่าคือ "สึนามิ" ความรู้สึกน้องคงไม่ต่างอะไรกับเบญที่รู้สึกถึงความจมดิ่ง หดหู่ ไม่อยากรับรู้ข่าวสารเหตุการณ์นี้

"ทุกครั้งที่ปิดตานอนภาพเด็ก คนที่เราพยายามจะปลุกให้ตื่น ผุดขึ้นมาตลอด และใช้เวลาสักพักกว่าจะนอนหลับใช้เวลากว่าครึ่งเดือนภาพนั้นจึงจะจางหายไป"

ทุกครั้งเมื่อนึกถือเหตุการณ์สึนามิ น้องมักจะย้อนกลับมามองตัวเอง "เรายังมีชีวิตอยู่" ทำให้รู้ว่าความตายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและไม่สามารถคาดเดาได้ ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การประสบความสำเร็จ แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไปคือความสุขที่สุดแล้ว

ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การประสบความสำเร็จ แต่การมีชีวิตอยู่ต่อไปคือความสุขที่สุดแล้ว

และไม่เคยจะลืมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปีแล้วก็ตาม

 

 

อ่านข่าว :

อินโดนีเซีย เฝ้าระวังสึนามิซ้ำรอย 20 ปีก่อน

"สึนามิ" ฝันร้ายยากจะลืม แต่ก็ยังคิดถึงทะเลทุกวัน

เพราะ “ปาฏิหาริย์” ทำให้ยังมีลมหายใจจาก "สึนามิ"


เฝ้าระวัง 10 วันอันตรายช่วงปีใหม่ 27 ธ.ค.67 - 5 ม.ค.68

Wed, 25 Dec 2024 20:25:51

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เคาะวันเฝ้าระวังเพิ่มจาก 7 วันเป็น 10 วัน เริ่มตั้งแต่ 27 ธ.ค.2567 จนถึงวันที่ 5 ม.ค.2568

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมระบุว่า ปีนี้เป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จึงรณรงค์ในรูปแบบ 10 วันอันตราย ครอบคลุมถึงวันอาทิตย์ที่ 5 ม.ค.2568 เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้สัญจรทางถนน จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยทางราชการลดอุบัติเหตุให้มากที่สุด โดยดื่มไม่ขับ ง่วงไม่ขับ

นอกจากนี้ได้ขอตำรวจใช้มาตรการทางกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยปีนี้ตั้งเป้าลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุดเหมือนกับทุกปี พร้อมกำชับการคุมเข้มรถบัสเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอ ส่วนด้านการแพทย์ได้ขอให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมความพร้อมรับมือกับผู้ประสบอุบัติเหตุ

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สั่งทีมแพทย์ฉุกเฉินสแตนด์บายรับ 10 วันอันตราย เน้นย้ำจับตาจุดเสี่ยง-จุดอันตรายที่พบการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง พร้อมวางเครือข่ายรองรับทางหลวงพิเศษ M6 - M81 พร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยประชาชน ทั้งทางบก น้ำและอากาศ

เรียกร้องภาครัฐรณรงค์ลดอุบัติเหตุทุกวัน

ด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ระบุว่า มาตรการลดอุบัติเหตุ 7-10 วันที่รัฐบาลพยายามรณรงค์นั้นเป็นเรื่องดี แต่ต้องการให้เห็นความสำคัญถึงปัญหานี้ทุกวัน เพราะที่ผ่านมาการรณรงค์ลักษณะนี้้สามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ถึงเท่าตัว หากเปรียบเทียบกับวันปกติที่มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนเฉลี่ย 40 คนต่อวัน แต่เป้าหมายที่รัฐบาลประกาศจะลดอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือเพียงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามองว่าเป็นไปไม่ได้

เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ยังเน้นย้ำถึงรากลึกของปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งหลายภาคส่วนต้องร่วมมือกันไม่ให้มีการคอร์รัปชันและระบบอุปถัมภ์ เพราะปัญหานี้จะทำให้ผู้รักษากฎหมายไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

อ่านข่าว

“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม-พรปีใหม่ 2568

บขส.ปรับโฉมใหม่รับ ปชช.เดินทางปีใหม่ ยันจัดรถพอไม่ตกค้าง

ปฏิทินวันหยุดมกราคม 2568 เฉลิมฉลองปีใหม่อย่างสนุกสนาน


ตั้งคำถาม ล็อกสเปก ซื้อประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ

Wed, 25 Dec 2024 18:15:14

การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 มีมติเห็นชอบให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ และสามารถทำงานกับนายจ้างเป็นการชั่วคราวได้เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งต่อมากระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน จึงกำหนดเปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติกลุ่มดังกล่าว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม

ตั้งข้อสังเกต หลักเกณฑ์ประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวล็อกสเปก?

ปีนี้ กรมการจัดหางาน เปิดเผยข้อมูลว่า มีแรงงานข้ามชาติ ทั้งหมดประมาณ 3,000,000 คน ประกอบด้วย แรงงานที่ต่ออายุประมาณ 2,600,000 คน และแรงงานที่ขึ้นทะเบียนใหม่อีกประมาณ 600,000 คน

ขั้นตอนที่สำคัญ ขั้นตอนหนึ่งในการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ กำหนดให้แรงงานทุกคนต้องตรวจสุขภาพ และซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัย โดยกรมการจัดหางาน จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณณ์บริษัทประกันภัยประกันวินาศภัยที่จะรับประกันสุขภาพแรงงาน

ปีนี้ หากดูจากหลักเกณฑ์การประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ที่ถูกประกาศออกมาตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 พบว่า เมื่อเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ระหว่างปีที่แล้ว ตามมติครม. 3 ตุลาคม 2566 หลักเกณฑ์ของปีนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดย 2 หลักเกณฑ์ที่ถูกกำหนดออกมาใหม่ในปีนี้ มี 3 ข้อสำคัญที่น่าสนใจ คือ

แตกต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มา ที่กำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีอัตราส่วนความเพียงพอของการดำรงเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (Car Ratio) ไม่ต่ำกว่าอัตราร้อยละ 140 และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขของสินทรัพย์ของบริษัทประกันภัยไว้ เงื่อนไขเหล่านี้ มีรายงานข่าวที่นำไปสู่การตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการล็อกสเปกบริษัทประกันวินาศภัยหรือไม่

‘3 บริษัท’ เชื่อมระบบทำประกันภัยแรงงานข้ามชาติ

ปีที่แล้ว มีบริษัทประกันภัยที่รับประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ทั้งหมด 17 บริษัท แต่หากยึดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุใหม่ข้างต้น ตามประกาศของกรมการจัดหางาน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา จะทำให้เหลือบริษัทที่เข้าร่วมอยู่ทั้งหมด 3 บริษัทเท่านั้น ได้แก่

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลเหตุผลที่ต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ประกันสุขภาพว่า ตาม มติครม.24 กันยายน 2567 กำหนดให้ประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย ที่ประสงค์จะเข้าร่วมทำประกัน จะต้องมีความมั่นคงเพียงพอ

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้กรมการจัดหางาน ได้ตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน รวมถึงผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมกันประเมินถึงอัตราความมั่นคงที่ควรจะกำหนดทั้งในเรื่องของการสำรองกองทุน รวมถึงสินทรัพย์ของบริษัทประกันภัย ซึ่งได้ข้อสรุปออกมาเป็นหลักเกณฑ์ดังกล่าว

“ที่ผ่านมา กรณีของบริษัทประกันที่ประกันโควิด เราก็เอามาเป็นบทเรียน ว่าประกันโควิดเนี่ย บริษัทใหญ่ๆ หลายๆ บริษัทก็ต้องเลิกกิจการไป เพราะมีการเคลมประกันโควิดค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทไม่สามารถที่จะดูแลผู้เอาประกันได้ ก็เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ณ วันนี้ก็ยังแก้ปัญหาไม่จบสิ้น อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องเอามาประกอบในการพิจารณา ในตัวเลขที่เรามีอยู่ประมาณ 3 ล้านคน ที่จะต้องเข้ามาสู่ระบบของการจดทะเบียนในครั้งนี้ ซึ่งถ้า 3 ล้านคน แล้วเกิดประเด็นปัญหาอย่างกรณีของโควิด มันเป็นความเสี่ยง แต่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน (แฟ้มภาพ)

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน (แฟ้มภาพ)


นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ บริษัทประกันภัยแรงงานต่างชาติ ว่า หากใช้หลักเกณฑ์บริษัทประกันภัยแบบเดิม จะทำให้เกิดการกระจายความเสี่ยง รวมถึงการบริการ ไปยัง 17 บริษัทประกันภัยได้ดีกว่า รวมถึงเป็นการเปิดทางเลือกที่หลากหลายให้แก่นายจ้าง บริษัทจัดหางาน รวมถึงแรงงาน ที่เลือกซื้อประกันได้


“ถ้าพูดแบบกลางๆ มันก็เหมือนเป็นการล็อกสเปก มันก็เอื้อกับกลุ่มผลประโยชน์ทุนใดทุนหนึ่ง มันไม่ได้ทำให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีจจริงๆ เพราะถ้าการแข่งขันแบบเสรี ก็คือทำให้เกิดการพัฒนา บริษัทสามารถที่จะพัฒนาเรื่องการบริการให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีหลายบริษัทมันก็กระจายความเสี่ยง การรับผิดชอบเมื่อเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีแรงงานไม่สบาย มันก็กระจายความเสี่ยงไป ไม่กระจุกอยู่ที่เดียว” นายสมพงค์ กล่าว
นายสมพงค์ สระแก้ว ผอ.มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน

นายสมพงค์ สระแก้ว ผอ.มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน


ไทยพีบีเอส ได้รับเอกสารบันทึกรายงานการประชุมจากแหล่งข่าวในแวดวงประกันภัย 2 ชุด เกี่ยวกับการประชุม เรื่อง การประกันวินาศภัยที่จะรับประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงาน จัดประชุมเมื่อวันพุธที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

หลักฐานสำคัญ พบว่า มีเอกสารบันทึกรายงานการประชุม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ถึง 2 ฉบับ นั่นหมายถึงคำถามจากแหล่งข่าวในวงการธุรกิจประกันวินาศภัยว่า การประชุมในคราวเดียวกัน แต่เป็นไปได้หรือไม่ ที่มีบันทึกรายงานการประชุมถึง 2 ฉบับ แต่มีรายละเอียดบางประเด็นที่ต่างกัน

หากเปรียบเทียบข้อแตกต่าง เอกสารรายงานการประชุม ทั้ง 2 ฉบับ ( ฉบับจริง และฉบับที่ถูกแก้ไข ) พบว่า รายงาน (ฉบับที่ 2) ใหม่ มีบางความคิดเห็นที่ถูกตัดออกไป หนึ่งในนั้น มีข้อพิจารณาความเหมาะสมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์บริษัทที่จะเชื่อมระบบประกันภัยแรงงานต่างด้าว

ตัวอย่างความเห็นในรายงานบันทึกการประชุมฉบับเก่า ที่ถูกระบุจากแหล่งข่าวว่าโดนตัดออก และไม่ปรากฎในรายงานฉบับใหม่

ตัวอย่างความเห็นในรายงานบันทึกการประชุมฉบับเก่า ที่ถูกระบุจากแหล่งข่าวว่าโดนตัดออก และไม่ปรากฎในรายงานฉบับใหม่

 

อีกประเด็น ที่น่าสนใจ จากความเห็นของผู้ใช้แรงงานข้ามชาติ โดยทั่วไปแล้วนายจ้าง หรือบริษัทจัดหางานจะเป็นผู้เลือกบริษัทประกันภัยให้กับแรงงาน มีแรงงานเพียงประมาณ 10% เท่านั้น ที่เลือกซื้อกับบริษัทประกันภัยโดยตรง สิ่งนี้อาจสะท้อนได้ว่า การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของบริษัทประกันภัย ก็ไม่ได้ทำให้แรงงานเข้าถึงหรือมีสิทธิเลือกบริษัทประกันสุขภาพได้มากขึ้นไปกว่าเดิม

เพียงแต่การกำหนดหลักเกณฑ์สินทรัพย์ถึง 3 หมื่น ล้านบาท ของบริษัทประกันภัยที่จะรับประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติ ก็ทำให้เกิดคำถามจากแวดวงประกันภัย ว่าอาจจะเป็นการไปกีดกันและปิดกั้นการแข่งขันแบบเสรีของบริษัทประกันภัยรายอื่นด้วยหรือไม่


4 แรงงานเมียนมาหมดสติคาบ่อน้ำเสีย รง.ฟอกหนัง สาหัส 2 คน

Wed, 25 Dec 2024 17:25:06

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) ศูนย์กู้ชีพปราการ พร้อมตำรวจ เข้าช่วยเหลือ คนงานชาวเมียนมา 4 คน นอนหมดสติที่ก้นบ่อ ภายในบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองสมุทรปราการ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

จุดเกิดเหตุเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย ความลึกไม่ต่ำกว่า 6 เมตร กว้าง 20 เมตร อยู่ด้านหลังของโรงงานแห่งหนึ่ง ภายในนิคมฟอกหนัง ต.บางปูใหม่ จ.สมุทร ปราการ

โดยคนงานเมียนมาทั้ง 4 คน นอนหมดสติที่ก้นบ่อของบ่อบำบัดน้ำเสีย เจ้าหน้า ที่ จึงนำตัวขึ้นมาจากบ่อบำบัดทั้งหมด ก่อนปฐมพยาบาล และเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงทั้งหมดอาการสาหัส และมี 2 คน ต้องปฐมพยาบาลช่วยชีวิต

ตำรวจเข้าตรวจสอบแรงงานเมียนมาหมดสติคาบ่อพักน้ำเสีย

ตำรวจเข้าตรวจสอบแรงงานเมียนมาหมดสติคาบ่อพักน้ำเสีย


พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยระบุว่าสาเหตุในครั้งนี้ เกิดจากท่อน้ำเสียในบ่อชำรุดเสียหาย ทำให้น้ำเสียในท่อทะลักออกมา

โดยน้ำเสียที่ทะลักออกมานั้น มีสารเคมี ที่ใช้ในโรงงาน มีคลอรีน โพลิเมอร์ พีเอซี โซดาไฟ ทำให้เกิดแก๊สรุนแรง เมื่อหายใจเข้าไปทำให้หมดสติได้ แต่ต้องรอ กองพิสูจน์หลักฐานลงไปเก็บหลักฐานมาตรวจสอบสาเหตุอีกครั้ง

แต่ตอนนี้ปิดบ่อไว้ก่อน โดยคนงาน 2 คนอาการยังสาหัส 
 4 แรงงานเมียนมาหมดสติคาบ่อน้ำเสียในโรงงานฟอกหนัง สาหัส 2 คน

4 แรงงานเมียนมาหมดสติคาบ่อน้ำเสียในโรงงานฟอกหนัง สาหัส 2 คน

 

ส่วนอาการของคนงานเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นมี 2 คนเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ส่วนอีก 2 คนยังสาหัส หลังจากนี้ สั่งให้พนักงานสอบสวน เชิญผู้เกี่ยวข้อง มาสอบปากคำถึงกระบวนการทำงานว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ 


สิ้น "คงศักดิ์ ยุกตะเสวี" ศิลปินแห่งชาติ สถาปนิกใหญ่ วัย 81 ปี

Wed, 25 Dec 2024 16:56:00

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรมได้รับการประสานงานจากทายาทของนายคงศักดิ์ ยุกตะเสวี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมภายใน) พุทธศักราช 2561 ว่า นายคงศักดิ์ ยุกตะเสวี ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 11.15 น. ณ โรงพยาบาลพระราม 9

คงศักดิ์ ยุกตะเสวี เกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2486 ปัจจุบันอายุ 81 ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

มีโอกาสเรียนรู้สถาปัตยกรรมไทยจากอาจารย์พระพรหมพิจิตร และในช่วงศาสตราจารย์ พล.ร.ต.สมภพ ภิรมย์ ดำรงตำ แหน่งคณบดี ได้สนับสนุนนักศึกษาในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เข้าร่วมการประกวดแบบแข่งขันเสมอ จึงเป็นการเปิดโอกาสและผลักดันให้นายคงศักดิ์ ได้เข้ารส่งผลงานประกวดตลอดระยะเวลาที่ศึกษา

รางวัลที่ได้รับ เช่น 

- รางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น ประจำ ปี 2549 ประเภทผู้ประกอบวิชาชีพ จากสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร
- รางวัลพระพรหมพิจิตร ผู้สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้แก่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
- รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ในความสำ เร็จสูงสุดแห่งวิชาชีพ เนื่องในโอกาสครบรอบ 62 ปี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

นายคงศักดิ์ มีความสนใจและทุ่มเทเวลาให้การออกแบบตกแต่งภายในอาคารประเภทโรงพยาบาลเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการยกระดับโรงพยาบาลในประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและดึงดูดผู้ที่มาใช้บริการจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์แง่คิดในชีวิตการทำ งานของนักออกแบบเพื่อเตรียมพร้อมนักศึกษาเข้าสู่การทำ งานอย่างมืออาชีพ

นายคงศักดิ์ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรมภายใน) พุทธศักราช 2561

ทั้งนี้กำหนดการพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พิธีสวดพระอภิธรรม และพิธีพระราชทานเพลิงศพ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดยกองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม จะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป

สำหรับศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิตจะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือตามกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ดังนี้

อ่านข่าว :

วงการบันเทิงเศร้า นักร้องลูกทุ่ง "วิว ชัชวาล" เสียชีวิต

อาลัย "สมหมายน้อย ดวงเจริญ" ราชาหมอลำเพลินแห่งยโสธร


“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม-พรปีใหม่ 2568

Wed, 25 Dec 2024 15:27:29

เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานพระรูปและลายพระหัตถ์เชิญพุทธศาสนสุภาษิต เป็นพระคติธรรมสำหรับความสุขปีใหม่ พุทธศักราช 2568

สทฺธา สาธุ ปติฏฺฐิตา ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ

พร้อมด้วยข้อความประทานพรว่า เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ขอท่านจงตั้งมั่นในศรัทธาอันประกอบด้วยปัญญา เพื่อความเจริญสำเร็จทุกประการ เทอญ.

อ่านข่าว

ปฏิทินวันหยุดมกราคม 2568 เฉลิมฉลองปีใหม่อย่างสนุกสนาน

"ต้นคริสต์มาส" ตำนาน ประเพณี ข้อเท็จจริงสนุก ๆ ที่น่ารู้

"สวัสดีฉันในอนาคต" จม.ส่งถึงตัวเองวันนี้เพื่อความสำเร็จในวันหน้า


โปรดเกล้าฯ ถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชฯ 18 ตำรวจ รวม "บรรยิน"

Wed, 25 Dec 2024 07:32:00

วันที่ 24 ธ.ค.2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีรายละเอียดความว่า

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศข้าราชการตำรวจและอดีตข้าราชการตำรวจ รวม 18 ราย ออกจากยศตำรวจ ตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2565 ข้อ 4 (2) และ (4) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 และข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังนี้

ทั้งนี้ บุคคลทั้ง 18 ราย เป็นผู้ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว

ประกาศ ณ วันที่ 18 ธ.ค.2567 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

แพทองธาร ชินวัตร

นายกรัฐมนตรี

อ่านข่าว : สภาพอากาศวันนี้ "เหนือ-อีสาน" อากาศหนาว ภาคใต้ตอนล่างฝนน้อย 

เช็กวันหยุดยาว 2568 ครม.เคาะวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ 3 วัน 

ตร.ฝากขัง-ค้านประกัน อส.ยิงคนตายในร้านข้าวต้มหาดใหญ่ 

 


13 ภาพข่าวประเด็นดังของไทยปี 2567

Tue, 24 Dec 2024 19:36:00

เดินทางมาถึงเดือนสุดท้ายของปี 2567 ตลอดปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นมากมายในประเทศไทย ทั้งข่าวการเมือง การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี สีสันในวงการกีฬา เหตุการณ์สิ่งแวดล้อมไปจนถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่

นายกฯ 365 วัน

"เศรษฐา ทวีสิน" อำลาสื่อมวลชน หลังพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพียง 1 ปี ยอมรับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ปัดถูกวางยาทางการเมือง เสียใจถูกตัดสินไม่มีจริยธรรม เชื่อรายชื่อแคนดิเดตทุกคนมีความพร้อม

เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย

อ่านข่าว : เปิดใจ "เศรษฐา" หลังพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี 1 ปี

ลูกสาวนั่งนายกฯ 

นายทักษิณ ชินวัตร สวมกอด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขณะมาถึงพรรคเพื่อไทย ในวันที่ น.ส.แพทองธาร ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ก่อนเข้าพิธีรับพระบรมราชโองการฯ

นายทักษิณ ชินวัตร - น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

นายทักษิณ ชินวัตร - น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

อ่านข่าว : "ทักษิณ" รับตื่นเต้น "แพทองธาร" เป็นนายกฯ

ศาลอาญาสั่งขังทนายตั้ม

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ นำตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และภรรยา ส่งไปฝากของที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ในคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร หรือ เจ๊อ้อย พร้อมคัดค้านประกันตัว หลังจากมีการสอบสวนนานกว่า 15 ชั่วโมง ขณะที่ทั้งสองคนมีสีหน้าเรียบเฉย โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด

ทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน เจ๊อ้อย

ทนายตั้ม ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงิน เจ๊อ้อย

อ่านข่าว : เส้นทาง "ทนายตั้ม" บทบาททนายความบนความสนใจของสังคม

เอเลี่ยนทำลายระบบนิเวศ

ชาวบ้านใน จ.สมุทรสาคร จับปลาหมอคางดำ ที่ระบาดในลำคลอง ส่งขายแพปลา หลังกระทรวงเกษตรฯ ประกาศรับซื้อเพื่อลดความเดือดร้อน หลังพบว่าหลุดรอดออกจากมาจากแหล่งทำวิจัยของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

ชาวบ้านสมุทรสาครจับปลาหมอคางดำส่งขายแพปลา

ชาวบ้านสมุทรสาครจับปลาหมอคางดำส่งขายแพปลา

อ่านข่าว : รง.ปลาป่นสมุทรสาคร รับซื้อ "ปลาหมอคางดำ" ลดปัญหาล้นตลาด

ปิดเมืองละโว้จับลิง

ลิงบริเวณศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี หนีขึ้นไปหลบบริเวณอาคารใกล้เคียง หลังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ประกาศดีเดย์จับลิง 300 ตัว หวังพลิกชีวิตและเศรษฐกิจชาวลพบุรีกลับมาเหมือนเดิม

ภารกิจจับลิงในเมืองลพบุรี

ภารกิจจับลิงในเมืองลพบุรี

อ่านข่าว : วันแรก! ปิดเมืองจับลิงลพบุรีได้ 30 ตัว เปิดอาวุธคู่กายปราบจ๋อ

จะหยุดน่ารักกี่โมง

อาสาสมัครช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง ออกไปช่วยเหลือสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ออกจากบ้านหลังหนึ่งใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ถูกน้ำท่วมสูง ขณะที่เจ้าหมาทำท่าทางน่ารักไร้เดียงสา โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย

สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

อ่านข่าว : รวมความประทับใจ "คนไทยไม่ทิ้งกัน" ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมเชียงราย

“เทนนิส”  ประกาศ ยุติทีมชาติ

"...สำหรับหนู ตัดสินใจแล้วว่า เวทีโอลิมปิกเป็นเวทีสุดท้าย หนังสือเล่มนี้จบอย่างสวยงามที่สุดแล้ว หนูเต็มที่ในการเขียนหน้านี้ที่สุด เป็นอย่างดี เล่มที่ชื่อว่า "เทควันโด"

“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทอง เทควันโด รุ่น 49 กก.หญิง ในการแข่งขัน โอลิมปิก เกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ เมื่อเดินทางกลับถึงไทย

เทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดของไทย

เทนนิส - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดของไทย

อ่านข่าว : "เทนนิส" หายเหนื่อยคว้าเหรียญทองฝากคนไทย บอกเป็นหนังสือฉากจบสวยงาม

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2567 โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ วันที่ 27 ต.ค.2567

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พุทธศักราช 2567

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พุทธศักราช 2567

อ่านข่าว : ประมวลภาพ ความงดงาม ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ดับไฟป่าเชียงใหม่

หลายหน่วยงานและกลุ่มอาสาดับภัย มูลนิธิกระจกเงา เข้าดับไฟป่าที่ ต.ทุ่งปี๊ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นป่าเต็งรัง มีใบไม้แห้งสะสมจำนวนมาก ประกอบกับพื้นที่เป็นภูเขาสูงชัน ทำให้การดับไฟเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ภารกิจดับไฟป่า ต.ทุ่งปี๊ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

ภารกิจดับไฟป่า ต.ทุ่งปี๊ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่

อ่านข่าว : "เชียงใหม่" ประกาศเขตภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินไฟป่า เพิ่ม 2 อำเภอ

กระทิงชราตาบอด

"ประทีป ประจันตะเสน" เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2 (ขญ.2 ผากระดาษ) ดูแลบั้นปลายชีวิต "ยายมะลิ" กระทิงชราตาบอดเขาคอยเอาใจป้อนหญ้า ตักน้ำใส่ถังให้กิน อาบน้ำให้ทุกเช้า พาเดินเล่น และพูดคุยหยอกล้อเสมือนเพื่อนคู่ใจ

ยายมะลิ กระทิงชราตาบอด

ยายมะลิ กระทิงชราตาบอด

อ่านข่าว : สายใย "โอโม่ เขาใหญ่" vs "ยายมะลิ" กระทิงชราตาบอด

นายกฯ เก่า-ใหม่ ร่วมโต๊ะดินเนอร์

อดีตนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายทักษิณ ชินวัตร และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั่งรับประทานอาหารร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ คนที่ 30 ที่บ้านพัก จ.เชียงใหม่ ในงานเลี้ยงต้อนรับนายทักษิณ กลับบ้านเกิดในรอบ 17 ปี วันที่ 15 มี.ค.2567

อดีตนายกฯ 3 คน ร่วมโต๊ะดินเนอร์

อดีตนายกฯ 3 คน ร่วมโต๊ะดินเนอร์

อ่านข่าว : "เศรษฐา" ร่วมรับประทานอาหารค่ำ "ทักษิณ-สมชาย"

แฟนคลับก้าวไกล

สื่อมวลชนและแฟนคลับก้าวไกลรุมล้อม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มาร่วมแถลงข่าว หลังมติศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล

รุมล้อม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

รุมล้อม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

อ่านข่าว : เปิดคำวินิจฉัยฉบับเต็ม ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน "ยุบพรรคก้าวไกล"

ต้องรอด

ผู้หญิงคนหนึ่งเกาะเชือกแน่น หลังทหารและหน่วยกู้ภัย โยนลงไปให้ในน้ำ ขณะที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เข้าท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อเดือน ก.ย.2567 ทำให้มีผู้เดือดร้อนนับพันคน บ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

อ่านข่าว : "หมอภาคย์-บัวขาว" ฝ่าโคลนสูง 1 เมตรลุยน้ำเชี่ยวช่วยน้ำท่วม

ทหาร-เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทหาร-เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

อ่านข่าว 

2567 สุดปัง หมูเด้ง - ลิซ่า - หมีเนย ดังไกลระดับโลก

ย้อน "เหตุการณ์สุดช็อก" โลกต้องจำ ปี 2567

คืนดาวกลับฟ้า "คนบันเทิง-ดารา" เสียชีวิตปี 2567

 


ครม.ไฟเขียวขึ้นค่าแรง 400 บาทนำร่อง 4 จว.-1 อำเภอ

Tue, 24 Dec 2024 14:01:00

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบตามที่กระทรวงแรงงาน กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา  โดยได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอัตราวันละ 7-55 บาท เป็นอัตราวันละ 337-400 บาท

โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่อง และจังหวัดอื่นๆ จะทยอยปรับตามแผน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568

อ่านข่าว ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ

ตั้งเป้าสูงหวังดันจีดีพีปีหน้าเกิน 3%

น.ส.แพทองธาร กล่าวภายหลังประชุมครม.ถึงการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ว่า แต่ละไตรมาสมีการประมาณการไว้อยู่แล้ว และหวังว่าอยากให้เกิน 3% แน่นอน แต่ละไตรมาสดันได้แค่ไหนก็พยายามจะดันให้สุด ต้องผลักดันไปทุกไตรมาสจะได้ต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่าวางเป้าหมาย ให้เป็นไปตามที่นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดหรือไม่  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายที่สูงไม่ว่าใครจะพูดอยากไปถึงตรงนั้นอยู่แล้ว

อ่านข่าว นัดสุดท้าย! ลุ้น "บอร์ดค่าจ้าง" เคาะค่าแรง 400 บาทต่อวัน

เช็กตารางขึ้นค่าแรงปี 2568 

สำหรับรายละเอียดการขึ้นค่าแรง 77 จังหวัด มีผลบังคับใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป มีรายละเอียดดังนี้

อ่านข่าว ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ

อ่านข่าว

ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ" กระตุ้นเศรษฐกิจ (ไม่) สะเทือน ผู้ประกอบการ ?


สปสช.ออกประกาศเลื่อนบังคับใช้มะเร็งรักษาทุกที่ 31 มี.ค.68

Tue, 24 Dec 2024 12:17:00

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ปรับหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุข กรณีโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)

อ่านข่าว สปสช.ชะลอบังคับใช้ประกาศมะเร็งรักษาทุกที่หาทางออก 3 เดือน

และออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายกรณีค่ายาเคมีบำบัดหรือฮอร์โมน ค่ารังสีรักษาโรคมะเร็ง และค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประกอบการสั่งใช้ยารักษาโรคมะเร็ง สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 

นพ.อรรถพร กล่าวว่า เพื่อให้ผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้าถึงบริการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคมะเร็ง การตรวจหาระยะของโรคมะเร็ง การรักษาภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งโรคร่วมที่พบในระหว่างการรักษา และการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษา สปสช. จึงขอแจ้งเลื่อนวันบังคับใช้ประกาศดังกล่าวจากเดิมเป็นวันที่ 1 เม.ย.2568

ทพ.อรรถพร กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จนถึง 31 มี.ค.2568 หน่วยบริการที่ให้บริการตามโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ สามารถขอรับค่าใช้จ่ายได้ตามเดิมในประกาศสำนักงาน สปสช. เรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีการให้เคมีบำบัดหรือฮอร์โมนหรือรังสีรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร พ.ศ.2566

หลังจากที่ สปสช.ได้พิจารณาและเห็นควรให้มีการเลื่อนวันบังคับใช้ประกาศการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ออกไปแล้วยังได้ทำหนังสือลงนามโดยเลขาธิการ สปสช. เพื่อแจ้งกรณีดังกล่าวไปยังผู้บริหารหรือผู้อำนวยการของหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ร่วมให้บริการตามโครงการนี้

ในช่วง 3 เดือนสปสช. จะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยยบริการเพื่อเตรียมการต่างๆ โดยเฉพาะการปรับระบบการเบิกจ่ายไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องได้รับการดูแล


ไทยพีบีเอสร่วมงาน ฟอรัมการจัดการข้อร้องเรียนของประชาชนอย่างรวดเร็ว ณ กรุงปักกิ่ง

Tue, 24 Dec 2024 11:40:00

งาน Beijing Forum on Swift Response to Public Complaints (SRPC) หรืองาน การจัดการข้อร้องเรียนของประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยในงานมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน ทั้งจากสาธารณะรัฐประชาชนจีนและจากต่างประเทศ

จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติจีน กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคม 2567 เป็นการจัดงาน เพื่อแสดงศักยภาพ ของการจัดการกับปัญหาร้องเรียนของประชาชนในชุมชนเมือง ที่แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ภายใต้แนวคิดหลัก "อนาคตที่ดีกว่าของประชาชนเมือง”

เป้าหมายงานประชุมครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การตอบสนองการร้องเรียนของประชาชนในเมืองใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขในทันที โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายภาคส่วน ผู้นำจากองค์กรระหว่างประเทศ เอกอัครราชทูตประจำประเทศจีน ผู้นำจากเมืองต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ

โดยมีผู้นําจากกรุงปักกิ่ง และผู้แทนจากต่างประเทศ อาทิ สเปน คอสตาริกา กล่าวเปิดงานและปฏิญญา ว่าด้วยการปรับปรุงธรรมาภิบาลเมืองให้ทันสมัย

มีการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการร่วมมือระหว่างประเทศในการกํากับดูแลเมือง

หัวข้อสำคัญการประชุมมี ดังนี้
1.บทใหม่ : ในการปกครองเมืองและการปรับปรุงสมัยใหม่ของจีน
2.ยุคใหม่ : ปัญญาประดิษฐ์กับการจัดการเมือง
3.รูปแบบใหม่ : กำกับดูแลชุมชนเมืองที่ถูกต้องและแม่นยำ
4.การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการพัฒนาเมือง
5.สายด่วนร้องทุกข์ของประชาชน และการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
6.การร่วมพัฒนาเมืองต่างๆ ระดับภูมิภาค
7.กรณีศึกษา : การจัดการข้อร้องเรียนของประชาชนอย่างรวดเร็ว
8.การปกครองเมืองและปรับปรุงเมืองให้ทันสมัย
9.การประกาศร่วม ปฎิญญาปักกิ่ง ว่าด้วยการปรับปรุง การบริหารเมืองให้ทันสมัย 2024

MR. David Moser รองศาสตราจารย์จากสถาบันวัฒนธรรมนานาชาติ Capital Normal University นักวิชาการด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน หนึ่งในผู้ร่วมงาน ให้ข้อมูลว่า สายด่วนปักกิ่ง 12345 เป็นช่องทางสําหรับชาวต่างชาติในการร้องเรียนแก้ไขได้รวดเร็วมีความน่าเชื่อถือ ควรส่งเสริมการประชาสัมพันธ์สายด่วนให้เป็นทีรู้จัก เช่น ที่สนามบิน

ศูนย์บริการร้องเรียนสายด่วนกรุงปักกิ่ง 12345 เริ่มจากประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลจำนวนมาก จึงเกิดแนวคิดจัดตั้งเป็นศูนย์ ตั้งแต่ปี 2019 โดยบริการทางโทรศัพท์ ภายหลังปรับรูปแบบให้ทันสมัย ประชาชนเข้าถึงง่าย โดยใช้ระบบออนไลน์ร่วมด้วย เช่น Wechat / video call (สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน) ได้นำระบบ AI รับเรื่องร้องเรียน พร้อมแปลภาษากว่า 8 ภาษาสำหรับชาวต่างชาติ ขั้นตอนของการให้บริการ มีแผนกต้อนรับ แผนกคอลเซนเตอร์ แผนกติดตามผลร้องเรียน นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ ให้ประชาชนเข้าถึงและติดตามเรื่องได้ง่าย อย่างสถิติรับรื่องแบบ real time จำนวนคู่สายระหว่างพูดคุย และ ระหว่างรอสาย

ตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจากการร้องเรียนของประชาชน และนำไปสู่การแก้ไข เช่น ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบขนส่งสาธารณะ นำไปสู่การสร้างอาคารจอดรถที่ถูกต้อง อำนวยความสะดวกและเป็นระเบียบ

การร้องเรียนปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่สวนสาธารณะ น้ำเสีย ขยะ นำไปสู่การแก้ไขอย่างยั่งยืนและเกิดการอนุรักษ์นกที่อยู่ในสวนสาธารณะอีกด้วย

ผู้แทนจากไทยพีบีเอส ที่ไปร่วมงานได้แก่ นายปรเมศวร์ มินศิริ รองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ด้านพัฒนาองค์การ,นางกานดา จำปาทิพย์ บรรณาธิการรายการสถานีประชาชน , นางสาวลลดา วงษ์น้อย เจ้าหน้าที่อาวุโสพัฒนางานภาคีหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ , นางสาวอรอนงค์ กรวยเจริญ เจ้าหน้าที่บริหารโครงการสารสนเทศอาวุโส และนางสาวธิดารัตน์ อนันตรกิตติ ผู้ดำเนินรายการสถานีประชาชน เพื่อนำความรู้ที่ได้จากฟอรัมนี้ มาพัฒนาการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ การติดตามผล ในรายการสถานีประชาชนไทยพีบีเอสต่อไป