ฝากขัง "หมอปลอม" ลอบเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน ย่านเพชรบุรี

Sat, 7 Sep 2024 12:42:39

จากกรณีตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจค้นคลินิกแห่งหนึ่ง ภายในซอยเพชรบุรี 31 กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังรับแจ้งว่ามีการลักลอบทำแท้ง จากการสอบสวนในครั้งแรกยืนยันเปิดคลินิกถูกต้อง แต่เมื่อถูกตรวจสอบจึงยอมรับว่าเข้ามารับช่วงหมออีกคน ลักลอบเปิดคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีใบประกอบอาชีพเวชกรรม  

วันนี้ (7 ก.ย.2567) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำชายอายุ 55 ปี เบื้องต้นเจ้าตัวให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุคนนี้ในข้อหาเป็นบุคคลประกอบอาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 และกำลังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่ามีการกระทำความผิดอื่นด้วยหรือไม่ โดยหลังสอบปากคำแล้วเสร็จจะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไทสอบปากคำเพิ่มเติม และดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับผู้ต้องหาคนนี้พบมีประวัติอาชญากร โดยเมื่อปี พ.ศ.2552 ได้ทำแท้งให้หญิงคนหนึ่งจนถูกจับกุมในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางปู จ.สมุทรปราการ

ด้าน พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.พญาไท เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหาได้ขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยหลักทรัพย์ 50,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกัน และวันนี้นัดส่งฝากขังต่อศาลแขวงดุสิต

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีมาโดยตลอดนั้น เบื้องต้นทางตำรวจไม่ได้รู้สึกกังวลเพราะอัตราโทษดังกล่าวไม่รุนแรง ซึ่งขณะนี้ยังดำเนินคดีอยู่เพียง 1 ข้อหา ส่วนประเด็นเรื่องการทำแท้งเถื่อนต้องให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนขยายผล

อ่านข่าว : ชื่นมื่น! "ครม.​แพทองธาร​ 1" ถ่ายรูปหมู่​​ ก่อนประชุมนัดพิเศษ

"สายสุนีย์" สร้างประวัติศาสตร์คนแรกของโลก คว้าเหรียญทองวีลแชร์ฟันดาบครบ 3 ประเภท

"เวียดนาม" เตรียมรับมือไต้ฝุ่น "ยางิ" กักตุนอาหาร-ขยายเวลาปิดสนามบิน


สืบนครบาลตรวจค้นคลินิก ซ.เพชรบุรี 31 ได้รับแจ้งลักลอบทำแท้ง

Fri, 6 Sep 2024 19:56:32

วันนี้ (6 ก.ย.2567) ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังเข้าตรวจค้นคลินิกแห่งหนึ่งภายในซอยเพชรบุรี 31 แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เบื้องต้นได้รับข้อมูลว่าคลินิกแห่งนี้มีการลักลอบทำแท้ง พบหมอกำลังรักษาคนไข้ จึงควบคุมตัวไว้สอบสวนและตรวจค้นภายในคลินิกโดยละเอียด

คลินิกดังกล่าวเป็นตึกแถวสูง 4 ชั้น จากการตรวจสอบด้านหน้าคลินิก ระบุว่าเป็นคลินิกเวชกรรม และมีข้อความเป็นภาษาไทยและภาษาเมียนมาติดที่กระจกหน้าร้านว่ารับตรวจการตั้งครรภ์ วัคซีนเด็ก ขณะที่ภายในคลินิกมีเคาน์เตอร์ให้บริการและมีห้องตรวจโรค ลักษณะคล้ายคลีนิคทั่วไป

จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่ เบื้องต้นให้ข้อมูลว่า คลินิกแห่งนี้เปิดมานานกว่า 20 ปี ซึ่งไม่ทราบว่ามีการลักลอบทำแท้ง โดยพบว่ามีคนไข้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าใช้บริการเป็นประจำ

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเอกสาร อุปกรณ์และสอบสวนพนักงานที่อยู่ในคลินิก ก่อนจะควบคุมตัวแพทย์ประจำคลินิกคนหนึ่งไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน โดยขณะคุมตัวขึ้นรถ นายแพทย์ประจำคลินิกปฏิเสธว่าไม่ได้มีการทำแท้งและมีใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ถูกต้อง ยืนยันว่าขณะที่ตำรวจเข้าตรวจค้นกำลังฉีดกลูโคสให้กับคนไข้ ไม่ใช่ยาเพื่อทำแท้ง พร้อมอ้างว่ามีคนกลั่นแกล้ง

น.ส.แก้ว ญาติของเจ้าของตึกที่ปล่อยให้เช่า เปิดเผยว่า คลินิกดังกล่าวไม่ได้มีการทำแท้ง เปิดรักษาคลินิกเวชกรรมทั่วไป ซึ่งภายในคลินิกมีห้องตรวจ 2 ห้องและบริเวณชั้นลอยเป็นห้องให้น้ำเกลือ ซึ่งอดีตเจ้าของเป็นนายแพทย์อีกคนหนึ่ง แต่ได้ให้แพทย์คนอื่นเข้ามารับช่วงต่อ

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้

อ่านข่าว

ฝากขังคนขับรถ 6 ล้อเฉี่ยวชนกลางกรุง สารภาพเสพยาบ้า

รวบนักธุรกิจจีนฆ่าเมียบนเกาะสมุย รอดหมายจับนาน 12 ปี

จับพนักงานที่ดิน จ.ระยอง เรียกรับเงิน 1 แสน แลกออกใบโฉนดที่ดิน


รวบนักธุรกิจจีนฆ่าเมียบนเกาะสมุย รอดหมายจับนาน 12 ปี

Fri, 6 Sep 2024 17:45:01

แม้หลักฐานการเสียชีวิตของ นางหลิน หลิน เมื่อ 18 ม.ค. 2556 ชี้ไปที่คดีฆาตกรรม แต่ในปีนั้นมีตำรวจ 4 หน่วยงาน รับทำสำนวนการสอบสวน ก่อนเป็นคดีพิเศษ แต่ภายหลังพนักงานสอบสวนให้ความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” ทำให้นายหลิน โหย่ว หลุดพ้นกระบวนการยุติธรรม และเดินทางออกจากประเทศไทย

ครอบครัวชาวจีน ใช้เวลากว่า 3 ปีนับจากวันที่ลูกสาวเสียชีวิต เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมขอให้รื้อฟื้นคดี จนศาลจังหวัดเกาะสมุยประทับรับฟ้องคดีนักธุรกิจชาวจีนฆาตกรรมภรรยาอีกครั้งในปี 2558 โดยมีนายหลิน กั๋วเหิง พ่อของนางหลิน หลิน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาด้วยตัวเอง แต่กลับไม่พบนายหลิน โหย่ว ในวันนัดจำเลยมาให้การในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

18 ม.ค.2556 
สถานที่เกิดเหตุ เกาะสมุย ประเทศไทย

18 ม.ค.2556 สถานที่เกิดเหตุ เกาะสมุย ประเทศไทย

 

คดีฆาตกรรมนางหลิน หลิน ถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ในปี 2558 หลังจากครอบครัวผู้ตาย ทำจดหมายร้องเรียนส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เรื่อง การดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไม่เป็นธรรม

ครอบครัวชาวจีน เดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาว หลังมั่นใจว่าคดีพลิก ไม่เป็นธรรม


เนื้อหาในข้อร้องเรียนตอนนั้น ระบุถึงความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ เริ่มตั้งแต่พนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย เจ้าของคดี แจ้งข้อกล่าวหานายหลิน โหย่ว ข้อหาฆาตกรรมนางหลิน หลิน กลับมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และก้าวก่ายสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนท้องที่

 

จดหมายร้องเรียน อ้างหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานใช้งบประมาณของผู้ต้องหา นายหลิน กั๋วเหิง จึงร้องเรียนเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา

ในเวลาเดียวกัน นายหลิน โหย่ว เดินเรื่องขอโอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองบังคับการตำรวจกองปราบปราม ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่นายหลิน กั๋วเหิง มองว่าผิดปกติ จึงทำหนังสือไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ทบทวนคำขอของนายหลิน โหย่ว

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมสอบสวน โดยมีพล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน

 

จากนั้น นายหลิน โหย่ว ได้ร้องให้โอนสำนวนการสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน เป็นพนักงานสอบสวน และสรุปสำนวน มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ทำให้นายหลิน โหย่ว ได้รับอิสรภาพตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2556

มีคำถามและข้อสงสัยจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า เหตุใดคดีฆาตกรรมที่ดูไม่มีเงื่อนงำ และมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่าใครเป็นคนร้าย แต่กลับได้รับความสนใจจากพนักงานสอบสวนหลายหน่วยงานเข้าดำเนินคดี แม้เป็นการร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรมของแต่ละฝ่าย จนอาจเรียกได้ว่า แย่งกันทำสำนวนการสอบสวน

ปี 2546 นายหลิน โหย่ว ถูกหมายจับตำรวจสากล ข้อหาจ้างวาน สนับสนุนให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

 

นางเวโรนิก้า หลิน ภรรยาชาวสวีเดนของนายหลิน โหย่ว คนก่อนหน้านางหลิน หลิน เสียชีวิตจากการถูกมีดแทงหลายแผล ที่บ้านในเมืองสตอล์คโฮม ประเทศสวีเดน และพบศพ เพื่อนบ้านสัญชาติจีน ถูกหั่นศพฝังไว้บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุ

คดีฆาตกรรม 2 ศพ ถูกนำขึ้นในการพิจารณาคดีของศาลสูง ฐานจ้างวานฆ่า แต่คดีไม่คืบหน้า เพราะ ผู้ต้องหาหลบหนีประกันในชั้นศาล เดินทางออกนอกประเทศ ท่ามกลางการตั้งคำถามจากหลายฝ่ายถึงขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งสำนักข่าวประเทศสวีเดนให้ความสนใจคดีฆาตกรรมนางหลิน หลิน ที่ประเทศไทย เนื่องจากรูปคดีคล้ายกัน ผู้ต้องสงสัยคนเดียวกัน และหลุดรอดการรับโทษไปได้เช่นเดียวกัน

“ เหตุใดผู้ต้องสงสัยคนนี้จึงหลบหนีการดำเนินคดีได้ มีอิทธิพลหรือไม่ หรือมีการเอื้อประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรม”

: สำนักข่าวประเทศสวีเดน

ส่วนการฟ้องร้องคดีแพ่ง ล่าสุดครอบครัวของนางหลิน หลิน ได้รับเงินส่วนแบ่งสินสมรสและรายได้ที่เกิดจากอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย คือ บ้านพักส่วนตัวบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่เกิดเหตุ มูลค่าราว 60 ล้านบาท

นายหลิน โหย่ว เป็นผู้ต้องหาหมายแดงตำรวจสากล 3 ประเทศ คือสวีเดน จีน และไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมที่ศาลนครต้าเหลียน ประเทศจีน หลังจากมีข้อมูลว่านำสำนวนคดีฆาตกรรมอำพรางที่ประเทศไทยจากสำนักงานอัยการสูงสุดขึ้นประกอบการพิจารณาคดีในเดือนตุลาคม 2567

รายการเปิดปมตอน เงินซ่อนปมฆ่า ออกอากาศวันที่ 4 กันยายน 2559

 

 

 


ฝากขังคนขับรถ 6 ล้อเฉี่ยวชนกลางกรุง สารภาพเสพยาบ้า

Fri, 6 Sep 2024 16:21:04

วันนี้ (6 ก.ย.2567) ตำรวจ สน.ท่าเรือ คุมตัวผู้ต้องหาขับรถบรรทุกเฉี่ยวชนผู้อื่นเสียชีวิตบนถนนพระราม 4 ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังระหว่างการสืบสวนสอบสวน พร้อมคำร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่ผู้ต้องหากล่าวขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ตำรวจคุมตัวไปขึ้นรถส่งตัวผู้ต้องหา

พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า กินยาบ้าผสมเครื่องดื่มชูกำลัง โดยชงผสมไว้ในขวดเครื่องดื่มและจิบดื่มตลอดทั้งวัน เมื่อขับขี่รถมาถึงย่านคลองเตย มีอาการเหงื่อออกและวิตกกังวล กลัวว่าจะมีคนเข้ามาทำร้าย จึงพยายามขับรถหนี ซึ่งคาดว่าเกิดจากการเมายาบ้าทำให้มีอาการหลอนประสาท

อ่านข่าว : ตร.ตามรวบคนขับรถ 6 ล้อชนดะกลางกรุง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ขณะเดียวกัน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 2 คน และยังมีอีก 1 คนที่บาดเจ็บสาหัส แพทย์ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้ก่อเหตุขณะนี้มีความผิดรวม 6 ข้อหา คือ ขับรถเฉี่ยวชนให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต, เฉี่ยวชนรถยนต์ให้ได้รับความเสียหาย, หลบหนีการจับของเจ้าหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน รวมถึงข้อหาเสพยาเสพติด และข้อหาขับขี่รถเสพยาเสพติด

อ่านข่าว

จับได้แล้ว ชายก่อเหตุชิงทรัพย์เจ้าของร้านชำ จ.นราธิวาส

เก็บหลักฐานชิ้นส่วนซากเครื่องบินเพิ่ม หาสาเหตุตกที่บางปะกง

“สนธิญา” ร้องสอบจริยธรรมนายกฯ ตั้ง “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” เป็น รมต.


ตำรวจคาด นทท.รัสเซียฆ่าตัวตาย พบมีปัญหาเรื่องเงิน

Thu, 5 Sep 2024 13:37:06

วันนี้ (5 ก.ย.2567) ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบภายในห้องพักนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ใกล้วัดกะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เพื่อหาพยานหลักฐานคลี่คลายคดี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเสียชีวิตบริเวณริมหาดกะรนเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา และบริเวณร่างกายพบบาดแผลคล้ายถูกทำร้ายด้วยของมีคม

ตำรวจให้ข้อมูลว่า ห้องพักดังกล่าวเป็นห้องพักของเพื่อนผู้เสียชีวิตสัญชาติเดียวกัน ซึ่งผู้เสียชีวิตมาขออาศัยชั่วคราว ก่อนจะกลายเป็นศพ จากการตรวจสอบห้องพักตำรวจไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือสิ่งของผิดกฎหมายอย่างใด

อ่านข่าว : เร่งคลายปมพบศพ "นักท่องเที่ยวรัสเซีย" ในคูน้ำริมหาดกะรน

พ.ต.อ.คุณเดช ณ หนองคาย ผกก.สภ.กะรน เปิดเผยว่า ตำรวจได้เชิญตัวเจ้าของห้องที่ผู้เสียชีวิตมาพักอาศัยและภรรยาผู้เสียชีวิต มาสอบปากคำ ได้ข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตและภรรยามาขอพักอาศัยอยู่กับเพื่อน ช่วงที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตมีปัญหาเรื่องเงิน เกิดความเครียดและทะเลาะวิวาทกับภรรยาบ่อยครั้ง

สอดคล้องกับคำให้การของภรรยาผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า นอกจากจะมีการทำร้ายร่างกายแล้ว สามีเคยชักชวนไปฆ่าตัวตายหลายครั้ง สอดรับกับกล้องวงจรปิดบริเวณริมหาด พบว่าก่อนเสียชีวิต นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินไปริมหาดตามลำพังก่อนมีการพบศพ ทำให้ตำรวจเชื่อว่าการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวอาจเป็นการฆ่าตัวตาย มากกว่าเป็นการฆาตกรรม

ส่วนผลการตรวจชันสูตรศพเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตเสียเลือดมากจากร่องรอยของบาดแผลบริเวณข้อผับแขนซ้ายแขนวา ซึ่งถูกกรีดเป็นแผลยาวลึก

อ่านข่าว

ฟ้องเอาผิด “ปลาหมอคางดำ” ระบาด เรียกค่าเสียหาย 2.4 พันล้าน

10 ปี คดีน้องการ์ตูน ใช้ช่องว่างกฎหมาย "ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย"

 

"ซาบีดา" ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หลังถูกปรามาสนั่ง รมช.แทนพ่อ


10 ปี คดีน้องการ์ตูน ใช้ช่องว่างกฎหมาย "ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย"

Thu, 5 Sep 2024 11:27:00

19 ก.ย. 2567 นี้ คดีน้องการ์ตูนจะหมดอายุความ จากเหตุการณ์ "น้องการ์ตูน" ถูก “น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม” ขับรถกระบะ เสียหลักพุ่งเข้าชน ร้านสเต็กลุงใหญ่ เป็นเหตุให้ “ภาณุทัต” เจ้าของร้าน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วน "น้องการ์ตูน" ลูกสาววัย 5 ขวบ ในขณะนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2557 ต่อมาศาลอาญาธนบุรี พิพากษา สั่งจำคุก ผู้ต้องหา 2 ปี 6 เดือน และลดโทษเหลือ จำคุก 1 ปี พร้อมสั่งให้ชดใช้สินไหมทดแทนรวม 6,336,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ ครอบครัวผู้เสียหาย ยังไม่ได้รับค่าชดเชยตามคำสั่งศาล แม้แต่บาทเดียว

“สู้ก็แพ้ ไม่สู้ก็แพ้” เป็นคำพูดที่ถ่ายทอดความรู้สึก ของ “ศรัญญา ชำนิ” หรือ แม่น้องการ์ตูน ซึ่งมองว่า ที่ผ่านมา ครอบครัวของเธอ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชนร้านสเต็กของครอบครัวเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำให้สูญเสียสามี ซึ่งเป็นเสาหลักของบ้าน และส่งผลให้น้องการ์ตูน ลูกสาววัย 5 ขวบ ต้องกลายผู้พิการป่วยติดเตียง

ตลอดระยะเวลาของการต่อสู้คดีในชั้นศาล ถึงแม้จะชนะคดี โดยศาลมีคำพิพากษาจำคุกผู้ก่อเหตุ 1 ปี ไม่รอลงอาญา และสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกับครอบครัวน้องการ์ตูนเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเยียวยา จากคู่กรณีเลยแม่แต่บาทเดียว รวมทั้ง ความสำนึกผิดจากเรื่องที่เกิดขึ้น

เขาคงคิดว่า ติดคุกไปแล้ว และมีคนช่วยเหลือเยอะแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเยียวยา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นต้องมาชดใช้แทน แต่ตัวเขาเองควรมีจิตสำนึกรับผิดชอบบ้าง

ศรัญญา บอกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยายาบาล และค่าเลี้ยงดูน้องการ์ตูน ในทุก ๆ เดือนเป็นเงินจำนวนหลักหมื่น บางเดือนสูงถึงหลักแสนบาท ในขณะที่ความเป็นอยู่ของครอบครัวที่ต้องเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างถาวร ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานไหน เข้ามาให้ความช่วยเหลือ เพื่อติดตามเงินค่าชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้น คงมีเพียงทนายอาสาเข้ามาถามไถ่ และทุกครั้งเรื่องก็เงียบหายไป ครอบครัวต้องตามสืบทรัพย์เอาเอง เพื่อเข้าสู่ขบวนการยึดทรัพย์ขายทอดตลาดนำเงินที่ได้มาเยียวยา

“เราพบว่าคู่กรณีได้ใช้ช่องว่างข้อกฎหมาย ให้ผู้อื่นถือครองทรัพย์สินแทน ทั้งที่ยังสามารถทำมาค้าขาย และสร้างครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนคดีจะกำลังหมดอายุความและหมดระยะเวลาการสืบทรัพย์ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จึงกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งตอกน้ำความรู้สึกเหมือนดิ่งลงเหว …กฎหมายเหมือนซ้ำเติมผู้ถูกกระทำ มีช่องโหว่เอื้อต่อคนกระทำผิด มากกว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนตัวมองว่า ควรมีการเพิ่มโทษต่อผู้กระทำความผิด ให้ติดคุกชดใช้หากไม่จ่ายเงินเยียวยา อาจจะทำให้คู่กรณีรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง"

สิ่งสุดท้ายที่ทำได้ต่อจากนี้ คือฟ้องล้มละลายคู่กรณี ซึ่งศรัญญา ทราบอยู่แล้วว่า หากศาลมีคำสั่งให้คู่กรณีเป็นบุคคลล้มละลาย ก็มีผลแค่ 3 ปี จากนั้นเขาก็สามารกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนผู้ถูกกระทำก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง แม้ยังหวังลึกๆ ว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจะได้รับอะไรกลับมาบ้าง และเป็นสิ่งที่จะสามารถทำได้แล้วในขณะนี้

แม้จะได้รับคำแนะนำจาก โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช) สำนักงานอัยการสูงสุด ว่า ขอให้แม่น้องการ์ตูน รักษาสิทธิในการต่อสู้ และให้ฟ้องต่อ ศาลล้มละลายกลาง เพื่อขยายเวลาในการชดใช้สินไหม หากไม่มีผู้ให้คำแนะนำทางกฎหมาย ให้เข้าไปที่สำนักงานคุ้มครองสิทธิฯ ซึ่งจะมีพนักงานอัยการ ให้คำแนะนำ ซึ่งอัยการพร้อมจะช่วยเป็นพี่เลี้ยง และดำเนินการให้โดยมีทนายอาสา และอัยการที่จะช่วยเหลือ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

สำหรับอนาคตในวันข้างหน้า “ศรัญญา” บอกว่า ยังคงเปิดร้านสเต็ก เพื่อหาเลี้ยงชีพสู้ชีวิตกับชะตากรรมต่อไป โดยมีน้องการ์ตูนและครอบครัวคอยเป็นกำลังใจให้

“ถึงแม้น้องการ์ตูนจะรอดมาได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็พอได้กอดได้หอมได้พูดคุย ถึงเขาตอบโต้ไม่ได้ ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดแล้ว... ส่วนคู่กรณี ไม่ได้ให้อโหสิกรรม และได้แต่ทำใจในสิ่งที่ไม่ควรได้รับเท่านั้น”

รายงานโดย : คัมคุณ ยมนาค ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยพีบีเอส

อ่านข่าว : "ซาบีดา" ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หลังถูกปรามาสนั่ง รมว.แทนพ่อ

"จุลพันธ์" ยัน "ดิจิทัลวอลเล็ต​" ยึดไทม์ไลน์เดิม

"ศิริกัญญา" ยันโหวตไม่เห็นด้วยวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.งบปี 68


ไฟไหม้อาคารเก็บของวัดอ่างแก้ว คาดสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจร

Thu, 5 Sep 2024 07:30:00

วันนี้ (5 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องเก็บของในวัดอ่างแก้ว ถนนเทอดไท แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลา 20 นาที เพลิงจึงสงบ

จากการตรวจสอบจุดดังกล่าว พบว่าเป็นเพิงชั้นเดียว มีโครงสร้างเหล็กและหลังคาเมทัลชีท ใช้เป็นสำหรับเก็บของ ซึ่งต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในห้องเก็บของพื้นที่ 16 ตารางเมตร ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด

เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

อ่านข่าว : ไฟไหม้อาคารพาณิชย์ ถนนเยาวราช พบติดค้าง 2 คน จนท.ช่วยได้แล้ว 

สอบอีก 1 คนขายเอทานอลให้ 2 พี่น้อง คดีเหล้าเถื่อนคืบ 90% 

ตร.ตามรวบคนขับรถ 6 ล้อชนดะกลางกรุง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 


ตร.ตามรวบคนขับรถ 6 ล้อชนดะกลางกรุง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

Wed, 4 Sep 2024 21:35:01

วันนี้ (4 ก.ย.2567) เกิดเหตุคนขับรถบรรทุก 6 ล้อคันหนึ่งมีพฤติกรรมขับรถก่อกวนบนถนนพระราม 4 ขณะที่ตำรวจสายตรวจ สน.ท่าเรือ พยายามเข้าควบคุมตัว แต่ถูกคนขับรถบรรทุกดังกล่าวใช้มีดฟัน เพื่อไม่ให้ควบคุมตัวและพยายามขับรถหลบหนี

จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืนยิงสกัด แต่คนขับรถบรรทุกพยายามขับฝ่าวงล้อมหนีการควบคุมตัว จนขับชนรถของประชาชนบนท้องถนนได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนขับหลบหนีมุ่งหน้า อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามไปควบคุมตัวได้ขณะที่คนขับรถ 6 ล้อกระโดดลงน้ำหลบหนี โดยหลบเข้าไปอยู่ในท่อระบายน้ำ เจ้าหน้าที่คุมตัวขึ้นมาและนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากสำลักน้ำ โดยแพทย์ให้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ขณะเดียวกันตำรวจตรวจค้นรถบรรทุก 6 ล้อ เบื้องต้นยังไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย

พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ เปิดเผยว่า สำหรับในพื้นที่ สน.ท่าเรือ ได้รับรายงานมีผู้บาดเจ็บถูกรถบรรทุกคันดังกล่าวเฉี่ยวชน อาการสาหัส 1 คน จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าคนขับรถบรรทุกมีอาการมึนเมาสุรา ซึ่งจะต้องให้แพทย์ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอีกครั้ง และจะสอบปากคำทันทีหลังได้รับการรักษาตัว

ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถบรรทุกเฉี่ยวชนท้ายรถเก๋งสีขาว เบื้องต้นทราบว่ารถบรรทุกดังกล่าวได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ถนนพระราม 4 ซึ่งคนขับเป็นชายและหญิงเป็นแฟนนั่งซ้อนมาด้วย ถูกรถบรรทุกชนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ส่วนเรื่องคดีความพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ จะเข้าสอบปากคำและรอผลตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลว่ามีสารเสพติดหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุด มีรายงานว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

อ่านข่าว

"ธรรมนัส" ยกก๊วนลาออก กก.บห.พลังประชารัฐ

"ทนายตั้ม" จี้ถาม ก.ร.ตร. ผลสอบวินัย "บิ๊กต่อ" ปมเส้นเงินเว็บพนัน

ตร.ให้ประกัน 3 ผู้ต้องหาเรียกรับเงินรถบรรทุก-ขยายผลจับเครือข่าย


"ทนายตั้ม" จี้ถาม ก.ร.ตร. ผลสอบวินัย "บิ๊กต่อ" ปมเส้นเงินเว็บพนัน

Wed, 4 Sep 2024 17:03:00

วันนี้ (4 ก.ย.2567) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เข้าพบ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ที่สำนักงานจเรตำรวจ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีร้องตรวจสอบวินัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. หลังยื่นเรื่องตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กรณีเส้นเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง

นายษิทรา กล่าวว่า มีความกังวลว่าเรื่องร้องเรียนจะไม่คืบหน้า เพราะตั้งแต่เดือน เม.ย.จนถึงขณะนี้ คณะกรรมการยังไม่ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงหรือให้ข้อมูล จึงมองว่าการทำงานของคณะกรรมการค่อนข้างล่าช้า ซึ่งที่ผ่านมาได้นำพยานบุคคล รวมถึงเอกสารต่าง ๆ มามอบให้ทั้งหมดแล้ว

แต่เมื่อติดตามความคืบหน้าคดีในวันนี้ (4 ก.ย.) ได้ทราบถึงอุปสรรคปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องเอกสารและตัวของผู้ถูกร้องเรียนที่เป็นถึง ผบ.ตร. คณะกรรมการชุดนี้จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบเพื่อให้การทำงานรอบคอบ เบื้องต้นทราบว่าเอกสารสำคัญมาถึงมือคณะกรรมการครบแล้ว เหลือเพียงการพิจารณา ซึ่งยังเชื่อมั่นในการทำงานให้ของคณะกรรมการชุดนี้

ขณะที่ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าพอสมควร ทั้งพยานบุคคลและข้อมูลเอกสาร ยอมรับว่ามีอุปสรรคและปัญหาเรื่องขอเอกสารจากหน่วยงานต่าง ๆ บ้าง แต่คณะกรรมการพยายามเร่งรัดการทำงานให้ทันกรอบของกฎหมายภายใน 180 วัน แต่หากไม่เสร็จก็สามารถขยายระยะเวลาได้ พร้อมยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบให้เสร็จก่อน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้

ด้าน พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร หนึ่งในคณะกรรมการ ยืนยันว่า คณะกรรมการทุกคนตั้งใจทำงาน ไม่ได้มีปัญหาหรือมีผู้มีอิทธิพลบีบบังคับ พร้อมย้ำว่าภายในเดือน ก.ย.นี้มีความคืบหน้าแน่นอน

อ่านข่าว

กู้คืนศรัทธา ! วงการสีกากี ลงดาบ 8 ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ

รมว.แรงงาน ยืนยัน ปรับค่าจ้างขั้นต่ำบางอาชีพ 400 บาท 1 ต.ค.

สอบอีก 1 คนขายเอทานอลให้ 2 พี่น้อง คดีเหล้าเถื่อนคืบ 90%


ไฟไหม้อาคารพาณิชย์ ถนนเยาวราช พบติดค้าง 2 คน จนท.ช่วยได้แล้ว

Wed, 4 Sep 2024 15:09:00

วันนี้ (4 ก.ย.2567) เวลา 14.29 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยเยาวราช 31 แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัย เข้าระงับเหตุ

โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 6 ชั้น เหตุเกิดบริเวณชั้น 4 เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบผู้ติดค้างจำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่เร่งดับเพลิง และให้การช่วยเหลือ ล่าสุดสามารถช่วยเหลือผู้ติดค้าง 2 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย 

เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 1 คน เป็นหญิงอายุราว 40 ปี จากการสำลักควัน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่เกิดเหตุรายงานว่า เหตุเกิดประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้วอยู่ระหว่างใช้น้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้ไฟลุกขึ้นอีกครั้ง เจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่เพื่อไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ ขณะที่เร่งตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ 

อ่านข่าว :

สอบอีก 1 คนขายเอทานอลให้ 2 พี่น้อง คดีเหล้าเถื่อนคืบ 90%

ตร.ให้ประกัน 3 ผู้ต้องหาเรียกรับเงินรถบรรทุก-ขยายผลจับเครือข่าย

กู้คืนศรัทธา ! วงการสีกากี ลงดาบ 8 ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ


สอบอีก 1 คนขายเอทานอลให้ 2 พี่น้อง คดีเหล้าเถื่อนคืบ 90%

Wed, 4 Sep 2024 14:56:00

วันนี้ (4 ก.ย.2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจนครบาล 3 ร่วมกันประชุมความคืบหน้าคดีเหล้ายาดองเถื่อน

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ขยายผลร้านเคมีภัณฑ์แห่งที่ 2 ในพื้นที่ อ.เมืองสมุทรปราการ ที่จำหน่ายสารเคมีให้กับ 2 ผู้ต้องหานำไปผลิตเหล้าขาว เบื้องต้นได้เชิญเจ้าของร้านมาให้ข้อมูล พร้อมขอตรวจสอบใบอนุญาตเปิดกิจการ, ใบอนุญาตการซื้อขายเคมีภัณฑ์ และเอกสารการซื้อขายสินค้าระหว่างร้านค้าและผู้ต้องหา

เจ้าของร้าน ให้การโดยอ้างว่า ได้ขายเพียงเอทานอลให้กับผู้ต้องหาเท่านั้น ในประเด็นนี้ตำรวจยังต้องไปขยายผลเพิ่มเติม เนื่องจากพบพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าพบสารเมทานอลในผลตรวจเลือดของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต รวมถึงพบเมทานอลตกค้างในบรรจุภัณฑ์ที่พบในบ้านพักของผู้ต้องหา

ทั้งนี้ ตำรวจยืนยันว่า สำนวนคดีทั้งหมดมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 และเตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ภายในต้นเดือน พ.ย.นี้

สำหรับคดีนี้มีผู้ป่วย 36 คน เสียชีวิต 8 คน ซึ่งการขยายผลพบว่าเชื่อมโยงกับซุ้มยาดองในพื้นที่ซอยสุวินทวงศ์ 1, รามอิทรา 99 และซอยหทัยราษฎร์ 50 ทำให้ขณะนี้มีซุ้มยาดองที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้รวม 21 ซุ้ม

อ่านข่าว : คุมตัวเจ้าของ รง.ผลิตเหล้าเถื่อน ฝากขังศาลอาญามีนบุรี 

คุมตัวเจ้าของโรงงานสุราเถื่อน ดำเนินคดีเพิ่ม 4 ข้อหา 

เปิดใจผู้รอดชีวิตยาดองเถื่อน ต้องฟอกไต หวิดตาบอด ยันไม่ดื่มอีก 

 


ตร.ให้ประกัน 3 ผู้ต้องหาเรียกรับเงินรถบรรทุก-ขยายผลจับเครือข่าย

Wed, 4 Sep 2024 13:25:26

วันนี้ (4 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เข้าควบคุมตัวนายนพดล และนายเอนก เจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดกรมทางหลวง และพลเรือนอีก 1 คน ร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรถบรรทุก แลกกับการบรรทุกน้ำหนักเกินโดยไม่ถูกเอาผิด

พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปปป. เปิดเผยว่า ในชั้นสอบสวน นายนพดลและนายอเนก ให้การภาคเสธว่า จำนวนเงินที่เชื่อมโยงมาถึงตนเองนั้นมีบางส่วนมาจากการกู้ยืม และบางส่วนได้รับมาจากผู้ประกอบการรถบรรทุก

อ่านข่าว : รวบหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย เก็บส่วยรถบรรทุก พบโยงบัญชีม้า

ส่วนนายธงชัย พลเรือนที่ถูกจับกุม รับสารภาพว่า ทำหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการต่าง ๆ ก่อนจะโอนเงินให้นายนพดล ผ่านบัญชีม้าชื่อนายประทิน ที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง 1,000 บาท

นอกจากนี้ นายธงชัย สารภาพว่านอกจากนายนพดลแล้ว ยังได้โอนเงินให้เจ้าหน้าที่หัวหน้าชุดคนอื่น ๆ อีก 11 ชุด ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลและเร่งดำเนินการยื่นเอกสารไปยังสถาบันการเงิน เพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายธงชัยย้อนหลัง 6 เดือน

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ยื่นขอประกันตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยนายนพดลและนายอเนก ได้วางหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 300,000 บาท ส่วนนายธงชัย วางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 170,000 บาท พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัว

ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดี เพื่อส่งตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีความเห็นสั่งฟ้องภายใน 6 เดือน

อ่านข่าว

"เรืองไกร" ร้อง 2 ปม ยื่น กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ "แพทองธาร"

ร้องตรวจสอบขุดลอกลำห้วย ลอบแปรรูปไม้ยางนา จ.อำนาจเจริญ

เร่งคลายปมพบศพ "นักท่องเที่ยวรัสเซีย" ในคูน้ำริมหาดกะรน


กู้คืนศรัทธา ! วงการสีกากี ลงดาบ 8 ลูกน้อง “บิ๊กโจ๊ก” ออกราชการ

Wed, 4 Sep 2024 13:22:00

“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 เนื่องจาก ถูกกล่าวหา กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง เหตุต้องหาในคดีอาญา เกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ และความผิด ตาม พ.ร.บ.การฟอกเงิน ถั่วยังไม่ทันสุก งาก็ไหม้  “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ก็ตั้งคณะกรรมการสอบ สวน ตำรวจผู้ใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” รวม 8 นาย โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยเหตุทางคดีเดียวกัน

การต่อสู้ อุทธรณ์คำสั่ง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน หลัง ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์ แต่ก็ยังมีคดีทางวินัย ที่อยู่ในชั้นการสอบสวนพยานของฝ่าย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา “ผิดวินัยร้ายแรง” โดยมีตำรวจคนสนิท ทำงานใกล้ชิดมานาน คอยให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาเหล่าพยาน เสมือนทนายความ

แต่แล้วก็มาถึงคราวตัวเอง เหตุเพราะต้องคดีอาญา มูลเหตุคดีเดียวกัน แม้จะคนละท้องที่ก็ตาม

สอบวินัย 8 ตร. คนสนิท “บิ๊กโจ๊ก”ออกจากราชการฯ

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ มีบทบาทไม่น้อย ในงานสอบสวนของหลายคดีสำคัญ ทั้งการปราบปราม “จีนเทา”คดีผับจินหลิง ในปี 65 , คดีแอม สรารัตน์ ไปจนถึงคดีใหญ่ที่เพิ่งส่งสำนวนคดีฟ้องตำรวจไปเกือบ 20 นาย คือ อุ้มเจ้าของเว็บพนันออนไลน์รีดเงินกว่า 140 ล้านบาท และคดีกำนันนก ซึ่งคดีนี้พล.ต.ต.นำเกียรติ เป็นผู้สอบสวนพยานปากสำคัญทั้งตำรวจและพลเรือน

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย นายตำรวจที่ยืนข้างกาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เกือบทุกที่ ทุกคดีที่ทำ ล่าสุดปรากฏตัวเข้าร่วมการสอบสวนพยาน ในกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง ในฐานะที่ปรึกษาของฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งทำหน้าที่เสมือนทนายความ

ส่วนคดีสำคัญ ที่ได้ร่วมคลี่คลาย คือ คดี แอมสรารัตน์ ฆ่าผู้อื่นฯ โดยใช้ไซยาไนด์ และ คดี กำนันนก ที่สารวัตรทางหลวงถูกยิงเสียชีวิต ณ ที่ทำการกำนัน กลางดึก คืนวันที่ 3 ก.ย. ปี 66

ยังมีอีกคนที่ ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อฯ ไม่น้อยไปกว่ากัน คือ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ซึ่งได้ร่วมคลี่คลาย คดีดัง อย่าง คดีแอม สรารัตน์ และร่วมสืบสวนสอบสวนในคดี กำนันนก ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ตำรวจอีก 5 นาย ต่างก็เป็นตำรวจผู้ที่ทำงานใกล้ชิด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มาโดยตลอดเช่นกัน ประกอบด้วย พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ , พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ (ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 177 /2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67) ,พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร ,ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว (ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178 /2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.67) และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์

เปิดหนังสือตั้งคณะกก.สอบสวน แจงเอี่ยวเครือข่ายพนันฯ

สืบเนื่องจาก ตำรวจทั้ง 8 นาย ถูกสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 93/2567 ลงวันที่ 15 ก.พ. 2567 โดยปรากฎผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ว่า

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทค โนโลยีสารสนเทศ ตร. ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ดำเนินคดีกับบุคคลเครือข่าย หุ้นส่วน นายทุน เจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งตรวจสอบพบการกระทำความผิด มีการเปิดบริการให้เล่นพนันออนไลน์ สล็อต บาคาร่า คาสิโนออนไลน์ เกมส์พนันออนไลน์อื่น ๆ

จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบาย ล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วตามคดีอาญาที่ 468/2566 ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ

พ.ต.อ.ภาคภูมิ  พิศมัย

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

ต่อมา เมื่อวันที่ 22 ก.ย.66 ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการตำรวจทั้ง 8 นาย ดังกล่าว จากการตรวจสอบข้อมูลที่ตรวจยึดได้พบบันทึกสรุปยอดบันทึกว่า "จ่ายตำรวจ" พร้อมระบุ จำนวนเงินและข้อมูลของ น.ส.ธันยนันท์ หรือมินนี่ ผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ออนไลน์ พบว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โดยมีหลักฐานที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ให้ น.ส.ธันยนันท์ โอนเงินค่าตำรวจ โดยวิธีการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้รับฝากของธนาคารต่าง ๆ เพื่อปกปิดอำพรางการได้มา

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ส่งเลขบัญชีธนาคารและภาพหน้าสมุดธนาคารไปยัง น.ส.ธันยนันท์ เพื่อให้ดำเนินการนำเงินสดไปฝากเข้าตู้เอทีเอ็ม เข้าบัญชีของนายกิตติชัช และนายพุฒิพงษ์

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า เงินค่าตำรวจ ซึ่งเข้าไปในบัญชี นายกิตติชัช มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงมีการทำธุรกรรมรับโอนเงินและโอนเงินเข้าไป ในบัญชีธนาคาร นายพุฒิพงษ์ , นายครรชิต, นายวราวุฒิ, และน.ส.พิมพิลาศ ซึ่งเป็นบัญชีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นผู้ถือและใช้บัญชี และได้มีการโอนเงินและรับโอนเงินผ่านบัญชีดังกล่าวไปยัง พล.ต.ต.นำเกียรติ , พ.ต.อ.เขมรินทร์, พ.ต.อ.อาริศ, พ.ต.ต. ชานนท์, ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ และ ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นการโอนเงินและรับโอนเงินจากบัญชีม้า ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดการพนันออนไลน์ และน่าเชื่อว่า มีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าตำรวจดังกล่าว

พล.ต.ต.นำเกียรติ  ธีระโรจนพงษ์

พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์

เหตุเกิดในห้วงปี พ.ศ.2565 - 2566 กรณีจึงมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงอาศัยอำนาจตามความในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 105 มาตรา 119 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2567 จึงแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา ในเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ เป็นประธานกรรมการ

เหตุ"ให้ออก"ต้องคดีอาญาร้ายแรง -ข่มขู่พนักงานอัยการ

ในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 437/2567 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2567 ให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน ได้ระบุ เหตุผลให้พักราชการได้ตามกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3 (1 ) คือ ถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา โดยผู้กระทำความผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดทางอาญาเสียเอง ซึ่งเป็นคดีสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบกับปรากฏข้อเท็จจริงตามเอกสารข่าว

สาระสำคัญอีกตอนหนึ่งที่ถูกหยิบยกไว้ในหนังสือคำสั่งฯ คือ พฤติกรรมขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ว่าด้วย ...

สำนักงานอัยการสูงสุด ลงวันที่ 19 ก.พ.67 ว่า มีพฤติการณ์การกระทำในเชิงคุกคามข่มขู่พนักงานอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ และขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งจแห่งชาติอย่างร้ายแรง

ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ ประกอบกับการสอบสวนพิจารณาในเรื่องนี้มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน และมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดเป็นเครือข่ายจำนวนมากพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่ง พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่า ด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจาก ราชการไว้ก่อน พ.ศ.67 ข้อ 5 จึงให้ พล.ต.ต.นำเกียรติ กับพวกรวม 8 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป

อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่ข้าราชการตำรวจะถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งเป็นคดีเว็บพนันออนไลน์ พร้อม พ.ร.บ.การฟอกเงิน แบบยกก๊วน ยกกลุ่ม ในลักษณะนี้

ขณะที่ หลายภาคส่วนพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปตำรวจ เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชน แต่เหมือนว่า อุปสรรคสำคัญ คือ ข้าราชการตำรวจเสียเอง แม้จะเป็นบางคน บางกลุ่ม แม้จะพูดได้ว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ... แต่เพียงแค่นั้นก็ ลดทอนความเชื่อมั่น ศรัทธา จากประชาชนไปมากแล้ว

เวลาที่เหลืออยู่ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อาจจะไม่ทันกอบกู้วิกฤตศรัทธา คงต้องลุ้นว่า ผบ.ตร.คนต่อไป จะทำได้หรือไม่

“แล้วประชาชนต้องให้โอกาสครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไปจนถึงอีกเมื่อไร”


รายงานโดย: กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยพีบีเอส

อ่านข่าว

ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 8 ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" สอบวินัยคดีเว็บพนัน

รวบหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย เก็บส่วยรถบรรทุก พบโยงบัญชีม้า

อัปยศ! ศาลฯ รับฟ้องอดีต ขรก.ระดับสูง เอี่ยวช่วยคดี "บอส อยู่วิทยา"


เร่งคลายปมพบศพ "นักท่องเที่ยวรัสเซีย" ในคูน้ำริมหาดกะรน

Wed, 4 Sep 2024 12:36:22

วันที่ 3 ก.ย.2567 ตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจ สภ.กะรน เข้าตรวจสอบบริเวณคูน้ำหน้าชายหาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต หลังได้รับแจ้งพบศพนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอยู่ในคูน้ำ และมีทางมะพร้าวปิดคลุมศพ สภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงสีน้ำเงิน

การสอบเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตเป็นชาวรัสเซีย บริเวณข้อมือทั้ง 2 ข้าง ถูกของมีคมกรีดลึก กกหูขวามีร่องรอยคล้ายถูกทุบด้วยของแข็ง และเป็นแผลฉกรรจ์ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำ 8 ชั่วโมง โดยส่งศพผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

ตำรวจให้ข้อมูลว่า ที่จุดเกิดเหตุยังพบกระเป๋าสีดำ ภายในมีหนังสือเดินทาง 2 เล่ม และ 1 ใน 2 เล่ม ระบุชื่อชายสัญชาติรัสเซีย คาดว่าเป็นผู้เสียชีวิต โดยเดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นกรณีพิเศษ 90 วัน ไม่ระบุที่พัก มีภรรยาและลูกเดินทางมาด้วย ซึ่งทั้งคู่หายตัวไป

ทั้งนี้ แนวทางการสอบสวน เบื้องต้นยังไม่ได้ชี้ชัดถึงประเด็นการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวว่าเป็นการฆ่าตัวเอง หรือฆาตกรรม ต้องรอให้ชุดคลี่คลายคดีวางแนวทางการสอบสวน รวมถึงตามหาตัวภรรยาและลูกของผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำก่อน

อ่านข่าว : ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร สั่งสอบปมห้องขังใช้มือถือได้-ฟรีไวไฟ 

ศาลยกฟ้อง "คดีเดวิด" ทำร้าย "หมอปาย" ริมหาดยามู 

จับ 2 เมียนมา ลอบขายน้ำตาลเมา ย่านบางบอน 


"นักกีฬาคนตาบอด" ร้องตรวจสอบโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล

Wed, 4 Sep 2024 12:33:00

วันนี้ (4 ก.ย.2567) กลุ่มนักกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย กว่า 100 คน รวมตัวกัน พร้อมนำหลักฐาน เข้ายื่นเรื่องขอความเป็นธรรม กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล จากสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายอำนวย (สงวนนามสกุล) เป็นนายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย โดยสมาคมฯ ได้รับการจัดสรรโควตา จำนวน 2,647 เล่ม แต่ผู้ที่มีสิทธิ์กลับไม่ได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาล

จึงทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า การจัดสรรโควตา สลากกินแบ่งรัฐบาล อาจมีบางกลุ่มทำหน้าที่เป็นนอมินี สวมสิทธิ์ในการนำสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปจำหน่ายต่อ จึงทำให้สมาชิกของสมาคมฯ ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ จึงต้องการให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของนายอำนวย ได้มาถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากความผิดปกติว่า แต่ละเดือนมีเงินเข้าบัญชีนายอำนวย เดือนละประมาณ 20 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบย้อนหลังในช่วงปีที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชี กว่า 200 ล้านบาท

หนึ่งในสมาชิกผู้มีสิทธิ์รับสลากกินแบ่งรัฐบาลตามโควตา และเป็นนักกีฬากรีฑาคนพิการทีมชาติไทย ยืนยันว่า ตั้งแต่ติดทีมชาติไทยและเข้าร่วมการแข่งขันในนามทีมงานมาประมาณ 9 ปี ไม่เคยได้รับสิทธิ์โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลเลยสักครั้ง เพราะหวังเพียงว่าหากได้รับสลากไปจำหน่าย ในช่วงที่ไม่ได้ทำการแข่งขัน หรือไม่ได้เป็นนักกีฬาแล้ว น่าจะสามารถสร้างรายประทังชีวิตยามยากลำบากได้

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เป็นตัวแทนของ กลุ่มสมาชิกนักกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย หลังได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยบางส่วน และให้ประสานนำเรื่องส่งให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบ ในการยื่นหนังสือ โดยมีนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับหนังสือ เบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหลักฐานไปตรวจสอบ และพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก

อ่านข่าว : ไฟเขียว "หวยเกษียณ" ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกิน 3,000 บาท/เดือน  

70 ได้ลุ้น! กอช.เล็งชง ครม.ชุดใหม่ขยายอายุซื้อ "หวยเกษียณ" 

ก.คลัง ชง ครม.เคาะ "หวยเกษียณ" 2 ก.ค.นี้ 

 

 

 

 


ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร สั่งสอบปมห้องขังใช้มือถือได้-ฟรีไวไฟ

Wed, 4 Sep 2024 11:14:10

จากกรณีกัน จอมพลัง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผู้ถูกคุมขังคุณธรรมสูง รีวิวตรงจากห้องขังโรงพักแห่งหนึ่ง จ.สมุทรสาคร พร้อมส่งภาพมาให้ผม อ้างรับไม่ได้ห้องขังอยู่สบายเหมือนบังกะโล มีบริการปูที่นอนพร้อมผ้าห่ม

ผู้ถูกคุมขัง อ้างว่า ตนเองถูกจับตามหมายเก่า เมื่อมาถึงห้องขังมีบริการทุกอย่าง โดยต้องเสียค่าใช้จ่าย 100 บาทเพื่อให้ใช้โทรศัพท์ได้, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ห่อ พร้อมกระติกน้ำร้อนส่งถึงห้องขัง ราคา 100 บาท, บริการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือชั่วโมงละ 30 บาท และมีไวไฟฟรี ซึ่งจะเรียกคืนโทรศัพท์ในช่วงเวลา 07.00 น.

ทั้งนี้ นายกัน จอมพลัง ตั้งคำถามถึงการให้บริการผู้คุมขังดังกล่าวได้หรือไม่ โดยส่งข้อมูลให้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ล่าสุด พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อออนไลน์กรณีมีผู้ส่งภาพอ้างเป็นภาพจากห้องขังโรงพักแห่งหนึ่ง จ.สมุทรสาคร และในช่วงท้ายระบุเป็นภาพที่ถ่ายมาจากห้องขัง สภ.เมืองสมุทรสาคร จึงขอให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบเรื่องนี้นั้น

เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจเรื่องดังกล่าว จึงแต่งตั้งให้ พ.ต.ท.พิบูลย์ ธนิตกุล ประธานกรรมการ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร, พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ กรรมการ สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองสมุทรสาคร และ ร.ต.อ.วีรลักษณ์ ควรชม กรรมการและเลขานุการ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ขณะนี้ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อนว่าภาพที่ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์นั้น เป็นภาพที่เกิดขึ้นในช่วงวัน เวลาใด


อ้างรอหมอนาน! พกมีดอาละวาด รพ. เดินกลางตลาด

Tue, 3 Sep 2024 17:13:00

วันนี้ (3 ก.ย.2567) ตำรวจ สภ.เมืองตราด ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอให้ประชาชนหาพื้นที่หลบซ่อนตัว เพื่อป้องกันอันตราย หลังชายชาวกัมพูชา อายุ 43 ปี เดินอาละวาดและถืออาวุธมีด เข้าไปภายในตลาดสดเทศบาลเมืองตราด สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่ชายชาวกัมพูชา จนล้มลงกับพื้น และเข้าไปควบคุมตัวไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา

ชาวบ้านเล่าเหตุการณ์ในโรงพยาบาล เหตุชายพกมีดอาละวาด

ชาวบ้านเล่าเหตุการณ์ในโรงพยาบาล เหตุชายพกมีดอาละวาด

ก่อนเกิดเหตุ ชายชาวกัมพูชาคนดังกล่าว เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ใน จ.ตราด ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พบเห็นอาวุธมีด ได้เข้าไปพูดคุยว่า ไม่ให้นำอาวุธมีดเข้าไปในโรงพยาบาล แต่ชายชาวกัมพูชา อ้างว่า เพิ่งซื้อมีดมาจากตลาด ไม่ได้นำมาทำร้ายใคร

แต่ระหว่างที่นั่งรอพบแพทย์ ชายชาวกัมพูชาลุกขึ้นมา พร้อมกับใช้อาวุธมีด เข้า ไปทำลายบริเวณประตูห้องตรวจ และข้าวของภายในโรงพยาบาล เนื่องจากไม่พอใจที่รอแพทย์นาน จนสร้างความตกใจ และหวาดกลัวให้กับประชาชนที่มารอรับบริการภายในโรงพยาบาล ก่อนจะเดินออกไปจากโรงพยาบาล และเดินเข้าไปในตลาด ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล

อาวุธมีดที่ชายชาวกัมพูชาพกเข้าไปในโรงพยาบาล และพังประตูอ้างรอหมอนาน

อาวุธมีดที่ชายชาวกัมพูชาพกเข้าไปในโรงพยาบาล และพังประตูอ้างรอหมอนาน

เขานั่งหน้าห้อง ขอพบหมอ แต่พยาบาลบอกว่าไม่ได้ เพราะเขาพกมีดใส่ถึงมา จึงเตือนว่าไม่ให้พกมีดเข้า จากนั้นเห็นเอามีดฟาดประตูห้องเลย  

หลังเหตุการณ์คลี่คลาย ตำรวจ สภ.เมืองตราด ลงพื้นที่พูดคุย สร้างความเข้าใจ และให้คำแนะนำวิธีการรับมือเหตุฉุกเฉินเบื้องต้นให้กับพ่อค้า-แม่ค้า ภายในตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ 

อาวุธมีดที่ชายชาวกัมพูชาพกเข้าไปในโรงพยาบาล และพังประตูอ้างรอหมอนาน

อาวุธมีดที่ชายชาวกัมพูชาพกเข้าไปในโรงพยาบาล และพังประตูอ้างรอหมอนาน

 


ศาลยกฟ้อง "คดีเดวิด" ทำร้าย "หมอปาย" ริมหาดยามู

Tue, 3 Sep 2024 14:32:00

วันนี้ (3 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง คดี "เดวิด" สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของวิลลาหรูใน จ.ภูเก็ต ทำร้ายร่างกาย พญ.ธารดาว หรือหมอปาย ด้วยการเตะเข้าบริเวณหลัง ขณะนั่งบริเวณบันไดหน้าวิลล่าหรู ริมชายหาดยามู เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

ล่าสุด ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คดีดัง ฝรั่งเตะหมอที่ภูเก็ตศาลพิพากษา ยกฟ้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พร้อมระบุว่า สำนวนมันคืออ่อน 

อ่านข่าว สอบปากคำ "แพทย์หญิง" ร้องถูกต่างชาติทำร้ายขณะนั่งที่บันไดวิลลาริมหาด

พ่อหมอปาย ไม่ขอแสดงความเห็น

นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของแพทย์หญิงธารดาว ยอมรับว่า ตนเองและลูกค่อนข้างเครียด แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาล ได้คุยกับลูก รวมทั้งทีมทนายความ จะขอคัดสำเนาคพิพากษามาพิจารณาร่วมกัน หลังจากนั้นจะนำมาหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกดีใจที่ชาวภูเก็ตให้กำลังใจ และให้ความสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการช่วยสร้างความตื่นตัวรักในความเป็นท้องกันมากขึ้น

นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของแพทย์หญิงธารดาว

นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของแพทย์หญิงธารดาว

สำหรับคดีดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพญ.ธารดาว หรือ หมอปาย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายเดวิด ข้อหาทำร้ายร่างกาย จนเกิดกระแสการขับไล่นายเดวิด ออกจากพื้นที่ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ทำหนังสือถึง ตม. ขอให้พิจารณาดำเนินการเพิกถอนวีซาของนายเดวิด 

อ่านข่าว ดีเอสไอตรวจสอบเอกสารสิทธิ "วิลลาหรู" หาดยามู - รับเป็นคดีพิเศษ

โดยจากการชี้แนวเขตคือ "บันได" มีเพียงบันไดขั้นที่ 1 ซึ่งอยู่บนสุดที่อยู่ในแนวเขตของโครงการ ส่วนบันไดขั้นที่ 2-ขั้นที่ 4 ซึ่งติดกับพื้นทราย เป็นการรุกล้ำที่สาธารณะ นายอำเภอถลางจึงสั่งให้นายกเทศมนตรีฯ แจ้งความคดีบุกรุก และสั่งรื้อถอนขั้นบันไดที่รุกล้ำต่อไป

เดวิด และภรรยา

เดวิด และภรรยา

นอกจากนี้นำมาสู่การตรวจสอบเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.โครงการวิลลาหรู บริเวณหาดยามู จ.ภูเก็ต พร้อมตรวจสอบหลักฐานแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ แสดงให้เห็นถึงสภาพพื้นที่แหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วย

อ่านข่าว นายอำเภอถลางชี้ "หาดยามู" พท.สาธารณะ - พญ.ยันเอาเรื่องถึงที่สุด

 


รวบหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย เก็บส่วยรถบรรทุก พบโยงบัญชีม้า

Tue, 3 Sep 2024 13:21:00

วันนี้ (3 ก.ย.2567) เจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.พร้อมด้วย ตำรวจสอบสวนกลาง ควบคุมตัว นายนพดล นายช่างกลอาวุโส กรมทางหลวง หรือหัวหน้าด่านชั่งน้ำหนัก หลังเข้าตรวจสอบสถานีตรวจสอบน้ำหนัก วังน้อย บริเวณฝั่งขาออก ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ ว่านายนพดล หัวหน้าชุด กับพวก มีการทุจริตเรียกรับสินบนกับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกิน

หลังศาลออกหมายจับ ตำรวจภูธรภาค 5 เข้าควบคุมตัวนายนพดล ภายในบ้านพัก ขณะเดินเล่นในสวน พบในตัวมีเงินสด จำนวน 40,000 บาท

ส่วนการตรวจค้น นายนพดลได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในห้องทำงาน สถานีตรวจสอบน้ำหนักวังน้อย และห้องพักชั่วคราว ได้ยึดหลักฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ปืน 2 กระบอก สมุดจดรายการต่างๆ และเครื่องชั่งน้ำหนักที่มีการบันทึกข้อมูล กลับไปตรวจสอบ ซึ่งนายนพดลกล่าวสั้นๆ ปฏิเสธเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์

ทั้งนี้ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจท้องที่ สืบสวนสอบสวน มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566 กระทั่งมีพยานหลักฐานยืนยันพฤติกรรม จนศาลออกหมายจับให้ รวม 3 คน ในจำนวนนี้ มีพลเรือน 1 คน เป็นคดีให้การสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างรวบหลักฐาน แต่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบความเชื่อมโยงกับบัญชีม้า และผู้ประกอบการรถบรรทุก มีการโอนเงินจากผู้ประการรถบรรทุกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าบัญชีม้า และเชื่อมโยงไปถึงนายนพดล เดือนละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ตรวจสอบย้อนหลัง 4 ปี พบมีเงินหมุนเวียนสำหรับเครือข่ายนี้ ประมาณ 200 ล้านบาท

ส่วนพฤติการณ์ของนายนพดล เมื่อตรวจพบรถบรรทุกน้ำหนักเกินจะทำทีพูดคุยเรียกรับเงินหน้าด่าน ครั้งละ 100,000 บาท จากนั้นจะตกลงจ่ายเป็นรายเดือนต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบน้ำหนัก ส่วนที่ด่านตรวจชั่งน้ำหนักวังน้อย มีการนำแบริเออร์ปิดเส้นทางเข้าด่านและอ้างว่าอยู่ระหว่างซ่อมแซมถนน ทำให้รถบรรทุกที่วิ่งสัญจรผ่านเส้นนี้ไม่ต้องเข้าด่าน จึงทำเป็นข้อสังเกตว่าในการปฏิบัติงานมีความผิดปกติหรือไม่

หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และได้เปิดแบริเออร์บนถนนออก และสุ่มเรียกตรวจรถบรรทุกที่ขับผ่านมากกว่า 2 คัน แต่ยังไม่พบรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน

สำหรับคดีนี้ ในช่วงกลางปี 2566 กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุก ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็ก ที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง รวมตัวกันร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกเจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงิน เพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี แบบรายเดือน ซึ่งมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาทต่อเดือน

นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เปิดเผยว่า มีข้อมูลจากผู้ประกอบรถบรรทุก และบริษัทขนส่ง ทั้งชาวไทยและต่างชาติ สะท้อนปัญหาว่ามีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแลกกับการบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งมองว่าสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ยินยอมจ่ายเสียเปรียบในด้านความเสมอภาคในการแข่งขันทางธุรกิจ

ป.ป.ท.จึงรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปราบปรามขบวนการการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น

นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่จับได้ในวันนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มที่พบการกระทำความผิด ยังมีอีก 6 ชุด ที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ว่าแต่ละชุดมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันหรือไม่ และจะขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีตำแหน่งสูงกว่า หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทบทวน ด้านวินัย

นอกจากนี้ที่ผ่านมายังได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อีกว่า จากการเฝ้าติดตามด่านตรวจวัดน้ำหนักของกรมทางหลวง มีความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ เป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ จึงเตรียมหารือ กระทรวงคมนาคม และกรมทางหลวงแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วย

ด้าน ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา โฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้สั่งปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบรรทุกน้ำหนักเกิน ในรอบปีที่ผ่านมาไปแล้วกว่า 2,000 ครั้ง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบของกรมทางหลวง แต่เกิดจากเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย ปรับเปลี่ยนวิธีที่จะเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยอำนาจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยปราบปราม หลังจากนี้จะมีการพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ตรวจวัดโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลเข้ามาใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ในอนาคต

โดยภายในงานแถลงข่าว ได้สอบถามกับรองอธิบดีกรมทางหลวงซึ่งมาร่วมแถลงข่าว ถึงประเด็นข้อสงสัยที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบด่านชั่งน้ำหนักที่อำเภอวังน้อย ได้ปิดระบบการตรวจวัดชั่งน้ำหนักและนำแบริเออร์มากั้นพื้นที่เอาไว้ด้วยสาเหตุใด ซึ่งให้เหตุผลว่าบริเวณตรวจวัดชั่งน้ำหนักมีการเทพื้นคอนกรีต จึงไม่สามารถเปิดด่านตรวจตาชั่งน้ำหนักได้ ส่วนกรณีการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดน้ำหนักแบบพกพา ขณะนี้ได้สั่งยุติการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวชั่วคราว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อน

อ่านข่าว :

จับ 2 เมียนมา ลอบขายน้ำตาลเมา ย่านบางบอน

ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 8 ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" สอบวินัยคดีเว็บพนัน

จับเครือข่ายยาเสพติด ยึดเฮโรอีน 90 กก.ขนจากภาคเหนือ พักนนทบุรี


จับ 2 เมียนมา ลอบขายน้ำตาลเมา ย่านบางบอน

Tue, 3 Sep 2024 06:18:33

เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.2567) เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.บางขุนเทียน พร้อมด้วย เจ้าพนักงานสรรพสามิต ร่วมกันจับกุมตัว นายธงเยทู ยาพิว, นายธน คังนาย ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าว ประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต

พร้อมยึดของกลางเป็นน้ำตาลเมา 200 ลิตร บรรจุในถังพลาสติกสีฟ้าขนาด 216 ลิตร จำนวน 1 ถัง และ น้ำตาลเมาปริมาณ 140 ลิตร บรรจุอยู่ในถังพลาสติกสีฟ้าขนาด 152 ลิตร จำนวน 1 ถัง โดยจับกุมได้ที่ ร้านค้าไม่มีชื่อ ภายในซอยเอกชัย 64/7 แขวงบางพราน เขตบางบอน กทม.

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ได้รับการแจ้งจากสายลับว่า มีบุคคลสัญชาติเมียนมา 2 คน เปิดร้านขายน้ำตาลเมาโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อไปตรวจสอบพบร้านดังกล่าวเป็นเพิงชั้นเดียวเปิดร้านขายน้ำตาลเมาโดยเฉพาะ มีโต๊ะ เก้าอี้ให้ลูกค้านั่งดื่ม ภายในร้านพบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลางจึงทำการจับกุมและตรวจยึดของกลางไว้

จากการสอบสวนผู้ต้องหา 2 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายเอ สัญชาติเมียนมา ให้ขายน้ำตาลเมาดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างวันละ 400 บ. ส่วนเรื่องที่นายเอไปรับน้ำตาลเมาจากที่ใดนั้นตัวเองไม่ทราบ โดยวิธีการขายคือจะนำน้ำตาลเมาจากในถังมาบรรจุขวด ขวดละ 1 ลิตร ขายขวดละ 100 บ.

เบื้องต้น ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดี และทำการขยายผลการจับกุมถึงนายเอผู้ว่าจ้างมาดำเนินคดี รวมถึงตรวจหาสารภายในน้ำตาลเมาดังกล่าวว่ามีวัตถุใดเจือปนอยู่บ้าง

อ่านข่าว : คุมตัวเจ้าของ รง.ผลิตเหล้าเถื่อน ฝากขังศาลอาญามีนบุรี   

เปิดผลตรวจค่า "เมทานอล" เหล้าเถื่อนจาก 6 เขต พบเกินมาตรฐาน 5 จุด  

1 สัปดาห์คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนพุ่ง 43 คนตาย 6