ศาลปกครองเชียงใหม่ สั่งย้าย “ต้นโพธ์ 100 ปี” ภายใน 90 วัน

Sat, 7 Sep 2024 20:40:52

ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุกว่าร้อยปี บนทางหลวงหมายเลข 11 ใกล้กับแยกรินคำ อ.เมืองเชียงใหม่ ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง หลังแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่2 นำคำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่ มาติดตั้งไว้

โดยมีคำพิพากษาให้กรมทางหลวง ขุดล้อมต้นโพธิ์ต้นนี้ออกไปจากถนน นำไปไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม และปรับสภาพพื้นผิวถนนให้มีสภาพพื้นผิว เช่นเดียวกับทางหลวง ตามรูปแบบเดิม โดยให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่คดีถึงที่สุด

ต้นโพธิ์ต้นนี้กลายเป็นข้อพิพาท ตั้งแต่ปี 2561 ชาวบ้านบางส่วนที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว เรียกร้องให้ขุดย้ายต้นโพธิ์ออกไปจากถนน โดยให้เหตุผลว่า ได้รับผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เนื่องจากทำให้ถนนคับแคบกว่าปกติ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ และจุดดังกล่าวยังกลายเป็นแหล่งทิ้งขยะและแหล่งมั่วสุมยามค่ำคืน อีกทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นนี้ ยังเสี่ยงต่อการหักโค่นลงมาทับผู้ใช้รถใช้ถนน

โดยในขณะนั้น มีกลุ่มนักวิชาการอิสระ ในนามคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อมหรือ คปอส. และโครงการสนับสนุนนโยบายถนนปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาชุมนุมคัดค้าน

พร้อมร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 เรียกร้องห้ามทำลาย และขุดย้ายต้นโพธิ์ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่า เป็นต้นไม้ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์

ทำให้แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ตั้งคณะทำงาน เพื่อหาทางออกร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ กรมทางหลวง และ กลุ่มผู้คัดค้าน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทำให้แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ไม่สามารถขุดล้อมย้ายต้นโพธิ์ออกจากพื้นที่ได้ จึงต้องพิจารณาตัดงานผิวจราจรในพื้นที่ลานต้นโพธิ์ออกไปก่อน เพราะไม่สามารถก่อสร้างได้

โดยยกเว้นพื้นที่พิพาทบริเวณนี้ ที่จะต้องก่อสร้างผิวจราจรทั้งสองช่องจราจรออกไปก่อน ซึ่งจะมีพื้นที่ที่เว้นว่างไว้ คิดเป็นพื้นที่ 130 ตารางเมตร และให้ใช้ไหล่ทางเพื่อการเดินรถชั่วคราวเพื่อรอเจรจายุติหาทางแก้ปัญหา

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้กับต้นโพธิ์ และผู้ใช้เส้นทางบอกว่า ต้นโพธิ์ที่อยู่บนถนนนอกจากทำให้เส้นทางจราจรแคบลง ยังส่งผลให้การค้าขายในย่านนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เหมือนปกติ ก่อนที่จะมีการขยายเส้นทาง ทำให้ประสบปัญหาขาดทุน บางคนต้องปิดร้านไป และบางคนต้องประกาศขายอาคารพาณิชย์บริเวณดังกล่าว

ขณะที่ นายวสันต์ จอมภักดี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ นำภาพถ่ายบริเวณทางหลวงหมายเลข 11 ใกล้กับแยกรินคำ อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ถ่ายโดย นายบุญเสริม ศาสตราภัย เมื่อปี 2512 ที่มีภาพต้นโพธิ์ อยู่ใกล้กับถนน ซึ่งขณะนั้นบริเวณดังกล่าว ยังไม่มีบ้านเรือนประชาชนและอาคารพานิชย์อยู่

โดยระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นหลักฐาน ในการคัดด้านการดำเนินการรื้อถอนต้นโพธิ์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นต้นโพธิ์เก่าแก่ที่สืบต่อมา ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ที่คนสมัยก่อนเชื่อว่า ต้นโพธิ์เป็นต้นไม้นำทางไปสู่พระพุทธศาสนา และถือเป็นต้นไม้หมายเมืองที่จะต้องอนุรักษ์ไว้ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้พิจารณาคดีใหม่

ต้นโพธิ์บนทางหลวงหมายเลข 11 กลายเป็นข้อพิพาท โดยชาวบ้านบางส่วนที่อาศัยอยู่ในย่านดังกล่าวต้องการให้ขุดย้ายต้นโพธิ์ออกไปจากถนน โดยให้เหตุผลว่า ได้รับผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เนื่องจากทำให้ถนนคับแคบกว่าปกติ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและจุดดังกล่าวยังกลายเป็นแหล่งทิ้งขยะและแหล่งมั่วสุมยามค่ำคืน อีกทั้งต้นไม้มีขนาดใหญ่ เสี่ยงต่อการหักโค่นลงมาทับผู้ใช้รถที่ผ่านไปมา และมีกลุ่มคัดค้านการขุดย้าย โดยให้เหตุผลด้านการอนุรักษ์

จนกระทั่งศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำพิพากษาให้กรมทางหลวง ขุดล้อมต้นโพธิ์ออกจากถนน นำไปไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม และปรับสภาพพื้นผิวถนน ให้มีสภาพพื้นผิวเช่นเดียวกับทางหลวงตามรูปแบบเดิม โดยให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.2567

ล่าสุดแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนดำเนินการขุดย้ายต้นไม้ไปปลูกในพื้นที่เหมาะสม ในกรอบระยะเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้ ขณะที่กลุ่มต่อต้านการย้ายได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่

รายงาน : สมคราญ เครือบุญ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

อ่านข่าว : ยิงปะทะกลุ่มขบวนการขนยาเสพติดตาย 6 คน ยึดยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด

นักท่องเที่ยวสาวเบลเยียมหายตัว พบเป็นศพในฝายห้วยแม่เย็น

ชาวสะเอียบ เผาหุ่น 3 นักการเมือง ค้าน "เขื่อนแก่งเสือเต้น"


ยิงปะทะกลุ่มขบวนการขนยาเสพติดตาย 6 คน ยึดยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด

Sat, 7 Sep 2024 18:58:05

วันนี้ (7 ก.ย.2567) กองกำลังผาเมืองเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุปะทะกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณป่าบ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ 4 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พบร่างผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการ รวม 6 คน ยึดยาบ้าบรรจุในเป้ 13 ใบ รวม 1,300,000 เม็ด และปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนเข้ามา จึงจัดกำลังออกลาดตระเวน พบกลุ่มชายประมาณ 10-15 คน สะพานกระเป๋าเป้ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ถูกยิงปืนใส่ จนเกิดการปะทะกันนานประมาณ 10 นาที เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 เวลา 23.15 น. ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะล่าถอย

พล.ต.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้มอบหมายให้ พ.อ.มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจสอบของกลางและทำการสรุปยอดการตรวจยึดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ทั้งสิ้น จำนวน 1,300,000 เม็ดพร้อมกับนำของกลางทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้หากยาเสพติดจำนวนนี้ถ้าเข้าไปในพื้นที่ตอนในของประเทศ จะมีมูลค่าสูงถึง 195,000,000 บาท

อ่านข่าว :

นักท่องเที่ยวสาวเบลเยียมหายตัว พบเป็นศพในฝายห้วยแม่เย็น

ฝากขัง "หมอปลอม" ลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน ย่านเพชรบุรี

สืบนครบาลตรวจค้นคลินิก ซ.เพชรบุรี 31 ได้รับแจ้งลักลอบทำแท้ง


นักท่องเที่ยวสาวเบลเยียมหายตัว พบเป็นศพในฝายห้วยแม่เย็น

Sat, 7 Sep 2024 15:54:00

วันนี้ (7 ก.ย.2567) นายชูชีพ พงษ์ชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยความคืบหน้ากรณี นักท่องเที่ยวหญิงชาวเบลเยียม ได้หายตัวไประหว่างเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติน้ำตกแม่เย็นตั้งแต่เมื่อวาน (6 ก.ย.) และได้ระดมเจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวตลอด

และช่วงเช้าที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้วางแผนปูพรมค้นหาบุคคลดังกล่าว ตามเส้นทางที่คาดว่าบุคคลดังกล่าวจะเข้าไปอีกครั้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. ได้พบเสื้อผ้าบุคคลดังกล่าวถอดทิ้งไว้ข้างฝายลำห้วยแม่เย็น จึงทำการปล่อยน้ำในฝายออกทั้งหมด และพบร่างนักท่องเที่ยวดังกล่าวจมน้ำเสียชีวิต

จึงมอบหมายให้ สภ.ปาย สถานีตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน ตรวจคนเข้าเมืองแม่ฮ่องสอน รพ.ปาย และกู้ชีพ กู้ภัย ดำเนินสืบสวนสอบสวนและชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย รวมถึงประสานการปฏิบัติกับสถานทูตเบลเยียมต่อไป

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 ทางตำรวจท่องเที่ยวและอำเภอปาย ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือตามหาบุคคลที่หลงทางขณะท่องเที่ยวตามเส้นทางธรรมชาติผ่านทางสื่อโซเชียล และยังติดตามตัวยังไม่พบนั้น บุคคลที่หายตัวชื่อว่า Mrs. cloe Ferari เป็นชาวเบลเยียม อายุ 28 ปี ซึ่งออกจากบ้านพร้อมจักรยานในช่วงกลางคืนของเมื่อวานหรือช่วงเช้ามืดของวันนี้ โดยไม่ได้เอากระเป๋าหรือรองเท้าไปด้วย ซึ่งพบจักรยานถูกทิ้งไว้ระหว่างทางไปแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติน้ำตกแม่เย็น หมู่ที่ 1 ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน

อ่านข่าว :

รวบนักธุรกิจจีนฆ่าเมียบนเกาะสมุย รอดหมายจับนาน 12 ปี

ฝากขังคนขับรถ 6 ล้อเฉี่ยวชนกลางกรุง สารภาพเสพยาบ้า

ตำรวจคาด นทท.รัสเซียฆ่าตัวตาย พบมีปัญหาเรื่องเงิน


ศึกสายเลือด "ภัทรประสิทธิ์" ชิงเก้าอี้ นายก อบจ.พิจิตร

Sat, 7 Sep 2024 12:03:37

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายก อบจ. จังหวัดพิจิตร ที่กำลังจะมาถึงต้นปี 2568 ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นศึกบ้านใหญ่ คนตระกูลเดียวกัน เพราะการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งที่ผ่านมา นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ได้จัดทัพ นำพันตำรวจเอกกฤษฎา ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นญาติมาลงชิงเก้าอี้ นายก อบจ. ในนามบ้านสีเขียว และก็สามารถชิงเก้าอี้ จากนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ อดีตนายก อบจ. 6 สมัยได้สำเร็จ โดยได้รับคะแนนอย่างถล่มทลาย

แต่เวลาที่ผ่านไปไม่ถึง 4 ปี กลุ่มบ้านสีเขียว ก็เกิดอาการบ้านแตก เมื่อเกิดศึกภายในระหว่างพันตำรวจเอกกฤษฎา และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ทำให้ศึกครั้งนี้พันตำรวจเอกกฤษฎา หันไปรวมกับกลุ่ม ผู้บริหาร และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เตรียมลงชิงเก้าอี้นายกอบจ.จังหวัดพิจิตรเป็นครั้งที่ 2

ในส่วนของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ หลังแตกหักกับคนตระกูลเดียวกัน ได้เข็นนายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ และพ่อของนายกฤษฎ์ เป็นอดีตเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพิจิตร มาเปิดตัวเพื่อสู้กับคนตระกูลเดียว

ก่อนหน้านี้นายประดิษฐ์ ได้วางแผนเส้นทางการเมืองให้นายกฤษฎ์ โดยเริ่มจากฝากให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ ในสมัยเศรษฐา ทวีสินอดีตนายกรัฐมนตรีไทย จากนั้นนายประดิษฐ์ได้ต่อสายไปยังหัวคะแนนเก่าแก่ ที่ยังคงรักนายตัวนายประดิษฐ์ ด้วยตนเองเพื่อขอให้สนับสนุนนายกฤษฎ์ เป็นนายก อบจ. รวมทั้งพาไปขึ้นเวทีและแนะนำตัวให้ชาวบ้านตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลาก จังหวัดพิจิตร มีการแข่งขันเรือยาวในหลายสนาม นายประดิษฐ์หอบหิ้วนายกฤษฎ์ ไปร่วมเปิดงานแข่งเรือเกือบทุกวัด

ด้านพันตำรวจเอกกฤษฎา ที่ผ่านมาก็มักจะถูกเชิญไปในพิธีปิดการแข่งขันเรือยาว แต่ในพิธีปิดส่วนใหญ่มักจะมีประชาชนไม่มากเท่าพิธีเปิด ทำให้ส่วนใหญ่พันตำรวจเอกกฤษฎา มักจะไม่เดินทางไปร่วมงานด้วยตนเอง คงส่งตัวแทนไปร่วมงานแทน ทำให้พันตำรวจเอกกฤษฎา ต้องหันมาดึงคะแนนจากประชาชนจากผลงานที่เคยทำตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะงานการพัฒนาบึงสีไฟ

ส่วนพรรคการเมืองอื่น หรือ ทีมอิสระ ขณะนี้ยังไม่เปิดตัว โดยเฉพาะพรรคประชาชน ที่นโยบายชูคนรุ่นใหม่และความเปลี่ยนแปลง เพื่อหวังคะแนนต่อยอดในการศึกใหญ่การเลือกตั้ง สส.ในอนาคต

ทำให้เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ครั้งหน้า น่าจะเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 บ้านคนในตระกูลเดียวกันโดยเจ้าของเก้าอี้คนปัจจุบัน เชื่อมั่นในผลงาน 4 ปี และหัวคะแนน ของสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ดึงมาเป็นพวกของตัวเอง กับอีกฟากใช้บารมีของนายประสิทธิ์ ที่เคยเป็น สส. มาอย่างยาวนาน และมีฐานคะแนนจากผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาสนับสนุนและครั้งนี้ชูกระแสคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อดึงฐานเสียง กลุ่มคนวัยทำงาน คงต้องดูว่าเลือกตั้งนายก อบจ.พิจิตร ชาวจังหวัดพิจิตร จะให้การสนับสนุนใคร

ประวัติว่าที่ผู้สมัคร นายกอบจ.พิจิตร

พ.ต.อ.กฤษฎา ภัทรประสิทธิ์

มีชื่อเล่นว่า กบ หรือ ผู้กำกับกบ เคยเป็นอดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวังทรายพูน จ.พิจิตร และอดีตผู้กำกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ก่อนลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว เป็นลูกชายนายวิรัตน์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตกำนันตำบลหัวดง และประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดพิจิตร ซึ่งนายวิรัตน์เป็นลูกชาย นายย่งคุน แซ่เล้า หรือ นายวิศาล ภัทรประสิทธิ์ พ่อของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต ส.ส.พิจิตร และรัฐมนตรีหลายสมัย นักธุรกิจหมื่นล้านชื่อดัง เจ้าของตลาดไทย และกิจการโรงแรม อสังหาริมทรัพย์หลากหลาย เพิ่งลงเลือกตั้งครั้งแรกในสนามการเมืองท้องถิ่น ตำแหน่งนายก อบจ.พิจิตร เมื่อปี 2563 โดยการสนับสนุนของนายประดิษฐ์ อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพ นำผู้สมัคร ส.อบจ.สู้ศึก จนได้รับตำแหน่งนายกอบจ.พิจิตร มาได้สำเร็จ

นายกฤษฎ์ เพ็ญสุภา

ทายาท รุ่นที่ 3 ของตระกูล “เพ็ญสุภา” ผู้บริหารตลาด “สี่มุมเมือง” หลานชายแท้ๆ ของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นักธุรกิจคนรุ่นใหม่ ผู้บริหารตลาดสี่มุมเมือง ด้วยถูกวางตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ นายประดิษฐ์ ซึ่งมีความคุ้นเคยกับพรรคภูมิใจไทย จึงส่งตัวไปรู้จักและเรียนรู้งาน ด้วยการเป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ที่จะมาถึงนี้

รายงาน : ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ


ย้อนอดีต-มองอนาคต การเมือง-ปกครอง “เมียนมา” /ตอน 1

Sat, 7 Sep 2024 11:52:01

เมียนมา หรือพม่า เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์การเมืองและการปกครองที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การเผชิญหน้ากับสงครามกลางเมือง และการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ หากมาวิเคราะห์การเมืองการปกครองของเมียนมาในมุมมองทางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และความขัดแย้งที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงความคิดเห็นและมุมมองของนักวิชาการด้านกฏหมายมหาชน ต่อสถานการณ์ในเมียนมา จะสามารถแยกได้ดังนี้

1.จากอาณานิคมถึงรัฐบาลทหาร

การเมืองและการปกครองของเมียนมา หากเริ่มต้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2367 หลังจากสงครามอังกฤษ-พม่า การเป็นอาณานิคมส่งผลให้วัฒนธรรม การปกครอง และเศรษฐกิจของเมียนมาเปลี่ยนไปอย่างมาก และช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองและการได้รับอิสรภาพในปี พ.ศ. 2491 เมียนมาเข้าสู่ยุคการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ก็ไม่นาน จากนั้นเมียนมาต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในและการก่อรัฐประหารโดยทหารในปีพ.ศ.2505 ภายใต้การนำของนายพลเนวิน

การปกครองโดยรัฐบาลทหารในเมียนมา ล่วงเลยมายาวนานและเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง ทหารเมียนมาได้วางโครงสร้างการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจ และบังคับใช้รัฐนิยมและการควบคุมอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศซบเซา และการพัฒนาทางการเมืองถูกหยุดชะงัก

2. การพยายามเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย

ในช่วงปีพ.ศ.2531ในประเทศเมียนมาเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศ ประชาชนได้จัดการประท้วงครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคมของปีนั้น หรือที่เรียกกันว่า 8888 Uprising เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร อย่างไรก็ตาม การประท้วงครั้งนี้ถูกปราบปรามขั้นเด็ดขาดโดยกองทัพ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

หลังจากการปราบปราม 8888 Uprising รัฐบาลทหารยังคงจัดการปกครองต่อไป และให้มีการจัดการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2533 พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นำโดยอองซานซูจี ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่กองทัพปฏิเสธผลการเลือกตั้งและยังคงยึดอำนาจต่อไป อองซานซูจีถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปี

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2553 เมื่อรัฐบาลทหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ประกาศว่าจะเริ่มกระบวนการปฏิรูปและจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ.2554 แม้จะยังคงมีการควบคุมทางทหารอยู่เบื้องหลัง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสัญญาณของการเปิดช่องทางให้กับประชาธิปไตย อองซานซูจีได้รับการปล่อยตัวและได้รับอนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ทำให้พรรค NLD ชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2558 ซึ่งถือเป็นชัยชนะของประชาธิปไตยครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ

3. ความขัดแย้งภายใน ระหว่างชาติพันธุ์และกองทัพ

แม้ว่าจะมีการพยายามเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่เมียนมายังคงเผชิญกับความขัดแย้งภายในที่รุนแรง โดยเฉพาะปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ที่สืบเนื่องมาจากยุคอาณานิคมและยุคสงครามเย็น ทั้งนี้เมียนมามีชนชาติพันธุ์กว่า 135 กลุ่ม โดยกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ ๆ เช่น ชาวกะเหรี่ยง ชาวคะฉิ่น และชาวชิน ต้องเผชิญกับการปราบปรามจากรัฐบาลกลางมาโดยตลอด ทำให้กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ต่าง ๆ จึงต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความเป็นธรรมในการปกครองตนเอง ส่งผลให้เกิดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานและมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

ปัญหาชาติพันธุ์ที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดในช่วงหลังคือกรณีของชาวโรฮีนจาหรือที่คนไทยเรียกว่าโรฮิงยา ในรัฐยะไข่ รัฐบาลเมียนมาและกองทัพถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮีนจา ผ่านการกระทำรุนแรง และการบังคับให้มีการอพยพที่ทำให้ผู้คนหลายแสนคนต้องหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศ ปัญหานี้ได้กลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศที่ทำให้รัฐบาลของนางอองซานซูจี ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แม้ว่าเธอจะเคยได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ก็ตาม

4. การรัฐประหารปี พ.ศ.2564 และวิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของเมียนมาถูกทำลายลงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 เมื่อกองทัพเมียนมา ทำการรัฐประหารยึดอำนาจอีกครั้ง และจับกุมนางอองซานซูจี พร้อมกับผู้นำทางการเมืองคนอื่น ๆ ของ NLD โดยกองทัพให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2563 ซึ่ง NLD ชนะอย่างถล่มทลายนั้นมีการโกงเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน

การรัฐประหารครั้งนี้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ประชาชนทุกกลุ่มและทุกวัยออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยผ่านการเดินขบวน การนัดหยุดงาน และการเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ขณะที่กองทัพใช้ความรุนแรงปราบปรามอย่างรุนแรง การใช้กำลังอาวุธเพื่อควบคุมการประท้วงทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน และประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ

5. บทสรุปและแนวทางในอนาคต

สถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมายังคงมีความไม่แน่นอนและซับซ้อน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับกองทัพยังคงดำเนินต่อไป โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เข้าร่วมการต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ควบคู่กับประชาชน ทำให้การปฏิรูปประชาธิปไตยที่เคยมีความหวังอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาอีกครั้ง

การแก้ไขปัญหาในเมียนมาอาจต้องเริ่มจากการเจรจาระหว่างกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะระหว่างกองทัพกับประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันให้เกิดการเจรจาและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจะมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตที่ยืดเยื้อ

วันอาทิตย์ 8 กันยายน 2567 Thaipbs North จะนำเสนอ ย้อนอดีต-มองอนาคตการเมือง-ปกครอง “เมียนมา” /ตอน 2 ในมุมมองของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และการเมือง ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาและการเมือง รวมถึงผู้ผลักดันเชียงใหม่จัดการตนเอง เกี่ยวกับความขัดแย้งในประเทศเมียนมา

รายงาน : ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ


ร้องผู้ว่าฯ มุกดาหาร ยกเลิก “โครงการกังหันลม” ในป่าสงวนฯ

Sat, 7 Sep 2024 09:00:00

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 กลุ่มอนุรักษ์ป่าภูยูง ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เพื่อขอให้ยกเลิกใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรือ อยู่อาศัยในเขตป่าสวงวนแห่งชาติป่าดงบังอี่ แปลงที่ 1 โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทเอกชน ในเขตบ้านนาโสก ต.นาโสก อ.เมือง จ.มุกดาหาร

โดยอ้างว่า พื้นที่ได้รับอนุญาตของโครงการบางส่วน ทับซ้อนกับที่ดินทำกินของประชาชน ทั้งนาข้าว ไร่อ้อย ไร่ มันสำปะหลัง พืชเศรษฐกิจอื่น ๆ และป่าสาธารณประโยชน์หลายร้อยไร่ที่ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน

นอกจากนี้พื้นที่ได้รับอนุญาตเป็นจุดที่ตั้งเสากังหันลมต้นที่ 8-10 ของโครงการเป็นป่าที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งขัดต่อระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2565 และพื้นที่ได้รับอนุญาตเป็นจุดที่ตั้งเสากังหันลมต้นที่ 4-6 ทับซ้อนแปลงปลูกป่าของ ปตท. ที่ได้เข้ามาปลูกต้นไม้เพื่อคาร์บอนเครดิตที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ แปลงที่หนึ่ง ตั้งแต่ปี 2558/2559

สำหรับพื้นที่ดังกล่าว กรมป่าไม้ได้อนุญาตให้บริษัท เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงบังอี่แปลงที่ 1 เพื่อดำเนินโครงการไฟฟ้าพลังงานลมเป็นเวลา 30 ปีเนื้อที่ 383 ไร่ 3 งาน 38 ตารางวา (ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2567 ถึงวันที่ 3 เม.ย.2597)

ทั้งที่กระบวนการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ หรือ อยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนฯ ให้บริษัทเป็นการออกใบอนุญาตมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ในรัศมีที่จะตั้งโครงการ ไม่มีการตรวจสอบพื้นที่ เพื่อกำหนดขอบเขตที่จะตั้งโครงการให้ชัดเจน และไม่มีการตรวจสอบสภาพป่าตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของการยื่นคำขอกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้แสดงเจตจำนงในการคัดค้านโครงการมาโดยตลอด


ป.ป.ช.ปัตตานีตรวจสอบโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำ 2 แห่ง งบกว่า 45 ล้านบาท

Sat, 7 Sep 2024 08:25:00

เช่นเดียวกับ โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำโต๊ะติเต พร้อมระบบกระจายน้ำ ช่วงที่ 2 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเป็น 2 โครงการที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง

โดยทั้ง 2 โครงการนี้ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดปัตตานี ได้เข้าตรวจสอบเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดระยะรอบพื้นที่ โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำโต๊ะตีเต พร้อมระบบกระจายน้ำ ว่าเป็นไปตามแบบแปลนหรือไม่

รวมถึงการตรวจวัดงานในส่วนต่าง ๆ หลังการประเมินหน้างาน พบว่า ได้ดำเนินแล้วเสร็จประมาณ ร้อยละ 70 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าสัญญาถึงร้อยละ 20 ที่จะแล้วเสร็จหลังการดำเนินการ 270 วัน คือ วันที่ 28 ม.ค.2568

อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ช.ปัตตานี ตั้งข้อสังเกตถึง วัสดุหลังการขุดลอกส่วนใหญ่ที่เป็นดินทรายซึ่งมีราคาแพง จึงควรมีแผนจัดการอย่างถูกต้อง รวมถึง การว่าจ้างว่า บริษัทผู้รับเหมารายเดียวกัน คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หะยีเจะหมิน โยธากิจ

ซึ่งบริษัทดังกล่าว ได้รับงานจากสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 ถึง 4 โครงการ คือ 2 โครงแรกที่ ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบ และโครงการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพน้ำ ต.ตุยง อ.หนองจิก

รวมถึงโครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำบ้านตาเนาะบาตู ต.คลองมานิง อ.เมืองปัตตานี มูลค่ารวม 4 โครงการกว่า 63 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 ชี้แจงว่า การจัดซื้อจัดจ้างได้เชิญผู้รับเหมาที่ขึ้นชั้นกับกรมบัญชีกลางเป็นหลัก

นายธีรชัย สุขเกษม ผอ.สนง.ป.ป.ช.ประจำ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ผู้รับเหมารายนี้ได้โครงการไป 4 โครงการ ซึ่งต้องดำเนินการในช่วง 4-5 เดือนนี้ จึงต้องกำชับช่างคุมงานในส่วนราชการสำนักทรัพยากรน้ำ ช่วยดูแล

เพราะจากข้อมูลของปีที่แล้ว พบว่า กรณีที่ผู้รับเหมาได้งานไปหลายโครงการ จะมีปัญหาเรื่องไม่ได้สเปค และจะมีปัญหาตอนรับมอบที่หลัง เพราะผู้รับเหมาต้องรีบทำงาน และต้องรีบไปทำอีกโครงการหนึ่ง เพื่อไม่ต้องเสียค่าปรับ หากทำงานล่าช้า จึงไม่ได้ตามสเปคที่วางไว้

ด้าน นายนพดล จันทร์เพ็ญ วิศวกรโยธาชำนาญการ สนง.ทรัพยากรน้ำที่ 8 กล่าวชี้แจงว่า การจัดจ้างของเราเป็นไปตามระเบียบ ซึ่งส่วนมาก็จะเป็นผู้รับจ้างในพื้นที่ที่ขึ้นชั้นกับทางกรมบัญชีกลาง ที่มีชั้นงานของกรมชลประทานตามระเบียบ เราก็จะเชิญมายื่น เราก็จะพิจารณาไปตามคุณสมบัติ ถ้าคุณสมบัติครบถ้วน เราก็เลือกที่เสนอราคาต่ำสุด ก็ได้งานไป

นายอดุลย์ โต๊ะกานิ รองปลัด อบต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี กล่าววว่า อบต.บาโลย ต้องรับมอบโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำ ต.โต๊ะตีเต หลังการก่อสร้างเสร็จ แต่ก็ยังคงกังวล เพราะปัจจุบัน แม้จะผลิตน้ำบาดาลเพื่อแจกจ่ายเป็นประปาหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านได้เพียง 1 หมู่บ้าน

แต่รายได้จากการจัดเก็บก็แทบไม่เพียงพอกับค่าไฟฟ้า ซึ่งหากรับมอบโครงการใหญ่ที่มี น้ำต้นทุนประมาณ 240,000 ลูกบาศก์เมตร และผันน้ำประปาให้ครบทั้ง 6 หมู่บ้านภาระค่าไฟก็ย่อมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ถ้าได้รับโครงการนี้จริงถ่ายโอนมา ทำให้เป็นภาระของเรา เพราะงบประมาณที่มีอยู่ตอนนี้ ก็ยังไม่พอกับการบริหารจัดการบริการสาธารณะให้ชาวบ้าน ถ้าอบต.ต้องแบกรับเพิ่มเราก็ต้องคุยกับชาวบ้านอีกรอบ ว่าเราก็ต้องขอขึ้นราคาค่าน้ำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของ อบต.ที่จะไปสมทบ

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ตัวแทนของสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 ชี้แจงว่า หากอบต.กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ก็อาจต้องทำประชาคมอีกครั้ง ว่าจะต่อขยายเพื่อสร้างระบบประปาหมู่บ้านเพิ่มหรือไม่ แต่ตอนนี้ก็มีแหล่งน้ำต้นทุนพร้อมแล้ว ส่วนค่าไฟที่จะเพิ่มขึ้นในการผลิตน้ำประปะบริเวณนี้เพื่อส่งไปยังค่าย กองร้อย ตชด.444 ที่อยู่ใกล้กัน ก็จะให้ทางค่ายเป็นผู้รับผิดชอบค่าไฟเอง

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 พบว่า จังหวัดปัตตานีมีโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ดูดทรายและปรับปรุงแหล่งน้ำ งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท โดยส่วนงานที่เพิ่มเข้ามาซึ่งเป็นโครงการใหญ่ ถูกดำเนินการโดยกรมเจ้าท่าเป็นหลัก ทำให้ทาง ป.ป.ช. ต้องเข้ามาตรวจสอบอย่างเคร่งครัด

เรียบเรียง : ติชิลา พุทธสาระพันธ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคใต้


จับพนักงานที่ดิน จ.ระยอง เรียกรับเงิน 1 แสน แลกออกใบโฉนดที่ดิน

Fri, 6 Sep 2024 19:17:18

วันนี้ (6 ก.ย.2567) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมหญิงอายุ 60 ปี เจ้าพนักงานที่ดินระยอง สาขาบ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พร้อมของกลางเงินสดในถุงกระดาษในลิ้นชักโต๊ะทำงาน 

หลังเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ที่มาดำเนินการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน เพื่อทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร จำนวน 5 แปลง แปลงละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท เพื่อให้ดำเนินการรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน

และพบพฤติกรรมเช่นนี้เป็นระยะเวลานานหลายปี เนื่องจากผู้เสียหายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร แจ้งเบาะแสกับสำนักงาน ป.ป.ท.

เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนหาข่าวเพิ่มเติม ก่อนจับกุม โดยดำเนินคดีเจ้าพนักงานที่ดินคนดังกล่าวในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผอ.กองอำนวยการต่อต้านการทุจริต ป.ป.ท. เปิดเผยว่าภายหลังตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าพนักงานที่ดิน จากนั้นมีอาการเป็นลม จนตำรวจหญิงต้องช่วยพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินคนนี้ กำลังจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย. แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมก่อน

อ่านข่าว :

รวบนักธุรกิจจีนฆ่าเมียบนเกาะสมุย รอดหมายจับนาน 12 ปี

ฝากขังคนขับรถ 6 ล้อเฉี่ยวชนกลางกรุง สารภาพเสพยาบ้า

ตำรวจคาด นทท.รัสเซียฆ่าตัวตาย พบมีปัญหาเรื่องเงิน


จับได้แล้ว ชายก่อเหตุชิงทรัพย์เจ้าของร้านชำ จ.นราธิวาส

Fri, 6 Sep 2024 13:19:00

วันนี้ (6 ก.ย.67) ความคืบคดีชายแต่งกายชุดดำ ใช้ปืนยิงเจ้าของร้านชำ ที่ ต.โคกเคียน จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ขณะบุกเข้าชิงทรัพย์ เมื่อคืนวันที่ 1 ที่ผ่านมา ขณะหลบหนีผู้ก่อเหตุ ยังเข้าชิงทรัพย์ร้านขายของชำอีก 1 แห่ง แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน

ล่าสุด ตำรวจจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว คือ นายอิลฮัม (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนแบลงค์กัน (Blank Gun) แม็กกาซีน กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 22 นัด กระเป๋าสะพายสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ และ รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน

ตำรวจเปิดเผยว่า นายอิฮัม รับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริงแต่ไม่เปิดเผยถึงแรงจูงใจที่ก่อเหตุในครั้งนี้ และตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปหาสารเสพติดในร่างกายแล้ว ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ส่วนอาการบาดเจ็บเจ้าของร้านชำสองพี่น้อง ซึ่งถูกนายอิฮัม ยิงได้รับบาดเจ็บ ขณะใช้ปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ อาการทั้ง 2 คน ปลอดภัยแล้ว และรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

อ่านข่าว : ผู้ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ร้านขายของชำ นราฯ ยิงเจ็บ 2 คน 

ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ วูบหมดสติเสียชีวิตขณะคุมฝากขังศาล

 เปิดไทม์ไลน์ ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านทอง จ.เชียงใหม่

 

 

 


ไฟไหม้ รง.ผลิตพลาสติก จ.สมุทรสาคร คุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้แล้ว

Fri, 6 Sep 2024 06:11:00

วันนี้ (6 ก.ย.2567) เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงระดมฉีดน้ำ เพื่อควบคุมเพลิงที่ไหม้ภายในโรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก พื้นที่หมู่ 4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร ไม่ให้ลุกลามไปยังชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง โดยเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้วแต่ไฟยังไม่ดับสนิท และอยู่ระหว่างระดมฉีดน้ำหล่อเลี้ยง

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

เจ้าหน้าที่เร่งคุมเหตุ ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

เจ้าหน้าที่เร่งคุมเหตุ ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ร.ต.ต.สัณฐิติ ธรรมใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.40 น.ของคืนวันที่ 5 ก.ย.2567 ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานแห่งนี้ โดยภายในมียางรถยนต์เก่าและวัสดุเกี่ยวกับพลาสติกจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

หลังรับแจ้งจึงประสานนายสรวิชญ์ แซ่ลิ้ม นายกเทศมนตรีตำบลบางหญ้าแพรก ให้เข้าเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์โดยระหว่างเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร ได้ระดมรถฉีดน้ำกว่า 10 คัน เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยใช้น้ำจากลำคลองใกล้เคียงในการดับเพลิง

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

จากการสำรวจพบว่าเพลิงไม่ได้ลุกลามไปยังชุมชนใกล้เคียงเนื่องจากระหว่างตัวโรงงานกับชุมชน มีลำคลองขวางกั้นไว้ แต่ภายในโรงงานดังกล่าวมีพนักงานอยู่จำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้อพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ยังจุดที่ปลอดภัย

โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เวลา 05.30 น. พบว่าเพลิงไม่ได้โหมลุกไหม้รุนแรงแล้ว คงเหลือแต่กองไฟบางส่วน ที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะดับสนิท เนื่องจากภายในโรงงานมีวัตถุซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากการระดมฉีดน้ำบริเวณจุดที่ยังคงมีกองไฟคงเหลืออยู่

เจ้าหน้าที่ยังได้ใช้สายยางระบบสปริงเกอร์คอยหล่อเลี้ยงตรงจุดที่ เป็นความเสียหายที่เกิดจากเพลิงไหม้ อย่างต่อเนื่องเพราะแม้ไฟจะดับแล้วแต่ยังคงมีควันโพยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา และจากการประเมินพบว่าภายในโรงงานได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดยกเว้นด้านหน้าซึ่งเป็นส่วนสำนักงาน

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

ไฟไหม้โรงงานรับซื้อและผลิตเม็ดพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร

อ่านข่าว : สภาผ่านฉลุย ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 68 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท

เปิดภาพ "ดาวเคราะห์น้อย 2024 RW1" ตกเหนือท้องฟ้าฟิลิปปินส์

"โก๋ คาราบาว" มือกลองประจำวง เสียชีวิต ในวัย 50 ปี


เรือประมงล่มในแม่น้ำโขง รอด 3 สูญหาย 2 คน

Thu, 5 Sep 2024 14:50:00

วันนี้ (5 ก.ย.2567) เวลา 05.00 น. นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจากกำนัน ต.เวียง ว่ามีชาวบ้าน 5 คน ออกเรือหาปลาในแม่น้ำโขงจากพื้นที่บ้านดอนมหาวัน ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย จากนั้นเรือล่มกลางแม่น้ำโขง บริเวณท่าดูดทรายฝั่งลาว ตรงข้ามกับศาลพญานาค พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านปากอิง ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ กับบ้านแจมป๋อง ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย

ทั้งนี้ พบผู้รอดชีวิต 3 คน คือนายธนวัตร อายุ 29 ปี นายบุญรัตน์ อายุ 36 ปี และนายสัมฤทธิ์ อายุ 29 ปี โดยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเชียงของเพื่อตรวจร่ายกาย และมีผู้สูญหาย 2 คน คือนายนัฐวัฒน์ อายุ 29 ปี และนายอัสนัย อายุ 42 ปี

ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุ นายอำเภอเชียงของได้ประสานงานกับทางหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เชียงของ พร้อมหน่วยกู้ภัย ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งมีอุปสรรคน้ำไหลเชี่ยวและน้ำวนหลายแห่ง และระดับน้ำลึก

นายอำเภอเชียงของ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายทราบเรื่องแล้ว พร้อมประสาน นรข.และตำรวจน้ำ เพื่อค้นหาผู้สูญหาย และประสานมูลนิธิสยามร่วมใจ ขอสนับสนุนชุดกู้ภัยทางน้ำ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำผู้ที่รอดชีวิตอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุเรือล่ม

อ่านข่าว : ฟ้องเอาผิด “ปลาหมอคางดำ” ระบาด เรียกค่าเสียหาย 2.4 พันล้าน 

จำคุก "สมหญิง" อดีต สส.เพื่อไทย 3 ปี 4 เดือน ทุจริตสนามฟุตซอล 

เปิดภาพ "ดาวเคราะห์น้อย 2024 RW1" ตกเหนือท้องฟ้าฟิลิปปินส์ 

 


ร้องฟื้นฟูศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเกาะคอเขา จ.พังงา

Thu, 5 Sep 2024 13:30:47

บรรยากาศบนเกาะคอเขา จังหวัดพังงา เกาะขนาดเล็ก เดินทางห่างจากฝั่งประมาณ 15 นาที ที่นี่เป็นชุมชนขนาดเล็ก ชาวบ้านทำสวน เลี้ยงควายตามทุ่ง มีที่ดินทำการเกษตร ที่สำคัญมีร่องรอยสิ่งปลูกสร้างโบราณ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

นายมงคล ลุนโสภา ชาวบ้านบนเกาะคอเขา จ.พังงา นำชมพื้นที่ พร้อมเล่าเรื่องราวอย่างภาคภูมิใจว่า ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของจังหวัดพังงา มีชื่อว่า “ตะโกลา” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ตะกั่วป่า” เมื่อท่าสำคัญ

ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยกรมศิลปากรให้เป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ พื้นที่กว่า 100 ไร่ เรียกว่า แหล่งโบราณสถาน บ้านทุ่งตึก

เนื่องจากบริเวณนี้มีซากอาคารเรียงรายอยู่ 7 หลัง นอกจากนี้ยังมีการขุดพบโบราณวัตถุหลายชิ้น ถูกรวบรวมข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ บอกเล่าเรื่องราวนานกว่า 1,300 ปีก่อน

หลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ถูกรวบรวมและเตรียมจัดแสดงไว้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเกาะคอเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และถ่ายทอดเรื่องราวในอดีต แต่อาคารที่เชื่อมต่อกัน 3 หลัง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และถูกทิ้งร้างไว้อย่างน่าเสียดาย

อุปกรณ์ ระบบไฟฟ้า ถูกรื้อออก ฝ้าเพดานชำรุด ทรุดตัวลง เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หลงเหลือเพียงสื่อความรู้ และข้อมูลทางวิชาการ มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมที่จะถ่ายทอดเรื่องราว

“ผมจะพานักท่องเที่ยวมาที่นี่ก่อน แล้วพาไปดูสถานที่จริง จะได้เข้าใจ ซึ่งข้อมูลที่นี่ดีมาก มีนักท่องเที่ยวถามเหมือนกันว่าทำไมสภาพศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นแบบนี้ ก็ต้องบอกไปตามตรงว่า ผู้รับเหมาทิ้งงาน จึงเป็นแบบนี้ แต่ผมว่าข้อมูลเขาดี ผมจึงพามาที่นี่ ใช้ไปก่อน ขอแค่ไม่ล็อกประตูก็พอ” มงคลกล่าว

ที่นี่จึงยังเป็นศูนย์ข้อมูลที่ดี แต่ไม่สะดวกสบายนัก จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการให้อาคารแห่งนี้แล้วเสร็จและกลับมาใช้ประโยชน์ไว้ตามวัตถุประสงค์เดิม เพื่อเป็นการสนับสนุนและผลักดันการเที่ยวเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชนเกาะคอเขาต่อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนในชุมชนมากขึ้น

นอกจากซากโบราณสถานที่เป็นหลักฐานชัดเจน บนเกาะคอเขา ยังมีสถานที่ประวัติศาสตร์ อย่างพื้นที่กว่า 500 ไร่ เคยถูกใช้เป็นสนามบิน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเคยมีแนวคิดใช้พื้นที่เดียวกันนี้ ก่อสร้างสนามบินพังงา เกาะคอเขา จึงเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ หากได้รับการผลักดันและสนับสนุนอย่างจริงจัง

รายงาน : ภัสรา จิกคำ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคใต้

อ่านข่าว : "ปริญญา" ระดมทุน ดันสร้างสวนสันติพร เรียนรู้ประวัติศาสตร์ "พฤษภาทมิฬ"

ครม.ชุดใหม่มี “สุภาพสตรี” มากสุด "วราวุธ" มั่นใจคนรุ่นใหม่ทำงานเป็นทีม

เปิด 30 ชื่อ ชิงบัลลงดอร์ 2024 ไร้ชื่อ "เมสซี่ - โรนัลโด้" ในรอบ 20 ปี


ร้องตรวจสอบขุดลอกลำห้วย ลอบแปรรูปไม้ยางนา จ.อำนาจเจริญ

Wed, 4 Sep 2024 10:51:37

วันที่ 3 ก.ย.2567 ตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน จ.อำนาจเจริญ ยื่นหนังสือต่อ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อำนาจเจริญ และศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัด เพื่อให้ตรวจสอบโครงการ งานอาคารบังคับน้ำพร้อมขุดลอกห้วยกิ๊กก๊าก บ้านบก ต.เสนางคนิคม อ.เสนางคนิคม ดำเนินการโดยโครงการชลประทานอำนาจเจริญ งบประมาณกว่า 11 ล้านบาท

หลังชาวบ้านพบว่า ในช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา มีการนำเครื่องจักรเข้าไปขุดลอกลำห้วย ทำให้มีไม้ยางนาขนาดใหญ่โค่นล้มหลายต้น

นายประมง ไกยนารถ ชาวบ้านบก อายุ 73 ปี ระบุว่า โครงการนี้จะทำลายต้นยางนาที่ขึ้นอยู่ตามลำห้วย ซึ่งเป็นต้นไม้ที่หลงเหลือจากการลับลอบตัดเมื่อ 2 ปีก่อน ชาวบ้านจึงพยายามติดตามตรวจสอบ

และพบว่า การทำประชาคมโครงการนี้ ชาวบ้านไม่ให้ทางชลประทานตัดไม้ ที่ผ่านมาแม้ไม่มีการตัดไม้ก็จริง แต่จากสภาพพบการขุดลอกทำให้ต้นไม้โค่นล้ม ต้นที่ไม่ล้มก็ถูกขุดจนรากโผล่พ้นจากผิวดิน เสี่ยงที่จะถูกกระแสน้ำกัดเซาะ อีกหลายต้นที่ถูกนำดินถมโคนต้นก็อาจยืนต้นตายได้

แม้ตนและชาวบ้านจะพยายามโทรศัพท์สอบถาม ช่างผู้ควบคุมงานโครงการชลประทานอำนาจเจริญ ตามที่ระบุในแผ่นป้ายโครงการ แต่หมายเลขโทรศัพท์นี้ไม่สามารถติดต่อได้เลย แม้จะพยายามเข้ามาสอบถามในพื้นที่ก่อสร้างหลายครั้ง แต่ก็ไม่พบนายช่างเข้ามาควบคุมงาน

กระทั่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบแปรรูปไม้เข้ามาขนย้ายไม้ออกจากลำห้วย โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้เข้ามาตรวจสอบและดำเนินคดี

นายสำราญ ไวยพันธ์ ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่พบร่องรอยการเลื่อยไม้ ก่อนพบรถบรรทุก 6 ล้อ และคนขับ 1 คน คนเลื่อยไม้อีก 2 คน เข้ามาขนย้ายไม้

เมื่อสอบถามก็อ้างว่า เจ้าของที่นาจ้างให้มาขนไม้ออก เพราะไม้ล้มทับที่นา ตนตั้งข้อสังเกตว่าในวันเกิดเหตุ เป็นวันที่ตำรวจในพื้นที่ต้องเดินทางไปรับเสด็จฯ มีเจ้าหน้าที่น้อย ผู้ก่อเหตุจึงตั้งใจขนไม้ในวันนี้ ซึ่งหลังจากที่ตนแจ้งตำรวจ กว่าตำรวจจะมาถึงพื้นที่กลุ่มลักลอบแปรรูปไม้ก็หลบหนีไปได้

นายเอกสิทธิ์ รัตนสุวรรณ ตัวแทนกลุ่มเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างต้องการอนุรักษ์ไม้ยางนาเพื่อสิ่งแวดล้อม และเป็นมรดกให้ลูกหลาน แต่โครงการงานอาคารบังคับน้ำ พร้อมขุดลอกห้วยกิ๊กก๊าก กลับส่งผลกระทบ คือทำให้ไม้ยางนาโค่นล้ม อีกทั้งไม่มีเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าตรวจสอบหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มีเพียงชาวบ้านที่พยายามมาสอดส่องดูแลจนพบการลักลอบแปรรูปไม้

ที่สำคัญคือ การขุดลอกลำห้วยยังมีการขุดดินไปฝังกลบต่อไม้ยางนาหลายสิบต้น ที่ถูกลักลอบตัดเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเป็นกระแสข่าวที่สังคมสนใจ เพราะเป็นการตัดไม้ยางนาอายุ 100-200 ปี ขนาด 3-4 คนโอบ ในพื้นที่ลำห้วยสาธารณะ รวมทั้งมีการตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติ ใน จ.อำนาจเจริญ หลายร้อยต้น ซึ่งอาจเป็นเครือข่ายขบวนการเดียวกัน โดยครั้งนั้นมีพยานอ้างว่า เจ้าหน้าที่รัฐ มีส่วนเกี่ยวข้อง

ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ในการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ แต่กลับมีการทำโครงการขุดลอกในพื้นที่ที่เป็นคดี และส่งผลต่อหลักฐานคือตอไม้ยางนา

ทางกลุ่มเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน จ.อำนาจเจริญ จึงขอให้ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ และศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัด เข้าตรวจสอบโครงการขุดลอกดังกล่าว และขอให้กำชับเจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่ดูแลต้นไม้ในที่สาธารณะ เพราะหากจะอาศัยกำลังชาวบ้านก็ไม่เพียงพอ และเสี่ยงอันตรายในการเผชิญหน้ากับขบวนการลักลอบตัดไม้ ซึ่งมีพฤติกรรมข่มขู่ชาวบ้านให้เกรงกลัว เพื่อไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ยางนาในลำห้วย

อ่านข่าว : น้ำท่วมลดแล้ว ชุมชนมัสยิดท่าอิฐยังเฝ้าระวังใกล้ชิด

"แวว สายสุนีย์" เฉือนชนะจีน คว้าเหรียญทอง วีลแชร์ฟันดาบ

รู้จักพี่ต่อ "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" คำไหน (ไม่ใช่) คำนั้น


พ่ออุ้มลูก 1 ขวบป่วยปอดอักเสบลงดอยหาหมอเชียงใหม่

Tue, 3 Sep 2024 20:58:52

กรณีพ่ออุ้มลูกสาววัย 1 ขวบเดินทางจากดอยกว่า 5 ชั่วโมงไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนได้รับการช่วยเหลือจากกู้ภัย ขณะนี้เข้าพักอยู่ในคริสตจักรแห่งหนึ่งใน อ.จอมทอง เพื่อรอพบแพทย์ตามนัดในวันที่ 9 ก.ย.นี้

นายสุรศักดิ์ สถิตรักกูลพงษ์ ผู้เป็นพ่อของเด็ก เล่าว่า ลูกสาวป่วยเป็นโรคปอดอักเสบเรื้อรัง ช่วงแรกเคยรักษาที่โรงพยาบาลแม่ตื่น และโรงพยาบาลอมก๋อย ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน แต่โรงพยาบาลในพื้นที่ไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงพอ จึงส่งต่อมายังโรงพยาบาลสันป่าตอง ซึ่งอยู่ห่างเกือบ 100 กิโลเมตร

ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยอีกว่า ปกติพาลูกสาวเดินทางมาพบแพทย์โรงพยาบาลสันป่าตอง และโรงพยาบาลจอมทอง เป็นประจำ แต่ด้วยบ้านพักที่อยู่ในพื้นที่ อ.อมก๋อย ซึ่งห่างไกลและค่อนข้างลำบากในการเดินทาง ที่ผ่านมาอาศัยรถเพื่อนบ้านไปโรงพยาบาล แต่ช่วงนี้มีฝนตกทำให้เส้นทางเข้าออกไม่สะดวก บางครั้งจึงต้องเดินเท้าลงมาจากหมู่บ้าน จนมีกู้ภัยมาพบและช่วยเหลือ ตามคลิปที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์

ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยนพรัตน์พรกุศลเชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นพ่ออุ้มลูกกำลังนั่งอยู่ป้ายรถประจำทาง จึงตัดสินใจเข้าไปสอบถามจนทราบว่าพ่อพาลูกมาหาหมอ และต้องรอพบหมออีกครั้งในวันที่ 9 ก.ย. แต่ด้วยบ้านพักอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ไม่สะดวกเดินทางไปมา ทางสมาคมจึงช่วยเหลือประสานหาที่พักระหว่างรอพบแพทย์

ข้อมูลของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า จ.เชียงใหม่ มี 25 อำเภอ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีจำนวนประชากรกว่า 1,700,000 คน ทำให้การดูแลด้านสาธารณสุขต้องส่งต่อในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน

กรณีของเด็กหญิงคนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ต.แม่ตื่น อ.อมก๋อย ซึ่งค่อนข้างห่างไกล ที่สำคัญเด็กหญิงมีอาการป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ ต้องรักษาเฉพาะทางและต่อเนื่อง โรงพยาบาลในพื้นที่จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายกลุ่มบริการที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือแพทย์

อ่านข่าว

อ้างรอหมอนาน! พกมีดอาละวาด รพ. เดินกลางตลาด

ศาลยกฟ้อง "คดีเดวิด" ทำร้าย "หมอปาย" ริมหาดยามู

ศาลอุทธรณ์ คุก 8 ปี ไม่รอลงอาญา "ครูไพบูลย์" คดีพรากผู้เยาว์อดีตภรรยา


เรือหางยาวล่มในแม่น้ำโขง มีผู้สูญหาย 20 คน

Tue, 3 Sep 2024 10:42:48

เหตุการณ์เรือหางยาวในแม่น้ำโขงล่ม ทำให้มีผู้โดยสารลอยคอจำนวนมาก และมีกลุ่มคนพยายามนำเรือหลายลำออกไปช่วยเหลือ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "นอยคำนวน อินทะวง" ได้ถ่ายคลิปจากฝั่งเมืองต้นผึ้ง ประเทศลาวเอาไว้ได้ในระยะไกล 

มีรายงานว่าเรือลำดังกล่าวได้บรรทุกคนล่องมากับแม่น้ำโขง ใกล้กับท่าเรือของเขตปกครองพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ตรงกันข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา 

รายงานข่าวยังระบุว่า เรือที่ล่มเป็นเรือโดยสารสัญชาติลาว ซึ่งชาวเมียนมาได้จ้างเหมาเดินทางจากฝั่งลาว เลาะริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตลาว ไปทาง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ขณะเดินทางปรากฎว่าเมื่อเรือแล่นไปถึงช่วงโค้งของแม่น้ำโขงเครื่องยนต์เกิดดับลงอย่างกระทันหัน และคนขับไม่สามารถควบคุมให้เรือไปในทิศทางที่ต้องการได้ 

ประกอบกับแม่น้ำโขงไหลเชี่ยวและมีปริมาณมากจึงพัดให้เรือล่ม เป็นเหตุให้ลูกเรือและคนขับ รวมประมาณ 40 คน ตกลงไปในน้ำและหลายคนจมหายไปกับกระแสน้ำ ชาวบ้านและชาวประมงที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ต่างตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้นำเรือโดยสารเล็กที่จอดอยู่ เข้าไปช่วยเหลือคนที่จมน้ำได้ประมาณ 10 -20 คน ส่วนที่เหลืออีก 20 คนยังไม่ทราบชะตากรรม

หลังเกิดเหตุมีข่าวสารแพร่สะพัดตามแนวชายแดนว่า ผู้โดยสารชาวเมียนมาทั้งหมด อาจจะเป็นกลุ่มแรงงานผิดกฎหมายในลาว แล้วถูกผลักดันกลับไปยังเมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก 

อ่านข่าว : เตี้ย ล่ำ ตัน สัญชาตญาณนักล่า "ต่ำ" สุนัขสายพันธุ์อเมริกันบูลลี่

สะท้อนถึงความกังวล กาสิโนถูกกฎหมาย

นายกฯ ยันโผ ครม.นิ่งแล้ว ไร้แรงกระเพื่อม คาดทูลเกล้าฯ สัปดาห์นี้


พบกองขยะทิ้งข้างทาง "พิษณุโลก" คาดสาเหตุปิดบ่อขยะปรับปรุง

Mon, 2 Sep 2024 21:11:35

วันนี้ (2 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบถุงขยะลอยกลางแม่น้ำและลำคลองหลายแห่งในพื้นที่ จ.พิษณุโลก หลังมีคำสั่งปิดบ่อขยะเอกชนในเขต ต.ปากโทก ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบถุงขยะถูกนำมากองทิ้งริมถนนหลายสาย ทั้งทางหลวงสายหลัก ทางเลี่ยงเมือง และบริเวณชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร

ผู้ค้าบริเวณมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า มีปริมาณขยะถูกนำมากองทิ้งไว้จำนวนมากจนส่งกลิ่นเหม็นรบกวน เพราะไม่มีใครเก็บ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา

ทีมข่าวสำรวจถนนเลียบคลองชลประทาน พบขยะจำนวนมากถูกกองไว้ริมถนนเช่นกัน โดยชาวบ้านบอกว่าพบขยะถูกนำมาทิ้งหลายจุดและบางส่วนถูกทิ้งลงในน้ำ กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

ปัญหาขยะที่ถูกทิ้งริมถนนและตามแม่น้ำ คาดว่าสาเหตุมาจากการปิดบ่อขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 33 แห่ง ทำให้ไม่มีที่ทิ้งขยะ เบื้องต้นคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยได้ออกมาตรการแก้ปัญหา คือ ปรับปรุงบ่อขยะเก่าของ อปท.แต่ละแห่ง, ให้เทศบาลนครพิษณุโลกนำขยะไปกำจัด โดยใช้สถานที่ใน ต.บึงกอก อ.บางระกำ, ให้ อปท.ทั้ง 33 แห่งที่ไม่สามารถกำจัดขยะ ขนขยะข้ามเขตไปกำจัดที่ จ.นครสวรรค์ และให้ทุกแห่งกวดขันการทิ้งขยะในที่สาธารณะ

สำหรับบ่อขยะของ อบต.ปากโทก ที่ประกาศปิดตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าจะเปิดรับขยะได้เมื่อไร ทำให้แต่ละชุมชนมีปริมาณขยะมากขึ้นและไม่มีการจัดเก็บ ส่งผลกระทบกับชาวบ้านโดยเฉพาะเรื่องกลิ่นและเชื้อโรค

อ่านข่าว

ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 8 ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" สอบวินัยคดีเว็บพนัน

เปิดจุดรับตัวอย่าง "ทุเรียน" หาการปนเปื้อน​ "แคดเมียม"

กลับดาวเบลูกา "Hvaldimir" วาฬสอดแนมรัสเซียชื่อดังตายแล้ว


สะท้อนถึงความกังวล กาสิโนถูกกฎหมาย

Mon, 2 Sep 2024 17:43:00

แม้ จ.เชียงใหม่ ยังคงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และ ต่างชาติ แต่ภาคธุรกิจตั้งข้อสังเกตว่า นักท่องเที่ยวมักใช้เวลาท่องเที่ยวเพียงระยะสั้นๆ จึงมีเสียงสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย

โดยหวังให้ จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการลงทุนสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และ สร้างรายได้การท่องเที่ยวให้มากขึ้น

ปรกฤษฏิ์ สายหัสดี กรรมการเลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่

ปรกฤษฏิ์ สายหัสดี กรรมการเลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่

ปรกฤษฏิ์ สายหัสดี กรรมการเลขาธิการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ในเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย ทางคณะกรรมการหอการค้าได้พูดคุยกันหลายครั้ง โดยในภาพรวมทางหอการค้าฯ เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะอย่างน้อยจะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นแน่นอน และสร้างรายได้เข้ามาในจังหวัดมากขึ้น

แต่ข้อควรระวัง คือต้องมีมาตรการรองรับที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ผลกระทบน้อยลง โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดอายุผู้เข้าใช้บริการ ต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปี และ มีความชัดเจน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

หลักๆ ก็คือเรื่องของตัวบทกฎหมายที่จะมาควบคุมให้กาสิโนเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการผูกขาด และไม่มีช่องว่างทางกฎหมายใดๆ โดยสิ่งที่สังคมกังวลที่สุด คือ เรื่องการป้องกันเยาวชนไม่ให้ได้รับผลกระทบ ต้องชัดเจนและเข้มแข็ง
สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค

สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค มองว่ากาสิโนถูกกฎหมายมีทั้งข้อดี และ ข้อเสีย ข้อดีที่สำคัญคือการสร้างกฎเกณฑ์การควบคุมทั้งตัวธุรกิจ และ คนที่เข้าไปทำงานเป็นพนักงานจะได้รับการดูแล ต่างจากธุรกิจใต้ดินผิดกฎหมาย

แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะใช้พื้นที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งกาสิโน เพราะเชียงใหม่มีการท่องเที่ยวที่เป็นจุดขายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเอากาสิโนมาเป็นตัวดึงดูด และโดยหลักทั่วไปกาสิโนควรจะไปไปจัดตั้งในพื้นที่ ที่มีความเฉพาะเจาะจง อาจจะไปอยู่บนเกาะ หรือ อยู่ตามแนวชายแดน ที่สำคัญ ต้องมีการควบคุมดูแลที่ดี

บริการกาสิโน คนที่จะเข้าไปต้องลงทะเบียน หรือ ต้องมีค่าสมาชิกที่เหมาะสม มีการกำหนดอายุ ไม่ใช่ว่าใครๆก็เข้าไปได้ การที่รัฐเข้าไปตรวจสอบเป็นประจำจะทำให้ไม่เกิดการคอร์รัปชั่น การเรียกรับเงินก็จะต้องเกิดน้อยลง
ผศ.ณัฐกร วิทิตานนท์  อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผศ.ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ให้ความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งผ่านการรับรองจากรัฐสภา และเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น

ยังมีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนอีกหลายๆ ประเด็น เช่น จำนวนสถานบันเทิงที่จะได้รับการจัดตั้ง หรือ กรอบรายละเอียดสถานที่ตั้ง ไม่ได้ระบุไว้ และ คณะกรรมการส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายการเมือง

ขณะที่ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ เข้าไปเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ไม่ได้มีบทบาทที่จะไปถ่วงดุลได้ และที่สำคัญคือ ไม่ได้ให้ความสำคัญการเยียวยาผลกระทบ จึงตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลควรทำสอบถามความเห็นของประชาชนก่อนหรือไม่

ในต่างประเทศ กาสิโนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว หลายประเทศการตัดสินใจจะทำ หรือไม่ทำกาสิโน บางครั้งรัฐบาลไม่อยากแบกความเสี่ยง จึงเลือกใช้วิธีการลงประชามติ เพื่อกลับไปถามความเห็นของประชาชนก่อน และนโยบายของพรรคเพื่อไทยเอง ก็ไม่ได้ระบุในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จึงอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากว่า ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายนี้

สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฉบับใหม่ กำหนดให้ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร

โดยการพิจารณาออกใบอนุญาต จะมีอายุ 30 ปี แต่ต้องมีการประเมิน ทุก 5 ปี สามารถต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปี มีค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ครั้งแรก 5,000 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1,000 ล้าน และ ห้ามประชาชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ โดยคนไทยเข้าใช้บริการได้ แต่ต้องลงทะเบียน และ เสียค่าธรรมเนียมเข้า 5,000 บาท

รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ


พนันบนดิน-ใต้ดินดันคนไทยป่วยเสพติดการพนัน

Mon, 2 Sep 2024 15:42:00

กิจกรรมการบำบัดกลุ่มเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยพูดระบายความรู้สึก ปัญหาของตัวเอง และ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการรักษาอาการป่วยโรคติดการพนัน ที่ไม่ต่างจากการบำบัดผู้ป่วยติดยาเสพติดของโรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก ทั้งนี้ การเสพติดการพนัน "พาโธโลจิคอล แกมบลิ้ง" (Pathological Gambling) เป็นอาการป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง

นพ.ภาณุ คูวุฒยากร ผอ.โรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก

นพ.ภาณุ คูวุฒยากร ผอ.โรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก

นายแพทย์ ภาณุ คูวุฒยากร ผอ.โรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก เปิดเผยว่า สถิติผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยโรคติดการพนันย้อนหลัง 3 ปี พบว่าเมื่อปี พ.ศ.2565 และ 2566 มีประมาณ 250 คน แต่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 31 ก.ค. จำนวนผู้ป่วยโรคติดการพนันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อยู่ที่ 308 คน คาดว่าช่วงสิ้นปีอาจสูงถึง 400 คนได้

สาเหตุคาดว่า มาจากการเข้าถึงการพนันที่ง่ายขึ้นผ่านบ่อนคาสิโนออนไลน์ และ จากการสำรวจพบว่าคนไทยที่เล่นพนันเป็นประจำ สูงถึงประมาณ 6 ล้านคน และ ผู้ที่เคยเล่นบ้าง นาน ๆ ครั้ง อาจสูงถึง 20 ล้านคน โดยการพนันที่เล่นมากที่สุดคือ สลากกินแบ่งรัฐบาล รองลงมาคือ หวยใต้ดิน บางส่วนอยู่ในรูปแบบของออนไลน์ อันดับสามคือ ไพ่ออนไลน์ อันดับสี่ คือ การเล่นไพ่ตามบ่อนพนันผิดกฎหมาย

สำหรับผู้ป่วยโรคติดการพนัน มักไม่รู้สึกว่าตนเองป่วย คิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้ป่วยโรคติดการพนันจะเล่นทุกวัน และ เล่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าวันไหนไม่ได้เล่น หรือ ไม่มีเงินเล่น จะเกิดอาการหงุดหงิด และ จะพยายามหาเงินมาเล่นจนทำให้ตนเองเดือดร้อน เช่น กู้ยืมเงิน ลักขโมย เพื่อนำเงินไปเล่นการพนัน และจะมีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ เล่นการพนันแล้วรู้สึกผิด บางคนซึมเศร้าคิดอยากจะฆ่าตัวตาย บางคนฆ่าตัวตายสำเร็จจากการเป็นโรคติดการพนัน

การเล่นการพนันไปเรื่อย ๆ สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา และ จะมีความต้องการสารแห่งความสุขเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีความสุข ซึ่งเวลาเล่นบ่อย ๆ จะไม่สามารถไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มีความสุขมาทดแทนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นอาการของโรคติดการพนัน ซึ่งกลไกจะเหมือนการติดยาเสพติด แต่การติดยาเสพติดจะติดง่ายกว่า และ รุนแรงกว่า

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลกระบุว่าการรักษาจิตเวชโดยทางการแพทย์สมัยใหม่จะใช้วิธีการวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้สมองติดการพนัน และ มียา ระงับวงจรโรคสมองติดสารแห่งความสุขทดแทน และ ที่สำคัญจะต้องทำการรักษาทางด้านจิตใจควบคู่กันไปด้วย ใช้พฤติกรรมบำบัด ให้ความรู้คนไข้ และให้การรักษาด้วยจิตบำบัด โดยแพทย์จะพูดคุยกับคนไข้ให้กำลังใจ และ คนไข้จะเรียนรู้จากตนเองจากสิ่งที่ผ่านมาใช้ระยะเวลาการรักษานานอย่างน้อย 6 เดือน

โรคติดการพนัน เป็นโรคเรื้อรัง และจะต้องมีการติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนั้นยังต้องรักษาอาการแทรกซ้อนจากโรคติดการพนันด้วย เช่นอาการซึมเศร้า อาการคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะเมื่อเกิดอาการซึมเศร้า ผู้ป่วยก็จะไม่มีความสุข ก็จะมีโอกาสกลับไปเล่นติดการพนันได้ใหม

ส่วนวิธีการสร้างภูมิคุ้มกัน โรคติดการพนัน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลกแนะนำว่า ไม่ควรริเริ่มเล่นพนัน เพราะเพียงแค่ลองเล่น ก็มีความเสี่ยงที่จะติดได้ เพราะการพนันเหมือนยาเสพติด ตอนเล่นใหม่ ๆ จะไม่ติด แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะติดการพนันโดยไม่รู้ตัว

หากพบว่าญาติพี่น้องในครอบครัวมีความเสี่ยงเพราะเริ่มเล่นการพนันมากขึ้น จะต้อง สร้างสัมพันธ์ที่ดี ให้ความรัก ความอบอุ่น พูดคุยกันดี ๆ หลีกเลี่ยงการตำหนิ ดุด่า หรือ การทะเลาเบาะแว้ง เพราะหากมีบรรยากาศความสัมพันธ์ที่ไม่ดี จะทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยง เล่นการพนันเพื่อคลายเครียด จะทำให้ติดง่ายขึ้นไปอีก

รายงาน : พยุงศักดิ์ ศรีวิชัย ผู้สื่อข่าวอาวุโสไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

อ่านข่าว : รวบหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย เก็บส่วยรถบรรทุก พบโยงบัญชีม้า

เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่ม รอฝนระลอกใหม่ 3-9 ก.ย.นี้

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า เดือนกันยายน 2567 น่าติดตามและห้ามพลาด


จนท.เร่งฟื้นฟูดินสไลด์ภูเก็ต สั่งหยุดกิจกรรมบนพระใหญ่

Mon, 2 Sep 2024 12:26:00

วันนี้ (2 ก.ย.2567) เจ้าหน้าที่ยังส่งรถจักรกลหนัก เข้าปรับพื้นที่จุดเกิดเหตุดินภูเขาสไลด์ทับบ้านประชาชน ริมเทือกเขานาคเกิด ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังเกิดดินสไลด์ลงมา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีบ้านได้รับความเสียหาย 50 หลัง และมีผู้เสียชีวิต 13 คน

เจ้าของบ้านเช่าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บอกว่า มีบ้านเช่า 15 ห้องถูกดินสไลด์ทับลงมาเสียหายทั้งหมด และยังไม่มั่นใจว่าทางภาครัฐจะช่วยเหลือ หรือ เยียวยามากน้อยเพียงใด ขณะนี้ได้รับคำแนะนำจากสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ให้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และความเสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี หาผู้รับผิดชอบ

พระอุดมวชิรมงคล เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต ส่งหนังถึงส่งถึงเจ้าอาวาสวัดกิตติสังฆาราม หรือ วัดกะตะ ให้หยุดดำเนินการสิ่งปลูกสร้าง และหยุดกิจกรรมของสงฆ์บนเขานาคเกิดในจุดที่สร้างพระใหญ่ทั้งหมด จนกว่าการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุดินสไลด์จะเสร็จสิ้น

ขณะที่นายจตุรงค์ คงแก้ว รองคณบดี คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต บอกว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดดินถล่มคือ ความลาดชัน ชนิดของดิน ชนิดของหิน พื้นที่ร่องน้ำและการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน

ข้อมูลเหล่านี้หน่วยงานราชการล้วนมีอยู่ แต่ข้อมูลสำคัญในการเตือนภัยดินถล่มเป็นข้อมูลการแปรผันตามช่วงเวลา ปัญหาคือการติดตามข่าวพบว่า เครื่องเตือนภัยที่หน่วยงานราชการนำไปติดตั้งไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากไม่มีงบประมาณซ่อมแซม

อ่านข่าว : 

กรมธรณีรับอุปกรณ์พัง เตือน “เขานาคเกิด” ภูเก็ตเสี่ยงดินถล่มซ้ำ

จ่อรื้อ "พระใหญ่" แลนด์มาร์กรุกเขานาคเกิดดินถล่ม 13 ศพ

ข้อสังเกต "ร่องน้ำบนเขา-ก่อสร้างตีนเขา" เหตุดินสไลด์ภูเก็ต


ผู้ก่อเหตุพยายามชิงทรัพย์ร้านขายของชำ นราฯ ยิงเจ็บ 2 คน

Mon, 2 Sep 2024 10:32:59

วันนี้ (2 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำที่ผ่านมา เกิดเหตุชิงทรัพย์ร้านขายของชำ 2 จุด ในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้ก่อเหตุ 1 คน แต่งกายชุดดำ และอำพรางใบหน้า ถืออาวุธปืนพกสั้นเข้าไปภายในร้านดังกล่าว พื้นที่ ต.โคกเคียน อำ อ.เมืองนราธิวาส ก่อนใช้ปืนข่มขู่เจ้าของร้านให้นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ และให้ส่งเงินให้ผู้ก่อเหตุ

ขณะเกิดเหตุ มีพนักงานหญิงอีก 1 คน พยายามเจรจาว่าขอร้องไม่ให้ยิงเจ้าของร้าน และก่อนหน้านี้ได้เก็บเงินในร้านไปแล้ว ภายหลังพูดคุย 5 นาที ผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงเจ้าของร้าน และพนักงานคนดังกล่าว ก่อนออกจากร้านและหลบหนีไป

อีก 1 จุด ในเวลา 21.00 น. ผู้ก่อเหตุ 2 คน ใช้ปืนบุกเข้าชิงทรัพย์ร้านขายของชำ ต.โคกเคียน เช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้เงินไป โดยผู้ก่อเหตุยิงปืนใส่ร้าน 2 นัด ซึ่งตำรวจได้เก็บปลอกกระสุนปืนไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านขายของชำจุดแรกได้หยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากเจ้าของร้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยชาวบ้านในละแวกจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน เป็นหุ้นส่วนร้านขายของชำ และเป็นพี่น้องกัน ซึ่งร้านดังกล่าวกำหนดเวลาปิดร้านไม่แน่นอน บางวันปิดดึกทำให้ลูกค้าเข้าอุดหนุนต่อเนื่อง