“ทักษิณ-จันทร์ส่องหล้า” เปิดแนวรบ ชี้ชะตา(รอบใหม่)การเมืองไทย

Thu, 26 Dec 2024 15:05:00

เด็ดทุกเม็ด เผ็ดทุกดอก “ฮาบ่ละมันไว้เป๋นป้อ แม้ฮาจะแก่แล้ว คิงซัดฮามา ฮาซัดคิงไป” วาทะเดือดก่อนสิ้นปี 2567 ของอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อครั้งขึ้นเวทีปราศรัยช่วย ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยที่ จ.เชียงใหม่ หากถอดรหัสคำพูดไม่ต่างจากสำนวน “ 10 ปี กลับมาล้างแค้น ไม่สาย”

ปฏิบัติการเอาคืนของ “ทักษิณ” หลังจากแผ่นดินไทยนานถึง 17 ปี หากไล่เรียงนับจากออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ และได้รับการแต่งตั้งในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย แทบไม่พบร่องรอยคนแก่วัย 75 ปี ซึ่งเคยมีอาการป่วยหนัก ทุกกิริยาคำพูดและการกระทำ ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้น หากเกิดขึ้นตั้งแต่  “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จนต้อง “ตกม้าตาย” เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นตำแหน่ง

“เศรษฐา- แพทองธาร”สองนายกฯเพื่อไทย ในเงา“ชินวัตร”

การก้าวเข้าสู่ในสนามการเมืองของ “เศรษฐา” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของรัฐบาลเพื่อไทย ได้หรือเสีย คุ้มหรือไม่ ไม่มีใครตอบแทนได้ นอกจากเจ้าตัว แต่วันเวลา 358 วัน ได้บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยแล้วว่า เป็นอดีตนายกคนหนึ่งของประเทศ

หลังถูกสอยด้วยข้อหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถัดจากนั้น 4 วัน แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้ามารับไม้ต่อ เป็นนายกคนที่ 31 เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2567 แม้จะดูเหมือน “มะม่วงจำบ่ม” แต่การเมืองไทยและประเทศไทย ไร้ทางเลือกและต้องเดินหน้าต่อไป

ปฎิเสธไม่ได้ ช่วงเวลา“เศรษฐา” เป็นนายกฯ อยู่ในห้วงเดียวที่ “ทักษิณ” กลับเข้าไทย ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 แม้จะต้องโทษและถูกคุมขัง เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่ด้วยระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เอื้อให้กับนักโทษชราอายุเกิน 70 ปี เข้าเกณฑ์ผู้ต้องขังสูงวัย

ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยกรมราชทัณฑ์ได้ส่งเข้ารพ.ตำรวจและรักษาตัวที่ชั้น 14 ด้วยอาการโรคกระดูกเสื่อม เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย เกินขีดความสามารถที่รพ. ราชทัณฑ์จะแบกรับ  อดีตนายกฯจึงอยู่ในสถานะถูกคุมขังนอกเรือนจำนานถึง 4 เดือน จนครบกำหนดปล่อยตัว เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2566

ตั้งแต่ออกจากรพ.ตำรวจ “ทักษิณ” ไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลานตามที่เคยประกาศไว้ ประตูบ้านจันทร์ส่องหล้ายังคงเปิดรับแขกและนักการเมืองมากมาย ทั้งซีกฝั่งพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ รวมทั้ง สมเด็จ ฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ฯลฯ

เช่นเดียวกับ “เศรษฐา” ซึ่งยังคงทำหน้าที่นายกฯภายใต้ร่มเงาของพรรคเพื่อไทยต่อไป บริหารงานไม่ถึงปีแต่มีการปรับครม.ถึง 2 ครั้ง ไม่เพียงเฉพาะเศรษฐาและสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ต่างทราบดีว่า ศูนย์รวมอำนาจในการบริหารราชการจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่ “ทำเนียบรัฐบาล แต่อยู่บ้านจันทร์ส่องหล้ามากกว่า

แน่นอน รวมถึงการลาออก อย่างกระทันหันของ “ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร”รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ทันทีที่ถูกปรับพ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ยากอนุมานเกิดจากสาเหตุใด

“ทักษิณ” โรดโชว์-เปิดแนวรบ-ท้าชนรอบทิศ

ส่วน“แพทองธาร” เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ เต็มตัว มี ”ทักษิณ” บิดา ทำหน้าที่ไม่ต่างจาก “นายกฯเงา”กำกับดูแลเบื้องหลัง ล่าสุดสื่อประจำทำเนียบรัฐบาลให้ฉายา “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” โดยลีลาการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ”ทักษิณ”ได้เพิ่มความเข้มข้นตามลำดับ หลังศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้อง “ธีรยุทธ สุวรรณเกสร” ไว้วินิจฉัยตามมาตรา 49 ในข้อกล่าวหา“ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” มีพฤติ กรรมล้มล้างการปกครอง โดยชี้ว่ายังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ และการกระทำที่เกิดยังไกลเกินเหตุ

“ทักษิณ” จึงมีความพร้อมในเปิดหน้ารบกับทุกฝ่าย ที่เคยเป็นศัตรูทางการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ยังร่วมอยู่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่เว้นแม้แต่พรรคภูมิใจไทยของครูใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ” อดีตลูกคนสนิท

แนวรบแรกที่เปิดหน้าชก คือ การสลัดพรรคพลังประชารัฐ ในซีกของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ไปเป็นฝ่ายค้าน มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตสส.พรรคเพื่อไทย พร้อมพวกอีก 20 คน ตีจาก”พลังประชารัฐ”และนำทัพมาอยู่พรรคกล้าธรรม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคฯให้ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” หัวหน้าพรรคฯ และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ก่อน ร.อ.ธรรมนัส จะตีฝ่าพรรคพลังประชารัฐออกมาได้ก็ยืดเยื้อหลายเดือน จนเกิดปัญหาคนข้างกาย “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” อดีตรองโฆษกฯพรรคฯและสมาชิกพรรคพปชร.เข้าไปพัวพัน คดีดิไอคอน กรุ๊ป ขณะที่ “คนข้างใจ” ลุงป้อม ถูกขุดเส้นทางเงินเกี่ยวพันคดีบุกรุก “ภูนับดาว”

ก่อนที่เรื่องจะจางหายไป พร้อม ๆ กับคำปฏิเสธของ “ทักษิณ” เมื่อถูกถามถึง “ลุงป้อม” เมื่อครั้งลงพื้นที่ช่วยหาเสียงนายก อบจ.อุบลราชธานี ว่า “เขาเป็นใคร ผมไม่รู้จัก”

“ทำลายศัตรู-คู่แข่ง” ทวงคืนพื้นที่การเมือง

แนวรบนี้ ไม่เพียง ทำให้พรรคพลังประชารัฐแตก แต่ยังทำลายค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ “คู่แค้น”เก่าที่ผละจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาล ซึ่งในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะส่งผลระยะยาวต่อการล่มสลายและกลายเป็นพรรคต่ำสิบต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่

แนวรบที่สอง เปิดหน้าชนพรรคภูมิใจไทยในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ในหลายจังหวัดทางภาคอีสานและภาคตะวันออก หลังจากพรรคเพื่อไทยแพ้หมดรูปในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทั่วประเทศ ส่งผลให้ค่ายสีน้ำเงินยึดสภาสูงได้กว่าค่อนสภา

“ทักษิณ”เดินสายขึ้นเหนือ-ลงอีสาน หวังทวงพื้นที่สีแดงกลับคืนให้กลุ่ม “บ้านใหญ่” ในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่, ศรีษะเกษ ,อุบลราชธานี ,นครราชสีมา ,นครพนม ,มหาสารคาม ฯลฯ และหวังปิดตำนาน “บ้านใหญ่” จ.ปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุสังหาร “สจ.โต้ง” ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านพักของ “โกทร” สุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2567

ประกาศหนุน สจ.จอย “ณภาภัช อัญชสาณิชมน” ภรรยา สจ.โต้ง ลงสมัครชิงเก้าอี้ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย ขณะที่ “โกทร”ยังถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ ทำให้ศึกชิงนายกอบจ.ปราจีนบุรี ในปีหน้ากร่อยไปถนัดตา

ไม่ฉพาะแค่จ.ปราจีนบุรี เท่านั้น แต่ความเป็น “บิ๊กบอส”ตัวจริงของพรรคเพื่อไทยที่มี “ร.อ.ธรรมนัส”อดีตสส.เพื่อไทยมือทำงานคนสำคัญ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้ขยายอาณาเขตคลุมจังหวัดลุ่มน้ำภาคตะวันออก ทั้งจังหวัดน้ำเค็มและน้ำกร่อย บริหารจัดการกลุ่มการเมืองท้องถิ่น หนุนแดง-เพื่อไทย ไม่ให้ชนกันเอง

กรณี “นายกไก่” กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ยอมโยนผ้า ประกาศหนุน “นายกก้อย” กลยุทธ์ ฉายแสง เข้าชิงตำแหน่งนายก อบจ.เมืองแปดริ้ว คนเดียว คือ ตัวอย่างที่ชัดเจน

แนวรบนี้ พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ข้อสรุป จะสามารถชนยกกระดานนายก อบจ.สายสีแดงได้กี่จังหวัด เพราะที่ผ่านมาหลายตระกูล”บ้านใหญ่”สายสีน้ำเงิน ก็กวาดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 7-8 จังหวัด ดังนั้นในสนามท้องถิ่นปีหน้า ใครจะอยู่-ใครจะ ระหว่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทยอีกไม่กี่อึดใจจะได้รู้กัน

ขยี้พรรคร่วมรัฐบาล วางแผนเขี่ยทิ้ง “รทสช.”

แนวรบที่สาม คือ การขยี้พรรครวมไทยสร้างชาติ

(รทสช.) หลังจาก “ทักษิณ” ออกมาตำหนิแทนรัฐบาล ว่า “ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน เมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน คุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา”

ทำให้พรรครทสช.นั่งไม่ติดเก้าอี้ ส่ง “อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์” โฆษกพรรคฯ ออกมาชี้แจงว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและรมว.กระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. และ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ แจ้งลาประชุม ครม.ต่อสำนักเลขาธิครม.ล่วงหน้าล้วงหน้าแล้ว

ท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งต่อในบริหารงานของ “พีระพันธ์” ด้านนโยบายพลังงาน ทั้งการสั่งเบรกประ มูลไฟสะอาด-กฟผ. ขนถ่านหินแม่เมาะ-สรรหาบอร์ด กกพ.-เก็บภาษีคาร์บอนน้ำมัน สร้างความไม่พอให้ใจต่อรัฐบาลเพื่อไทยมาก และน่าจับตาว่า นับจากนี้รัฐบาลแพทองธาร จะใช้วิธีการใดจัดการกับรทสช.

พันธมิตรของเศัตรู “สงครามครั้งสุดท้าย” ชน“ทักษิณ”

แต่การเมือง คือ เรื่องผลประโยชน์ และใครหักหลัง ใครก่อน ถือเป็นผู้ชนะ จึงมีคำถามว่า จากแนวรบที่”ทักษิณ”เดินเกมเปิดหน้าต่อเนื่อง จะทำให้พรรคเพื่อไทย มีชัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม หรือมีเหตุให้ต้องยุบสภาก่อน

มีการวิเคราะห์ในแวดวงการเมืองว่า ในปี 2568 การเมืองไทยจะรุนแรงเพิ่มขึ้น หลังจาก “ทักษิณ”พยายามทำทุกอย่างเพื่อปิดบ้านป่าของ “ลุงป้อม” พล.อ. ประวิตร ให้พ้นวงโคจรทางการเมือง ก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐฮึดสู้ ในสง ครามครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน 

แต่การปิดจบลุงบ้านป่าอาจไม่ง่าย แม้จะพลาดท่าหลาย ๆ เรื่อง แต่คอการเมืองเชื่อกันว่า “เสือเฒ่า”ต้องไม่ทิ้งลาย และคงต้องทำทุกวิถีในการต่อสู้กับกลุ่มคนที่พยายามโค่นล้ม ด้วยการใช้“นิติสงคราม” และดึงพันธมิตรของศัตรูที่กำลังรวมตัวเคลื่อนไหวเข้ามาต่อกร

ไม่ว่าจะเป็นสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำจากเครือบ้านพระอาทิตย์, จตุพร พรหมพันธ์ อดีตแกนนำนปช., พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท., แก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ,เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ , นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และเครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตรฯ -กปปส. เพื่อกดดันป.ป.ช.เร่งรัดเอาผิด 12 จนท.รัฐ “ราชทัณฑ์-กรมตำรวจ” คดีทักษิณชั้น 14 รพ.ตำรวจ

นอกจากนี้ ยังมีเชื้อไฟที่พร้อมจะจุดติด อีกหลายประเด็น ทั้งปัญหาเกาะกูด-พื้นที่ทับทางทะเล -MOU 44 และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ โดยเฉพาะการนำ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”กลับบ้านในช่วงสงกรานต์ปี 2568 จึงต้องจับตาดูว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” จะเล่นเกินเบอร์กว่านี้หรือไม่ ที่สำคัญพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ยังอยากจะไปต่อกับรัฐบาลหรือไม่ หากมีการนำชนวนไฟเหล่านี้มาสุมฟืน

และหากในปี 2568-2569 ไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน และรัฐบาลแพทองธาร อยู่ครบเทอม ไม่มีปัจจัยอื่นแทรกซ้อน แบ่งปันผลประโยชน์เกาะกูด เอ็มโอยู 44 ลงตัว หาก “ทักษิณ” จะ”หักดิบ”และไม่เห็นความจำเป็นที่จะรับใช้กลุ่มอำนาจเก่า โอกาสที่จะได้เห็นพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาชน ก็เป็นไปได้สูง

จึงไม่แปลก หากพรรคประชาชนจะสงวนท่าทีในการต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย และหากจะคาดหวังให้พรรคประชาชน โชว์ศักยภาพในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ไล่ขยี้รัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในปี 2568 เป็นสิ่งที่ต้องทำใจ

อย่างไรก็ตาม หลังผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศเสร็จสิ้นลง คงต้องรอดูสัญญาณการขยับของ “ทักษิณ”และพรรคเพื่อไทยอีกคำรบหนึ่งว่า จะนำการเมืองจะเข้าสู่ไคลแมกซ์ หรือฉุดลงสู่จุดวิกฤต 

อ่านข่าว : 10 ฉายาตำรวจ บิ๊กต่าย “กัปตันเรือกู้” - สารวัตรแจ๊ะติดโผ “อย่าเล่นกับระบบแจ๊ะ”

สื่อสภาตั้งฉายา ปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" - "ประวิตร-ธิษะณา" คว้าคู่ "ดาวดับ"

"เมืองทอง ยูไนเต็ด" เตรียมฟ้องผู้เผยแพร่ Fake News


สื่อสภาตั้งฉายา ปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" - "ประวิตร-ธิษะณา" คว้าคู่ "ดาวดับ"

Thu, 26 Dec 2024 09:42:00

ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง "ฉายาสภา" เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส.และ สว.ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว.มาโดยตลอด ดังนี้

"สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม (จน) ชิน"

ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ

"วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"

กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น "กติกาหนู ๆ" เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"

นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"

"ล็อกมงคล" มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก "มงคล" เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ "มงคล" ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า "นายมงคล" กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ "ล็อกมง" แน่นอน

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "เท้งเต้ง"

การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน "ดูเคว้งเท้งเต้ง" ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ "มีลุง" มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป "หัวหน้าเท้ง" ซะอีก จึงเป็น "เท้งเต้ง" ลอยไปลอยมา

"ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้

สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น

"ดาวดับ" ในปี 2567 นี้ 

สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ" และ "นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน"

- "พล.อ.ประวิตร" จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง "ภูนับดาว" อีก

- "นางสาวธิษะณา" หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง

 

"วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่

"..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.."

โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป

"เหตุการณ์แห่งปี 2567"

ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน

คู่กัดแห่งปี

ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์

เป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า "ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา"

ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป

อ่านข่าว : ฉายารัฐบาล 2567 ฉายารัฐบาล : รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง 

ตีปี๊บซ้ำ “แจกเงินหมื่น” หวังกลบค่าแรง 400 บาท ทั่วประเทศ  

"สมศักดิ์" ฮึ่มเอาผิด รพ.ปลอมใบรับรองแพทย์ให้แรงงานข้ามชาติ 

 

 


มติเอกฉันท์! ศร.ชี้ตัดสิทธิผู้ต้องคดีลงเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ขัด รธน.

Wed, 25 Dec 2024 14:50:00

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) ศาลรัฐธรรมนูญ ออกแถลงผลการพิจารณาคดีที่สำคัญกรณีพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (10) ที่บัญญัติให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 40 หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 21/2567 และเรื่องพิจารณาที่ 22/2567)

ศาลจังหวัดนครนายก ส่งคำโต้แย้งของจำเลย รวม 2 คำร้อง เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (10) ที่บัญญัติให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมีให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 40 หรือไม่

ผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (10) ที่บัญ ญัติให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราช การ เป็นผู้มีลักษณะต้องต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 40 

หมายเหตุ บทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาในคดีเรื่องพิจารณาที่ 21/2567 และเรื่องพิจารณาที่ 22/2567 เรื่องพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 (10) ที่บัญญัติให้ผู้เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 40 หรือไม่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 การตรากฎหมายจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล

มาตรา 26 การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษษย์ของบุคคลมิได้

รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพไว้ด้วยกฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง

อ่านข่าว

กกต.สั่งสอบคลิปเสียง 20 ล้าน พท.เปิดตัว 9 จว.ชิงเก้าอี้ อบจ.

 


"สมศักดิ์" ฮึ่มเอาผิด รพ.ปลอมใบรับรองแพทย์ให้แรงงานข้ามชาติ

Wed, 25 Dec 2024 13:30:42

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการปลอมใบรับรองแพทย์ของสถานพยาบาลให้กับแรงงานข้ามชาติ ว่า หากมีการปลอมแปลงเกิดขึ้นจะแจ้งให้ สธ.รับทราบ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ โดย สธ.จะเน้นเตรวจสุขภาพของแรงงานข้ามชาติต้องมีความละเอียด เพราะโรคบางชนิดหายไปจากไทยนานแล้ว แต่ก็กลับมาพบอีก เช่น โรคอหิวาตกโรค

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในเมียนมา ว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่มีแรงงานหรือคนที่เดินทางเข้าออกประเทศไทยติดเชื้อ 2 คน เนื่องจากนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน แต่เป็นเชื้อที่ไม่ได้รุนแรง สธ.ได้ติดตามเฝ้าระวัง ไม่ให้เข้ามา โดยขณะนี้มีฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจช่วยดูแลป้องกันบริเวณพื้นที่ชายแดน

ขณะที่วัคซีนขณะนี้มีกว่า 1,400 โดส จะมอบให้ฝ่ายที่ดูแลป้องกันและบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ใกล้กลุ่มเสี่ยง และหากรัฐบาลเมียนมาร้องขอบุคลากรทางการแพทย์ของไทยอย่างเป็นทางการ สธ.จะส่งบุคลากรข้ามไปช่วยเหลือ

นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำถึงกรณีโรงพยาบาลออกใบรับรองแพทย์ แต่ไม่มีแรงงานข้ามชาติไปตรวจสุขภาพจริง ว่า หากพบการกระทำดังกล่าวขอให้แจ้งมาและจะจัดการให้เรียบร้อยภายใน 1-2 วัน

ขอให้เอาข้อมูลมาให้ เพราะกำลังตามหาอยู่ อยากจะจัดการเพราะไม่ชอบเรื่องแบบนี้ กลัวว่าหากโรคระบาดเข้ามาในประเทศไทย ตนเองจะเหนื่อย และหากเราป้องกันไว้ดีแล้ว เจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไปรู้เห็นเป็นใจก็ขอรายละเอียดตรงนี้

รมว.สาธารณสุข ยังคาดว่าจะไม่จัดทีมสุ่มตรวจโรงพยาบาล เพราะมีโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้หากใครมีข้อมูลให้รีบส่งเข้ามาภายใน 1-2 วันนี้และสธ.จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว

หากข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้จะต้องมีคนติดคุก และรัฐบาลจะปรับแนวทางในการดำเนินการต่างๆ

อ่านข่าว

สธ.เตรียมวัคซีน - ยาต้าน "อหิวาตกโรค" ช่วยเมียนมา

ปิดด่านไทย-เมียนมา อหิวาตกโรคระบาดเมียวดี ป่วย 300 ตาย 2 คน

พ่อฆ่าลูกก่อนปลิดชีพตัวเอง 3 ศพ คาดปมปัญหาครอบครัว


สภาฯ ถกแก้ 24 ประเด็น พ.ร.บ.ประมงใหม่ "ปลอดประสพ" ยันยึดหลักสากล

Wed, 25 Dec 2024 11:54:00

วันนี้ (25 ธ.ค.2567) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ มีการพิจารณาวาระ 2 แบบรายมาตราร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....

ซึ่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมงปี 2558 น่าจะเป็นกฎหมายฉบับสุดท้ายของปีนี้ ที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาให้ความเห็นชอบ หลังบังคับใช้มาแล้ว 9 ปี จึงมีการทบทวนเนื่องจากมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพการประมงในไทย และมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยยังคงสอดคล้องกับหลักควบคุมทำประมง IUU 

นายปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะประธานคณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมงปี 2558 กล่าวว่ามีการแก้ไขที่ต้องลงมติ 70 มาตรา พร้อมเปิดใจ7 เรื่องว่ามีความพยายามแทรกแซงจากต่างประเทศตลอดเวลา-ที่ผ่านมา คสช. ทำตามแรงกดดันของต่างประเทศ คสช.ยอมทำตามแรงกดดันทำให้ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อออก พ.ร.ฎ.ประมง-ตั้งใจสร้างกฎหมายประมงใหม่ให้อยู่มาตรฐานสากล-เหตุมีกฎหมายลูกนับร้อยฉบับ เป็นช่องทางคอรัปชั่นและข่มเหงรังแกชาวประมง-พบความไม่เท่าเทียมในประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย

เน้นย้ำว่า จะต้องเร่งปรับปรุงกฎหมายให้เป็นกฎหมายภายใต้บริบทของประเทศไทย ภายใต้หลักปรัชญา 7 อย่าง กฎหมายประมงจะต้องเป็นกฎหมายของประเทศไทย ปฏิบัติการประมงภายใต้กฎหมายนี้จะสะท้อนบริบทการประมงแบบไทยๆ ขนบธรรมเนียมประเพณีเครื่องมือระดับเศรษฐกิจ บทลงโทษชาวประมงต้องเหมาะสม กับความเสียหาย ไม่มองชาวประมงเป็นอาชญากร แต่เป็นเพียงอาชีพที่อาจทำผิดพลาด เปิดโอกาสให้ประมงขนาดเล็กได้เติบโต มีกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความยุ่งยาก และกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายปกป้องคุ้มครองอนุรักษ์ทรัพยากรให้มีชั่วลูกชั่วหลาน

นายปลอดประสพ ยังเปิดเผยว่าจากการแก้ไขกฎหมายจะมีการเปลี่ยนแปลง คือ การนิยามคำว่าทะเลชายฝั่งใหม่ ,มีกฎหมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับประมงแต่ต้องนำมาใช้เช่นกฎหมายแรงงาน ,ให้คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติทำงานได้อย่างเต็มที่ ให้คนที่มีความรู้จริงไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์,ประมงพื้นบ้านจะสามารถทำประมงได้ไกลกว่าเดิมได้ ,การดัดแปลงเครื่องมือปรับปรุงเครื่องมือจับสัตว์น้ำ เรื่องสัตว์น้ำวัยอ่อน ,ช่องตาอวนขนาดเล็ก 2.5 ซม. ,แจ้งเข้าออกถ้าเทียบเรือ ,ความผิดร้ายแรงต้องแยกกรณีนอกหรือในน่านน้ำไทย โทษต้องลดหลั่น , ในโอกาสเหมาะสมจะควบคุมการนำเข้าวัตถุดิบบางอย่าง

คณะกรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกต อยากทิ้งคำแนะนำฝากไว้ในอนาคตเพราะปัจจุบันทำไม่ได้ ,กฎหมายประมงนอกนั้นและกฎหมายประมงนอกนั้นน้ำต้องแยกจากกัน ตอนนี้เกิดความเสียเปรียบนำกฎหมายสองฉบับมาใช้รวมกัน ,การกระจายอำนาจต้องค่อยค่อยดำเนินการให้มั่นคงมีระบบ ,กฎระเบียบที่ออกมากระทบกับชาวประมงที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย ,สินค้าสัตว์น้ำ ต้องมีกฎหมายในการตรวจตรา ,รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ ,อะไรที่เกษตรกรได้ชาวประมงก็ต้องได้ , สนับสนุนอู่ซ่อมเรือให้มีสิทธิ์ความสามารถ

สำหรับประเด็นการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแก้ไข พ.ร.ก.การประมงนี้ มีการแก้ไขปรับปรุง 24 ประเด็น เช่นการยกเลิกบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับโรงงานกิจการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ , แก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับผู้ขออนุญาตทำประมงพื้นบ้าน

เพิ่มเหตุเว้นความผิดการจับหรือนำขึ้นเรือประมง กรณีสัตว์น้ำชนิดเลี้ยงลูกด้วยนมสัตว์น้ำหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ , ให้สามารถใช้อวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรในเวลากลางคืนได้ , แก้ไขรายการเอกสารหลักฐานที่เจ้าของเรือต้องยื่นทำประมงในหน้าน้ำไทย

ปรับปรุงบทกำหนดโทษ , อนุญาตทำประมงโดยใช้เรือ 10 ตันกรอส แต่ไม่ถึง 50 ตันกรอส ที่จดทะเบียนสำหรับเรือประมงและได้รับอาชญาบัตรก่อนที่พระราชกำหนดเมื่อปี 2558 บังคับใช้ให้สามารถโอนให้ทายาทได้

อ่านข่าว :

จับตา! ชาวประมงร้องหยุด ม.69 สภาจ่อเคาะ กม.อวนตาเล็ก

กกต.สั่งสอบคลิปเสียง 20 ล้าน พท.เปิดตัว 9 จว.ชิงเก้าอี้ อบจ. 


ลูกจ้าง "ยานภัณฑ์" ยื่น กมธ.แรงงาน ช่วยติดตามเงินชดเชยถูกเลิกจ้าง

Wed, 25 Dec 2024 11:35:44

ความคืบหน้า กรณีที่ ลูกจ้าง บ.ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ที่ถูกเลิกจ้าง ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากนายจ้าง หลังนายจ้างผิดสัญญาไม่จ่ายเงินตามนัด

ล่าสุด วันนี้ (25 ธ.ค.2567) หลังจากลูกจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ที่ถูกเลิกจ้าง จำนวน 859 คน เดินทางยื่นหนังสือต่อกระทรวงแรงงาน เพื่อให้ติดตามนายจ้างให้จ่ายเงินชดเชยตามสัญญา หลังนายจ้างไม่จ่ายเงินตามนัดงวดแรก ในวันที่ 20 ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะไม่จ่ายเงินงวดที่ 2 และงวดที่ 3 ตามสัญญาด้วย รวมทั้งรวมตัวกดดันหน้า บ.ย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ และบ้านของนายจ้างในเขตประเวศในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นผล และไม่มีคำตอบหรือความคืบหน้าจากทุกฝ่าย

วันนี้ ตัวแทนลูกจ้าง จึงเดินทางมายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการการแรงงาน ขอให้ช่วยติดตามตัวนายจ้าง มาจ่ายเงินชดเชยและเงินตามสิทธิต่างๆ ให้แรงงานทุกคน รวมถึงประสานกระทรวงแรงงานและรัฐบาลช่วยหาเงินมาจ่ายลูกจ้างก่อน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายวิรุต นามมณี กรรมการสหภาพแรงงานชิ้นส่วนยานยนต์กรุ๊ป เปิดเผยว่า ลูกจ้างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีเงินใช้หนี้ และเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัว หากหลังจากนี้นายจ้างยังไม่จ่ายก็จะเดินหน้ายกระดับการกดดันต่อไป

ด้านนายสุเทพ อู่อ้น ที่ปรึกษาสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การกระทำของนายจ้างกรณีนี้ เป็นการทำร้ายแรงงานกลุ่มยานยนต์ ซึ่งหากหลังจากนี้ยังไม่มีการออกมาจ่ายเงินของนายจ้าง วิงวอนขอให้สหภาพแรงงานร่วมออกมาขับเคลื่อนเรื่องนี้

ขณะที่นายเซีย จำปาทอง รองประธานกรรมาธิการการแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะเร่งนำเรื่องนี้เข้ากรรมาธิการการแรงงาน เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามการจ่ายเงินชดเชยต่อไป ปัจจุบันมีสถานประกอบการหลายแห่งที่เลิกจ้าง เลียนแบบพฤติกรรมไม่จ่ายเงินชดเชยให้ลูกจ้าง จึงมองว่า จำเป็นที่กระทรวงแรงงานจะต้องกลับมาทบทวน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้เข้มงวดการบังคับให้นายจ้างจ่ายเงินชดเชยให้แรงงาน และเพิ่มโทษที่รุนแรงขึ้น

อ่านข่าว : ยานภัณฑ์เลิกจ้างกะทันหัน 859 ชีวิตร้อง "พิพัฒน์" นายจ้างผิดสัญญา 

สภาอุตฯ คาดตัวเลขปิดโรงงาน-เลิกจ้างพุ่งอีก

พนง.บริษัทญี่ปุ่น เรียกร้องค่าชดเชย หลังถูกเลิกจ้างกะทันหัน

 

 

 

 

 

 


ศึกชิงนายก อบจ.อีสาน วัดขุมกำลัง "ภูมิใจไทย-เพื่อไทย"

Tue, 24 Dec 2024 20:16:16

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) นายภูษิต เล็กอุดากร อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ สมัยที่ผ่านมา ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของนายเนวิน ชิดชอบ ยื่นใบสมัครนายก อบจ.บุรีรัมย์ ในนามทีมกลุ่ม "คนบุรีรัมย์" พร้อมผู้สมัคร ส.อบจ. 42 คน ได้หมายเลขเดียวกันคือหมายเลข 4 ซึ่งสนามนี้ยังไม่ผู้สมัครสังกัดพรรค "เพื่อไทย" ประกาศตัวลงชิงเก้าอี้

ต่างจาก จ.ศรีสะเกษ "พรรคเพื่อไทย" ส่งนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ อดีต สส.เพื่อไทย แต่สอบตกในปี 2562 ลงสนามท้าชิงกับนายวิชิต ไตรสรณกุล เจ้าของเก้าอี้เดิมที่ครองตำแหน่งมา 30 ปี ซึ่งเดินทางมาสมัครพร้อมลูกสาว น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย เป็นการยืนยันว่านายวิชิต ยืนอยู่ฝั่งภูมิใจไทย โดยนายวิชิตยอมรับว่ามีความกังวล เพราะกระแสนายทักษิณมาแรงและเรียกคะแนนนิยมได้

ส่วนที่ จ.อำนาจเจริญ นางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.เพื่อไทย สายนายเกรียง กัลป์ตินันท์ ที่เสียเก้าอี้ให้กับนางสุขสมรวย วันทนียกุล หรือ "เจ๊รวย" สายตรงนายเนวิน จากพรรคภูมิใจไทย รอบนี้ประกาศส่งนายดะนัย มะหิพันธ์ ชิงเก้าอี้นายก อบจ. จับสลากได้หมายเลข 1 แข่งกับนายพนัส พันธุ์วรรณ จากภูมิใจไทย นับเป็นอีกสนามที่เรียกได้ว่า "เพื่อไทย" ต้องกู้ศักดิ์ศรีคืนให้ได้

อีกหนึ่งพื้นที่ที่เป็นการแข่งขันระหว่างภูมิใจไทยและเพื่อไทยคือ จ.นครพนม พรรคเพื่อไทยส่งนายอนุชิต หงษาดี ทีมงานของนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะ สส.นครพนม เขต 2 จากพรรคเพื่อไทย ชูนโยบายบริหารท้องถิ่นให้เชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลแบบไร้รอยต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.ศุภพานี โพธิ์สุ อดีตนายก อบจ.นครพนม บุตรสาวของนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีต สส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ลงสมัครในนามกลุ่มนครพนมร่วมใจ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทย ลงสู้ศึกครั้งนี้

อ่านข่าว

กกต.สั่งสอบคลิปเสียง 20 ล้าน พท.เปิดตัว 9 จว.ชิงเก้าอี้ อบจ.

“สีส้ม” วูบเหลือจะเชื่อ “นายใหญ่” ซัดซ้ำขี้จุ๊ ขี้ขอย ยะบ่จ้าง


กกต.สั่งสอบคลิปเสียง 20 ล้าน พท.เปิดตัว 9 จว.ชิงเก้าอี้ อบจ.

Tue, 24 Dec 2024 18:29:00

วันนี้ (24 ธ.ค.2568) การประชุมพรรคเพื่อไทย วาระเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ระบุ พรรคมีมติส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง นายกอบจ. ทั้งหมด 22 จังหวัด รวมถึงสมาชิกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคอีก 4 จังหวัด รวม 26 จังหวัด

และวันนี้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลางานราชการ ร่วมเปิดตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวม 9 จังหวัด คือ ผู้สมัคร นายก อบจ. "น่าน-บึงกาฬ-ปราจีนบุรี-เชียงราย-สกลนคร-นครราชสีมา-ศรีสะเกษ-มุกดาหาร และหนองคาย"

ผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย

ผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย

โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับงานท้องถิ่นมาก เรียกได้ว่า เป็นประชาธิปไตยที่ใกล้ตัวประชาชน และนโยบายของรัฐบาล ก็ต้องกระจายอำนาจ จากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด พร้อมระบุว่า ผู้สมัครของพรรคทุกคนมี "DNA เพื่อไทย" จริงใจ-ทุ่มเท เพื่อประเทศและประชาชน

สำหรับการเลือกตั้ง นายกอบจ.ก่อนหน้านี้ 29 จังหวัด มีสมาชิกที่ลงในนามพรรค และที่พรรคส่งลงรับเลือกตั้ง ชนะไปแล้ว ภาคเหนือ 7 คน ภาคอีสาน 8 คน ภาคกลาง 3 จังหวัด

อ่านข่าว ครม.ไฟเขียวขึ้นค่าแรง 400 บาทนำร่อง 4 จว.-1 อำเภอ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทย

กกต.สอบคลิป 20 ล้านเลือกตั้ง อบจ.ปราจีน

ขณะที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ได้รับรายงาน กรณีคลิปเสียงสนทนาการเตรียมเงิน 20 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น จ.ปราจีนบุรี และได้สั่งการให้ตรวจสอบเหตุกระทำผิดตามกฎ หมายหรือไม่ ตอนนี้ไม่อยากพูดว่า ถูกหรือผิด จำเป็นต้องตรวจสอบก่อน

แต่เบื้องต้นรับทราบว่า เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง มีตัวละครเป็นชื่อย่อ จึงต้องตรวจสอบว่า สิ่งที่พูดมีการดำเนินการจริงหรือไม่ ซึ่งไม่เกินวิสัยที่ กกต.จะตรวจสอบตามหน้าที่ได้ และไม่ใช่เหตุเคร่งเครียด กดดันหรือไม่สบายใจ

และวันนี้ กกต.เปิดติวเข้มให้กับวิทยากรจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมเลือก อบจ. 1 ก.พ.2568 โดยกำชับว่า 3 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดหีบ ต้องทำให้ดี ยึดกฎหมาย และให้เกิดความน่าเชื่อถือ พร้อมขอให้อดทน-อย่าท้อ กับแรงเสียดทานทางการเมือง เพราะต่างก็หาช่องว่าง เอาผลประโยชน์ให้ฝ่ายตัวเอง

อ่านข่าว 

“สีส้ม” วูบเหลือจะเชื่อ “นายใหญ่” ซัดซ้ำขี้จุ๊ ขี้ขอย ยะบ่จ้าง

 


มติ ครม.แจกเงิน 10,000 บาทเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี ม.ค.2568

Tue, 24 Dec 2024 14:29:45

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง และนอกจากนี้ ให้แต่ละกระทรวงมีนโยบายหรือว่าแพ็กเกจของขวัญปีใหม่จากทุกกระทรวงที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป ตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาทำงานได้มีนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและพี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องของงบประมาณจะมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีแต่ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจหลาย ๆ ตัว ต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ฝากข้อสังเกตให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้

1.) ให้กระทรวงการคลังเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ให้เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศที่มีระดับรายได้ใกล้เคียงกัน
2.) ให้หน่วยงานที่รับงบประมาณเพิ่ม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่าประหยัดและใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน
3.) ให้หน่วยงานที่รับงบประมาณเพิ่ม นำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ หรือเงินที่สะสม มาใช้ดำเนินภารกิจเป็นลำดับแรก
4.) เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจและสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นโดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาท/คน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม พ.ศ.2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์

ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ใช้กรอบวงเงินงบประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยรับสิทธิผ่านระบบพร้อมเพย์ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มโอนเงินให้ทันก่อนตรุษจีน หรือภายในวันที่ 29 ม.ค.2568

ให้หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงการคลัง ดีอี มหาดไทย เข้าไปดูรายละเอียดและดำเนินการ โดยต้องเป็นกลุ่มที่ลงทะเบียนแอปฯ ทางรัฐ มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ มีรายได้ เงินฝากตามกติกาที่เคยกำหนดไว้

ส่วนการลงทะเบียนของกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน คาดว่าจะเริ่มหลังปีใหม่ โดยระหว่างนี้กระทรวงการคลัง จะประชุมเพื่อกำหนดวันลงทะเบียนให้ชัดเจนต่อไป

อ่านข่าว :

ครม.เคาะแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจกระทรวง 33 ตำแหน่ง

ครม.ไฟเขียวขึ้นค่าแรง 400 บาทนำร่อง 4 จว.-1 อำเภอ


กว่าจะถึงวัน ปรับขึ้น "ค่าแรง" วันละ 400 บ. รัฐบาลเพื่อไทย

Tue, 24 Dec 2024 14:19:00

พลันที่ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบตามที่กระทรวงแรงงาน กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอัตราวันละ 7 - 55 บ. เป็นอัตราวันละ 337 - 400 บ.ถือว่าบรรลุเป้าหมายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้วบางส่วน แม้ว่าจะยังไม่ครบ 400 บ.ต่อวันทุกพื้นที่ก็ตาม 

ย้อนไปเมื่อก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทย ได้มีนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงเป็นนโยบายหลักในการหาเสียง โดยยุครัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน เคยประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ./วัน ทุกอาชีพ ทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ต.ค.2567 และในการหาเสียงนั้นยังมีเป้าหมายค่าแรง 600 บ.ต่อวันภายในปี 70 อีกด้วย

พรรคเพื่อไทย แถลงนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง พ.ค.66

พรรคเพื่อไทย แถลงนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง พ.ค.66

ท่ามกลางการรอคอยของแรงงานทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนั้น ผ่านการประชุมของคณะกรรมการค่าจ้าง หลายครั้งก็ยังไม่ได้ข้อสรุป จนเมื่อวันที่วันที่ พ.ย.67 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ถึงกับต้องออกมาขออภัย ในความผิดพลาดที่รัฐบาล ยังไม่สามารถปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้ ตามที่เคยประกาศไว้ ว่าจะมีการประกาศตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า

ขออภัยที่มีความผิดพลาดมาตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ.ต่อวัน ถ้าบอร์ดไตรภาคีครบ 15 ท่านเมื่อไร จะเชิญประชุมให้เร็วที่สุด มั่นใจว่าจะสามารถให้เป็นของขวัญปีใหม่ได้

แนวทางดังกล่าวได้ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ./วัน อยู่ท่ามกลางการรอคอยจากแรงงานมานานของแรงงานทั่วประเทศ หลังเคย ปรับขึ้นมาแล้วในบางประเภท และบางพื้นที่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

จนกระทั่งวันที่ 23 ธ.ค.2567 ล่าสุด คณะกรรมการค่าจ้างมีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 บ.ในพื้นที่ 4 จ.ภูเก็ต จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง และเฉพาะ อ.เกาะสมุย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 

4 จังหวัดปรับขึ้นมากสุด 

ทั้งนี้ ในพื้นที่ 4 จังหวัด 1 อำเภอ ที่ปรับขึ้นสูงสุด จนถึง 400 บ.ต่อวัน ได้แก่ จ.ภูเก็ต 370/ 400 บ. (+30 บ.),จ.ฉะเชิงเทรา 350/400 บ. (+50 บ.), จ.ชลบุรี 361/ 400 บ. (+39 บ.), จ.ระยอง 361 /400 บ.(+39 บ.) และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 345/ 400 บ.(+55 บ.)

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ

ทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไล่เรียง การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ในยุครัฐบาล พรรคเพื่อไทย ได้มีการปรับขึ้นมาแล้ว ดังนี้ 

เมื่อวันที่ 1 ม.ค.67 ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บ. (330-370 บ.)

วันที่ 18 ม.ค.67 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และปรับปรุงสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หลังไม่ได้ปรับสูตรมานาน 10 ปี

วันที่ 26 มี.ค.67 ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บ./วัน ในกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ในพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง ในเขตพื้นที่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา 2.ภูเก็ต 3.ชลบุรี เขตเมืองพัทยา 4.เชียงใหม่ เขตเทศบาลนครเชียงใหม่

5.สุราษฎร์ธานี เขตอำเภอเกาะสมุย 6.กระบี่ เขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง 7.สงขลา เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ 8.พังงาเขตเทศบาลตำบลคึกคัก 9.ประจวบคีรีขันธ์ เขตเทศบาลหัวหิน และ 10.ระยอง เขตตำบลบ้านเพ

การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มเป็นอัตราวันละ 400 บ. (ปรับเพิ่มอัตราวันละ 30-55 บ.) มีผล 13 เม.ย.67

นโยบายปรับขึ้นค่าแรง เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย

นโยบายปรับขึ้นค่าแรง เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนี้ หลัง ครม.มีมติปรับขึ้นค่าแรง 400 บ.ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จ.ภูเก็ต, จ.ฉะเชิงเทรา, จ.ชลบุรี, จ.ระยอง และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.2568 จึงเท่ากับว่าเป้าหมายการปรับขึ้นค่างแรง 400 บ./วัน ทั่วประเทศภายในปีแรก สามารถทำได้ แม้จะไม่สมบูรณ์ปรับขึ้น 400 บ.ได้ทุกจังหวัดก็ตาม ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่าจะได้ครบทุกจังหวัดเมื่อใด และเป้าหมายค่าแรง 600 บ.ต่อวันภายในปี 70 จะเป็นจริงหรือไม่

 

อ่านข่าว : ครม.ไฟเขียวขึ้นค่าแรง 400 บาทนำร่อง 4 จว.-1 อำเภอ 

นัดสุดท้าย! ลุ้น "บอร์ดค่าจ้าง" เคาะค่าแรง 400 บาทต่อวัน  

ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ   

 

 


ครม.เคาะแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจกระทรวง 33 ตำแหน่ง

Tue, 24 Dec 2024 14:02:00

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้ (24 ธ.ค. 67) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 33 คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป ดังนี้

1. ให้ นายชูชีพ พงษ์ไชย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.แม่ฮ่องสอน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ตาก

2. ให้ นายชยชัย แสงอินทร์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการพัฒนาชุมชน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

3.ให้ นายทศพล เผื่อนอุดม ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.เชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

4. ให้ นางรณิดา เหลืองฐิติกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.อุดรธานี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

5. ให้ นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

6. ให้ นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ชัยภูมิ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

7. ให้ นายสันติ รังษิรุจิ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.จันทบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

8.ให้ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จ.ศรีสะเกษ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง

9. ให้ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.กาญจนบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.กาญจนบุรี

10.ให้ นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ชุมพร

11. ให้ นายชานน วาสิกศิริ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.นครนายก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.นครนายก

12. ให้ นางสาวอโรชา นันทมนตรี ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.นครปฐม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.นครปฐม

13.ให้ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จังหวัดนครพนม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.นครพนม

14. ให้ นายสมชาย ลีหล้าน้อย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.นครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.นครศรีธรรมราช

15. ให้ นางสาวชุติพร เสชัง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.นครสวรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.นครสวรรค์

16.ให้ นายปิยะ ปิจนำ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.บุรีรัมย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.บุรีรัมย์

17. ให้ นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ประจวบคีรีขันธ์

18. ให้ นายไพรัตน์ เพชรยวน ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.พังงา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.พังงา

19. ให้ นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.หนองคาย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.พัทลุง

20. ให้ นางสาวธนียา นัยพินิจ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.พิจิตร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.พิจิตร

21. ให้ ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.เพชรบุรี

22.ให้ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมการปกครอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.แพร่

23.ให้ นายเอกวิทย์ มีเพียร ตำแหน่งรองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.แม่ฮ่องสอน

24.ให้ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ยโสธร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ยโสธร

25. ให้ นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ร้อยเอ็ด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ร้อยเอ็ด

26. ให้ นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ระนอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ระนอง

27. ให้ น.ส.ฐิติลักษณ์ คำพา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.ชลบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ราชบุรี

28. ให้ นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.มุกดาหาร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.ลำพูน

29. ให้ นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.สุโขทัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.สุโขทัย

30.ให้นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.สุราษฎร์ธานี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.สุราษฎร์ธานี

31. ให้นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.หนองบัวลำภู ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.หนองบัวลำภู

32. ให้นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับต้น) จ.อ่างทอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.อ่างทอง

33. ให้นายณรงค์ เทพเสนา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับต้น) จ.อำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จ.อำนาจเจริญ

อ่านข่าว :

"กิตติรัตน์" ไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

"ทักษิณ" ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ช่วย "สว.ก๊อง" ชิงนายก อบจ.


"กิตติรัตน์" ไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ

Tue, 24 Dec 2024 10:56:00

วันนี้ (24 ธ.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนเข้าประชุม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แจ้งว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามว่าจะต้องล้มกระบวนการและสรรหาใหม่หรือไม่ 

ด้านนายพิชัย​ ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ชื่อของนายกิตติรัตน์ไม่ผ่านคุณสมบัติว่า ต้องพูดคุยกันเพื่อเร่งเสนอชื่อใหม่ ซึ่งการเสนอชื่อมาจากคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยต้องดูว่าครบองค์ประกอบหรือไม่

ส่วนจะต้องส่งชื่อสำรองไปตรวจสอบคุณสมบัติคู่ขนานหรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ต้องหารือว่าองค์ประกอบครบหรือไม่ ซึ่งคนเก่าจะต้องรักษาการไปก่อน และเร่งหาคนใหม่มาแทน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจัดประชุม

 

ก่อนหน้านี้ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกบอร์ด ธปท. ระบุว่าผลการสรรหานายกิตติรัตน์ แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการแบงก์ชาติคนล่าสุดสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อถกเถียงเรื่องคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ และมีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อน เพราะเป็นผู้ที่ต้องเข้าร่วมประชุม ครม.

ส่วนวาระ ครม.ที่น่าสนใจวันนี้ เช่น กระทรวงการคลังเสนอโครงการสนับสนุนเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงวัยที่มีอายุเกิน 60 ปี คาดว่ามีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 3.2 ล้านคน วงเงินราว 3.2 หมื่นล้านบาท, การเสนอมาตรการ Easy e-Receipt เพื่อเป็นการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ ซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท

สำหรับปีภาษี 2568 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.-28 ก.พ.2568 โดยสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ ค่าบริการบรรจุไฟฟ้ายานพาหนะ ซื้อรถจักรยานยนต์ ซื้อจักรยาน ค่าซื้อเรือ ค่าบริการไฟฟ้า ค่าบริการน้ำประปา ค่าเบี้ยประกัน ค่าบริการมือถือ ค่าบริการอินเทอร์เน็ต ทองคำ

รวมถึงเสนอออกสลากการกุศล วงเงิน 10,000 ล้านบาท งวดละ 11 ล้านฉบับ เป็นระยะเวลา 2 ปี วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา (ODOS) ช่วยให้เด็กและเยาวชน มีโอกาสไปศึกษาต่างประเทศ คาดเริ่มออกสลากได้ตั้งแต่เดือน ก.พ.

นอกจากนั้น จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร ซึ่งเป็นมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทํางานในต่างประเทศ ให้กลับเข้ามาทํางานในประเทศ

ด้านกระทรวงมหาดไทย จะเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย รวม 32 ตำแหน่ง แบ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด 25 ตำแหน่ง และผู้ตรวจราชการกระทรวง 7 ตำแหน่ง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง

ทั้งนี้ ต้องจับตาว่ากระทรวงแรงงานจะมีการเสนอ ครม.ให้เห็นชอบการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ภายหลังมีการประชุมบอร์ดค่าจ้างไตรภาคี ครั้งที่ 11/2567 ที่กระทรวงแรงงาน เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) โดยมีการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ได้แก่ ภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2568 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป

อ่านข่าว : สอบคุณสมบัติ “กิตติรัตน์” นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติยาวถึงต้นปี 

"กิตติรัตน์" ย้ำจุดยืนอยากเห็น กนง.ลดดอกเบี้ยเร็วและแรง 

“แบงก์ชาติ” ชูบทอิสระ "กิตติรัตน์" ส่ออยากนั่ง ปธ.บอร์ด 


"ทักษิณ" ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ช่วย "สว.ก๊อง" ชิงนายก อบจ.

Mon, 23 Dec 2024 20:50:38

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย พบปะพูดคุยกับประชาชนที่มาต้อนรับในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จ.เชียงใหม่ ก่อนจะขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อช่วยนายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย รักษาแชมป์อีก 1 สมัย

ตลอดการปราศรัย นายทักษิณพูดเป็นภาษาเหนือหรือคำเมือง เน้นไปที่ผลงานด้านเศรษฐกิจตั้งแต่สมัยที่ตนเองเป็นนายกฯ รวมถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังพูดถึงผลงานของ สว.ก๊อง ในช่วงที่ผ่านมา

ช่วงหนึ่งนายทักษิณ กล่าวกับประชาชนที่มาฟังการปราศรัยว่า ขอให้กลับไปขอคะแนนญาติ พี่ น้องและเพื่อนฝูง โดยบอกว่าทักษิณมาขอเองและอย่าให้เขาอายกลับไป ไม่อยากเอาปี๊บคลุมหัว วันก่อนตนเองบอกกับชาว จ.อุดรธานี ว่าอย่าให้ตนเอาปี๊บคลุมหัวและให้ได้กลับมาอุดรฯ อย่างเท่ๆ ก็เลยเลือกได้มา

นอกจากนี้ นายทักษิณยังพูดถึงการหาเสียงของพรรคประชาชนที่อ้างว่ามี สส.ถึง 7 คน ว่า จ.เชียงใหม่ หากฟังพรรคประชาชนปราศรัยน่ากลัวมาก เพราะมี สส. 7 คน แต่พรรคเพื่อไทยมีแค่ 3 คน คนเชียงใหม่จะยอมหรือไม่ คนเชียงใหม่ต้องสู้เต็มที่ ทักษิณมาขอคืน

อย่างไรก็ตามในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ นายทักษิณมีกำหนดการพบปะสมาคมหอการค้าฯ และมีกำหนดการขึ้นเวทีปราศัยอีก 3 เวที

อ่านข่าว

"ทักษิณ" เผยรอยืนยันพบ "อันวาร์" เชื่อเป็นผลดีกับไทย

วันแรก! คึกคัก 47 จังหวัดเปิดรับสมัคร นายก อบจ. ถึง 27 ธ.ค.

สมัคร อบจ.คึกคัก “ปัตตานี-แพร่-น่าน-ลำปาง-พิษณุโลก” ชิงเบอร์ 1-2


"ทักษิณ" เผยรอยืนยันพบ "อันวาร์" เชื่อเป็นผลดีกับไทย

Mon, 23 Dec 2024 20:14:54

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) ตามรายงานระบุว่า นายทักษิณ ชินวัตร เตรียมพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เพื่อหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนตามนโยบายอาเซียน หลังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ

นายทักษิณ ยอมรับถึงการนัดหมายกับนายอันวาร์ แต่ขณะนี้ต้องรอคำยืนยัน โดยจะเป็นการพบกันในฝั่งไทย ไม่ได้ข้ามไปมาเลเซีย หรือที่เกาะลังกาวี ตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ พร้อมเชื่อว่าการพบกันครั้งนี้ถือเป็นผลดีกับประเทศไทยในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ

อ่านข่าว

"แพทองธาร" ปัดตอบ "ทักษิณ​" เตรียมบินลังกาวี​พบ "อันวาร์"

"อนุทิน" ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง "ทักษิณ"

ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด สูงสุด 400 ใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ


จับกระแสการเมือง : วันที่ 23 ธ.ค.2567 “อนุทิน” ชงตั้ง 25 พ่อเมือง รทสช.แก้เกมพีระ..-เอกนัฏ พร้อม พัง

Mon, 23 Dec 2024 18:47:00

หยิกแกมหยอก สำหรับฉายารัฐบาล ที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาล ตั้งให้ทุกปี แม้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีจะไม่โกรธกับ “แพทองโพย” ที่ถูกตั้งให้ และหยอกล้อกลับมาว่า ”ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพด ไม่ได้ใช้โพย โพยต้องเป็นกระดาษใช่หรือไม่“

สำหรับฉายา ”รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง“ ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งเสริมให้แนวทางเรื่องการทำงาน “แพทองธาร” มองมุมบวกว่า คิดว่าเป็นเรื่องดี คุณพ่อมีประสบการณ์ ...บางอย่างที่ปรับใช้ในยุคนี้ได้ก็ยิ่งดี เราต้องหัดมองมุมที่มันดีบ้าง จะไม่มองมุมที่เป็นดรามา ต้องทะเลาะกันแบบนี้ เหนื่อย ชีวิตทุกคนทำงานมาทั้งปีแล้วตอนนี้เป็นโหมดต้องแฮปปี้แล้ว

อ่านข่าว  ฉายารัฐบาล 2567 ฉายารัฐบาล : รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง

ส่วน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะพรรครวมไทยสร้างชาติได้ฉายา “พีระพัง” และส่อแววร้าว อาจถูกปรับออกจากรัฐบาล หลังถูก “ทักษิณ” พ่อนายกฯ ระบุว่า เป็นอีแอบการเมือง โดยสื่อทำเนียบให้เหตุผลที่มาชื่อ “พีระพัง” ว่า พังอุดมการณ์ปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล "นายกฯ อุ๊งอิ๊ง"

แถมยังคว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง และยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครง สร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน

ทันทีที่ถูกตั้งฉายา “พีระพัง” ในเพจ Facebook ของพรรครวมไทยสร้างชาติได้โพสต์ข้อความว่า# รทสช. ไม่ใช่แค่ พีระ..พัง เอกนัฏ ก็พร้อม “พัง”...กากพิษ ธุรกิจสีเทา สินค้าห่วยข้ามชาติ ให้หมดสิ้น # รทสช...พัง...ให้ทุกปัญหา

จัดแถวสิงห์อีกล็อตใหญ่ เลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ “สิงห์หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมชง บัญชีรายชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย” ต่อที่ประชุมฯ พิจารณา หลังจากขยับเลื่อน ครม.จากสัปดาห์ที่แล้ว

โดยมีรายชื่อ 25 พ่อเมือง และผู้ตรวจฯ อีก 7 คนที่จ่อขยับ โดยครั้งนี้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ขึ้นในจังหวัดเดิมเพียบ ประกอบด้วย นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) กาญจนบุรี เป็น ผวจ.กาญจนบุรี

นายณรงค์ เทพเสนา รอง ผวจ.อำนาจเจริญ เป็น ผวจ.อำนาจเจริญ ,น.ส.ชุติพร เสชัง รองผวจ.นครสวรรค์ เป็น ผวจ.นครสวรรค์ ,นายสนั่น สนธิเมือง รองผวจ.ปัตตานี เป็นผวจ.ชุมพร ,นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผวจ. นครพนม เป็น ผวจ.นครพนม , นายเอกวิทย์ มีเพียร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็น ผวจ.พัทลุง ,นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผวจ.อ่างทอง เป็นผวจ.อ่างทอง

นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รอง ผวจ.หนองบัวลำภู เป็นผวจ.หนองบัวลำภู, นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รอง ผวจ.สุราษฎร์ธานี เป็นผวจ.สุราษฎร์ธานี ,นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รอง ผวจ.สุโขทัย เป็นผวจ.สุโขทัย ,น.ส.ธนียา นัยพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด พิจิตร เป็นผวจ.เป็น ผวจ.พิจิตร ,นายไพรัตน์ เพชรยวน รอง ผวจ.พังงา เป็นผวจ.พังงา

นาย ชานน วาสิกศิริ รองผวจ.นครนายก เป็นผวจ.นครนายก ,นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ,น.ส.อโรชา นันทมนตรี รองผวจ.นครปฐม เป็น ผวจ.นครปฐม ,ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผวจ.เพชรบุรี , นายปิยะ ปิจนำ รอง ผวจ.บุรีรัมย์ เป็นผวจ.บุรีรัมย์

นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รอง ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็น ผวจ.ร้อยเอ็ด ,นายบุญช่วย หอมยามเย็น รอง ผวจ.ตาก เป็น ผวจ.ตาก นายสมชาย ลีหล้าน้อย รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นผวจ.นครศรีธรรมราช, นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รอง ผวจ.ระนอง เป็น ผวจ.ระนอง, นายสุวัฒน์ เข็มเพชร รอง ผวจ.ยโสธร เป็น ผวจ.ยโสธร , นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผวจ.ราชบุรี เป็นผวจ.แพร่ ,นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผวจ.ปทุมธานี เป็นผวจ.ลำพูน , น.ส.ฐิติลักษณ์ คำพา รองผวจ.ชลบุรี เป็นผวจ.ราชบุรี

ส่วนตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (ผต.มท.) จำนวน 7 ตำแหน่ง คาดว่า ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้ง คือ นายชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดี พช. , นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ รองอธิบดี ปภ., นายวราดิศร อ่อนนุช รองผวจ.สิงห์บุรี, นางวันเพ็ญ มังศรี รองผวจ.เพชรบุรี ,นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผวจ.ตาก ,นายสันติ รังษิรุจิ รองผวจ.จันทบุรี และนายสิงหชัย ผ่องบุรุษ รองผวจ.บุรีรัมย์

อ่านข่าว  วันแรก! คึกคัก 47 จังหวัดเปิดรับสมัคร นายก อบจ. ถึง 27 ธ.ค.

เมินฉายา “ประชาธิเป๋” ชวน หลีกภัย ,สรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลือดสีฟ้าของแทร่ ลงนามในหนังสือเรียกร้องให้ รัฐบาลเร่งหามาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ และให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือให้ครอบคลุมเช่นเดียวกับภาคเหนือ

โดยมีสส.ใต้หลายคนร่วมลงนาม เช่น “บัญญัติ บรรทัดฐาน” สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคฯปชป. “ยูนัยดี วาบา” สส. ปัตตานี และสส.ปชป.จากพัทลุง และนครศรีธรรมราช และมีการเสนอให้รมว.คลัง และรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาคใต้ควบคู่กับการเยียวยา เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นคงในพื้นที่ต่อไป

หวังว่านายกฯ แพทองธาร จะไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของคนภาคใต้ในฐานะที่เป็นสะใภ้คนใต้ของแทร่

อ่านข่าว

ย้อนเหตุ 20 ปี "สึนามิ" ถล่ม 6 จังหวัดอันดามัน

2567 สุดปัง หมูเด้ง - ลิซ่า - หมีเนย ดังไกลระดับโลก

 


รฟท.งัดกรรมสิทธิ์ "เขากระโดง" ลั่นทวงคืนอย่าโยงการเมือง

Mon, 23 Dec 2024 17:28:00

กรณีที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ที่กำกับดูแลกรมที่ดิน นำอธิบดีกรมที่ดิน รองอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ สส.จังหวัดบุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย รองผู้ว่าราชการ จ.บุรีรัมย์ และข้าราชการท้องถิ่น พบกับชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง เพื่อยืนยันสิทธิการครอบครองที่ดินของราษฎร และกล่าวพาดพิงถึง รฟท.ในทำนองว่า รฟท.จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชนนั้น

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ออกแถลงการณ์ระบุว่า การดำเนินการข้างต้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดของประชาชนต่อการดำเนินการของ รฟท.เกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขอชี้แจงว่า รฟท.เป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ดินของ รฟท.จึงเป็นที่ดินของรัฐและเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

ทั้งนี้  รฟท. มีวัตถุประสงค์เพื่อรับโอนกิจการของกรมรถไฟ ดังนั้นบรรดาที่ดินและทรัพย์สินที่เคยเป็นของกรมรถไฟ จึงโอนมาเป็นของ รฟท. และมีหน้าที่ต้องดูแลที่ดินบริเวณเขากระโดง และติดตามเอาที่ดินของ รฟท.ที่มีการยึดถือครอบครองและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลับคืนมาเป็นของ รฟท.

ยืนยันว่าการที่ รฟท.ทวงคืนที่ดินบริเวณเขากระโดง จึงเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ที่ดินบริเวณเขากระโดง ได้รับการพิสูจน์และยืนยันผ่านกระบวนการทางศาล และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนเป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินประมาณ 5,000 ไร่ บริเวณต.อิสาณ และ ต.เสม็ด เป็นที่ดิน เป็นกรรมสิทธิของ รฟท.

พร้อมกันนี้ ศาลปกครองได้วินิจฉัยโดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองเรื่องข้างต้นแล้วสรุปว่าที่ดินบริเวณพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท.

 

อ่านข่าว กรมที่ดิน ชี้แจงที่ดินเขากระโดง ยืนยันทำตามคำพิพากษาศาลฯ

นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ยังระบุด้วยว่า กรมที่ดิน มีหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และรฟท.ไม่จำต้องไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีคำพิพากษาทุกแปลง

ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกรมที่ดิน ที่จะต้องดำเนินการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของ รฟท. ซึ่งเป็นการออกโดยคลาดเคลื่อน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งไม่ได้เป็นการก้าวล่วงสิทธิของประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่มีคำถามว่า เหตุใด รฟท. จึงไม่ยื่นเอกสารแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินชุดเดียวกับที่ยื่นต่อศาลฎีกา ซึ่งแสดงถึงเขตที่ดินของ รฟท.ที่ครบถ้วน และที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินพิจารณานั้น

ขอชี้แจงว่า รฟท. ยื่นเอกสาร แสดงถึงการได้มาของที่ดินรถไฟ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กับคณะกรรมการสอบสวนทั้งหมด และเป็นเอกสารชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมด้วย

ทั้งนี้ปัญหาการออกเอกสารทับซ้อนที่ดินของ รฟท.หน่วยงานที่เป็นผู้ออกเอก สารสิทธิในที่ดิน คือ กรมที่ดิน และสำนักงานที่ดิน จ.บุรีรัมย์ อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดินที่จะต้องแก้ไขหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย การดำเนินการตามขั้นตอนในการเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทั้งหมด

อ่านข่าว รฟท.ปฏิเสธเลือกปฏิบัติ กรณี "เขากระโดง" ยืนยันทำตามขั้นตอน

พร้อมขอขอยืนยันว่า สิทธิในความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง อันเป็นที่ดินของรัฐ โดยจะดำเนินการทุกอย่างภายในกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ที่ดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นที่ดินของ รฟท. เพื่อสงวนไว้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนทุกคน

โดยระบุว่า การแก้ปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่เรื่องยาก หากกรมที่ดิน ซึ่งเป็นผู้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินได้ร่วมมือกับ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีฝ่ายใดนำเอาปัญหาที่ดินเขากระโดง ไปเชื่อมโยงเพื่อเป็นประเด็นการเมือง เพียงหวังเรื่องคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะจะทำให้การแก้ปัญหามีความยุ่งยากซับซ้อนขึ้นไปอีก

อ่านข่าว

"นักกฎหมาย" ตอบคำถาม ทำไมข้อพิพาท "ที่ดินเขากระโดง" ยังไม่จบ


เตือนรัฐบาลเร่งสร้างศก.เข้มแข็ง "กัมพล" หวั่นถูกลดเครดิตเรตติ้ง

Mon, 23 Dec 2024 17:10:00

วันนี้ ( 23 ธ.ค.2568) นายกัมพล สุภาแพ่ง ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา เปิดเผยว่า หลังปรับปรุงรายงานฐานะทางการคลังปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 พบว่าการขาดดุลเงินสดต่อจีดีพีและหนี้สาธารณะยังสูงมากต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะการขาดทุนทางการคลังร้อยละ 4.31 ของจีดีพี ซึ่งอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตโควิด-19 ระหว่างปี 2563-2565 จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูง

นายกัมพล สุภาแพ่ง ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา

นายกัมพล สุภาแพ่ง ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา

นายกัมพลระบุว่า ส่วนภาระหนี้สาธารณะ แม้รัฐบาลจะไม่ได้กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลเงินสดทั้งหมด ใช้เงินคงคลังไป 116,000 ล้านบาท แต่ภาระหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2568 ยังเพิ่มเป็นร้อยละ 64.44 ขณะที่ปัจจัยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกลับอยู่ในระดับต่ำ เพียงร้อยละ 2-3 เท่านั้น ซึ่งเป็นติดต่อกันมาหลายปีนับตั้งแต่วิกฤตโควิด-19

ขณะเดียวกันพบว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการพัฒนาประเทศก็หยุดชะงัก การจัดเก็บรายได้บางตัว ก็ต่ำกว่าแผน เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จากมาตรการลดภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซล รวมไปถึงมาตรการลดภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

อ่านข่าว:

วันแรก! คึกคัก 47 จังหวัดเปิดรับสมัคร นายก อบจ. ถึง 27 ธ.ค.

ฉายารัฐบาล 2567 ฉายารัฐบาล : รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง


"แพทองธาร" ปัดตอบ "ทักษิณ​" เตรียมบินลังกาวี​พบ "อันวาร์"

Mon, 23 Dec 2024 15:43:44

กรณีเว็บไซต์เดอะสตาร์ ของมาเลเซีย รายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต ของอินโดนีเซีย และนายทักษิณ ชินวัตร ที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือประเด็นยุทธศาสตร์ในภูมิภาคและพัฒนาการของอาเซียน​ ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) น.ส.แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ ตนเองยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร​ ก่อนถามกลับว่านายทักษิณคอนเฟิร์มแล้วหรือไม่

ส่วนการที่นายทักษิณไปพูดคุยกับนายกฯ มาเลเซีย จะเป็นผลดีในเรื่องการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้หรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร​ ระบุว่า ได้รับความร่วมมืออย่างดีอยู่แล้วจากมาเลเซีย​ หากได้พบก็น่าจะดี แต่ไม่ทราบว่าจะไปจริงหรือไม่

เมื่อถามว่า นายทักษิณตอบรับเรื่องนี้แล้วหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายทักษิณ

ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบและไม่รู้ว่าเป็นข่าวจริงหรือไม่ เพราะเพิ่งได้ยิน

หากมีการนัดกันจริงจะเดินทางไปด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบ ขอให้นัดก่อน ส่วนนายทักษิณจะต้องขออนุญาตศาลก่อนเดินทางไปหรือไม่นั้น เขาเป็นประชาชนคนหนึ่ง อยากไปไหนก็ได้และอยู่ที่กฎเกณฑ์ที่เขาต้องปฏิบัติ

เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นเรื่องของความมั่นคง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาและยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องไปถามนายทักษิณ

อ่านข่าว

"อันวาร์" ดึง "ทักษิณ" ขึ้นแท่นที่ปรึกษา ขณะเตรียมขึ้น ปธ.อาเซียน

ยุทธศาสตร์เหนือเมฆ อันวาร์ ตั้ง “ทักษิณ-ฮุน เซน” ที่ปรึกษาส่วนตัว

 


“พิธา” ขอชาวเชียงใหม่ เลือก “พันธุ์อาจ” เบอร์ 1 เป็นนายก อบจ.

Mon, 23 Dec 2024 15:41:00

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาชน เดินพบปะประชาชนที่ตลาดวโรรส อ.เมืองเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ให้กับ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ โดยได้รับการต้อนรับจากพ่อค้า แม่ค้า และ ประชาชนที่มาจ่ายตลาด ขอร่วมถ่ายภาพ และ มอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้นายพิธา

นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่ชาวเชียงใหม่ยังไม่ลืมกัน และให้การตอบรับเป็นอย่างดี แม้จะมาเดินตลาดในช่วงเช้าที่ผู้คนยังไม่มากนัก และในวันนี้เนื่องจากมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา มาเยี่ยมที่กรุงเทพฯ จึงต้องเดินทางกลับไปรับ และไม่ได้ร่วมแถลงข่าว การสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ของนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ซึ่งได้หมายเลข 1

ถ้าพี่น้องชาวเชียงใหม่ ที่รักในการกระจายอำนาจ อยากได้นายก อบจ.ที่ดูแลเรื่องท้องถิ่นก็ขอให้ในวันที่ 1 ก.พ. กาหมายเลข 1 เพื่อให้คุณพันธุ์อาจเป็นนายก อบจ.คนต่อไปของชาวเชียงใหม่

สำหรับผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี เมื่อวานนี้ นายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ. ยังคงรักษาเก้าอี้ เอาไว้ได้ ส่วนนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครจากพรรคประชาชนได้อันดับ 3

นายพิธากล่าวแสดงความยินดีกับนายกานต์ พร้อมให้กำลังใจพรรคประชาชน และระบุว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ มีความแตกต่างกัน สนามเลือกตั้งอุบลราชธานีก็มีความท้าทาย และศักยภาพแบบหนึ่ง

สนามเลือกตั้งเชียงใหม่ ก็คงมีความท้าทายและศักยภาพอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้การเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลราชธานี พรรคประชาชนจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่คะแนนที่พรรคได้เพิ่มจากปี 2563 ที่ได้ 1 แสนคะแนน เป็น 138,000 คะแนน แสดงให้เห็นถึงความเติบโตขึ้น 38 %

อย่างไรก็ตามก็คงไม่สามารถที่จะเอามาเปรียบเทียบพื้นที่ จ.อุบลราชธานี กับ ภาคอีสาน หรือ ภาคเหนือ ภาคใต้ เพราะแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน โดยทีมกลยุทธ์ ทีมยุทธศาสตร์ ก็คงจะมาพูดคุยกันในช่วงปีใหม่ เพื่อขยับหมาก หรือ ปรับทัพอย่างไรในการเข้าสู่ศึก 1 ก.พ.นี้

แม้ว่าการเลือกตั้งปี 2566 ที่พรรคก้าวไกลได้ สส.เชียงใหม่ 7 คน แต่นายพิธาเห็นว่า ไม่ได้หมายความว่า จะแปรมาเป็นคะแนนในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ในครั้งนี้ เพราะเลือกตั้งระดับชาติ กับเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็อย่าประมาท

แม้บางคนอาจจะบอกว่า ที่นี่เป็นฮับของพรรคนู้น เป็นฮับพรรคนี้ แต่อย่าลืมว่าคะแนนเลือกตั้ง สส.ปี 2566 คะแนน 460,000 คะแนน ที่คนเชียงใหม่ให้เรามา ทำให้เราได้ สส.7 คน จาก 10 คน และแม้พรรคประชาชนจะมีฐานเสียงจากพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบพรรค แต่ก็ประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด

นายพิธา ระบุว่า สิ่งที่เคยทำสำเร็จมาในปี 2566 ไม่ได้เป็นผลมาถึงปี 2567 เพราะว่า การเลือกตั้งแต่ละพื้นที่ บริบทก็แตกต่างกัน คนมาใช้สิทธิ์มากน้อยแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นราชบุรี อุดรธานี มาจนถึงอุบลราชธานีก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ ขยับหมากกันใหม่ ปรับทัพกันใหม่ แล้วก็ชูจุดแข็งของความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่เข้าใจเรื่องกับเทคโนโลยี

ไม่ว่าจะเป็นคุณพันธ์อาจ ที่เคยเป็นอดีตอำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มาก่อน และ คุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หาก 2 คนนี้มารวมกัน สามารถทำให้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาของคนเชียงใหม่ตั้งแต่ปัญหาไฟป่า การศึกษา และ เศรษฐกิจได้

การบอกว่าที่นี่ เป็นเมืองหลวงของพรรคนี้ เป็นฮับของพรรคนี้ เมื่อดูจากตัวเลข ดูจากสถิติ ก็ไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป ฉะนั้นก็ทั้งอย่าประมาท และอย่าเสียกำลังใจ มีสมาธิกับระยะเวลาที่เหลืออยู่จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ในการซื้อใจพี่น้องชาวเชียงใหม่

ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศในทุกจังหวัดที่ช่วยหาเสียงว่า จะขอคืนทุกเก้าอี้ของพรรคเพื่อไทย นายพิธาบอกว่า ตนเป็นแค่ผู้ช่วยหาเสียง เป็นแค่คนนอก ไม่สามารถจะไปครอบงำพรรคได้ จึงขอให้รอฟังจากณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

แต่เท่าที่อ่านข่าวจากสื่อมวลชน ก็เริ่มเห็นว่า จะมีปรับทัพใน 17 จังหวัด เริ่มเห็นคีย์แมนไปประจำในแต่ละจังหวัด เช่น คุณวิโรจน์ก็จะไปอยู่จันทบุรี ระยอง และ ตราด ทางจังหวัด 3 สมุทร สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม

เห็นมีคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ คุณณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ลงพื้นที่ คาดว่า เป็นการทำแคมเปญเชิงลึก และให้แกนนำไปรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ แต่คงต้องรอฟังจากหัวหน้าพรรคอีกครั้ง

ก็คงต้องสู้กันด้วยนโยบาย และตัวบุคลากร แล้วก็ต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่า อย่าลืมว่าตอนที่เป็นเลือกตั้งทั่วไป เลือกตั้งระดับชาติ เราใช้เวลาจากช่วงสงกรานต์ ไปจนถึงเลือกตั้งใหญ่ประมาณ 45 วันเหมือนกัน ในการที่แซงขึ้นมา

นายพิธากล่าวด้วยว่า การเมืองเรื่องกลมๆ ครับ อะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ ขอแค่อย่าเพิ่งเสียกำลังใจจนเกินเหตุ แล้วก็อย่าประมาทว่า คะแนนครั้งที่แล้วเรามามากมายมหาศาล ทุกปีก็ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง วางแผนให้ดี แล้วก็ดูว่าจุดแข็งของเราคืออะไร จุดอ่อนของคู่แข่งคืออะไร แล้วก็ดูว่าสิ่งที่ทำให้ประชาชนนอนไม่หลับในปีนี้คืออะไร

อ่านข่าว : วันแรก! คึกคัก 47 จังหวัดเปิดรับสมัคร นายก อบจ. ถึง 27 ธ.ค.

สมัคร อบจ.คึกคัก “ปัตตานี-แพร่-น่าน-ลำปาง-พิษณุโลก” ชิงเบอร์ 1-2

ยุทธศาสตร์เหนือเมฆ อันวาร์ ตั้ง “ทักษิณ-ฮุน เซน” ที่ปรึกษาส่วนตัว

 


"อนุทิน" ปัดตีกอล์ฟเคลียร์ขัดแย้ง "ทักษิณ"

Mon, 23 Dec 2024 15:24:00

วันนี้ (23 ธ.ค.2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาด ไทย กล่าวถึงกรณีการออกรอบตีกอล์ฟกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่สนามกอล์ฟชื่อดังในจ.ปทุมธานีว่า ไม่มีอะไร หนึ่งปีนัดก๊วนกันครั้งสองครั้ง

ไม่มีการพูดคุยสถานการณ์การเมืองกับนายทักษิณ ดูแต่วง ช่วยกันจับ และคุยกันเรื่องในอดีต และสิ่งที่ต้องการจะเห็น 

เมื่อถามว่าเรื่องที่ต้องการจะเห็นหมายถึงเรื่องอะไร นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ความร่วมมือจะทำให้เป็นรูปธรรม สำเร็จด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเราปฏิบัติต่อกันมาด้วยดีมาด้วยตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้สอบถามนายทักษิณ ประเด็นอีแอบหมายถึงใครหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ทำไมต้องไปถาม คนเราต้อง Actions speak louder than words (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม



นอกจากนี้นายอนุทิน ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณ ถึงเดินทางไปยังเกาะลังกาวี เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตามที่สื่อของทางมาเลเซียรายงาน

อ่านข่าว ฉายารัฐบาล 2567 ฉายารัฐบาล : รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง

เมื่อถามว่าได้สอบถามประเด็นที่นายทักษิณ ระบุว่าหล่อเร็วไปหน่อยหรือไม่หลังออกมาคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.กลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย ไม่คุยเรื่องเก่า

ไม่ได้หมายถึงตัวเอง นายทักษิณบอกพรรคที่ไม่มา แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่นายทักษิณ พูดไม่ได้หมายถึงผมและพรรคภูมิใจไทย แน่นอนเมื่อดูข้อเท็จจริงไม่ใช่แน่นอน 

นายอนุทิน ยืนยันว่า วิ่งตาลีตาเหลือก ตอนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโทรไปตามให้มาประชุมครม. สนับสนุนและร่างพ.ร.ก.เกี่ยวกับภาษีเมื่อ 11 ธ.ค.วันนั้นนัดหมอ ไม่ได้ไปทำหล่อ หรือยิ่งเลเซอร์ แต่ไปตรวจติดตามหัวใจพริ้ว เพราะเต้นเร็วกว่าปกติ  

เมื่อถามว่าติดใจว่าพรรคเพื่อไทยออกแคมเปญ “ 180 วันรอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่ออีแอบ ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน” หรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้ติดใจ เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ต่อให้พรรคไม่เห็นด้วย ก็เป็นแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พอเสียงข้างมากบอกเห็นด้วย พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย แล้วไปตั้งเวทีข้างสภาหรือที่ไหนไปนั่งโจมตีต่อไป 

อ่านข่าว วันแรก! คึกคัก 47 จังหวัดเปิดรับสมัคร นายก อบจ. ถึง 27 ธ.ค.

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ยัน "แพทองธาร" ตั้งใจทำงาน

ส่วนที่สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายา ”ภูมิใจขวาง“ ว่า ขอบคุณสื่อที่เมตตาปราณี ก็โอเค พร้อมระบุว่าตนไม่ได้ภูมิใจที่ไปกว่าอะไรใคร แต่ตนภูมิใจที่ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง

ส่วนมองภาพรวมฉายารัฐบาล “รัฐบาลพ่อเลี้ยง” อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีทำงานหนัก มองว่ามีจิตใจที่มุ่งมั่น อาจจะไม่ได้อยากมาเป็นแต่ด้วยสถานการณ์อะไรต่าง ๆ ก็ตัดสินใจรับตำแหน่ง เพราะรับตำแหน่งปุ๊บ ก็ตัดสินใจจะไม่มองข้างหลังแล้ว จะไม่พูดแล้วว่าไม่เอาแล้ว ไม่เป็นแล้ว จะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน

ต้องให้โอกาส ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้ารัฐบาล เห็นความทุ่มเท และความพยายาม  นายกรัฐมนตรีมีลักษณะเป็นผู้นำ

ก่อนจะที่นายอนุทิน จะออกตัวว่านี่คนละพรรคนะ ไม่ใช่ว่าจะต้องเอาใจหรืออวยกัน เพราะก็เห็น ๆ อยู่

อ่านข่าว

สมัคร อบจ.คึกคัก “ปัตตานี-แพร่-น่าน-ลำปาง-พิษณุโลก” ชิงเบอร์ 1-2